ชำแหละทุกความเป็นไปหลัง ผีแดง บุกสอย เปแอสเช คาถิ่น

FBL-EUR-C1-PSG-MAN UTD
FBL-EUR-C1-PSG-MAN UTD | FRANCK FIFE/Getty Images

การแข่งขัน : ฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม
วันแข่งขัน : คืนวันอังคารที่ 20 ตุลาคม 2020
เวลาแข่งขัน : 02.00 น. ตามเวลาประเทศไทย
ผลการแข่งขัน : ปารีส แซงต์-แชร์กแมง 1-2 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
สนาม : ปาร์ค เดส์ แปรงซ์

ในวันที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ไร้เงาปราการหลังคีย์แมนอย่าง แฮร์รี แม็คไกวร์ และ เอริก ไบยี จากอาการบาดเจ็บ โอเล กุนนาร์ โซลชา จัดทัพโดยใช้ปราการหลังตัวกลาง 3 รายเพื่อรับมือกับแนวรุกระดับพระกาฬอย่าง เนย์มาร์, คิลิยัน เอ็มบัปเป้ และ อังเคล ดิ มาเรีย ด้วย อักเซล ทวนเซเบ้, วิคเตอร์ ลินเดเลิฟ และ ลุค ชอว์ โดยมี อารอน วาน-บิสซาก้า กับ อเล็กซ์ เตลเลส ขนาบข้าง

กลายเป็นเกมที่บรรดาแนวรับของ โซลชา ทำหน้าที่ได้อย่างมีวินัย สอดซ้อนประสานงานรับมือการโจมตีของเจ้าถิ่นได้เฉียบขาดโดยเฉพาะการเข้าสกัดในพื้นที่สุดท้าย

แม้จะมีเซอร์ไพรส์อยู่เล็กๆ เมื่อ โซลชา ตัดสินใจหั่นปราการหลังมากประสบการณ์อย่าง มาร์กอส โรโฮ และ ฟิล โจนส์ ออกจากทีมชุดลุยศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก โดยใส่ชื่อ 2 ดาวรุ่ง อักเซล ทวนเซเบ้ กับ ทิโมธี โฟซู-เมนซาห์

ว่ากันตามตรง แม้ โรโฮ กับ โจนส์ จะมีช่วงเวลาที่เลวร้ายอยู่บ่อยครั้ง แต่ด้วยชื่อชั้นและประสบการณ์ที่พวกเขามีอาจมีประโยชน์กับทีมมากกว่าเมื่อพวกเขาต้องการกำลังสำรองในแดนหลัง

ทว่า ทวนเซเบ้ ผู้ได้รับความไว้วางใจประจำการในบทบาทเซ็นเตอร์แบ็คฝั่งขวาเกมนี้พิสูจน์ตัวเองให้เห็นแล้วว่าเขาสามารถก้าวขึ้นมาแทนที่แข้งรุ่นพี่อย่างไม่เคอะเขิน โดยลูกหม้อ อสูรแดง พันธุ์แท้วัย 23 ปีสามารถรับมือกับทั้ง เอ็มบัปเป้ และ เนย์มาร์ ได้อย่างน่าประทับใจ แถมมีช็อตเตะตากับการวิ่งไล่กวดดักสกัดในพื้นที่อันตรายอย่างเด็ดขาด

นายใหญ่ชาว นอร์เวย์ เลือกส่ง เฟร็ด ลงจับคู่กับ สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ ที่แดนกลางเป็นปราการด่านแรกคอยหยุดเกมรุกของ เปแอสเช โดยมี บรูโน แฟร์นันด์ส รับบทบาทจอมทัพปั้นเกมรุกอยู่หลัง มาร์คัส แรชฟอร์ด และ อองโตนี มาร์กซิยาล ขณะที่ เนมานยา มาติช นั่งสแตนด์บายอยู่บนม้านั่งสำรอง

เป็นอีกครั้งที่การประสานงานระหว่าง เฟร็ด กับ แม็คโทมิเนย์ ทำได้อย่างลงตัวโดยเฉพาะเมื่อทีมตกเป็นฝ่ายตั้งรับ มิดฟิลด์ทีมชาติ สกอตแลนด์ วัย 23 ปีรับบทบาทผึ้งงานไล่บี้คอยตัดเกมที่แดนกลางอันเป็นงานถนัดของเจ้าตัว ขณะที่คู่หูชาว บราซิล โดดเด่นกับการเปลี่ยนจังหวะจากรับเป็นรุกอย่างรวดเร็ว

อเล็กซ์ เตลเลส เดบิวต์กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ด้วยการออกสตาร์ทประจำการในบทบาทวิงแบ็คฝั่งซ้ายโดยลอยเติมเกมขึ้นสูงจนกลายเป็นคีย์แมนในการเปิดเกมรุกจากริมเส้นฝั่งดังกล่าว

เตลเลส จบเกมด้วยสถิติการครอสบอลมากที่สุดในสนาม 8 ครั้ง เข้าเป้า 3 ครั้งเป็น 3 คีย์พาส โดยยังนับเป็นแข้งที่สามารถผ่านบอลให้เพื่อนสับไกมากครั้งที่สุดในเกมนี้อีกด้วยแม้เจ้าตัวจะใช้เวลาอยู่ในสนามเพียง 67 นาทีเท่านั้น

นอกเหนือจากตัวเลขสถิติ วิธีการเปิดบอลของแบ็คซ้าย บราซิเลียน ที่ทำให้บอลโค้งพุ่งแรงก่อนจะมุดลงอย่างรวดเร็วเป็นอีกหนึ่งในอาวุธเด็ดของ ปีศาจแดง ในเกมนี้

ให้หลังจากที่ เปแอสเช ตามตีเสมอได้ในนาทีที่ 55 ไม่กี่อึดใจหลังจากนั้น โซลชา ตัดสินใจส่ง ปอล ป็อกบา ลงเล่นแทนที่ เตลเลส พร้อมกับปรับรูปแบบการเล่นเป็นกองหลัง 4 ราย

การมีมิดฟิลด์ทีมชาติ ฝรั่งเศส ลงไปขับเคลื่อนเกมที่แดนกลางช่วยให้เข้าทำของทีมเยือนลื่นไหลมากขึ้นกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัดเมื่อมี ป็อกบา คอยเปิดป้อน พลิกบอลให้แนวรุกเข้าทำ

เจ้าตัวจบเกมด้วยการทำแอสซิสต์ไหลบอลให้ แรชฟอร์ด ซัดประตูชัยในช่วงท้ายเกม