สเปอร์ส 0-2 เชลซี : ชำแหละทุกประเด็นร้อนหลัง แลมพาร์ด คว่ำ มูรินโญ ในศึก พรีเมียร์ลีก

การแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ 2019/20 นัดที่ 18

วันอาทิตย์ที่ 23 ธันวาคม 2019

เวลาแข่งขัน 23.30 น. ตามเวลาประเทศไทย

ผลการแข่งขัน ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ 0-2 เชลซี

สนามท็อตแนม ฮอตสเปอร์ สเตเดี้ยม


6. คู่กลาง สเปอร์ส มิติเดียว

โชเซ มูรินโญ วางหมาก 4-2-3-1 โดยมี เอริค ดายเออร์ ประสานงานคู่กับ มุสซา ซิสโซโก้ ที่แดนกลางซึ่งกลายเป็นจุดอ่อนของ สเปอร์ส โดยเฉพาะในครึ่งแรก

เห็นได้ชัดว่า ไก่เดือยทอง มีปัญหาในการเซ็ตบอลจากแดนหลังรวมทั้งการพลิกบอลที่แดนกลางเมื่อทั้ง ซิสโซโก้ และ ดายเออร์ ไม่ใช่กองกลางประเภทขึ้นบอลให้กับเพื่อนร่วมทีมโดยเฉพาะในครึ่งแรก เกมรุกของ ไก่เดือยทอง จึงทำได้แค่อาศัยจังหวะฉาบฉวยและความสามารถเฉพาะตัวของบรรดาแนวรุกซึ่งถูกจำกัดพื้นที่โดย 3 ปราการหลังตัวกลางของ สิงห์บลู ยิ่งไปกว่านั้นความเชื่องช้าของ ดายเออร์ ยังถูกการโจมตีที่รวดเร็วของ สิงโตน้ำเงินคราม เผาเครื่องจนกลายเป็นจุดอ่อนของทีม

จ่ามู พยายามแก้เกมโดยการส่งเอา คริสเตียน เอริคเซน ลงมาแทนที่กองกลางทีมชาติ อังกฤษ ตั้งแต่หลังพักครึ่งทำให้รูปเกมดูดีขึ้นมาอยู่บ้างทว่าก็เจอกับจุดเปลี่ยนเมื่อ ซน ฮึง-มิน ถูกไล่ออกในนาทีที่ 60 ทำให้พวกเขาเหลือผู้เล่นเพียง 10 คน

5. ค่าโง่ ตี๋ซน

สตาร์ทีมชาติ เกาหลีใต้ ถูกตะเพิดออกจากสนามหลังจากการพิจารณาด้วย VAR แสดงให้เห็นชัดเจนว่าเจ้าตัวตบะแตกพยายามใช้เท้าดีดใส่ อันโตนิโอ รือดิเกอร์ จนผู้ตัดสินควักใบแดงไล่ออกจากสนาม นับเป็นบทเรียนสำหรับ ซน ที่การระบายอารมณ์ของเจ้าตัวส่งผลเสียจนทำให้ทีมไม่สามารถสร้างจุดเปลี่ยนได้ยามสกอร์ตามหลังคู่ต่อสู้ถึง 2 ประตูและจบเกมด้วยการเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในที่สุด

4. การเหยียดผิวที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นอีกต่อไป

น่าเสียดายที่เกมซึ่งได้อรรถรสอย่าง ลอนดอนดาร์บี้ คู่นี้ต้องมีเหตุการณ์ที่ไม่น่าอภิรมย์นักเมื่อมีแฟนบอลเจ้าถิ่นบางส่วนเหยียดผิวใส่ อันโตนิโอ รือดิเกอร์ แข้งของ สิงห์บลู จนโฆษกสนามต้องประกาศให้หยุดพฤติกรรมดังกล่าวถึง 3 ครั้ง

อย่างไรก็ตามทั้งทีมงานผู้ตัดสินรวมไปถึงตัวนักเตะเองก็สามารถอดทนรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าวได้อย่างยอดเยี่ยมจนไม่มีเหตุบานปลายแต่อย่างใด

3. สิงห์บลู วางหมากมาได้อย่างยอดเยี่ยม

เกมนี้ แฟรงค์ แลมพาร์ด มีการปรับเปลี่ยนแผนการยืนมาเล่นเป็น 3-4-3 จากที่เกมก่อน ๆ ใช้ระบบ 4-3-3 มาโดยตลอด ซึ่งนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ กุนซือซูเปอร์แฟรงค์ ทดลองใช้แผนการนี้ในการรับมือคู่แข่งที่มีเกมรุกอันดุดันและอันตราย ซึ่งผลที่ออกมาคือมันได้ผลอย่างยอดเยี่ยมในเกมวันนี้ ทั้งแผงหลัง 3 คน ที่แพ็คกันแน่นจนแนวรุก สเปอร์ส ขยับไปไหนแทบไม่ได้ วิงแบ็คทั้งสองฝั่งก็สามารถเติมเกมขึ้นสูงได้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องพะวงกับเกมรับมากเท่าใดนัก แถมกองหน้า 3 คน ที่วันนี้ดัน เมสัน เมานท์ ขึ้นไปเล่นเป็นปีก ก็ทำหน้าที่สร้างสรรค์เกมให้ทีมได้อย่างยอดเยี่ยมไร้ที่ติ สิ่งเหล่านี้เป็นที่มาของ 3 คะแนนสำคัญของ ทัพสิงห์บลู ในศึก ลอนดอนดาร์บี้ ค่ำคืนวันนี้ ซึ่งคนที่ต้องชื่นชมมากที่สุดก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ก็คงต้องเป็น ป๋าแลมพ์ กุนซือหนุ่มไฟแรงของ สิงโตน้ำเงินคราม นั่นเอง

2. วิลเลียน โชว์ฟอร์มเทพ

หากจะหาผู้เล่น MVP สักคนในเกมวันนี้ เชื่อว่าหลาย ๆ คนต้องยกให้กับ วิลเลียน ปีกชาวบราซิล ของ ทัพสิงห์บลู อย่างแน่นอน เพราะนอกจากความเฉียบขาดในการจบสกอร์จนเป็นที่มาของ 2 ประตูที่ทำได้ในวันนี้แล้วนั้น ตลอดทั้งเกมเจ้าตัวยังทั้งจ่ายบอลสวย ๆ วิ่งลงไปช่วยเกมรับ ไล่บอลในแดนกลาง จนเรียกได้ว่าทำแทบจะทุกอย่างในเกมวันนี้เลยทีเดียว

1. เกมรับที่แข็งแกร่งไร้ที่ติ

วันนี้ เชลซี ส่งเซ็นเตอร์แบ็คลงมาพร้อมกันทีเดียว 3 คน นั่นคือ เคิร์ท ซูมา อันโตนิโอ รือดิเกอร์ และ ฟิกาโย โทโมรี ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้กับแฟน ๆ สิงห์บลู หลายคนช่วงก่อนเกมจะเริ่มขึ้น แต่แล้วปรากฏว่า ทั้ง 3 คน ประสานงานกันได้อย่างยอดเยี่ยม สามารถหยุดแนวรุกที่ว่าอันตรายมากที่สุดทีมหนึ่งใน พรีเมียร์ลีก ได้อย่างอยู่หมัด ทั้ง แฮร์รี เคน ที่แทบไม่ได้บอลเลยตลอดทั้งเกม ทั้ง เดเล อัลลี ที่ไม่มีพื้นที่ให้สร้างสรรค์เกมเลยแม้แต่น้อย และที่สำคัญที่สุด คือ ซน ฮึง-มิน ที่เล่นไม่ออกจนควบคุมอารมณ์ไม่ได้ไปเล่นนอกเกมใส่ รือดิเกอร์ จนโดนใบแดงไล่ออกจากสนามไป ซึ่งไม่เพียงแต่ 3 เซ็นเตอร์อย่าง ซูมา รือดิเกอร์ และ โทโมรี เท่านั้น กัปตัน เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า และ มาร์กอส อลอนโซ เองก็ทำหน้าที่ในเกมรับได้อย่างแน่นอนลงตัว ส่วนผสมเหล่านี้เองที่ช่วยทีมเก็บคลีนชีทและคว้า 3 คะแนนในวันนี้มาได้สำเร็จ