นิวคาสเซิล 1-0 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด : เก็บตกทุกประเด็นหลังผลฟุตบอลพรีเมียร์ลีก สัปดาห์ที่ 8


ประเด็นร้อนหลังเกม


1. ทัพ ปีศาจแดง กับแผนการเล่นที่ไร้จินตนาการ

หลายเกมที่ผ่านมานั้น เห็นได้ชัดว่าสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผลงานของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ออกทะเลไปไกลขึ้นเรื่อย ๆ เป็นเพราะแท็คติคหรือแผนการเล่นของทีม โดยจุดที่เด่นที่สุดในทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ชุดนี้คือการรอตั้งรับและโต้กลับด้วยความเร็วของผู้เล่นในแนวรุก

แต่เมื่อใดที่ต้องเจอกับทีมที่เล็กกว่า ที่มารอตั้งรับลึกอยู่ในแดนของตัวเอง และ ยูไนเต็ด ต้องเป็นฝ่ายเปิดเกมรุกเข้าใส่ รูปเกมวันนั้นจะพังไม่เป็นท่าในทันที เพราะแผนการเล่นที่ดูเหมือนไม่มีแผนนี้ มันพิสูจน์ให้เห็นมาหลายต่อหลายเกมแล้วว่า “ไม่เวิร์ค” แต่ในสัปดาห์ต่อ ๆ ไป เรากลับยังเห็นลูกทีมของ โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ เล่นแบบเดิม แล้วก็ตันเหมือนเดิม ไร้จินตนาการเหมือนเดิม ซึ่งเรื่องแค่นี้ใคร ๆ ก็รู้ ว่า “มีแต่คนคนเสียสติเท่านั้นแหละ ที่คาดหวังผลลัพธ์ที่แตกต่าง จากการกระทำแบบเดิมๆ”

Marcus Rashford

2. เกมแดนกลางทีไร้ประสิทธิภาพ

เกมนัดนี้เห็นได้ชัดเลยว่า แดนกลางของปีศาจแดง ไม่มีคุณภาพเอาซะเลยทั้งเกมรุกและรับ มิดฟิลด์ทั้ง 3 คนได้แก่ เปเรย์รา เฟร็ด หรือแม้แต่ แม็คโทมิเนย์ ไม่สามารถต่อบอลเชื่อมเกมอย่างมีประสิทธิภาพเลย แม้ว่าจะมีโอกาสได้เล่นกับบอล ได้ครองบอล มีโอกาสทำเกมมากกว่ากองกลางของเจ้าถิ่นก็ตาม แต่สิ่งที่ทั้งสามคนทำทั้งหมด กลับแทบไม่มีประโยชน์ใด ๆ กับทีมเลยในเกมเมื่อคืนที่ผ่านมา

ดังนั้น สิ่งที่ทำได้ในตอนนี้คงจะเป็นการหวังให้นักเตะอันดับ 1 ของทีมอย่าง พอล ป็อกบา หายเจ็บกลับมาแล้วท็อปฟอร์ม สร้างสรรค์ผลงานที่ดีให้กับทีมในอีก 30 เกมที่เหลือ จึงอาจจะมีหวังติดท็อป 4 เพื่อกลับไปเล่นถ้วยยุโรปใบใหญ่ให้ได้อีกครั้งในฤดูกาลหน้า

Sean Longstaff,Scott McTominay

3. โอเล ขึ้นเป็น เต็ง 3 กุนซือใกล้โดนปลด

บ่อนรับพนันถูกกฏหมายของอังกฤษ ได้ขยับชื่อของ โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ ขึ้นมาอยู่ลำดับที่สามในลิสต์กุนซือที่คาดว่าจะโดนปลดเป็นที่เรียบร้อย เป็นรองเพียง สตีฟ บรูซ กุนซือ นิวคาสเซิล และ มาร์โก ซิลวา ผู้จัดการทีมชาวโปรตุกีส ของ เอฟเวอร์ตัน

ซึ่งไม่ว่าจะยังไงทางเลือกที่แฟนบอล แมนฯ ยูไนเต็ด จะได้ประสบพบเจอในอนาคตอันใกล้ มีอยู่แค่ 2 ทางคือ 1. เปลี่ยนผู้จัดการทีมแต่แน่นอนว่าการเปลี่ยนหัวเรือบ่อย ๆ มันก็ย่อมไม่ใช่เรื่องที่ดี หรือ 2. ควรปล่อยเอาไว้ ให้ใช้เวลาปรับจูนทีมไปก่อนแม้มันก็ดูจะไร้อนาคตก็ตาม สองทางนี้เท่านั้น

Marcus Rashford,Ole Gunnar Solskjaer

ไบรท์ตัน 3-0 สเปอร์ส : เก็บตกทุกประเด็นร้อนหลัง ไก่เดือยทอง เมาหมัดต่อเนื่องใน พรีเมียร์ลีก

การแข่งขัน ฟุตบอล พรีเมียร์ลีกอังกฤษ 2019/20
วันแข่งขัน วันเสาร์ที่ 5 ตุลาคม 2019
เวลาแข่งขัน 18.30 น. ตามเวลาประเทศไทย
คู่แข่งขัน ไบรท์ตัน 3-0 ​สเปอร์ส
สนาม เอเม็กซ์ สเตเดี้ยม

ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ยังคงไร้ชัยชนะในเกมเยือน พรีเมียร์ลีก มา 9 เดือนติดต่อกันเข้าไปแล้วหลังบุกไปปราชัยต่อ ไบรท์ตัน ที่ เอเม็กซ์ สเตเดี้ยม ด้วยสกอร์ขาดลอย 3-0 จากหนึ่งประตูของ นีล โมเปย์ และอีกสองประตูของ อารอน คอนนอลลี

Tanguy Ndombele,Hugo Lloris

ทัพ ไก่เดือยทอง ออกสตาร์ทด้วยการเสียประตูอย่างรวดเร็วเพียง 3 นาทีแรกของเกมเท่านั้นเมื่อ อูโก้ ยอริส พลาดท่าที่หน้าปากประตูของตนเองถวายพานให้ นีล โมเปย์ จิ้มบอลสู่ก้นตาข่ายโล่งๆ โดยที่นายทวารชาว ฝรั่งเศส ต้องถูกหามออกจากสนามจากจังหวะดังกล่าวเมื่อลงพื้นผิดท่าทำให้ข้อศอกบิดผิดรูปโดย พอช เปลี่ยนเอา เปาโล กาซซานิก้า นายทวารสำรองลงมาเฝ้าเสาแทนที่

พลพรรค นกนางนวล หนีห่างเป็น 2-0 ในนาทีที่ 32 เมื่อ อารอน คอนนอลลี ตามซ้ำลูกยิงของตนเองที่ถูก กาซซานิก้า เซฟไว้ได้ให้เจ้าถิ่นได้เปรียบอีกประตูก่อนจบครึ่งแรก

บรรดาแข้ง ลิลลีไวทส์ ออกสตาร์ทครึ่งหลังอย่างกระตือรือล้นแต่ไม่สามารถสร้างจังหวะอย่างถนัดถนี่ได้ก่อนที่ คอนนอลลี จะซัลโวประตู 3-0 ในนาทีที่ 68หลังจากนั้น สเปอร์ส ได้โอกาสที่ดีที่สุดจากลูกยิงไกลของ ลูคัส มูรา แต่ยังถูก แม็ตตี้ ไรอัน พุ่งเซฟเอาไว้ ก่อนที่เกมจะจบลงด้วยสกอร์ดังกล่าว


ท็อตแนม ฮอตสเปอร์

ประเด็นหลังเกม

Mauricio Pochettino

สเปอร์ส ยังคงอยู่ในช่วงฟอร์มการเล่นย่ำแย่ต่อเนื่อง จังหวะการเล่นของทั้งทีมกลายเป็นขาดๆ เกินๆ และยิ่งไปกว่านั้นแนวรุกที่อุดมไปด้วยสตาร์ชื่อก้องต่างไม่สามารถงัดทีเด็ดช่วยทีมได้เลย

ยิ่งเมื่อเป็นเกมต่อจากศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เมื่อกลางสัปดาห์ที่พวกเขาปราชัยต่อ บาเยิร์น มิวนิค ขาดลอยถึง 2-7 ยิ่งทำให้เก้าอี้ของ โปเช็ตติโน ร้อนระอุยิ่งไปกว่าเก่า โชคดีเหลือเกินสำหรับพวกเขาที่มีโปรแกรมทีมชาติมาคั่นกลางก่อนที่จะกลับมาแก้ไขสถานการณ์กันใหม่อีกครั้งใน 2 สัปดาห์ข้างหน้า


คะแนนนักเตะ

11 ผู้เล่นตัวจริง : ยอริส (N/A); ซิสโซโก้ (4), อัลเดอร์ไวเรลด์ (6), แฟร์ตองเก้น (5), เดวีส์ (6); ดายเออร์ (5), เอ็นดอมเบเล (4), อีริคเซน (5), ลาเมลา (5); ซน (5), เคน (4)

ตัวสำรอง : กาซซานิก้า (5), วิงค์ส (7*), ลูคัส (6)


คีย์แมน – แฮร์รี วิงค์ส

Harry Winks

แม้เกมของ สเปอร์ส ต่ำกว่ามาตรฐานของพวกเขาอย่างเห็นได้ชัด แต่สิ่งที่พอจะดูดีอยู่บ้างคงจะเป็น แฮร์รี วิงค์ส ที่ถูกส่งลงมาหลังพักครึ่งซึ่งเจ้าตัวสามารถยกระดับเกมของ สเปอร์ส อย่างเห็นได้ชัด

แม้ว่าดาวเตะวัย 23 ปีจะไม่ใช่พวกประเภทตัวเปลี่ยนเกมแต่อย่างน้อยเขาก็เป็นแข้งเพียงหนึ่งเดียวที่สาวก ไก่เดือยทอง สามารถปรบมือให้ได้อย่างไม่น่าอายแม้ว่าจะปราชัยต่อทีมรองบ่อนด้วยสกอร์ขาดลอยก็ตามที

จากใจจริง ! ชิลเวลล์ ยก โรเบิร์ตสัน แบ็คซ้ายเบอร์หนึ่งโลก

​เบน ชิลเวลล์ นักเตะของ เลสเตอร์ ซิตี่้ ทีมในศึก พรีเมียร์ลีกเชื่อว่า แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน เพื่อนร่วมตำแหน่งจาก ลิเวอร์พูล คือแบ็คซ้ายที่ดีที่สุดของโลกคนปัจจุบัน

“เขาเป็นนักเตะที่ยอดเยี่ยม” ชิลเวลล์ กล่าว ” เขาเป็นแบ็คซ้ายที่ดีที่สุดของโลกในตอนนี้เลย ซึ่งผมไม่ได้พูดเกินจริงแต่อย่างใด”

“ผมได้ติดตามดูเขามาตลอดเพราะเราอายุใกล้เคียงกัน และเมื่อเห็นเขาเล่นกับ ลิเวอร์พูล ในตอนนี้ก็จะเห็นได้ว่ามีพัฒนาการมากแค่ไหน”

“เขาคือหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดในการพาบอลขึ้นหน้าและสร้างแอสซิสต์ แต่ก็ยังมีเกมรับที่ดีอีกด้วย หวังว่าผมจะสามารถขึ้นไปเทียบเคียงกับเขา แต่ผมก็มั่นใจในตัวเองว่าจะท้าทายเขาในเรื่องการเป็นหนึ่งในแบ็คซ้ายที่ดีที่สุดของโลกได้แน่นอน”

อาร์เซนอล 4-0 สตองดาร์ ลีแอช : 4 ประเด็นร้อนหลังศึก ยูโรปาลีก

การแข่งขันฟุตบอล ยูฟ่า ยูโรปาลีก รอบแบ่งกลุ่ม 2019/20

วันพฤหัสบดีที่ 3 ตุลาคม 2019

เวลาแข่งขัน 02.00 น. ตามเวลาประเทศไทย

ผลการแข่งขัน อาร์เซนอล 4-0 สตองดาร์ ลีแอช

สนามเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม


4. อาร์เซนอล เอาท์คลาส

นับเป็นเกมที่ลูกทีมของ อูไน เอเมรี แสดงให้เห็นถึงความเหนือกว่าอย่างชัดเจนแม้กุนซือชาว สเปน ไม่ได้ส่งผู้เล่นชุดที่ดีที่สุดลงสนามก็ตาม รูปแบบการเล่นรวมทั้งการเข้าทำของ อาร์เซนอล สร้างปัญหาให้กับผู้มาเยือนอย่างเห็นได้ชัดและการได้ 3 ประตูรวดภายในเวลาห่างกันไม่เกิน 9 นาทีในครึ่งแรกก็ทำให้ ไอ้ปืนใหญ่ เล่นได้อย่างไร้ความกังวลในช่วงเวลาที่เหลือ โดยเฉพาะบรรดานักเตะดาวรุ่งและแข้งที่เพิ่งหายจากอาการบาดเจ็บลงกลับมาลงสนามในเกมนี้

3. เบเยริน คัมแบ็ค

เอคตอร์ เบเยริน กลับมาสวมยูนิฟอร์ม เดอะกันเนอร์ส ออกสตาร์ทให้กับทีมเป็นครั้งแรกในรอบ 9 เดือนพร้อมปลอกแขนกัปตันทีมหลังหายจากอาการบาดเจ็บเอ็นไขว้หน้าหัวเข่า

แม้เจ้าตัวจะยังไม่สามารถเรียกฟอร์มระดับเดิมกลับมาได้สำเร็จในเกมนี้แต่อย่างน้อยก็มีสัญญาณที่ดีในการเติมขึ้นมามีส่วนร่วมกับเกมรุกที่กราบขวาหลายต่อหลายครั้ง ก่อนที่อาจจะใช้เวลาอีกสักพักใหญ่ในการเบียดแย่งตำแหน่งกับ เอสลีย์-เมตแลนด์ ไนลส์ หรือ คาลัม แชมเบอร์ส

2. เทียร์นีย์ ยกระดับเกมรุกฝั่งซ้าย

1 แอสซิสต์จากการผ่านบอลให้เพื่อนได้สับไกท้ังหมด 4 ครั้ง รวมทั้งการเลี้ยงผ่านคู่แข่งสำเร็จ 2 ครั้งกับเอาชนะในการเข้าปะทะอีก 3 ครั้งเป็นตัวเลขที่ชี้ให้เห็นถึงความยอดเยี่ยมของฟูลแบ็คคนใหม่ของ อาร์เซนอล ที่คว้าตัวมาร่วมทัพในซัมเมอร์ที่ผ่านมากับการประเดิมนัดแรกบนเวทียุโรปกับสังกัดใหม่

คีแรน เทียร์นีย์ ยังดูลงตัวกับการสอดประสานกับเพื่อนร่วมทีมที่กราบซ้ายทั้ง โจ วิลล็อค และ รีสส์ เนลสัน ซึ่งเราเชื่อเหลือเกินว่าเขาจะกลายเป็นกำลังสำคัญของ ไอ้ปืนใหญ่ ในฤดูกาลนี้

1. มาร์ติเนลลี ร้อนแรงจนไฟลุก

2 ประตูจากการง้างสับไห 7 ครั้ง 1 แอสซิสต์จากการผ่านบอลให้เพื่อนได้ลุ้นทำประตู 5 ครั้งคือสถิติของกองหน้าชาว บราซิล วัยเพียง 18 ปีของ เดอะกันเนอร์ส ในเกมนี้

เจ้าตัวยังแสดงให้เห็นถึงความกระตือรือล้นทั้งการในเกมรุกและการไล่บีบเพรสซิงคู่ต่อสู้ยามตกเป็นฝ่ายตั้งรับอย่างไม่มีทีท่าจะลดละ

ประตูแรกของเจ้าตัวในนั้นเกิดขึ้นจากจมูกในการเคลื่อนที่หาตำแหน่งอันตรายที่ยอดเยี่ยม ตามด้วยเซนส์ในการจบสกอร์และไหวพริบในการแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้ากับประตูที่ 2 ก่อนที่จะจบเกมชนิดที่เกือบจะทำแฮตทริคได้ในครึ่งเวลาหลัง

อาแซด อัคล์มาร์ vs แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด : พรีวิว ยูโรปาลีก, วัน+เวลาการแข่งขัน, ถ่ายทอดสด


ข้อมูลการแข่งขัน


การแข่งขัน ฟุตบอล ยูฟ่า ยูโรปาลีก รอบแบ่งกลุ่ม 2019/20
วันแข่งขัน คืนวันพฤหัสบดีที่ 3 ตุลาคม 2019
เวลาแข่งขัน 23.55 น. ตามเวลาประเทศไทย
คู่แข่งขัน อาแซด อัคล์มาร์ vs แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
สนาม เอเอฟเอเอส สเตเดี้ยม
ถ่ายทอดสด Super Sport 3

ความพร้อมทั้ง 2 ทีม


อาแซด อัคล์มาร์

ทีมของ อาร์เน สล็อต เกมแรกในรายการนี้ พวกเขาบุกไปเสมอกับ ปาร์ติซาน ทีมจาก เซอร์เบีย 2-2 ซึ่งเกมวันนี้พวกเขาจะได้กลับมาเล่นในบ้านของตัวเองอีกครั้ง แม้ว่าตอนนี้ทีมดังจาก ฮอลแลนด์ กำลังอยู่ในฟอร์มที่ดี ชนะในลีกมาแล้ว 4 เกมรวด แต่การที่ต้องมาเจอกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ย่อมไม่ใช่งานง่ายแม้ว่า ปีศาจแดง จะไม่อยู่ในช่วงที่ดีที่สุดก็ตาม

สภาพทีมในตอนนี้จะไม่สามารถใช้งานนักเตะตัวหลักได้ 2 รายคือ โจนาส สเวนส์สัน ที่ติดโทษแบน และ อัลเบิร์ต กุดมุนด์สัน ที่ยังมีปัญหาอาการบาดเจ็บ ส่วนรายอื่น ๆ ฟิตพร้อมลงสนามทั้งหมด

คาดการณ์ 11 ตัวจริง : 4-3-3

ผู้รักษาประตู บิซอต
กองหลัง ไวน์ดัล, วุยเตนส์, วลาร์, เดอ วิต
กองกลาง คูปไมเนอร์, สเตงส์, มิตส์โช
กองหน้า อิดริสซี, โบอาดู, ซูกาวารา

 

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ทีมของ โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ อยู่ในช่วงที่ฟอร์มกำลังไม่แน่นอนสุด ๆ แม้เกมล่าสุดจะยันเสมอกับ อาร์เซนอล ในลีกมาได้ก็ตาม ส่วนในรายการนี้เกมแรก พลพรรคปีศาจแดง เปิดบ้าน เอาชนะ แอสตานา ทีมจาก คาซัคสถาน ไปได้ 1-0 ซึ่งเกมนี้คาดว่า โซลชาร์ จะส่งผู้เล่นดาวรุ่งผสมกับผู้เล่นชุดหลักลงสนามเพื่อเป็นการโรเทชั่น ให้นักเตะได้พักจากการที่ต้องลงสนามติดต่อกันมาเป็นเวลาหลายสัปดาห์

สถาพทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ในขณะนี้ ยังมีผู้เล่นบาดเจ็บอยู่รายหลายไม่ว่าจะเป็น เอริค ไบยี, ฟิล โจนส์, อองโตนี มาร์กซิยาล, ลุค ชอว์, ทิโมธี โฟซู-เมนซาห์, ดีเอโก ดาโลต์, อังเคล โกเมส รวมไปถึง อาร์รอน วาน-บิสซาก้า

คาดการณ์ 11 ตัวจริง : 4-3-3

ผู้รักษาประตู เด เคอา
กองหลัง ตวนเซเบ้, ลินเดเลิฟ, แม็คไกวร์, ยัง
กองกลาง เฟร็ด, มาติช, อันเดรส
กองหน้า มาต้า, กรีนวูด, เจมส์

 


ผลงาน 5 นัดหลังสุด 


อาแซด อัคล์มาร์ (ชนะ เสมอ แพ้ 0)

29 ก.ย. EL อัคล์มาร์ 2-0 เฮอราเคลส
27 ก.ย. EL เฟเยนูร์ด 0-3 อัคล์มาร์
22 ก.ย. EL เดน ฮาก 0-1 อัคล์มาร์
20 ก.ย. UEL ปาร์ติซาน 2-2 อัคล์มาร์
14 ก.ย. EL อัคล์มาร์ 5-1 สปาร์ตา

*EL = ลีกฮอลแลนด์ / UEL = ยูฟ่า ยูโรปาลีก

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (ชนะ 2 เสมอ แพ้ 1)

30 ก.ย. PL แมนฯ ยูไนเต็ด 1-1 อาร์เซนอล
26 ก.ย. EFL แมนฯ ยูไนเต็ด 1-1 โรชเดล
22 ก.ย. PL เวสต์แฮม 2-0 แมนฯ ยูไนเต็ด
20 ก.ย. UEL แมนฯ ยูไนเต็ด 1-0 แอสตานา
14 ก.ย. PL แมนฯ ยูไนเต็ด 1-0 เลสเตอร์

*PL = พรีเมียร์ลีก / UEL = ยูฟ่า ยูโรปาลีก / EFL = คาราบาวคัพ

ฮดทูเฮด (ทั้งสองทีมไม่เคยพบกันมาก่อน)


สถิติที่น่าสนใจ


  • อาแซด อัคล์มาร์ เล่นเกมในบ้านพบกับทีมจากอังกฤษ มาแล้วทั้งสิ้น 7 เกม พวกเขาเคยแพ้เพียงเกมเดียวเท่านั้น (ชนะ 2 เสมอ 4 แพ้ 1)

  • ปัจจุบัน อัคล์มาร์ ไม่แพ้ใครในบ้านมาแล้วกว่า 9 เกมติดต่อกัน (ชนะ 6 เสมอ 3 แพ้ 0) และสามารถเก็บคลีนชีทได้มากถึง 6 เกม

  • 11 เกมที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ออกไปเยือนคู่แข่งในรายการนี้ พวกเขาแพ้ไปถึง 5 เกม (ชนะ 4 เสมอ 2 แพ้ 5)

  • แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ชนะเกมเยือนมาแล้ว 9 เกมติดต่อกัน (เสมอ 3 แพ้ 6) แถมยังเสียประตูทุกเกม และมี 6 เกมที่ 2 ประตูขึ้นไป

เกมรับรั่ว, ฟาน ไดคจ์ หลังหัก : เก็บตกประเด็นร้อนหลังเกม หงส์แดง เฉือน ซัลซ์บวร์ก หืดจับ 4-3

การแข่งขัน ฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม 2019/20
วันแข่งขัน คืนวันพุธที่ 2 ตุลาคม 2019
เวลาแข่งขัน 02.00 น. ตามเวลาประเทศไทย
ผลการแข่งขัน ลิเวอร์พูล 4-3 เร้ดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก
สนาม แอนฟิลด์

ประเด็นร้อนหลังเกม


1. เกมรับที่ยังมีช่องโหว่เพียบ

เกมนี้ ลิเวอร์พูล เสียไปถึง 3 ประตูรวดจากที่นำห่าง 3-0 กลับโดนไล่ตีเสมอเป็น 3-3 นอกจากจะต้องชมเกมรุกของทีมเยือนว่าทำได้อย่างยอดเยี่ยมแล้ว เกมรับของ หงส์แดง เอง จัดว่าอยู่ในเกณฑ์ที่แย่เลยทีเดียวสำหรับเกมนี้ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะการส่ง โจ โกเมซ ที่กำลังฟอร์มตกเป็นตัวจริง แต่คนอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น ฟานไดคจ์, เทรนท์, โรเบิร์ตสัน หรือแม้แต่ ฟาบินโญ ก็นัดกันรั่วพร้อม ๆ กันซะหมด แม้ว่าแบ็คทั้งสองข้างจะทำเกมรุกได้ดีในวันนี้ แต่เกมรับพวกเขายังคงมีปัญหาอยู่ ยิ่งมาเจอกับเกมรุกของ ซัลซ์บวร์ก ที่มีความคล่องตัวสูง ทำให้ยิ่งเห็นได้ชัดว่าแผงหลังของ ลิเวอร์พูล ยังมีรอยรั่วที่ต้องตามอุดอยู่อีกหลายที่

Hwang Hee-chan,Joe Gomez

2. พลังแห่ง 3 ประสาน ยังคงแบกทีมเอาไว้ได้

เกมนี้ 3 ประสานในแนวรุกของ หงส์แดง กลับมาคืนฟอร์มเก่งได้อีกครั้ง มาเน ทำไป 1 ประตู ซาลาห์ เหมา 2 ส่วน ฟีร์มิโน จัดไป 3 แอสซิสต์ ทำให้แม้ว่าวันนี้เกมรับของทีมจะรั่วถึงขนาดโดนยิงไป 3 ประตู พวกเขาทั้งสามก็ยังคงแบกรับภาระในการทำประตูให้ได้มากกว่าที่โดนยิงจนได้ และช่วยให้ทีมคว้าชัยชนะได้ในที่สุด ซึ่งนึกภาพไม่ออกเลยว่า หากวันนี้สามประสานในแดนหน้าเล่นไม่ออกขึ้นมา สภาพของ ลิเวอร์พูล เกมนี้จะเป็นอย่างไร

Mohamed Salah,Sadio Mane

3. จังหวะหาชมยาก “ฟาน ไดคจ์ หลังหัก”

เกมคู่นี้นอกจากสกอร์ที่ยิงกันอุตลุดแล้ว ยังมีอีก 1 ไฮไลท์ ที่หาชมได้ยากสุด ๆ โดยเป็นจังหวะที่ทีมเยือนยิงประตูตีไข่แตกในครึ่งเวลาแรก เพราะก่อนที่ หวาง ฮี-ชาน จะซัดเข้าประตูไปนั้น เขาได้ทำการหลอกกองหลังที่ขึ้นชื่อว่าดีที่สุดในโลก ชนิดที่ว่าหลังหักกันเลยทีเดียว ซึ่งต้องบอกเลยว่าปกติแล้วแทบจะไม่มีใครเลี้ยงผ่านปราการหลังเจ้าของรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งยุโรปรายนี้ไปได้เลย แน่นอนว่าเกมนี้ ฟาน ไดคจ์ ก็ยังช่วยทีมไม่ให้เสียประตูเพิ่มได้หลายครั้ง แต่ยังไงซะจังหวะดังกล่าว มันก็คงเป็นช็อตเด็ดให้พูดถึงกันได้อีกนานเลยทีเดียว

FBL-EUR-C1-LIVERPOOL-SALZBURG

สเปอร์ส 2-7 บาเยิร์น มิวนิค : เก็บตกทุกประเด็นร้อนหลัง เสือใต้ ยำใหญ่ ไก่เดือยทอง ใน แชมเปี้ยนส์ลีก

การแข่งขัน ฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม 2019/20
วันแข่งขัน คืนวันอังคารที่ 1 ตุลาคม 2019
เวลาแข่งขัน 02.00 น. ตามเวลาประเทศไทย
ผลการแข่งขัน ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ 2-7 บาเยิร์น มิวนิค
สนาม ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ สเตเดี้ยม

ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ยังคงไร้ชัยในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ต่อเนื่องเมื่อพวกเขาเปิดบ้านถูก บาเยิร์น มิวนิค บุกมาถล่มขาดลอย 2-7 โดย 4 ประตูในนั้นของทัพ เสือใต้ มาจาก แซร์จ นาบรี อดีตแข้ง อาร์เซนอล

FBL-EUR-C1-TOTTENHAM-BAYERN MUNICH

เกมออกสตาร์ทด้วยความร้อนแรงเมื่อทั้ง 2 ฝ่ายต่างดาหน้าชิงจังหวะบุกเข้าใส่กันอย่างรวดเร็วก่อนที่ สเปอร์ส จะได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จาก ซน เฮือง-มิน ที่หลุดไปยิงเลียดหนีมือ มานูเอล นอยเอร์ เสียบมุม แต่แชมป์ บุนเดสลีกา ใช้เวลาเพียง 3 นาทีหลังจากนั้นในการตีเสมอเป็น 1-1 เมื่อ โจชัว คิมมิช ซัดไกลจากนอกกรอบเขตโทษ บอลโค้งหนี อูโก้ ยอริส ที่พยายามพุ่งปัดสุดเหยียดแต่ไม่ถึงบอล

ครึ่งแรกทำท่าจะจบลงด้วยผลเสมอแต่แล้ว โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ อาศัยจังหวะขลุกขลิกที่หน้าปากประตูเจ้าบ้าน บอลทะลักไปเข้าทางศูนย์หน้าชาว โปแลนด์ ก่อนที่จะกลับตัวยิงบอลพุ่งเลียดเสียบมุมชนิดที่ ยอริส หมดสิทธิ์เซฟให้ บาเยิร์น แซงเป็น 2-1 ในนาทีที่ 45

ครึ่งหลังเป็น บาเยิร์น ที่เป็นฝ่ายเฉียบขาดมากกว่าและ นาบรี ซัลโว 2 ประตูรวดในระยะเวลาห่างกันเพียง 10 นาทีให้ทีมเยือนขยับหนีเป็น 4-1 ก่อนที่ แฮร์รี เคน จะซัดลูกจุดโทษจากช็อตที่ แดนนี โรส ถูกทำฟาวล์ในกรอบเขตโทษให้พลพรรค ลิลลีไวทส์ ขยับตีตื้นเป็น 4-2 สร้างความหวังให้กับชาว ลอนดอนเนอร์ส อีกครั้ง

Niko Kovac,Serge Gnabry

ลูกทีมของ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน พยายามเร่งจังหวะโหมเกมรุกในช่วงท้ายเกม แนวรับของพวกเขาดันขึ้นสูงแต่ไม่สามารถทลายโซนป้องกันของทีมเยือนได้จนเป็นเหตุให้ถูกเกมสวนกลับเล่นงานหมดรูป ไล่ตั้งแต่ แฮตทริคของ นาบรี โดยมีประตูของ เลวานดอฟสกี้ คั่นกลาง ตามด้วยประตูที่ 4 ของอดีตเด็กปั้น ไอ้ปืนใหญ่ ทำให้จบเกมไปด้วยชัยชนะถล่มทลายของ บาเยิร์น ที่สกอร์ 7-2


ท็อตแนม ฮอตสเปอร์

ประเด็นหลังเกม

นับเป็นเกมที่ สเปอร์ส ตกอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่ต้องการคะแนนเมื่อพวกเขาหลุดเสมอกับ โอลิมเปียกอส ทีมในโถที่สามด้วยสกอร์ 2-2 ในเกมแรกและลูกทีมของ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน ก็ออกสตาร์ทได้อย่างยอดเยี่ยมและมีชีวิตชีวาจนสร้างปัญหาให้กับแนวรับของ บาเยิร์น มิวนิค อย่างเห็นได้ชัดก่อนที่จะเป็น ซน เฮือง-มิน ที่ซัลโวประตูขึ้นนำให้กับพวกเขา

หากแต่หลังจากนั้นเพียงไม่นาน ดีกรีความร้อนแรงของ ไก่เดือยทอง ก็ค่อยๆ ลดระดับลงเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไป ความผิดพลาดง่ายๆ ของพวกเขาเป็นสาเหตุให้ถูก เสือใต้ ตีเสมอและแซงขึ้นนำก่อนจบครึ่งแรก ไปจนถึงจุดเปลี่ยนเสีย 2 ประตูในช่วงต้นครึ่งหลัง

กว่าที่พวกเขาจะรู้ตัวและพยายามเร่งเครื่องโหมบุกหนักกว่าเดิมก็สายไปเสียแล้วแม้จะได้ประตูตีตื้นจากลูกจุดโทษของ แฮร์รี เคน ซึ่งเกมสวนกลับของทัพ เอฟซี ฮอลลีวูด ก็เข้าทางพวกเขาจนได้อีก 3 ประตูในช่วงท้าย


คะแนนนักเตะสเปอร์ส

FBL-EUR-C1-TOTTENHAM-BAYERN MUNICH

11 ผู้เล่นตัวจริง: ยอริส (4); ออริเยร์ (5), อัลเดอร์ไวเรลด์ (5), แฟร์ตองเก้น (5), โรส (5); ซิสโซโก้ (7*), วิงค์ส (4), เอ็นดอมเบเล (6); อัลลี (5); เคน (7), ซน (7)

ตัวสำรอง: เอริคเซน (5), มูรา (5), ลาเมลา (N/A)


คีย์แมน – มีเพียง มุสซา ซิสโซโก้ เท่านั้นที่พอดูจะมีความมุ่งมั่นให้เห็นตลอดทั้งเกมเมื่อโดดเด่นในการไล่บี้บีบพื้นที่ในแดนกลางอย่างต่อเนื่องแม้ว่าจะไม่สมบูรณ์แบบเท่าไหร่นักก็ตามที


บาเยิร์น มิวนิค

ประเด็นหลังเกม

Robert Lewandowski,Benjamin Pavard,Philippe Coutinho

บาเยิร์น มิวนิค ร้อนแรงสุดๆ ในเกมนี้แม้ว่าพวกเขาจะตกเป็นฝ่ายตามหลังไปก่อนตั้งแต่ต้นเกมโดยเฉพาะบรรดาแข้งในแนวรุกที่ระเบิดฟอร์มจนยากที่แนวรับของ สเปอร์ส จะต้านทาน

ประตูของ เลวานดอฟสกี้ ในช่วงท้ายครึ่งแรกทำให้โมเมนตัมของเกมเปลี่ยนไปเมื่อความมั่นใจกลับมาอยู่กับพลพรรค บาเยิร์น อีกครั้งและความเด็ดขาดของทีมเยือนก็ยังคงต่อเนื่องไปถึงช่วงต้นครึ่งหลังกับการได้อีก 2 ประตูอย่างรวดเร็วก่อนที่พวกเขาจะเผาเครื่องเจ้าถิ่นอย่างขาดลอยในช่วงเวลาที่เหลือ ประกาศศักดาบนเวทียุโรปฤดูกาลนี้อีกครั้ง


คะแนนนักเตะ บาเยิร์น มิวนิค

11 ผู้เล่นตัวจริง: นอยเออร์ (9); ปาวาร์ (6), บัวเต็ง (7), ซือเล (6), อลาบา (7); นาบรี (10*), คิมมิช (8), โตลิสโซ (6), โกม็อง (7); คูตินโญ (7); เลวานดอฟสกี้ (9)

ตัวสำรอง: ติอาโก้ (7), เปริซิช (6), มาร์ติเนซ (6)


คีย์แมน – แซร์จ นาบรี

Serge Gnabry

บรรดาแข้ง บาเยิร์น มิวนิค หลายรายที่ท็อปฟอร์มในเกมที่ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ สเตเดี้ยม แต่แน่นอนว่า 4 ประตูของ แซร์จ นาบรี ทำให้เราไม่สามารถเลือกใครคนอื่นได้นอกเหนือไปจากนี้

ดาวเตะวัย 24 ปีแสดงให้เห็นถึงความร้อนแรงในแดนหน้าเมื่อสามารถสร้างปัญหาให้กับแนวรับของ สเปอร์ส ได้ครั้งแล้วครั้งเล่ารวมทั้งยังเด็ดขาดกับจังหวะจบสกอร์จนเป็นที่มาของ 4 ประตูของเจ้าตัวในเกมนี้

นอกเหนือไปจากนั้นนักเตะอย่าง มานูเอล นอยเออร์, โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ และ โจชัว คิมมิช ก็เป็นคีย์แมนสำคัญที่ทำให้ เสือใต้ คว้าชัยได้อย่างขาดลอยในเกมนี้

แมนฯ ซิตี้ 2-0 ดินาโม ซาเกร็บ : เก็บตกทุกประเด็นร้อนหลังเกม แชมเปี้ยนส์ลีก

การแข่งขัน
ฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม 2019/20
วันแข่งขัน คืนวันอังคารที่ 1 ตุลาคม 2019
เวลาแข่งขัน 02.00 น. ตามเวลาประเทศไทย
ผลการแแข่งขัน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2-0 ดินาโม ซาเกร็บ
สนาม เอติฮัด สเตเดี้ยม

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยังคง ร้อนแรงต่อเนื่องเมื่อเปิดบ้านอัด ดินาโม ซาเกร็บ ไปด้วยสกอร์ 2-0 จากประตูของ ราฮีม สเตอร์ลิง และ ฟิล โฟเด้น

เรือใบสีฟ้า เป็นฝ่ายครองเกมได้อย่างเบ็ดเสร็จตั้งแต่ครึ่งแรกกับสัดส่วนการครอบครองบอล 79 เปอร์เซ็นต์แต่กลับไม่มีความเด็ดขาดในจังหวะสุดท้ายเมื่อโอกาสสับไกยิงทั้งหมด 8 ครั้งของพวกเขาตรงกรอบแค่เพียง 1 ครั้งเท่านั้น

Phil Foden

รูปเกมในครึ่งหลังยังคงเป็นไปเช่นเดิมกระทั่ง แมนฯ ซิตี้ มาได้ประตูปลดล็อคในที่สุดนาทีที่ 56 เมื่อซัลโวให้ทีมออกนำ 1-0 จากผลของการเร่งเครื่องของเจ้าถิ่นก่อนที่ โฟเด้น จะจบสกอร์ในจังหวะสวนกลับเร็วในช่วงทดเวลาบาดเจ็บให้ลูกทีมของ เป๊บ กวาร์ดิโอลา กำชัยไปได้ด้วยสกอร์ 2-0


แมนเชสเตอร์ ซิตี้

ประเด็นหลังเกม

Pep Guardiola

กวาร์ดิโอกลา จัดทีมโดยไร้ชื่อของ เควิน เดอ บรอยน์ จากอาการบาดเจ็บ ซึ่งแม้ว่าพวกเขาจะไร้ซึ่งเพลย์เมคเกอร์ทีมชาติ เบลเยียม แต่การสร้างสรรค์เกมรุกของ เรือใบสีฟ้า ไม่ได้ด้อยความร้อนแรงแรงไปเลยกับการดาหน้าครองบอลพับสนามบุกอย่างชัดเจน

ทว่าปัญหาของพวกเขาในครึ่งเวลาแรกกลายเป็นการจบสกอร์ที่ไม่สามารถส่งบอลสู่ก้นตาข่ายทีมเยือนจาก โครเอเชีย ได้ก่อนที่ ราฮีม สเตอร์ลิง จะลงมายกระดับเกมในแดนหน้าและซัลโวประตูเบิกร่องให้กับทีมต่อด้วยประตูย้ำชัยในช่วงทดเวลาบาดเจ็บของ โฟเด้น


คะแนนนักเตะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้

11 ผู้เล่นตัวจริง: เอแดร์ซอน (6); คันเซโล (7), โอตาเมนดี้ (7), แฟร์นันดินโญ (7) เมนดี้ (8); กุนโดกัน (7), โรดรี (8*), ซิลบา (6); มาห์เรซ (7), อเกวโร (7), แบร์นาโด้ (6)

ตัวสำรอง: สเตอร์ลิง (8), เชซุส (5), โฟเด้น (7)


คีย์แมน – โรดรี

Manchester City v Dinamo Zagreb: Group C - UEFA Champions League

ในวันที่ แฟร์นันดินโญ โรยราและไม่อาจยืนระยะเป็นตัวหลักในแดนกลางของทีมได้อีกต่อไปจนตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็คดูจะลงล็อคกับเจ้าตัวเมื่อทีมขาดปราการหลังอาชีพหลายรายจากอาการบาดเจ็บ ตัวแทนชาว สเปน ของเขานับวันจะยิ่งฉายแสงใากขึ้นเรื่อยๆ

โรดรี รับบทบาทเป็นกองกลางบ็อกซ์ทูกบ็อกซ์เมื่อเจอกับคู่แข่งที่ตั้งรับลึกอย่าง ดินาโม ซาเกร็บ ที่ไม่ได้มีจังหวะสปรินท์ขึ้นลงให้เห็นแต่ถูกแทนที่ด้วยการยืนตำแหน่งถูกที่ถูกเวลา แถมยังคอยสอดซ้อนยามที่ แบงฌาแม็ง เมนดี้ ทะยานขึ้นไปเล่นเกมรุกที่กราบซ้าย, ดักเก็บลูกโด่งที่กลางสนาม รวมไปวิสัยทัศน์ที่ยอดเยี่ยมในการผ่านบอลอันเป็นที่มาของจังหวะเริ่มต้นการได้ประตูเบิกร่อง

แมนฯ ซิตี้ vs ดินาโม ซาเกร็บ : พรีวิว แชมเปี้ยนส์ลีก, วัน+เวลาการแข่งขัน, ถ่ายทอดสด


ข้อมูลการแข่งขัน


การแข่งขัน ฟุตบอล ​ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม 2019/20
วันแข่งขัน คืนวันอังคารที่ 1 ตุลาคม 2019
เวลาแข่งขัน 02.00 น. ตามเวลาประเทศไทย
คู่แข่งขัน ​แมนเชสเตอร์ ซิตี้ vs ดินาโม ซาเกร็บ
สนาม เอติฮัด สเตเดี้ยม
ถ่ายทอดสด DAZN

ความพร้อมทั้ง 2 ทีม


แมนเชสเตอร์ ซิตี้

ทัพ เรือใบสีฟ้า จะยังคงไม่สามารถใช้งาน ไอเมอริค ลาปอร์ต, เลรอย ซาเน และ จอห์น สโตนส์ ในเกมต้อนรับการมาเยือนของ ซาเกร็บ ในเกมนี้ ขณะที่ เควิน เดอ บรอยน์ ไม่ได้ลงฝึกซ้อมร่วมกับทีมเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาโดยที่ไม่มีการเปิดเผยถึงสาเหตุแต่อย่างใด โดยคาดการณ์ว่า ดาบิด ซิลบา หรือ แบร์นาโด้ ซิลวา จะได้ออกสตาร์แทนที่ประสานงานร่วมกับ โรดริโก้ ที่แดนกลาง

เซร์คิโอ อเกวโร ฟิตพอที่จะลงเล่นในฐานะตัวสำรองในเกมที่ กูดิสัน พาร์ค เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาและคาดว่าจะกลับมามีชื่อเป็นตัวจริงแทนที่ กาเบรียล เชซุส ในเกมนี้ ขณะที่ โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ ทำผลงานได้ไม่ดีนักในเกมก่อนและคาดการณ์ว่า แบ็งฌาแม็ง เมนดี้ จะได้ออกสตาร์ทแทนที่ในตำแหน่งแบ็คซ้ายโดยที่ ชูเอา คันเซโล มีลุ้นเบียด ไคล์ วอล์คเกอร์ ในตำแหน่งแบ็คขวา ขณะที่ ริยาด มาห์เรซ จะได้ลงเล่นต่อเนื่องหลังท็อปฟอร์มในเกมที่ผ่านมา

คาดการณ์ 11 ตัวจริง : 4-3-3

ผู้รักษาประตู เอแดร์ซอน
กองหลัง คันเซโล, แฟร์นันดินโญ, โอตาเมนดี้, เมนดี้
กองกลาง ซิลบา, โรดริโก้, แบร์นาโด้
กองหน้า มาห์เรซ, อเกวโร, สเตอร์ลิง

ดินาโม ซาเกร็บ

ตัวแทนจาก โครเอเชีย อยู่ในสภาพฟูลทีมเมื่อไร้ทั้งนักเตะเจ็บและติดโทษแบน โดยพวกเขามี ดานี โอลโม สตาร์ทีมชาติ สเปน รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปีเป็นแข้งชูโรง

คาดการณ์ 11 ตัวจริง : 3-4-3

ผู้รักษาประตู ลิวาโควิช
กองหลัง เธโอฟิล-แคทเธอรีน, เดลาแวร์, เปริช
กองกลาง สโตยาโนวิช, โมโร, อเดมี, เลโอวัช
กองหน้า ออร์ซิช, เพ็ทโควิช, โอลโม

ผลงาน 5 นัดหลังสุด


แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (ชนะ 4 เสมอ 0 แพ้ 1)

29 กันยายน พรีเมียร์ลีก เอฟเวอร์ตัน 1 : 3 แมนฯ ซิตี้ ชนะ
25 กันยายน คาราบาว คัพ เปรสตัน 0 : 3 แมนฯ ซิตี้ ชนะ
21 กันยายน พรีเมียร์ลีก แมนฯ ซิตี้ 8 : 0 วัตฟอร์ด ชนะ
19 กันยายน แชมเปี้ยนส์ลีก ชัคตาร์ฯ 0 : 3 แมนฯ ซิตี้ ชนะ
15 กันยายน พรีเมียร์ลีก นอริช 3 : 2 แมนฯ ซิตี้ แพ้

ดินาโม ซาเกร็บ (ชนะ 4 เสมอ 0 แพ้ 1)

28 กันยายน เปอร์วา เอชเอ็นแอล เอ็นเค โลโคโมทิวา 0 : 4 ดิ. ซาเกร็บ ชนะ
24 กันยายน โครเอเชียน คัพ คาร์โลวัช 0 : 7 ดิ. ซาเกร็บ ชนะ
22 กันยายน เปอร์วา เอชเอ็นแอล วาราซดิน 1 : 0 ดิ. ซาเกร็บ แพ้
19 กันยายน แชมเปี้ยนส์ลีก ดิ. ซาเกร็บ 4 : 0 อตาลันต้า ชนะ
14 กันยายน เปอร์วา เอชเอ็นแอล ดิ. ซาเกร็บ 1 : 0 อิสตรา 1961 ชนะ

เฮดทูเฮด : N/A


สถิติจาก OPTA ที่น่าสนใจ


  • เกมนี้จะเป็นการพบกันครั้งแรกระหว่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ ดินาโม ซาเกร็บ ในการแข่งขันบนเวทียุโรป

  • ซาเกร็บ ไม่เคยคว้าชัยเมื่อบุกมาเยือนทีมจาก อังกฤษ ได้เลยในการแข่งขันทัวร์นาเมนต์ ยุโรป ทุกรายการ (ชนะ เสมอ 2 แพ้ 5)

  • แมนฯ ซิตี้ มีสถิติเก็บชัยชนะในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เมื่อเล่นใน เอติฮัด สเตเดี้ยม 4 เกมหลังสุดติดต่อกันด้วยสกอร์รวม 19-4 แต่พวกเขาไม่เคยคว้าชัยติดต่อกัน 5 นัดมาก่อนในรายการนี้โดยที่ ซิตี้ ปราชัย 1 จาก 11 เกมเหย้าหลังสุดในรอบแบ่งกลุ่ม (ชนะ 9 เสมอ 1 แพ้ 1)

  • ดินาโม ซาเกร็บ ไร้ชัยในเกมเยือน แชมเปี้ยนส์ลีก 15 นัดหลังสุด (เสมอ 2 แพ้ 13) โดยเป็นความพ่ายแพ้ติดต่อกัน 12 นัดเข้าไปแล้วซึ่งยังไม่เคยมีทีมในปราชัยในรายการนี้เมื่อเล่นเป็นทีมเยือน 13 นัดติดต่อกันมาก่อน (สปาร์ตัก มอสโคว์ ก็มีสถิติปราชัย 12 เกมระหว่างเดือนตุลาคม 2000 – ตุลาคม 2006)

  • ชัยชนะของ เรือใบสีฟ้า เหนือ ชัคตาร​์ โดเน็ทส์ค 3-0 นับเป็นเกมที่ 30 ของ เป๊บ กวาร์ดิโอลา ใน แชมเปี้ยนส์ลีก ที่เอาชนะคู่แข่งอย่างน้อย 3 ประตู มีเพียง คาร์โล อันเชล็อตติ เท่านั้นที่คุมทีมเอาชนะคู่แข่งด้วยผลต่างดังกล่าวในจำนวนนัดที่มากกว่า เป๊บ ในรายการนี้ (32 นัด)

  • ซาเกร็บ เพิ่งจะหยุดสถิติพ่ายแพ้ติดต่อกัน 11 ในถ้วยบิ๊กเอียร์ด้วยชัยชนะเหนือ อตาลันต้า ในเกมแรก อย่างไรก็ตาม พวกเขามีสถิติคว้าชัยติดต่อกันในรายการนี้เพียง 1 ครั้งเท่านั้น (พฤศจิกายน 1998)

  • หาก กาเบรียล เชซุส ทำประตูในเกมนี้ได้จะทำให้เขากลายเป็นนักเตะ บราซิล อายุน้อยที่สุดที่พังประตูใน แชมเปี้ยนส์ลีก แตะหลัก 10 ประตู (22 ปี 181 วัน) และจะกลายเป็นแข้งจากทวีป อเมริกาใต้ ที่ยิงแตะ 10 ประตูด้วยอายุน้อยที่สุดต่อจากที่ ลิโอเนล เมสซี ทำได้ (21 ปี 99 วัน) เมื่อเดือนตุลาคม 2008

  • แฮตทริคในเกมเดบิวต์ แชมเปี้ยนส์ลีก ของ มิสลาฟ ออร์ซิช ในเกมกับ อตาลันต้า นับเป็นแฮตทริคครั้งแรกของทีมจาก โครเอเชีย ที่เกิดขึ้นในรายการนี้ และมีเพียง อเล็น บ็อคซิช (พฤศจิกายน 1992 กับ มาร์เซย์) และ นิโคลา วลาซิช (2018 กับ ซีเอสเคเอ มอสโคว์) เท่านั้นที่สามารถยิงประตูใน 2 นัดแรกกับการลงเล่นในรายการนี้

  • ริยาด มาห์เรซ มีส่วนเกี่ยวข้องกับ 7 ประตูของ แมนฯ ซิตี้ ใน ยูซีแอล จาก 7 เกมหลังสุด (2 ประตู 5 แอสซิสต์)​

  • เป๊บ กวาร์ดิโอลา เคยคุมทีมเอาชนะ ดินาโม ซาเกร็บ 2 ครั้งเมื่อยังคุมทีม บาเยิร์น มิวนิค ในฤดูกาล 2015/16 ในรายการนี้รอบแบ่งกลุ่มด้วยสกอร์ 5-0 และ 2-0

ไอ้หนุ่มขายาว ! มาต้า อวย วาน-บิสซาก้า คือกองหลังเก่งสุดในรุ่น

ฆวน มาต้า กองกลางรุ่นซีเนียร์ของ ​แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมดังใน พรีเมียร์ลีก กล่าวคำชื่นชมแก่ อารอน วาน-บิสซาก้า แข้งใหม่ค่าตัวแพงว่า ไม่เคยเห็นใครเก่งเท่านี้มาก่อน โดยเฉพาะกับดาวรุ่งวัยใกล้เคียงกัน

“อารอน วาน-บิสซาก้า เป็นแบ็คขวาดาวรุ่งที่มีความสามารถในการเล่นเกมรับสูงมากจริง ๆ การเข้าแท็คเกิลแต่ละจังหวะของเด็กคนนี้แม่นยำและแน่นอนสุด ๆ” มาต้า กล่าว

“พูดแล้วก็จะเหมือนเล่นใหญ่เกินไปหน่อย แต่ผมไม่เคยเห็นกองหลังคนไหนเก่งแบบ วาน-บิสซาก้า มาก่อนถ้านับเฉพาะรุ่นเดียวกัน นี่มันคือเรื่องเหลือเชื่อเลยใช่ไหมล่ะ ผมฝึกซ้อมร่วมกับเด็กคนนี้ทุกวันอยู่แล้ว และการจะเลี้ยงบอลให้ผ่านได้แต่ละทีนี่คือยากสุด ๆ แทบรากเลือดเลยล่ะ ด้วยความที่ขาเขายาวมากทำให้เหมือนจะไปได้แล้ว แต่กลับโดนเกี่ยวเอาบอลไปทุกที”

“และเมื่อดูจากพรสวรรค์, ศักยภาพ และความมุ่งมั่นในการทำงานหนักแล้ว ผมมั่นใจว่า วาน-บิสซาก้า จะพัฒนาฝีเท้าขึ้นไปได้กว่านี้อีกหลายเท่าแน่ รอดูได้เลย”