เบิร์นลีย์ vs ลิเวอร์พูล : พรีวิว พรีเมียร์ลีก, วัน+เวลาการแข่งขัน, ถ่ายทอดสด


ข้อมูลการแข่งขัน



ความพร้อมทั้ง 2 ทีม


เบิร์นลีย์

แดนนี ดริงค์วอเตอร์ ประเดิมสนามให้กับ เดอะคลาเร็ตส์ ในเกม คาราบาวคัพ ที่พวกเขาปราชัยต่อ ซันเดอร์แลนด์ 3-1 เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมาโดยมี โจ ฮาร์ท เฝ้าเสาแต่คาดการณ์ว่าทั้ง 2 คนจะไม่ได้ลงเล่นในแมตช์ดวลกับ หงส์แดง อย่างแน่นอน

โยฮันน์ กุดมุนด์สสัน มีอาการบาดเจ็บที่น่องเล็กน้อยและไม่น่าจะสมบูรณ์พร้อมลงเล่นโดยมี อารอน เลนนอน กับ เจฟฟ์ เฮนดริค เป็นแคนดิเดทออกสตาร์ทแทนที่ นอกจากนั้นมีความเป็นไปได้สูงที่ ฌอน ไดช์​ จะยังใช้ผู้เล่น 11 ตัวจริงชุดเดิมจากเกมที่พวกเขาเสมอกับ วูล์ฟส เมื่อสุดสัปดาห์ก่อน

คาดการณ์ 11 ตัวจริง : 4-4-2

ผู้รักษาประตู โป๊ป
กองหลัง โลว์ตัน, ทาร์คอฟสกี้, มี, ปีเตอร์ส
กองกลาง เฮนดริค, คอร์ค, เวสต์วูด,​ แม็คนีล
กองหน้า บาร์นส, วูด

ลิเวอร์พูล

คาดการณ์ว่า โจ โกเมซ จะได้ลงสนามแทนที่ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ในตำแหน่งแบ็คขวาเพื่อรับมือกับลูกกลางอากาศของเจ้าบ้านเช่นเดียวกับ เจมส์ มิลเนอร์ ที่น่าจะออกสตาร์ทแทน จินี ไวนัลดุม เมื่อ เดอะคลาเร็ตส์ มีแดนกลางที่แข็งแกร่ง

หงส์แดง จะยังไร้ อลิสซอน เบ็คเกอร์ กับ นาธาเนียล ไคลน์ ที่เจ็บหนักและหมดสิทธิ์ลงสนามอย่างแน่นอน โดยที่ เดยัน ลอฟเรน กับ นาบี เกอิต้า มีสภาพร่างกายไม่สมบูรณ์ 100 เปอร์เซ็นต์

คาดการณ์ 11 ตัวจริง : 4-3-3

ผู้รักษาประตู อาเดรียน
กองหลัง โกเมซ, มาติป, ฟาน ไดค์, โรเบิร์ตสัน
กองกลาง มิลเนอร์, ฟาบินโญ, เฮนเดอร์สัน
กองหน้า ซาลาห์, ฟิร์มิโน, มาเน

ผลงาน 5 นัดหลังสุด


เบิร์นลีย์ (ชนะ 2 เสมอ 1 แพ้ 2)

29 สิงหาคม คาราบาวคัพ เบิร์นลีย์ 1 : 3 ซันเดอร์แลนด์ แพ้
25 สิงหาคม พรีเมียร์ลีก วูล์ฟส 1 : 1 เบิร์นลีย์ เสมอ
17 สิงหาคม พรีเมียร์ลีก อาร์เซนอล 2 : 1 เบิร์นลีย์ แพ้
10 สิงหาคม พรีเมียร์ลีก เบิร์นลีย์ 3 : 0 เซาแธมป์ตัน ชนะ
3 สิงหาคม กระชับมิตร เบิร์นลีย์ 2 : 0 ปาร์มา ชนะ

ลิเวอร์พูล (ชนะ 4 เสมอ 0 แพ้ 1)

​24 สิงหาคม ​พรีเมียร์ลีก ลิเวอร์พูล​ 3 : 1​ อาร์เซนอล​ ชนะ​
17 สิงหาคม พรีเมียร์ลีก เซาแธมป์ตัน 1 : 2 ลิเวอร์พูล ชนะ
15 สิงหาคม ซูเปอร์คัพ ลิเวอร์พูล 3 : 2(1 : 1) เชลซี ชนะ
10 สิงหาคม พรีเมียร์ลีก ลิเวอร์พูล 4 : 1 นอริช ชนะ
​4 สิงหาคม คอมมูนิตี้ชิลด์ ลิเวอร์พูล 1 : 2(1 : 1) แมนฯ ซิตี้ แพ้

เฮดทูเฮด (เบิร์นลีย์ ชนะ 0 เสมอ 1 ลิเวอร์พูล ชนะ 4)

10 มีนาคม 2019 พรีเมียร์ลีก ลิเวอร์พูล 4 : 2 เบิร์นลีย์
6 ธันวาคม 2018 พรีเมียร์ลีก เบิร์นลีย์ 1 : 3 ลิเวอร์พูล
1 มกราคม 2018 พรีเมียร์ลีก เบิร์นลีย์ 1 : 2 ลิเวอร์พูล
16 กันยายน 2017 พรีเมียร์ลีก ลิเวอร์พูล 1 : 1 เบิร์นลีย์
13 มีนาคม 2017 พรีเมียร์ลีก ลิเวอร์พูล 2 : 1 เบิร์นลีย์

สถิติจาก OPTA ที่น่าสนใจ


  • เบิร์นลีย์ มีสถิติปราชัยต่อ ลิเวอร์พูล บนเวที พรีเมียร์ลีก 8 นัดจากทั้งหมด 10 เกมหลังสุด (ชนะ 1 เสมอ 1 แพ้ 8) โดยชัยชนะนัดเดียวของพวกเขาเกิดขึ้นในเกมที่ เทิร์ฟ มัวร์ เมื่อเดือนสิงหาคม 2016

  • หงส์แดง สามารถบุกมายัดเยียดความปราชัยให้กับ เดอะคลาเร็ตส์ ที่ เทิร์ฟ มัวร์ ได้ 4 นัดจากทั้งหมด 5 เกมหลังสุด (ชนะ 4 เสมอ 0 แพ้ 1) โดยแมตช์ล่าสุดพวกเขาเก็บชัยชนะในเกมที่นี่ไปได้ด้วยสกอร์ 3-1 เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา

  • ลูกทีมของ ฌอน ไดช์ สามารถเก็บชัยชนะใน พรีเมียร์ลีก ได้เพียง 1 นัดจาก 7 เกมหลังสุดหลังจากที่พวกเขาชนะ 3 นัดติดต่อกันเมื่อเดือนมีนาคม-เมษายนที่ผ่านมา (ชนะ 1 เสมอ 2 แพ้ 4)

  • ทัพเร้ดแมชีน สามารถเข่นคู่แข่งลงได้ติดต่อกัน 12 นัดในลีกเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ตุลาคม 1990 ภายใต้การคุมทึมของ เคนนี ดัลกลิช อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่เคยชนะคู่แข่งได้ถึง 13 นัดติดต่อกันมาก่อนในประวัติศาสตร์

  • ลูกทีมของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ไร้พ่ายใน พรีเมียร์ลีก ติดต่อกัน 20 นัดจนถึงเวลานี้ (ชนะ 16 เสมอ 4 แพ้ 0) และเพิ่งจะพบกับความพ่ายแพ้แค่เพียง 1 นัดจาก 42 เกมหลังสุดในรายการนี้ (ชนะ 34 เสมอ 7 แพ้ 1) โดยเกมนัดกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมาซึ่งเป็นการปราชัยต่อ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-2

  • ลิเวอร์พูล จะกลายเป็นทีมในลึกสูงสุดของ อังกฤษ ลำดับที่ 6 ที่สามารถคว้าชัยใน 4 เกมแรกของนัดเปิดฤดูกาลสำเร็จต่อจาก นิวคาสเซิล (1994/95 และ 1995/96), อาร์เซนอล (2003/04 และ 2004/05), เชลซี (2004/05 กับ 2005/06, 2009/2010 และ 2010/11) และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (2015/16 และ 2016/17)

  • พลพรรคเร้ดแมชีน ไม่แพ้ในเกม พรีเมียร์ลีก ที่ลงเล่นในเดือนสิงหาคม 10 นัดจนถึงเวลานี้โดยเป็นการคว้าชัย 8 นัดหลังสุดติดต่อกัน (เสมอ 2) อย่างไรก็ตามทีมสุดท้ายที่สามารเข่น หงส์แดง ในเดือนสิงหาคมลงได้ก็คือ เบิร์นลีย์ เมื่อปี 2016

  • มีเพียง เซร์คิโอ อเกวโร (16 ประตู) และ ซาดิโอ มาเน (15 ประตู) เท่านั้นที่ยิงใน พรีเมียร์ลีก ปี 2019 มากกว่า แอชลีย์ บาร์นส (13 ประตู)

  • ประตูของ แอชลีย์ บาร์นส สัดส่วน 33 เปอร์เซ็นต์เป็นการยิงใส่ทีมบิ๊กซิกซ์ (12 จากทั้งหมด 36 ประตู) นอกจากนี้เจ้าตัวยังเป็นแข้งบน พรีเมียร์ลีก เพียง 1 ใน 5 นอกจาก ซาดิโอ มาเน, กิลฟี ซิเกิร์ดสสัน, เจมี วาร์ดี้ และ จินี ไวนัลดุม ที่สามารซัลโวใส่บิ๊กซิกซ์ได้ทุกทีมนับตั้งแต่การเดบิวต์บนลีกสูงสุดเมื่อสิงหาคม 2014

  • โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน ยิงใส่ เบิร์นลีย์ ใน พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลที่ผ่านมาทั้งเกมเหย้าและเกมเยือนเป็นจำนวนทั้งหมด 3 ประตู และเจ้าตัวยังคงรออีกเพียง 1 ประตูเท่านั้นก็จะกลายเป็นแข้ง บราซิเลียน คนแรกที่ซัดใน พรีเมียร์ลีก ได้แตะหลัก 50 ประตู

ตามคาด ! ยูฟ่า ประกาศผล นักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งทวีปยุโรป

ประกาศผลออกมาเรียบร้อยแล้ว สำหรับรางวัลนักฟุตบอลชายยอดเยี่ยมแห่งยุโรป หรือ ยูฟ่า POTY เมื่อคืนที่ผ่านมา โดยจะแบ่งเป็น 5 รางวัลหลัก ได้แก่ ผู้รักษาประตูยอดเยี่ยมแห่งปี กองหลังยอดเยี่ยมแห่งปี กองกลางยอดเยี่ยมแห่งปี กองหน้ายอดเยี่ยมแห่งปี และสุดท้าย รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งทวีปยุโรป ซึ่งไม่มีการพลิกโผแต่อย่างได เวอร์จิล ฟาน ไดค์จ คว้ารางวัลนี้ไปครองอย่างสมศักดิ์ศรี เฉือนชนะอันดับสอง ลิโอเนล เมสซี ไป 97 คะแนน

โดยผลการประกาศรางวัลต่าง ๆ มีดังนี้

1. ผู้รักษาประตูยอดเยี่ยมแห่งปี – อลิสซอน เบ็คเกอร์

อลิสซอน เบ็คเกอร์ : 334 คะแนน

มาร์ค-อังเดร แทร์ สเตเก้น : 136 คะแนน

อูโก้ ยอริส : 105 คะแนน

2. กองหลังยอดเยี่ยมแห่งปี – เวอร์จิล ฟาน ไดค์จ

เวอร์จิล ฟาน ไดค์จ : 349 คะแนน

มาต์ไตส์ เดอ ลิกท์ : 205 คะแนน

เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ : 29 คะแนน

3. กองกลางยอดเยี่ยมแห่งปี – เฟรนกี้ เดอ ยอง

เฟรนกี้ เดอ ยอง : 222 คะแนน

คริสเตียน เอริคเซน : 60 คะแนน

จอร์แดน เฮนเดอร์สัน : 59 คะแนน

4. กองหน้ายอดเยี่ยมแห่งปี – ลิโอเนล เมสซี

ลิโอเนล เมสซี : 285 คะแนน

ซาดิโอ มาเน : 105 คะแนน

คริสเตียโน โรนัลโด : 91 คะแนน

5. รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งทวีปยุโรป – เวอร์จิล ฟาน ไดค์จ

เวอร์จิล ฟาน ไดค์จ : 305 คะแนน

ลิโอเนล เมสซี : 207 คะแนน

คริสเตียโน โรนัลโด : 74 คะแนน

สิงห์บลู ว่าไง !? เผย บากาโยโก้ วอนท์กลับ เอซี มิลาน

ติมูเอ บากาโยโก้ กองกลาง เชลซี ทีมดังแห่งศึก พรีเมียร์ลีก ต้องการที่จะย้ายกลับไปร่วมทีม เอซี มิลาน อีกครั้งในฤดูกาลนี้ตามรายงานของ เดอะ ซัน 

โดย บากาโยโก้ ก็ได้ออกไปยืมตัวในถิ่น ซานซิโร เมื่อฤดูกาลก่อน แต่สุดท้ายก็เป็นทีมยักษ์หลับจาก เซเรีย อา ที่ไม่ใช้เงื่อนไขในการซื้อตัวถาวร

จากเรื่องนี้จึงทำให้นักเตะชาวฝรั่งเศสต้องกลับมาที่ สแตมฟอร์ดบริดจ์ ก่อน แต่สุดท้ายแล้วเขาเองก็ไม่ได้อยู่ในแผนการทำทีมของ แฟรงก์ แลมพาร์ด ในซีซั่นนี้แต่อย่างใด ซึ่งในตอนแรกแข้งวัย 25 เองก็ตกเป็นข่าวอย่างหนักว่าจะกลับไปยัง โมนาโก ที่มดังใน ฝรั่งเศส ที่ปลุกปั้นเขาขึ้นมาจนโด่งดังนั่นเอง

อย่างไรก็ตามจากรายงานก็ระบุว่า บากาโยโก้ อยากกลับไป เอซี มิลาน ในสัญญายืมตัวอีกหนึ่งฤดูกาลมากกว่า ซึ่งก็มีเวลาที่จะทำดีลให้ลุล่วงไม่มากนักเนื่องจากตลาดนักเตะของลีกยุโรปประเทศอื่นๆ จะปิดตัวลงในช่วงสิ้นเดือนนี้นั่นเอง

ไกลเกิน ! เมอร์ฟีย์ หยัน ปืนโต ต้องใช้กล้องดูดาวส่องหงส์ หลังจบซีซั่น

แดนนี เมอร์ฟีย์ อดีตนักเตะ ​ลิเวอร์พูล ได้ออกมาเหน็บ ​อาร์เซนอล คู่แข่งในศึก พรีเมียร์ลีก ว่าคงต้องใช้กล้องดูดาวส่องมองระยะห่างกับทีมเก่าของเขาในช่วงจบฤดูกาล

โดย ปืนโต เพิ่งแพ้ต่อ หงส์แดง ใน แอนฟิลด์ มาด้วยสกอร์ 3-1 ด้วยรูปเกมที่เป็นรองในทุกๆ ด้านนั่นเอง

“อาร์เซนอล คงต้องใช้กล้องดูดาวเพื่อส่องระยะห่างกับ ลิเวอร์พูล ในช่วงท้ายฤดูกาล” เมอร์ฟีย์ กล่าว “มันเป็นเหมือนการสู้กันของเด็กกับผู้ใหญ่ นี่คืองานที่ง่ายมากๆ และ ลิเวอร์พูล เองก็ยังไม่ได้ใส่เต็มด้วยซ้ำ”

“สำหรับครึ่งแรกในเกมนี้ ลิเวอร์พูล ก็เล่นได้ง่ายมากๆ กับการพาบอลเข้าสู้พื้นที่สุดท้ายของ อาร์เซนอล เพราะแท็คติกของ อูไน เอเมรี เอื้อให้ทำแบบนั้น อาร์เซนอล อาจจะมีเกมรับที่แข็งโป๊กในแผนแบบนี้แต่คุณก็ไม่สามารถที่จะใช้มันกับทีมระดับท็อปด้วยการให้พวกเขาขึ้นเกมง่ายขนาดนี้”

ตูญเญซ จุดโทษเซฟแต้ม , เดอเลย์เบิ้ล , แบงค็อกดับซ่าท่าเรือ ! สรุปผลไทยลีกนัดที่ 25

ผลการแข่งขันฟุตบอลไทยลีก นัดที่ 25 

​บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 1 – 1 สุโขทัย เอฟซี 

– ช้าง อารีน่า , บุรีรัมย์

0-1 เอียน แรมเซย์ (22′)   1-1 อันเดรส ตูญเญซ (จุดโทษ 90+4′)

แมน ออฟ เดอะ แมตซ์  :  ยานโต บาสนา (อินโดนีเซีย , สุโขทัย เอฟซี)

ตราด เอฟซี 0 – 0 พีทีที ระยอง 

– สนามกีฬากลางจังหวัดตราด , ตราด

แมน ออฟ เดอะ แมตซ์  :  พีระพงษ์ เรือนนินทร์ (ไทย , พีทีที ระยอง)

ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด 2 – 0 การท่าเรือ เอฟซี 

– สนามกีฬาธรรมศาสตร์ รังสิต , ปทุมธานี

1-0 ชนานันท์ ป้อมบุปผา (50′)    2-0 เอฟเวอร์ตัน (88′)

แมน ออฟ เดอะ แมตซ์  :  วานเดอร์ วุยซ์ (บราซิล , ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด) 

พีที ประจวบ 2 – 0 สมุทรปราการ ซิตี้ 

– สามอ่าม สเตเดี้ยม , ประจวบคีรีขันธ์

1-0 เมารินโญ่ (จุดโทษ 45′)    2-0 สิโรจน์ ฉัตรทอง (80′)

แมน ออฟ เดอะ แมตซ์  :  ขวัญชัย สุขล้อม (ไทย , พีที ประจวบ)

เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด 4 – 1 สุพรรณบุรี เอฟซี 

– เอสซีจี สเตเดี้ยม , นนทบุรี

1-0 ไดซูเกะ ซาโตะ (4′)    2-0 เดอเลย์ (34′)    2-1 เคลตัน ซิลวา (55′)    3-1 เดอเลย์ (75′)

4-1 สารัช อยู่เย็น (88′)

แมน ออฟ เดอะ แมตซ์  :  วันเดอเลย์ ดิอาส มารินโญ่ (บราซิล , เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด) 

ราชบุรี มิตรผล 2 – 1 ชัยนาท ฮอร์นบิล 

– มิตรผล สเตเดี้ยม , ราชบุรี

0-1 ริคาร์โด้ ซานโตส (จุดโทษ 47′)    1-1 ยานนิค โบลี (51′)    2-1 ยานนิค โบลี (81′)

แมน ออฟ เดอะ แมตซ์  :  ยานนิค โบลี (โกตดิวัวร์ , ราชบุรี มิตรผล) 

ชลบุรี เอฟซี 0 – 2 สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด 

– ชลบุรี สเตเดี้ยม , ชลบุรี

0-1 ศิวกรณ์ เตียตระกูล (25′)    0-2 บิล โรซิมาร์ (75′)

แมน ออฟ เดอะ แมตซ์  :  ศิวกรณ์ เตียตระกูล (ไทย , สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด)

เชียงใหม่ เอฟซี 5 – 1 นครราชสีมา มาสด้า 

– สิงห์ สเตเดี้ยม , เชียงราย

1-0 ณัฐวุฒิ สมบัติโยธา (8′)    2-0 เอลิอันโดร (24′)    2-1 ชิตชนก ไชยเสนสุรินธร (45′)

3-1 มุสตาฟา อาซัดซอย (62′)    4-1 เอลิอันโดร (80′)    5-1 ณัฐวุฒิ สมบัติโยธา (90+5′)

แมน ออฟ เดอะ แมตซ์  :  ณัฐวุฒิ สมบัติโยธา (ไทย , เชียงใหม่ เอฟซี)


เป็นเกมที่ เอสซีจี เมืองทอง เล่นได้อย่างเข้าฝักในหลายตำแหน่ง นักเตะหลายคนประสานงานร่วมกันได้ดี ทำให้สามารถเปิดบ้านไล่ถล่ม สุพรรณบุรี ไปถึง 4 ประตู

นักเตะอย่าง ศนุกรานต์ ถิ่นจอม มีจังหวะสอดขึ้นมาทำประตูหลายครั้ง และเป็นที่มาของประตูแรก ที่เขาสอดขึ้นมารับบอลจาก เฮเบอร์ตี้ ก่อนหลบผู้รักษาประตู และปล่อยให้ ไดซูเกะ ซาโตะ ได้วิ่งมายิงง่าย ๆ หรือจะเป็น เดอเลย์ ที่นัดนี้ทำไป 2 ประตู จากจังหวะโหม่งในลูกแรก และลูกที่สองที่เป็นการประสานงานของเขากับ บรูโน่ กัลโล ก่อนที่แข้งวัย 31 ปี จะยิงบอลเข้าไปเสืยบเสาสองอย่างสุดสวย รวมถึง สารัช อยู่เย็น ที่ทำไปได้หนึ่งประตูในเกมนี้ ในประตูปิดท้าย 4-1

3 คะแนน นัดนี้ ส่งเมืองทองเก็บเพิ่มเป็น 37 คะแนน รั้งอยู่ที่อันดับ 6 ขณะที่ทีมเยือน สุพรรณบุรี แพ้เป็นนัดที่สองติดต่อกัน หล่นไปอยู่อันดับสุดท้ายของตาราง มีเพียง 22 คะแนน

กลายเป็น ทรู แบงค็อก ที่เป็นฝ่ายดับฟอร์มอันร้อนแรงของ การท่าเรือ ไว้ได้ หลังจากที่ผันเปลี่ยนกุนซือมาเป็น โชคทวี พรหมรัตน์ และไม่แพ้ในเกมลีก 5 นัดก่อนหน้านี้

เกมนี้ทั้งสองทีมเล่นอย่างรัดกุม ไม่เปิดพื้นที่ให้อีกฝ่ายมากนัก การเข้าทำของทั้งสองทีมส่วนใหญ่เป็นการ สับไกยิงจากนอกกรอบ กระทั่งเกมมาปลดล็อคในต้นครึ่งหลัง วอนเดอร์ ลุยซ์ ขึ้นเกมมาฝั่งขวาถึงเส้นเขตโทษ ก่อนเปิดเข้าในให้ ชนานันท์ ป้อมบุปผา ได้ยิงเข้าไปง่าย ๆ 1-0 จากนั้นเป็นเกมที่เปิดแลกใส่กัน แข้งเทพ เกือบได้ประตูทิ้งห่างหลายครั้ง แต่ทีมเยือนก็บุกขึ้นมาน่ากลัวหลายครั้งเช่นกัน

กระทั่งเจ้าถิ่นมาได้ประตูย้ำชัยชนะในช่วงท้ายเกม จากจังหวะฟรีคิกฝั่งขวา และเป็น วานเดอร์ ลุยซ์ ได้เปิดบอลเข้ามา เป็น เอฟเวอร์ตัน แข้งร่วมชาติ ได้ทิ้งตัวโหม่งเช็ดบอลเข้าไป เป็นประตูปิดกล่อง 2-0

ช่วงทดเวลา การท่าเรือ มีโอกาสยิงประตูตีไข่แตก จากจังหวะที่ เซร์กิโอ ซัวเรส หยอดบอลให้ นูรูล ศรียานเก็ม ได้เทคตัวขึ้นโหม่ง ก่อนไปติดเซฟ ไมเคิล ฟาลเคสการ์ด จบเกมเป็น 3 คะแนน ของเจ้าถิ่น รักษาสถิติสุดข่มในการพบกับการท่าเรือไว้ได้ต่อไป โดยแข้งเทพไม่แพ้ในลีกต่อทีมย่านคลองมากว่า 10 นัดติดต่อกัน

3 คะแนน นัดนี้ส่งแข้งเทพ มีเพิ่มเป็น 41 คะแนน รั้งอันดับ 4 ขณะที่ การท่าเรือ หยุดอยู่ที่ 43 คะแนน รั้งอันดับ 3


credit ภาพ  :  เพจ BURIRUM UNITED 

จากเกมที่ไล่ถล่ม ราชบุรี 6-0 เมื่อสัปดาห์ก่อน ทัพปราสาทสายฟ้า ก็ต้องพบกับเกมที่ยากลำบอกอีกครั้ง เมื่อต้องรับมือกับ ทัพค้างคาวไฟ โฉมใหม่โดย โค๊ชเบ้ จนเกือบจะพังคาบ้าน เป็นครั้งแรกของฤดูกาล ก่อนได้จุดโทษทดเจ็บของ อันเดรส ตูญเญซ เซฟแต้มล้ำค่าเอาไว้ได้

เป็นเกมที่แสนอึดอัดของเจ้าถิ่น เมื่อพวกเขาแทบไม่มีจังหวะได้เข้าทำง่าย ๆ ทีมเยือนวางหมากในการรับมือเกมรุกอันรวดเร็วของเจ้าถิ่นได้เป็นอย่างดี เกมยิ่งมาเข้าทาง สุโขทัย เมื่อพวกเขาได้ประตูออกนำก่อน จากจังหวะที่ จอห์น บาจโจ้ ได้ครอสบอลทางฝั่งซ้ายเข้าใน เป็น โจเอล ซาร์มี ได้เทคตัวขึ้นโหม่งไปชนเสา บอลกระดอนออกมา ก่อนเป็น เอียน แรมเซย์ ได้วิ่งมากระทุ้งด้วยซ้ายเข้าไปเต็ม ๆ เป็นประตูออกนำของทีมเยือน

หลังจากนั้น เกมรับอันเหนียวแน่นของ สุโขทัย ก็รับมือการเข้าทำของ เจ้าถิ่น ได้ตลอดทั้งเกม กระทั้งในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ บุรีรัมย์ มาได้จุดโทษจากจังหวะที่ พรรษา เหมวิบูลย์ ยิงบอลด้วยขวาไปโดนแขนของ จุง เมียง โห ผู้ตัดสินชี้เป็นลูกก่อน ก่อนเป็น อันเดรส ตูญเญซ ยิงเข้าไปไม่พลาด เซฟคะแนนในรังเอาไว้ได้

จบเกมแบ่งกันไปฝั่งละหนึ่งคะแนน บุรีรัมย์ มีเพิ่มเป็น 48 คะแนน รั้งจ่าฝูงต่อไป ขณะที่ สุโขทัย เก็บเพิ่มเป็น 27 คะแนน รั้งอันดับ 13 ห่างโซนตกชั้น 3 คะแนน


credit ภาพ  :  เพจ Chiang Rai United FC

สิงห์ เชียงราย ที่ทราบผลแข่งของ บุรีรัมย์ ไปก่อนแล้ว ทำให้ไม่มีทางเลือกในการมาเยือน ชลบุรี ครั้งนี้ โดยพวกเขาต้องเก็บ 3 คะแนน เท่านั้น หากหวังจะไม่จบฤดูกาลด้วยมือเปล่า และลุ้นแชมป์ต่อไป

ทว่า สถิติสุดบู่ในการมาเยือน ชลบุรี ทำให้ไม่ใช่เรื่องง่าย โดยพวกเขาไม่เคยบุกมาเก็บสามคะแนนได้ที่นี่มาก่อน และหากย้อนไป 7 นัดหลังในการมาเยือน ชลบุรี พวกเขาแพ้ไปถึง 6 ครั้ง รวมถึงผลงานหลังจาก โค๊ชเตี้ย เข้ามาคุมบังเหียน ฉลามชล ยังคงไร้พ่ายในการเล่นในรังเหย้าในจำนวน 6 นัด โดย 3 จาก 6 นัดดังเกล่าเป็นการเอาชนะทั้ง เอสซีจี เมืองทอง , บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และ ทรู แบงค็อก

หากยึดตามสถิติที่กล่าวมาข้างต้น นี่จะเป็นอีกหนึ่งเกมแห่งฤดูกาลที่ยากที่สุดของ กว่างโซ้ง แต่พวกเขาก็ทำผลงานออกมาได้ดี เกมนี้พวกเขาลงไปตั้งรับ และรอโต้กลับ รวมถึงฉกฉวยจังหวะผิดพลาดเล่นงานเจ้าถิ่น และเกือบได้ขึ้นนำเร็ว จากจังหวะที่ บิล โรซิมาร์ ตัดบอลได้จาก จูเนียร์ โลเปซ และได้ดวลเดี่ยว ๆ กับผู้รักษาประตู ก่อนเป็น สินทวีชัย ออกมาสไลด์บอลไว้ได้

ทว่าทีมเยือน ก็มาได้ประตูขึ้นนำ จากจังหวะที่ สุริยา สิงห์มุ้ย วางบอลจากฝั่งซ้ายเข้าใน ก่อนจ่ายต่อให้ ศิวกรณ์ เตียตระกูล ได้วิ่งมายิงด้วยซ้ายเข้าไปอย่างสุดสวย

หลังจากนั้น เป็นเกมที่เข้าทางฝั่ง เชียงราย เมื่อเจ้าถิ่นต้องการประตูตีเสมอ ทำให้เปิดพื้นที่ฝั่งหลังบ้าน และทีมเยือนก็อาศัยเกมสวนกลับที่รวดเร็วเล่นงาน จนเกือบได้ประตูเพิ่มหลายครั้ง โดยเฉพาะ วิลเลี่ยม เอนริเก้ ที่ได้โอกาสยิงหลายครั้ง

จนนาทีที่ 75 พิธิวัต สุขจิตธรรมกุล วางบอลยาวให้ บิล โรซิมาร์ แตะบอลผ่านผู้รักษาประตู ก่อนยิงเข้าไปง่าย ๆ เป็นประตูทิ้งห่าง 2-0 จากนั้นเจ้าถิ่นพยายามโหมบุกใส่อย่างหนัก แต่ก็ไม่มีสกอร์เพิ่ม จบเกมเป็น 3 คะแนนของ เชียงราย หยุดสถิติอันเลวร้ายในการมาเยือน ชลบุรี ได้สำเร็จ

3 คะแนน นัดนี้ ส่ง กว่างโซ้งมหาภัย เก็บเพิ่มเป็น 47 คะแนน รั้งรองจ่าฝูงต่อไป โดยตามหลังบุรีรัมย์เพียง 1 คะแนน ขณะที่ ฉลามชล หยุดอยู่ที่ 33 คะแนน รั้งอยู่ที่อันดับ 8


ตารางคะแนนหลังจบนัดที่ 25 

ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ 0-1 นิวคาสเซิล : เก็บตกทุกประเด็นร้อน ไก่เดือยทอง พ่าย สาลิกาดง คาบ้าน

ไก่เดือยทอง เปิดรัง ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ สเตเดี้ยม พ่ายต่อ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด 0-1 โดยทีมเยือนได้ประตูโทน ตั้งแต่ครึ่งเวลาแรก จาก โจลินตอน กองหน้าตัวใหม่ค่าตัวสถิติสโมสร และเป็นการทำประตูแรกใน พรีเมียร์ลีก ของหอกชาว บราซิล รายนี้อีกด้วย

เปิดเกมมาเป็นเจ้าถิ่น เปิดเกมบุกเขาใส่อย่างหนัก 10 นาทีแรก อัตราครองบอลของทีมเจ้าบ้านสูงถึง 80% แต่ยังไม่สามารถเจาะเข้าสู่พื้นที่สุดท้ายของ สาลิกาดง ได้เลย

จนกระทั่ง นาทีที่ 27 กองเชียร์ในสนาม ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ สเตเดี้ยม แทบจะเงียบสนิท เพราะเป็นทีมเยือนได้ประตูขึ้นนำก่อนจากจังหวะที่ อัตซู ตัวสำรองที่ถูกส่งลงมาแทน แซ็งต์-มักซิแม็ง ที่บาดเจ็บและถูกเปลี่ยนตัวออกตั้งแต่ต้นเกม เปิดบอลเข้ากลางให้ โจลินตอน หลุดเข้าไปยิงอย่างเยือกเย็นให้ทีมนำไปก่อน 0-1

FBL-ENG-PR-TOTTENHAM-NEWCASTLE

จากนั้น สเปอร์ส พยายามบุกอย่างหนักแต่ยังทำอะไรไม่ได้ จบครึ่งแรกด้วยสกอร์ 0-1

เริ่มครึ่งหลังมา ไก่เดือยทอง พยายามเร่งเครื่องเพื่อหวังเอาประตูคืนให้ได้ แต่ด้วยการที่ นิวคาสเซิล ใส่แผงหลังมาถึง 5 คน และลงไปตั้งรับต่ำทั้งหมด ทำให้เจ้าบ้านแทบจะหาโอกาสทำประตูแบบโจ่งแจ้งไม่ได้เลย ไม่ว่าจะแก้เกมอย่างไรก็ยังไม่สามารถเจาะแนวรับของทีม สาลิกาดง ได้ จบเกม ทีมเยือน นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด พลิกล็อกบุกมาเอาชนะ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ได้ถึงถิ่น 0-1​


ประเด็นหลังเกม

​หากได้ติดตามดูเกมคู่นี้ จะเห็นได้ถึงการยำใหญ่อยู่ฝ่ายเดียวของ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ที่พยายามหาช่องเจาะแนวรับของ นิวคาสเซิล แต่สุดท้ายทำไม่สำเร็จ ทำให้ต้องพ่ายคาบ้านไป 0-1

ประเด็นหนึ่่งที่สังเกตเห็นได้ชัดเลยคือ จังหวะการเข้าทำที่ไม่มีความหลากหลายของทีม ไก่เดือยทอง ที่เมื่อเจอกับทีมที่มาตั้งรับลึกเอารถบัสมาจอดขวางหน้าประตูเอาไว้ เกมรุกของเจ้าถิ่นกลับไม่สามารถทำอะไรแนวรับของทีมเยือนได้เลย หรือหากพูดแบบบ้าน ๆ ก็คงต้องพูดว่า “ไปไม่เป็น” เลยก็ว่าได้ แม้อัตราการครองบอลจะสูงถึง 80% แต่โอกาสยิงทั้งเกมมีแค่ 6 ครั้ง และตรงกรอบเพียง 2 ครั้ง ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าแท็กติกในเกมรุกนั้นยังไม่มีประสิทธิภาพมากพอ

สิ่งนี้จึงเป็นสัญญานที่ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน ต้องรีบแก้ไขปัญหานี้ตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะเมื่อเจอกับทีมที่เล็กกว่า พวกเขาย่อมต้องมาตั้งรับให้แน่นและรอสวนกลับด้วยกันทั่งนั้น หากไม่แก้ไขและปล่อยให้บานปลาย ไม่แน่ปีนี้ เราอาจจะเห็นได้ สเปอร์ส หลุดไปไกลยิ่งกว่าท็อป 6 ก็เป็นได้

Harry Winks

คีย์แมน – ฟาเบียน ชาร์

Sean Longstaff,Isaac Hayden

ปราการหลังชาวสวิสเซอร์แลนด์ วันนี้รับหน้าที่เก็บกวาดด่านสุดท้ายทางกราบซ้ายให้กับทีม สาลิกาดง ซึ่งเขาต้องรับมือกับซุปเปอร์สตาร์อย่าง ซน เฮือง-มิน และ แฮร์รี เคน แทบจะตลอด 90 นาที โดย ชาร์ ทำหน้าที่ได้ดีมาก ๆ เราแทบไม่ได้เห็น ซน กระชากลากเลื้อยตามสไตล์ที่เขาถนัดได้เลย ทั้งที่แม้ตอนเจอกับทีมบิ๊ก 6 ด้วยกัน อย่าง เชลซี หรือ แมนฯ ซิตี้ ตัวรุกจากแดนโสม รายนี้ กลับเล่นซะแผงหลังทีมใหญ่ๆปั่นป่วนไปหมด แต่ไม่ใช่กับ นิวคาสเซิล ในวันนี้ ที่เป็นแบบนั้นต้องยกเครดิตให้กับ ฟาเบียน ชาร์ ที่สามารถเบรกความจี๊ดจ้าดของ ซน ไว้ได้อย่างอยู่หมัด ช่วยให้ทีมเก็บ 3 แต้มไปได้อย่างสวยงาม

ลิเวอร์พูล 3-1 อาร์เซนอล : เก็บตก 5 ประเด็นสำคัญหลัง หงส์แดง ตีปีกเหนือ ปืนใหญ่ 3-1

5. ความเป็นไปของเกม

อาร์เซนอล เป็นฝ่ายที่จะดีไซน์รูปโฉมของเกมนี้เมื่อพวกเขาบุกมาเยือน ลิเวอร์พูล ที่ฟอร์มแข็งแกร่งสุดๆ ในถิ่น แอนฟิลด์ และ อูไน เอเมรี เลือกที่จะให้ลูกทีม ไอ้ปืนใหญ่ ตั้งรับอย่างเหนียวแน่นเพื่อรอจังหวะสวนกลับเร็ว

หงส์แดง เป็นฝ่ายบุกเข้าทำระลอกแล้วระลอกก่อนที่ช็อตพลาดท่าของ อาเดรียน เกือบจะมอบของขวัญให้เหล่า เดอะกันเนอร์ส ขณะที่จังหวะหลุดเดี่ยวของ นิโกลาส์ เปเป้ ก็ไม่สามารถเปลี่ยนให้เป็นประตูได้

ประตูจากลูกโหม่งของ โจเอล มาติป ช่วยให้พลพรรค เร้ดแมชีน เล่นอย่างผ่อนคลายมากขึ้นก่อนที่ 2 ประตูของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ในครึ่งหลังจะทำให้เกมขาดในที่สุดขณะที่ลูกยิงในช่วงท้ายเกมของ ลูคัส ตอร์เรย์รา ก็เป็นได้เพียงประตูปลอบใจเท่านั้น

4. เอเมรี เพลย์เซฟ

น่าแปลกใจอยู่บ้างเมื่อ อูไน เอเมรี เลือกที่จะเก็บอาวุธหนักอย่าง อเล็กซองดร์ ลากาเซ็ตต์ ไว้บนม้านั่งสำรองทั้งที่นายใหญ่ชาว สเปน สามารถจัดทัพเต็มรูปแบบเพื่อประสิทธิภาพที่อันตรายในเกมรุกยิ่งกว่านี้

แม้ โจ วิลล็อค, นิโกลาส์ เปเป้ และ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง จะทำผลงานได้ดีในระดับหนึ่งแต่พวกเขาไม่สามารถสร้างความกดดันให้กับแนวรับของเจ้าถิ่นได้เลยในครึ่งเวลาหลัง และ เอเมรี รอให้จนเข้าสู่ช่วง 10 นาทีสุดท้ายของเกมจึงจะจัดการส่ง ลากาเซ็ตต์ ลงสนาม แต่นั่นก็ดูเหมือนจะสายเกินไปเมื่อพวกเขาโดยสอย 3 ประตูตั้งแต่ 58 นาทีแรกของเกมแล้ว

3. เจาะไม่เข้าเจอเซ็ตพีซทีเด็ด

ในวันที่ หงส์แดง ต้องเจอกับการแพ็คเกมแน่นของคู่ต่อสู้และการโยนบอมบ์ซ้ายทีขวาทีรวมไปถึงโจมตีตามช่องไม่สัมฤทธิ์ผลเสียทีจากความพยายามอยู่นานสองนาน กระทั่งลูกเตะมุมของ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ก็ไปเข้าหัว โจเอล มาติป ที่ขึ้นโหม่งเอาชนะ โซคราติส ปาปาสตาโธปูลอส โขกตุงตาข่าย

2. 45 นาทีหลังที่กลายเป็นฝันร้ายของ ลุยซ์

ดาวิด ลุยซ์ ออกสตาร์ทในตำแหน่งปราการหลังตัวกลางให้กับ อาร์เซนอล ในเกมนี้และครึ่งแรกกลายเป็น 45 นาทีแรกที่เจ้าตัวโดดเด่นกับการดักเก็บเกมรุกของ ลิเวอร์พูล ได้อย่างแข็งแกร่ง แต่แล้วทุกอย่างก็พังทลายลงอย่างไม่มีชิ้นดีใน 45 นาทีหลัง

ปราการหลังชาว บราซิล เริ่มต้นด้วยการมือไวดึงเสื้อของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ในกรอบเขตโทษกับช็อตที่สตาร์ชาว อียิปต์ พลิกบอลหมายจะเข้าไปยิงประตู ผู้ตัดสินไม่ลังเลเป่าให้เป็นลูกจุดโทษทันทีและกลายเป็นประตู 2-0 ของเกม ก่อนที่ ซาลาห์ คนเดิมจะเผาเครื่องสะบัดหนี ลุยซ์ ก่อนจะเร่งเครื่องไปสอยประตูที่ 3 ตอกฝาโลงตั้งแต่ก่อนเข้าสู่ช่วงครึ่งชั่วโมงสุดท้ายของเกม

1. ความหมายจากผลแพ้-ชนะ ที่ แอนฟิลด์

การเสริมทัพของ เดอะกันเนอร์ส ทำให้ทีมของ อูไน เอเมรี ดูดีขึ้นกว่าซีซันที่ผ่านมาอย่างเห็นได้ชัดแต่ ไอ้ปืนใหญ่ ยังคงต้องทำงานหนักในการบีบช่องว่างระหว่างพวกเขากับทีมลุ้นแชมป์อีกมาก ขณะที่ หงส์แดง ประกาศศักดาชัดเจนว่าต้องการจะครองความยิ่งใหญ่ให้ได้เมื่อเป็นทีมเดียวในลีกที่ชนะรวด 3 นัดแรกติดต่อกัน

ปืนโต เวอร์ชันอัพเกรดจากปีก่อนจะถูกทดสอบอย่างต่อเนื่องกับ ลอนดอนดาร์บี้แมตช์ เปิดบ้านรับการมาเยือนของ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ในสุดสัปดาห์หน้า ขณะที่ ลิเวอร์พูล จะบุกไปเยือน เบิร์นลีย์ ในวันเดียวกัน

ลิเวอร์พูล vs อาร์เซนอล : พรีวิว พรีเมียร์ลีก, วัน+เวลาการแข่งขัน, ถ่ายทอดสด


ข้อมูลการแข่งขัน



ความพร้อมทั้ง 2 ทีม


ลิเวอร์พูล

อาเดรียน หายจากอาการบาดเจ็บที่ข้อเท้าและสามารถลงเฝ้าเสาช่วย หงส์แดง ได้ในเกมกับ เซาแธมป์ตัน เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาซึ่งเจ้าตัวจะได้ลงสนามต่อเนื่องในเกมนี้เมื่อ อลิสซอน เบ็คเกอร์ ยังพักฟื้นจากอาการบาดเจ็บอยู่ เช่นเดียวกับ เดยัน ลอฟเรน กับ นาบี เกอิต้า ที่ยังมีสภาพไม่ 100 เปอร์เซ็นต์

โจเอล มาติป และ โจ โกเมซ จะยังคงขับเคี่ยวแย่งตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็คคู่หู เวอร์จิล ฟาน ไดค์ โดยคาดการณ์ว่า โกเมซ น่าจะถูกส่งลงสนามเพื่อรับมือกับแนวรุกที่รวดเร็วของ อาร์เซนอล และมี จินี ไวนัลดุม, อเล็กซ์ อ็อกซ์เหลด-แชมเบอร์เลน กับ เจมส์ มิลเนอร์ เบียดแย่งตำแหน่งในแดนมิดฟิลด์

คาดการณ์ 11 ตัวจริง : 4-3-3

ผู้รักษาประตู อาเดรียน
กองหลัง อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โกเมซ, ฟาน ไดค์, โรเบิร์ตสัน
กองกลาง ไวนัลดุม, ฟาบินโญ, เฮนเดอร์สัน
กองหน้า ซาลาห์, ฟิร์มิโน, มาเน

 

​​อาร์เซนอล

กรานิท ชาก้า หายจากอาการบาดเจ็บที่บริเวณหลังเป็นที่เรียบร้อยและคาดว่าจะมีชื่อออกสตาร์ทในทีมตัวจริงชุดบุกเยือนรัง แอนฟิลด์ เกมนี้เช่นเดียวกับ เมซุต เออซิล แต่คาดว่าเพลย์เมคเกอร์ชาว เยอรมัน จะทำได้แค่มีชื่อบนม้านั่งสำรอง

นิโกลาส์ เปเป้ ค่อยๆ มีส่วนกับเกมของ ไอ้ปืนใหญ่ มากขึ้นเรื่อยๆ หลังจากลงเล่น 45 นาทีในครึ่งหลังของเกมที่ผ่านมาและน่าจะเป็นหนึ่งในกำหลังของทีมตั้งแต่เริ่มต้น โดย โจ วิลล็อค กับ รีสส์ เนลสัน ต้องหลีกทางเป็นตัวสำรอง

คาดการณ์ 11 ตัวจริง : 4-3-3

ผู้รักษาประตู เลโน
กองหลัง เมตแลนด์-ไนลส์, โซคราติส, ลุยซ์, มอนเรอัล
กองกลาง เกนดูซี, ชาก้า,​ เซบาญอส
กองหน้า เปเป้, ลากาเซ็ตต์, โอบาเมยอง

ผลงาน 5 นัดหลังสุด


ลิเวอร์พูล (ชนะ 3 เสมอ 1 แพ้ 1)

17 สิงหาคม พรีเมียร์ลีก เซาแธมป์ตัน 1 : 2 ลิเวอร์พูล ชนะ
15 สิงหาคม ซูเปอร์คัพ ลิเวอร์พูล 3 : 2(1 : 1) เชลซี ชนะ
10 สิงหาคม พรีเมียร์ลีก ลิเวอร์พูล 4 : 1 นอริช ชนะ
4 สิงหาคม คอมมูนิตี้ชิลด์ ลิเวอร์พูล 1 : 2(1 : 1) แมนฯ ซิตี้ แพ้
1 สิงหาคม กระชับมิตร ลิเวอร์พูล 3 : 1 ลียง ชนะ

อาร์เซนอล (ชนะ 3 เสมอ 0 แพ้ 2)

17 สิงหาคม พรีเมียร์ลีก อาร์เซนอล 2 : 1 เบิร์นลีย์ ชนะ
11 สิงหาคม พรีเมียร์ลีก นิวคาสเซิล 0 : 1 อาร์เซนอล ชนะ
5 สิงหาคม กระชับมิตร บาร์เซโลนา 2 : 1 อาร์เซนอล แพ้
1 สิงหาคม กระชับมิตร อองเชร์ส 1 : 2(1 : 1) อาร์เซนอล ชนะ
28 สิงหาคม กระชับมิตร อาร์เซนอล 1 : 2 ลียง แพ้

เฮดทูเฮด (ลิเวอร์พูล ชนะ 3 เสมอ 2 อาร์เซนอล ชนะ 0)

30 ธันวาคม 2018 พรีเมียร์ลีก ลิเวอร์พูล 5 : 1 อาร์เซนอล
4 พฤศจิกายน 2018 พรีเมียร์ลีก อาร์เซนอล 1 : 1 ลิเวอร์พูล
23 ธันวาคม 2017 พรีเมียร์ลีก อาร์เซนอล 3 : 3 ลิเวอร์พูล
27 สิงหาคม 2017 พรีเมียร์ลีก ลิเวอร์พูล 4 : 0 อาร์เซนอล
5 มีนาคม 2017 พรีเมียร์ลีก ลิเวอร์พูล 3 : 1 อาร์เซนอล

สถิติจาก OPTA ที่น่าสนใจ


  • ลิเวอร์พูล มีสถิติไร้พ่ายเมื่อเจอกับ อาร์เซนอล 8 เกมหลังสุดเมื่อรวมทุกรายการ (ชนะ 4 เสมอ 4) ครั้งสุดท้ายที่ หงส์แดง มีสถิติยาวนานกว่านี้เกิดขึ้นล่าสุดเดือนกุมภาพันธ์ 2000 (14 เกม)

  • ไอ้ปืนใหญ่ ไร้ชัยในการมาเยือนที่ แอนฟิลด์ กับเวที พรีเมียร์ลีก ติดต่อกัน 6 นัด (ชนะ 0 เสมอ 2 แพ้ 4) โดยเสียประตูอย่างน้อย 2 ลูกในแต่ละเกมดังกล่าว (ทั้งหมด 22 ประตู)

  • ไม่มีเกม พรีเมียร์ลีก คู่ใดที่มีประตูมากกว่าการพบกันระหว่าง ลิเวอร์พูล กับ อาร์เซนอล (155 ประตูจาก 54 เกม) รวมทั้งยังมีแฮตทริคเกิดขึ้นมากที่สุดอีกด้วย (ทั้งหมด 6 ครั้งได้แก่ ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ 2 ครั้ง และ เธียร์รี อองรี, ปีเตอร์ เคราช์, อันเดรย์ อาร์ชาวิน กับ โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน คนละ 1 ครั้ง)

  • เดอะกันเนอร์ส มีสถิติพ่ายแพ้ในเกมเยือน เร้ดแมชีน ที่ แอนฟิลด์ บนเวที พรีเมียร์ลีก 13 เกม มีเพียงการเล่นกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด เท่านั้นที่พวกเขามีตัวเลขย่ำแย่กว่านี้ (ปราชัย 13 นัด)

  • ลิเวอร์พูล เก็บชัยชนะในเกม พรีเมียร์ลีก ติดต่อกัน 11 นัดเข้าไปแล้วเมื่อรวมตัวเลขจากช่วงท้ายซีซันที่ผ่านมา เทียบเท่าสถิติระหว่างกุมภาพันธ์-เมษายน 2014 ภายใต้การคุมทีมของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ซึ่งหาก เยอร์เก้น คล็อปป์ สามารถพาทีมคว่ำ ไอ้ปืนใหญ่ ได้จะทำให้ หงส์แดง มีสถิติยอดเยี่ยมที่สุดในประวัติศาสตร์ 12 นัด (เมษายน-ตุลาคม 1990) ภายใต้ เคนนี ดัลกลิช

  • ปืนโต ไม่เคยชนะเกมลีกสูงสุด 3 นัดแรกติดต่อกันมาก่อน 8 ฤดูกาลต่อเนื่อง และจะเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ฤดูกาล 2004/05 ที่พวกเขาจบฤดูกาลด้วยการเป็นรองแชมป์ตามหลัง เชลซี

  • หงส์แดง มีสถิติไร้พ่ายที่ แอนฟิลด์ ใน พรีเมียร์ลีก 41 เกมติดต่อกัน (ชนะ 31 เสมอ 10 แพ้ 0) นับตั้งแต่ปราชัยให้กับ คริสตัล พาเลซ ของ แซม อัลลาร์ไดซ์ 1-2 ซึ่งนับว่ายาวนาน 2 ปีกับอีก 123 วันเข้าไปแล้ว

  • โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน ยิงใส่ อาร์เซนอล ในการพบกันบนเวที พรีเมียร์ลีก มากที่สุด (8 ประตูจาก 8 เกม) แถมยังเป็นการซัลโวใส่ ปืนใหญ่ ในการลงเล่นที่ แอนฟิลด์ ใน EPL ทั้งหมด 4 เกมคิดเป็น 7 ประตูกับ 2 แอสซิสต์

  • ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง ซัดประตูใส่บิ๊กซิกซ์ของ พรีเมียร์ลีก 3 จากทั้งหมด 13 ประตูของ ไอ้ปืนใหญ่ คิดเป็นเฉลี่ย 356 นาทีต่อ 1 ประตู ขณะที่เกมกับทีมนอกบิ๊กซิกซ์หัวหอกทีมชาติ กาบอง ลั่นไกเป็นประตูทั้งสิ้น 31 ประตูจาก 38 เกม เฉลี่ย 1 ประตูทุกๆ 94 นาที

  • ฟิร์มิโน จะทำสถิติกลายเป็นนักเตะ บราซิล คนแรกที่ยิงประตูแตะหลัก 50 ลูกหากเขาสามารถยิงได้ในเกมนี้

  • เยอร์เก้น คล็อปป์ คุมทีมพบกับ อาร์เซนอล มาแล้วทั้งหมด 7 ครั้งใน พรีเมียร์ลีก โดยเป็นการชนะ 4 เสมอ 3 และเป็นการไร้พ่ายต่อทีมจาก EPL มากเทียบเท่ากับ เอฟเวอร์ตัน ที่ 7 นัด

OFFICIAL ! คุโบะ ย้ายจาก มาดริด ซบ มายอร์ก้า ด้วยสัญญายืมตัว 1 ฤดูกาล

เรอัล มายอร์ก้า สโมสรดังจาก ลาลีกา สเปน ยืนยันอย่างเป็นทางการแล้วว่าบรรลุข้อตกลงดึงตัว ทาเคฟุสะ คุโบะ วันเดอร์คิดจาก ​เรอัล มาดริด มาอยู่ด้วยสัญญายืมตัวเป็นเวลา 1 ฤดูกาล

“สโมสรฟุตบอล เรอัล มายอร์ก้า ได้บรรลุข้อตกลงยืมตัว ทาเคฟุสะ คุโบะ มิดฟิลด์ตัวรุกชาวญี่ปุ่นจาก เรอัล มาดริด เป็นเวลา 1 ฤดูกาลหรือตั้งแต่วันนี้จนถึง 30 มิถุนายน 2020 นั่นเอง” มายอร์ก้า แถลง

“แข้งใหม่ของเรารายนี้คือหนึ่งในดาวรุ่งที่มีพรสวรรค์สูงสุดคนหนึ่งแห่งยุค ซึ่งเขาแสดงให้เห็นถึงศักยภาพนั้นจนเราเกิดความมั่นใจว่าต้องเซ็นสัญญาดึงมาอยู่ด้วยโดยด่วน”

“สำคัญคือ คุโบะ พูดภาษาสเปนได้อย่างคล่องแคล่วเพราะเคยเป็นตัวท็อปใน ลามาเซียของ บาร์เซโลนา มานนานหลายปี และล่าสุดเขากลายเป็นกำลังสำคัญของทีมชาติ ญี่ปุ่น ได้ด้วยวัยเพียงแค่ 18 ปีเท่านั้น”

คือเรื่องมหัศจรรย์ ! พูลิซิช ลั่น ย้ายเข้ารัง สิงห์บลู เหมือนฝันที่เป็นจริง

คริสเตียน พูลิซิช กองกลางของ ​เชลซี ทีมดังแห่งศึก พรีเมียร์ลีก เผยว่าเขายังรู้สึกเสมือนฝันอยู่เลยกับการได้ย้ายเข้ามาเล่นในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ 

โดยแข้งวัย 20 ถูก สิงห์บลู ทำสัญญาซื้อขายกับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ก่อนที่จะโดนแบนในตลาดนักเตะจึงทำให้เขาเป็นแข้งป้ายแดงจริงๆ เพียงคนเดียวของทีมในตอนนี้

“ผมรู้สึกตื่นเต้นมากๆ ตอนที่รู้ว่าจะได้มาร่วมทีม” พูลิซิช กล่าว “มันเป็นช่วงระยะเวลาที่นานตอนที่ได้มีการตกลงกัน แล้วผมเองก็ยังคงมีงานค้างกับ ดอร์ทมุนด์ อยู่จึงต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด แต่มาตอนนี้ผมก็รู้สึกมหัศจรรย์มากๆ ที่ได้มาร่วมทีมจริงๆ ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะต้องเจออะไรแต่ก็อยากให้ทุกอย่างออกมาราบรื่น”

“มันเป็นเรื่องที่บ้าคลั่งมากๆ กับการได้ย้ายมาอยู่ที่นี่ ได้สวมเครื่องแบบของสโมสรและตอนนี้ผมก็ยังรู้สึกเหมือนไม่ใช่เรื่องจริงอยู่เลย”