[ข่าวซื้อขาย] เมิน ผี-หงส์ ! สกายปูดสโมสรที่ เออร์ลิง ฮาแลนด์ สนย้ายร่วมทัพ

​แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด​ลิเวอร์พูล รวมไปถึง ​อาร์เซนอล ยักษ์ใหญ่แห่งศึก ​ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ อาจต้องอกหักในการคว้าตัว เออร์ลิง เบราท์ ฮาแลนด์ วันเดอร์คิดวัย 19 ปีของ เรดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก เมื่อสโมสรที่เจ้าหนูรายนี้ต้องการย้ายไปร่วมทัพไม่ใช่บิ๊กทีมแดนผู้ดีตามการรายการของ สกายสปอตส์

โดยสื่อชื่อดังเผยว่าดาวยิงทีมชาติ นอร์เวย์ แสดงความสนใจที่จะค้าแข้งอยู่กับทีมในเครือ อาร์บี กรุ๊ป ต่อไปและ แอร์เบ ไลป์ซิก แห่ง บุนเดสลีกา เยอรมนี กลายเป็นจุดหมายปลายทางของกองหน้าอนาคตไกลรายนี้

รายงานชี้ว่า ฮาแลนด์ ตกเป็นเป้าหมายของ ยูเลียน เนเกิลส์มันน์ กุนซือ ไลป์ซิก เช่นเดียวกับยักษ์ใหญ่ในยุโรปอย่าง เรอัล มาดริด, บาร์เซโลนา และ ยูเวนตุส โดยขงเบ้งวัย 32 ปีคาดว่าจะดึงดูดเจ้าหนูรายนี้ให้ย้ายมาร่วมทีมได้เมื่อพวกเขามีกองหน้ารุ่นราวใกล้เคียงกันอย่าง ติโม แวร์เนอร์ ที่รอเป็นคู่หูในถิ่น เรดบูลล์ อารีนา

โดยที่บอร์ดบริหารของ ไลป์ซิก เชื่อว่าจะสามารถโน้มน้าว อัลฟ์ อิงเก้ ฮาแลนด์ ผู้เป็นพ่อให้มั่นใจในเส้นทางการพัฒนาฝีเท้าของ เออร์ลิง ภายใต้โค้ชหนุ่มอย่าง เนเกิลส์มันน์ และ ราล์ฟ รังนิค ผู้อำนวยการกีฬาของพวกเขาได้

เลือดสีน้ำเงิน ! วิลเลียน ลั่นเคยปฏิเสธ บาร์ซา เพื่ออยู่ เชลซี ต่อ

วิลเลียน สตาร์วัย 31 ของ ​เชลซี เผยว่าเขาได้ปฏิเสธข้อเสนอจากทีมยักษ์ใหญ่อย่าง บาร์เซโลนา เมื่อปีที่แล้วเพื่อการได้อยู่ในถิ่น สแตมฟอร์บริดจ์ ต่อไป

โดย วิลเลียน ย้ายมาอยู่กับ สิงห์บลู ตั้งแต่ปี 2013 และเขาเองก็เป็นส่วนสำคัญในการพาทีมประสบความสำเร็จในทุกๆ รายการที่ผ่านมาตลอดหลายปี

“ข้อเสนอที่เป็นทางการข้อเสนอเดียวที่ผมได้รับนั้นมาจขาก บาร์เซโลนา เมื่อปีที่แล้วหลังจากจบฟุตบอลโลก” นักเตะทีมชาติบราซิลกล่าว 

“บาร์เซโลนา ได้พยายามยื่นข้อเสนอมาให้ เชลซี แต่สุดท้ายก็ถูกปฏิเสธไป”

“ตอนนั้นผมได้มีการพูดคุยกับครอบครัวอย่างจริงจัง แต่เราเองก็ยังมีความสุขมากๆ ที่ลอนดอนรวมถึงยังมีตัวแปรหลายๆ อย่างที่ทำให้อยากอยู่ต่อด้วย”

แม้เป็นเจ้าบ้าน ! เฟร็ด เตือน ผีแดง ห้ามประมาท ปาร์ติซาน เบลเกรด

เฟร็ด กองกลาง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ออกมาเตือนว่าการเจอกับ ปาร์ติซาน เบลเกรด ในบ้านจะไม่ใช่งานที่ง่ายสำหรับพวกเขา

โดย ปีศาจแดง เพิ่งบุกไปเอาชนะ ปาร์ติซาน เมื่อเกม ยูโรป้าลีก นัดล่าสุด จึงทำให้เกมนี้หากเก็บ 3 คะแนนได้อีกก็จะการันตีการผ่านเข้ารอบน็อคเอาท์นั่นเอง

“มันเป็นเรื่องสำคัญที่เราสามารถเก็บชัยชนะมาได้ก่อน” เฟร็ด กล่าว “ปาร์ติซาน เป็นทีมคุณภาพแต่เราเองก็ทำได้ดีและสามารถเอาชนะมาก่อน 1-0”

“การเล่นที่นี่ (โอลด์แทร็ฟฟอร์ด) จะไม่แตกต่างมากนัก มันไม่ใช่เรื่องง่ายในการเจอกับพวกเขาแต่เราเองก็จะต้องคว้าชัยชนะให้ได้”

“เราเองต้องเตรียมตัวให้ดีที่สุด แต่สิ่งสำคัญก็คือต้องลงสนามไปพร้อมกับการเล่นที่ยอดเยี่ยมพร้อมคว้าชัยชนะให้ได้”

[Match Report] ปืนฝืด ! อาร์เซนอล บุกเจ๊า วิตอเรีย กิมาไรส์ 1-1 ศึก ยูโรปาลีก

ฟุตบอล ยูฟ่า ยูโรปาลีก 2019/20 รอบแบ่งกลุ่ม

วิตอเรีย กิมาไรส์ 1-1 อาร์เซนอล

วันพุธที่ 6 พฤศจิกายน 22:50 น.

สนามเอสตาดิโอ ดี อฟอนโซ เอนริเกส์


ประตูจากในช่วงทดเวลาบาดเจ็บของ บรูโน ดูอาร์เต้ กู้ชีพให้ วิตอเรีย กิมาไรส์ ตามตีเสมอ อาร์เซนอล 1-1 ได้สำเร็จให้หลังจากประตูของ ชโคดราน มุสตาฟี ช่วงท้ายเกมในศึก ยูฟ่า ยูโรปาลีก รอบแบ่งกลุ่มนัดที่ใน เอสตาดิโอ ดี อฟอนโซ เอนริเกส์ ที่ โปรตุเกส

FBL-EUR-C3-VITORIA-ARSENAL

วิตอเรีย ออกสตาร์ทได้อย่างวูบวาบและเป็นฝ่ายได้ลุ้นก่อนจากลูกยิงไกลจากระยะราว 25 หลาของ เปเป้ ที่บอลพุ่งวาบชนิดที่ เอมิเลียโน มาร์ติเนซ พยายามพุ่งสุดเอื้อมแต่ไม่ถึงก่อนที่บอลจะพุ่งชนเสาอย่างจังกระดอนออกไป

ไอ้ปืนใหญ่ ยังคงไม่สามารถตั้งเกมติดเมื่อเวลาผ่านไป และเป็น มาร์ติเนซ นายทวารทีมเยือนที่งัด 2 ซูเปอร์เซฟซ้อนๆ ภายใน 20 นาทีแรก ขณะที่โอกาสเหน่งๆ ของทีมเยือนมาจากลูกโหม่งของ ร็อบ โฮลดิ้ง ที่ข้ามคานออกไป ตามด้วยลูกฟรีคิกของ นิโกลาส์ เปเป้ ที่สอยฟรีคิกขึ้นไปบนอัฒจันทร์หลังประตู ก่อนที่จะจบครึ่งแรกแบบไร้สกอร์

ครึ่งหลังยังคงเป็นเจ้าถิ่นที่ทำได้เหนือกว่าอย่างต่อเนื่องจากจังหวะฉาบฉวยโดยที่ เดอะกันเนอร์ส ไม่สามารถหาจังหวะของตัวเองได้เจอ

FBL-EUR-C3-VITORIA-ARSENAL

อย่างไรก็ตาม ลูกทีมของ อูไน เอเมรี มาได้ประตูปลดล็อคขึ้นนำ 1-0 ในนาทีที่ 81 เมื่อลูกฟรีคิกของ เปเป้ ลอยไปเข้าหัว มุสตาฟี โหม่งย้อนทางมือกาว วิตอเรีย บอลไปซุกที่ก้นตาข่าย

เกมทำท่าจะจบลงด้วยชัยชนะนัดที่ 4 ติดต่อกันในศึก ยูโรปา ลีกของ ไอ้ปืนใหญ่ แต่แล้วเจ้าบ้านก็มาพังประตูตีเสมอ 1-1 สำเร็จในนาทีที่ 90+1 จากลูกตีลังกายิงของ ดูอาร์เต้ กดลงพื้นข้ามหัวกองหลังของทีมเยือนที่พยายามป้องกันที่เส้นประตูตุงตาข่ายและจบเกมไปด้วยสกอร์ดังกล่าว


รายชื่อผู้เล่นของทั้ง 2 ทีม

วิตอเรีย กิมาไรส์ : ดักลาส, วิคเตอร์ การ์เซีย, เวนานชิโอ, แท็ปโซบา, ราฟา โซอาเรส, มิเกล, เปเป้, ลูคัส อีวานเจลิสตา, ดาบิดซอน, มาร์คัส เอ็ดเวิร์ดส, บรูโน ดูอาร์เต้

 

อาร์เซนอล : มาร์ติเนซ, โซคราติส, โฮลดิ้ง, มุสตาฟี, เมตแลนด์-ไนลส์, เซบาญอส, วิลล็อค, เทียร์นีย์, เปเป้, มาร์ติเนลลี, ซาก้า

ตัวสำรอง : เลโน, เบเยริน, โคลาซินาช, เกนดูซี, ตอร์เรย์รา, เนลสัน, ลากาเซ็ตต์

ลิเวอร์พูล 2-1 เกงค์ : เก็บตกทุกประเด็นร้อนหลังเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก

การแข่งขันฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 2019/20 รอบแบ่งกลุ่ม

คืนวันอังคารที่ 5 พฤศจิกายน 2019

เวลาแข่งขัน 03.00 น. ตามเวลาประเทศไทย

ผลการแข่งขัน ลิเวอร์พูล 2-1 เกงค์

สนามแอนฟิลด์


4. ซ้อมใหญ่ หงส์แดง

นับว่าเป็นเกมที่พลพรรค ลิเวอร์พูล เล่นราวกับซ้อมใหญ่โดยเฉพาะในครึ่งเวลาแรกเมื่อพวกเขาเป็นฝ่ายครองเกมได้ฝ่ายเดียวและดาหน้าเซ็ตบอลเข้าทำอย่างต่อเนื่องกระทั่งมาได้ประตูขึ้นนำจาก จินี ไวนัลดุม ตั้งแต่นาทีที่ 14 ของเกม

ประตูเบิกร่องยิ่งทำให้ หงส์แดง เล่นด้วยความมั่นใจยิ่งขึ้นกว่าเดิม บอลถูกถ่ายสลับซ้ายทีขวาทีพร้อมกับการดาหน้าเติมขึ้นไปมีส่วนกับเกมรุกของบรรดานักเตะในแดนกลางและฟูลแบ็คสองข้างโดยที่เกมสวนกลับของ เกงค์ ไร้ประสิทธิภาพอย่างสิ้นเชิง

โอกาสยิงประตูครั้งแรกของทีมเยือนมาเกิดขึ้นเอาในนาทีที่ 41 จากการโหม่งลูกเตะมุมของ ซามาตตา และโชคร้ายสำหรับ เร้ดแมชีน ที่มันกลายเป็นประตู หลังจากนั้นโมเมนตัมเอนเอียงไปที่ทีมจาก เบลเยียม กระทั่งจบครึ่งแรก

ครึ่งหลังรูปเกมยังคงเป็นไปในรูปแบบเดิมแต่ดูบรรดาลูกทีมของ เยอร์เก้น คล็อปป์ จะเผชิญหน้ากับความกดดันมากขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อยจากสกอร์ที่เท่ากัน อย่างไรก็ตาม ประตูของ อเล็กซ์ อ็อกซ์เหลด-แชมเบอร์เลน ในนาทีที่ 53 ก็มาปลดล็อคให้กับพวกเขาอีกครั้ง ทว่าเจ้าถิ่นไม่สามารถรักษาระดับความดุดันเอาไว้ได้ตลอดรอดฝั่งรวมกับพลาดโอกาสทองที่จะทำให้สกอร์หนีไปเป็น 3-1 อีกมากมายหลังจากนั้นจึงทำให้ เกงค์ เกือบจะคัมแบ็คกลับมาได้ในช่วงท้ายเกม เคราะห์ดีที่ อลิสซอน เบ็คเกอร์ ซูเปอร์เซฟลูกยิงจากการหลุดเดี่ยวของ เฮย์เนน ไว้ได้อย่างน่าเหลือเชื่อ

3. ฟูลแบ็คยังคงร้อนแรง

ด้วยการที่มีเกมสำคัญกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในศึก พรีเมียร์ลีก รออยู่ในสุดสัปดาห์นี้ทำให้ เยอร์เก้น คล็อปป์ จำเป็นต้องโรเตชันทีมบางส่วน หนึ่งในนั้นคือ เจมส์ มิลเนอร์ ที่ได้ลงประจำการที่แบ็คซ้ายแทน แอนดี้ โรเบิร์ตสัน โดยมี เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ทำหน้าที่ที่แบ็คขวาเช่นเดิม

เจ้าหนู เทรนท์ ยังคงโดดเด่นเหมือนเช่นเคยกับการเติมเกมรุกและการครอสที่กราบขวา แต่ที่น่าประทับยิ่งกว่านั้นก็คือ มิลเนอร์ ในวัย 33 ปีที่เล่นได้อย่างวูบวาบที่ริมเส้นฝั่งซ้าย ความหวือหวาแบบ โรเบิร์ตสัน ถูกทดแทนด้วยความเข้าใจเกมเมื่อ น้ามิล สามารถสอดประสานกับทั้งแดนกลางและแดนหน้าได้อย่างลงตัว

2. ดิอ็อกซ์ พร้อมสอดแทรกแดนกลาง

หลังจากได้รับบาดเจ็บหนักจนต้องพักยาวเมื่อซีซันที่ผ่านมาก่อนที่จะกลับมามีส่วนร่วมกับทีมได้อย่างเต็มๆ อีกครั้งในฤดูกาล 2019/20 จนถึงเวลานี้ อเล็กซ์ อ็อกซ์เหลด-แชมเบอร์เลน มีส่วนร่วมกับการได้ประตูของทีมไปแล้ว 5 ครั้ง (4 ประตู 1 แอสซิสต์) จากการลงสนาม 13 นัดเมื่อรวมทุกรายการ (ตัวจริง 7 นัดและสำรอง 6 นัด)

ดิอ็อกซ์ ถูกจับไปเล่นที่กราบซ้ายรวมทั้งเคลื่อนที่ประสานงานกับเพื่อนร่วมทีมที่แดนกลาง ด้วยความคล่องแคล่วที่มีทำให้ดาวเตะชาว อังกฤษ โดดเด่นยามโฉบขึ้นไปยังพื้นที่ว่างเพื่อมีส่วนร่วมกับเกมรุกกระทั่งเป็นที่มาของการได้ประตูชัยของทีมในครึ่งหลัง

1. ทางข้างหน้าของ หงส์แดง

เยอร์เก้น คล็อปป์ วางเดิมพันโรเตชันบรรดานักเตะตัวหลักทั้ง แอนดี้ โรเบิร์ตสัน, ซาดิโอ มาเน และ โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน ไว้ที่ข้างสนามเมื่อมีเกมซูเปอร์บิ๊กแมตช์กับ แมนฯ ซิตี้ รออยู่ และเดิมพันดังกล่าวของกุนซือเฮฟวีเมทัล ก็เป็นผลดีกับ หงส์แดง เมื่อลูกทีมชุดผสมสามารถเอาตัวรอดในเกมกับ เกงค์ ได้สำเร็จแม้จะมีจังหวะหวาดเสียวให้เห็นอยู่บ้างประปราย

จากนี้ คล็อปป์ ก็เหลือเพียงการวางแท็คติกโฟกัสกับเกมดวล เรือใบสีฟ้า อย่างเต็มที่ซึ่งน่าจะเป็นหนึ่งในจุดเปลี่ยนเส้นทางลุ้นแชมป์ พรีเมียร์ลีก ซีซันนี้ของทั้ง 2 ทีมก่อนที่ เร้ดแมชีน จะตะลุยโปรแกรมหฤโหดทั้งในลีก, คาราบาว คัพ, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก และคิวเตะชิงแชมป์สโมสรโลก ในเดือนธันวาคมนี้

อตาลันต้า 1-1 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ : สังเวย เอแดร์ซอน-ตะเพิด บราโบ ! เรือใบ 10 คนเกือบล่มยันเจ๊า UCL

ฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 2019/20 รอบแบ่งกลุ่ม

อตาลันต้า 1-1 แมนเชสเตอร์ ซิตี้

คืนวันพุธที่ 6 พฤศจิกายน 03:00 น.

สนามซาน ซิโร


แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เกือบเอาตัวไม่รอดในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ที่ ซาน ซิโร แม้ว่าจะได้ประตูขึ้นนำตั้งแต่ไก่โห่จาก ราฮีม สเตอร์ลิง ก่อนที่จะพบกับจุดเปลี่ยนเมื่อ กาเบรียล เชซุส พลาดจุดโทษ ตามด้วย เอแดร์ซอน ได้รับบาดเจ็บ และ เคลาดิโอ บราโบ โดนใบแดงไล่ออกจากสนามช่วงท้ายเกมจน ไคล์ วอล์คเกอร์ ต้องทำหน้าที่ผู้รักษาประตูจำเป็นช่วยทีมเก็บ 1 แต้มกับ อตาลันต้า มาได้

FBL-EUR-C1-ATALANTA-MAN CITY

เป๊บ กวาร์ดิโอลา จัดทัพชุดใหญ่เต็มสูบในเกมนี้เมื่อส่ง ริยาด มาห์เรซ ประจำการที่แดนหน้าประสานงานร่วมกับ เชซุส และ สเตอร์ลิง โดยมี เควิน เดอ บรอยน์ ขับเคลื่อนแดนกลางพร้อมกับ แบร์นาโด้ ซิลบา และ อิลคาย กุนโดกัน คัดท้ายแม้ว่าจะมีเกมซูเปอร์บิ๊กแมตช์กับ ลิเวอร์พูล บนเวที พรีเมียร์ลีก รออยู่ในคืนวันอาทิตย์นี้ก็ตาม

เกมเริ่มต้นมาได้เพียง 7 นาที เรือใบสีฟ้า ก็ได้ประตูเบิกร่อง 1-0 จาก สเตอร์ลิง ที่ปั่นโค้งลูกทริคแอสซิสต์ของ เชซุส ในกรอบเขตโทษตุงตาข่าย และรูปเกมก็เข้าทางทีมเยือนจาก แมนเชสเตอร์ นับตั้งแต่นั้น

Gabriel Jesus

ก่อนที่จะจบครึ่งแรกเพียงไม่กี่อึดใจ ซิตี้ ก็เกือบจะได้ลูกจุดโทษเมื่อ สเตอร์ลิง ถูก ราฟาเอล โตลอย อัดล้มลงบริเวณกรอบเขตโทษ ผู้ตัดสินในสนามชี้ให้เป็นลูกโทษทันทีก่อนที่การพิจารณาจาก VAR จะให้เป็นฟรีคิกนอกเขต แต่ผลจากลูกฟรีคิกดังกล่าวที่ติดแขนของผู้เล่นเจ้าถิ่นในกำแพงทำให้ VAR ตัดสินเป็นลูกจุดโทษ ทว่า เชซุส ผู้รับหน้าที่สังหารกลับยิงแป้กหลุดกรอบออกไปและจบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์นำเพียง 1-0 ของทัพ เรือใบ

ครึ่งหลังออกสตาร์ทด้วยการเปลี่ยนตัวเอา เอแดร์ซอน ที่คาดว่าจะได้รับบาดเจ็บออกจากสนามโดย เคลาดิโอ บราโบ ลงมาแทนที่ และหลังจากนั้นเพียง 8 นาที เจ้าถิ่นก็มาได้ประตูตีเสมอ 1-1 จากจังหวะฉาบฉวยเมื่อตัดบอลได้ที่กลางสนามก่อนบอลจะไปถึง ปาปู โกเมซ ที่กราบซ้ายครอสเข้าไปที่กรอบ 6 หลาเข้าหัว มาริโอ พาซาลิช แข้งตัวยืมจาก เชลซี โหม่งผ่านมือ บราโบ ตุงตาข่าย

Kyle Walker,Pep Guardiola

โมเมนตัมของเกมหลังจากนั้นกลับมาอยู่กับ อตาลันต้า และสถานการณ์ยิ่งเข้าทางเจ้าถิ่นมากยิ่งขึ้นเมื่อนายทวารทีมชาติ ชิลี ของ ซิตี้ พุ่งออกมาจากกรอบเขตโทษหมายจะป้องกันจังหวะหลุดเดี่ยวของกองหน้าทัพ ลา เดีย แต่ไม่ถึงบอลและไปสะกิดเอาผู้เล่น อตาลันต้า ล้มลง ผู้ตัดสินควักใบแดงไล่ออกจากสนามทันทีทำให้ เป๊บ ตัดสินใจเปลี่ยนตัวเอา วอล์คเกอร์ แทนที่ มาห์เรซ ลงไปเฝ้าเสาขัดตาทัพในช่วงเวลาราว 10 นาทีสุดท้าย แต่ลูกทีมของ จาน ปิเอโร กาสเปรินี ไม่สามารถฉวยความได้เปรียบเอาไว้ได้ก่อนที่จะจบเกมด้วยการแบ่งแต้มในที่สุด


อตาลันต้า

คะแนนนักเตะ

11 ผู้เล่นตัวจริง: กอลลินี (5); โตลอย (6), จิมซิตี (5), ปาโลมิโน (5); ฮาเทบัวร์ (6), คาสตานเญ (6), ฟรอยเลอร์ (5), เดอ รูน (6), พาซาลิช (7), โกเมซ (6); อิลิซิช (7)

ตัวสำรอง: มาลินอฟสกี้ (5) มูเรียล (N/A)


แมนเชสเตอร์ ซิตี้

ประเด็นหลังเกม

Alaksei Kulbakov,Claudio Bravo

ซิตี้ ออกไปเยือนถิ่น ซาน ซิโร ด้วยผลงานการเก็บชัยชนะ 3 นัดรวดติดต่อกันมาก่อนหน้านี้ การคว้าชัยอีกเพียงแค่นัดเดียวจะทำให้พวกเขาทำแต้มขาดคว้าโควต้าผ่านเข้าไปเล่นในรอบ 16 ทีมสุดท้ายศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ทันทีไม่ว่าอีก 2 เกมที่เหลือในรอบแบ่งกลุ่มกับ ชัคตาร์ โดเนทส์ค (เหย้า) และ ดินาโม ซาเกร็บ (เยือน) จะเป็นอย่างไรก็ตาม แต่ผลการแข่งขันในเกมนี้ไม่เป็นอย่างที่พวกเขาหวัง

การจัดทัพแบบเต็มสูบของ เป๊บ ทำให้สามารถบอกได้ว่าพวกเขาหวังที่จะปิดจ๊อบรอบแบ่งกลุ่มถ้วย บิ๊กเอียร์ ตั้งแต่เกมนี้ และการออกสตาร์ทด้วยประตูขึ้นนำของ สเตอร์ลิง ตั้งแต่เพียงแค่ 7 นาทีแรกก็ทำให้ทุกอย่างเข้าทางพวกเขามากยิ่งขึ้น ทว่าการพลาดโอกาสครั้งแล้วครั้งเล่าหลังจากนั้นโดยเฉพาะลูกจุดโทษของ เชซุส ทำให้โมเมนตัมเอนเอียงไปยังฝั่ง อตาลันต้า

เหตุการณ์ยิ่งเลวร้ายมากยิ่งขึ้นเมื่อ เอแดร์ซอน ได้รับบาดเจ็บจนต้องถูกเปลี่ยนตัวออกจากสนามตั้งแต่หลังพักครึ่ง ก่อนที่เสียงเชียร์ใน ซาน ซิโร จะยิ่งปลุกเร้าผู้เล่นของ อตาลันต้า จนทำให้พวกได้ประตูตีเสมอในที่สุด

นับเป็นเกมที่เราเห็นได้ไม่บ่อยนักเมื่อเกมรับของ เรือใบสีฟ้า ถูกคู่แข่งทะลุทะลวงอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะกราบขวาที่ ชูเอา คันเซโล ได้ออกสตาร์ทและการไร้ซึ่งมิดฟิลด์ตัวรับธรรมชาติซึ่ง เป๊บ จับเอา กุนโดกัน ไปคัดท้ายที่แดนกลางยิ่งกลายเป็นช่องโหว่ให้ลูกทีมของ กาสเปรินี เข้าทำอย่างต่อเนื่อง

สถานการณ์มาพีคเอาในช่วงราว 10 นาทีสุดท้ายของเกมเมื่อ บราโบ ถูกใบแดงโดยตรงไล่ออกจากสนามจากการพุ่งออกมาเสียบสกัดลูกหลุดเดี่ยวของ โจซิป อิลิซิช ที่นอกกรอบเขตโทษจนทำให้ วอล์คเกอร์ ต้องลุกออกจากม้านั่งสำรองมาทำหน้าที่ผู้รักษาประตูจำเป็น เคราะห์ดีที่เจ้าถิ่นไม่สามารถหาโอกาสทดสอบแข้งชาว อังกฤษ รายนี้ในกรอบประตูแบบเหน่งๆ ได้ และเชื่อเหลือเกินว่า กวาร์ดิโอลา พอใจกับ 1 แต้มในเกมนี้


คะแนนนักเตะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้

FBL-EUR-C1-ATALANTA-MAN CITY

11 ผู้เล่นตัวจริง: เอแดร์ซอน (6); คันเซโล (5), แฟร์นันดินโญ (6), โอตาเมนดี้ (5), เมนดี้ (7); กุนโดกัน (5), เดอ บรอยน์ (6), แบร์นาโด้ (6); มาห์เรซ (6), เชซุส (5), สเตอร์ลิง (8*)

ตัวสำรอง: บราโบ (3), อเกวโร (5), วอล์คเกอร์ (6)


คีย์แมน – สเตอร์ลิง กลายเป็นแข้งที่วูบวาบที่สุดของ เรือใบสีฟ้า ในเกมนี้เมื่อทำประตูเบิกร่องให้กับทีมตั้งแต่ต้นเกมและสร้างอันตรายที่แดนหน้าทุกครั้งยามได้บอล รวมไปถึงการประสานงานกับทั้ง เชซุส และ มาห์เรซ อย่างลื่นไหล

[Player Ratings] แข้งปืนนัดบู่ ! ตรวจการบ้านพลพรรค อาร์เซนอล หลังเสมอ วิตอเรีย กิมาไรส์ 1-1

ฟุตบอล ยูฟ่า ยูโรปาลีก 2019/20 รอบแบ่งกลุ่ม

วิตอเรีย กิมาไรส์ 1-1 อาร์เซนอล

วันพุธที่ 6 พฤศจิกายน 22:50 น.

สนามเอสตาดิโอ ดี อฟอนโซ เอนริเกส์


คะแนนนักเตะ อาร์เซนอล

เอมิเลียโน มาร์ติเนซ – 6/10

งัดเซฟป้องกันลูกยิงของแข้งเจ้าถิ่นพัลวันในครึ่งแรกและน่าจะทำได้ดีกว่านี้ในจังหวะเสียประตูตีเสมอช่วงทดเวลาบาดเจ็บเมื่อปัดลูกครอสของ เอ็ดเวิร์ดส ไปเข้าทาง รูเบน ดูอาร์เต้ ตีลังกายิงตุงตาข่าย

ชโคดราน มุสตาฟี – 5/10

Shkodran Mustafi

ยืนตำแหน่งในรูปแบบ 3 เซ็นเตอร์แบ็คได้น่าพอใจในระดับหนึ่ง มีจังหวะผ่านบอลสวยๆ ให้เห็นอยู่บ้างแต่ช็อตจ่ายพลาดมีมากกว่าอย่างเห็นได้ชัดก่อนที่จะเป็นคนโหม่งพังประตูเบิกร่องอย่างเซอร์ไพรส์

โซคราติส ปาปาสตาโธปูลอส – 4/10

เป็นอีกครั้งที่เจ้าตัวผีออก

ร็อบ โฮลดิ้ง – 4/10

สวมปลอกแขนกัปตันทีมในวันนี้แต่ดูจะกระตือรือล้นมากไปหน่อยจนวิ่งพล่านเติมขึ้นไปมีส่วนกับบอลจนหลุดตำแหน่งบ่อยครั้ง

เอนสลีย์ เมตแลนด์-ไนลส์ – 5/10

รับบทบาทวิงแบ็คฝั่งขวาแต่ไม่น่าประทับใจเอาเสียเลยทั้งในเกมรับและเกมรุก

ดานี เซบาญอส – 4/10

ควรจะเป็นคนขับเคลื่อนแดนกลางของ ไอ้ปืนใหญ่ ในระบบ 3-4-3 เกมนี้แต่เจ้าตัวไม่สามารถจุดประกายให้กับ เดอะกันเนอร์ส ได้เลยแม้แต่น้อยรวมทั้งยังขาดการประสานงานที่ดีกับเพื่อนร่วมทีมก่อนจะถูกเปลี่ยนตัวออกเมื่อได้รับบาดเจ็บในครึ่งหลัง

โจ วิลล็อค – 5/10

แสดงความกระหายให้เห็นที่แดนกลางจากการวิ่งไล่ล่าบีบพื้นที่อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย แต่ส่วนหนึ่งก็เพราะทีมไม่สามารถตั้งเกมรุกกดดันคู่แข่งได้ต่อเนื่อง ถูกลดอันตรายในพื้นที่สุดท้ายที่เป็นจุดเด่นจากบทบาทมิดฟิลด์บ็อกซ์ทูบ็อกซ์

คีแรน เทียร์นีย์ – 7/10

Kieran Tierney

เป็นเพียงแข้งหนึ่งเดียวของ เดอะกันเนอร์ส ที่สามารถรักษามาตรฐานของตัวเองเอาไว้ได้ในเกมนี้กับบทบาทวิงแบ็คฝั่งซ้าย โดดเด่นกับการทะยานเติมเกมรุกและลูกครอสที่หวังผลได้

นิโกลาส์ เปเป้ – 6/10

ขาดการประสานงานที่ดีกับเพื่อนร่วมทีมทั้งในแดนหน้าและไม่มีการสอดเติมจากแดนกลางรวมไปถึงริมเส้นเพื่อสนับสนุนเจ้าตัวนักจึงทำให้เขาต้องใช้ความสามารถเฉพาะตัวพาบอลเลี้ยงหนีแนวรับคู่แข่งเองอยู่บ่อยครั้ง แต่ป้ายราคา 72 ล้านปอนด์ที่ อาร์เซนอล ไปคว้า เปเป้ มาร่วมทีมก็ทำให้เราคาดหวังจากดาวเตะทีมชาติ ไอวอรี โคสต์ มากกว่านี้

บูกาโบ ซาก้า – 4/10

ไม่ใช่วันของเจ้าหนูวัย 18 ปีเมื่อจังหวะทุกอย่างดูจะผิดที่ผิดทางไปหมด

กาเบรียล มาร์ติเนลลี – 5/10

แสดงให้เห็นถึงความกระตือรือล้นและกระหายในแดนหน้ามากที่สุดทั้งจากการไล่บีบพื้นที่เจ้าถิ่น, วิ่งหาช่อง และการพยายามเอาชนะในการดวลหนึ่งต่อหนึ่ง แต่เช่นเดียวกับทั้ง เปเป้ และ ซาก้า ที่เจ้าตัวไม่ได้รับการสนับสนุนที่ดีจากเพื่อนร่วมทีมในพื้นที่สุดท้าย

ตัวสำรอง

Matteo Guendouzi

มัตเตโอ เกนดูซี (แทนที่ เซบาญอส นาทีที่ 54) – 5/10 : ลงมาเติมความดุดันในที่แดนกลางได้ดีกว่า เซบาญอส อย่างเห็นได้ชัด

อเล็กซองดร์ ลากาเซ็ตต์ (แทนที่ ซาก้า นาทีที่ 65) – 5/10 : เก็บบอลในแดนหน้าได้ดีในระดับหนึ่งแต่ไม่สามารถจุดประกายทีมได้

ลูคัส ตอร์เรย์รา (แทนที่ วิลล็อค นาทีที่ 78) – 5/10 : ทำได้เพียงประคองเกม

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด vs ปาร์ติซาน เบลเกรด : พรีวิว ยูฟ่า ยูโรปาลีก, วัน+เวลาการแข่งขัน, ถ่ายทอดสด


ข้อมูลการแข่งขัน


การแข่งขัน ฟุตบอล ​ยูฟ่า ยูโรปาลีก 2019/20 รอบแบ่งกลุ่ม
วันแข่งขัน คืนวันพฤหัสบดีที่ 7 พฤศจิกายน 2019
เวลาแข่งขัน 03.00 น. ตามเวลาประเทศไทย
คู่แข่งขัน ​แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด vs ปาร์ติซาน เบลเกรด
สนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด
ถ่ายทอดสด DAZN

ความพร้อมทั้ง 2 ทีม


แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

บรรดาผู้เล่น ปีศาจแดง ที่ได้รับบาดเจ็บทั้งหมดซึ่งได้แก่ เอริค ไบยี, ปอล ป็อกบา, ลุค ชอว์, เนมานยน มาติช, ดิโอโก้ ดาโลต์, อักเซล ทวนเซเบ้ และ วิคเตอร์ ลินเดเลิฟ จะยังไม่สามารถลงช่วยทีมในเกมนี้ได้

คาดการณ์ว่า แอชลีย์ ยัง ที่จะถูกแบนในเกม พรีเมียร์ลีก สุดสัปดาห์นี้จะได้ออกสตาร์ทที่ตำแหน่งแบ็คซ้ายเพื่อรักษาความสดให้กับ แบรนดอน วิลเลียมส์ ซึ่งน่าจะได้สิทธิ์ประจำการในตำแหน่งดังกล่าวเกมถัดไปกับ ไบรท์ตัน ขณะที่ดาวรุ่งรายอื่นอย่าง เมสัน กรีนวูด และ เจมส์ การ์เนอร์ มีลุ้นที่จะได้โรเตชันส่งลงสนามด้วยเช่นกัน

คาดการณ์ 11 ตัวจริง : 4-3-1-2

ผู้รักษาประตู โรเมโร
กองหลัง วาน-บิสซาก้า, โจนส์, โรโฮ, ยัง
กองกลาง เปเรย์รา, แม็คโทมิเนย์, การ์เนอร์
ลินการ์ด
กองหน้า มาร์กซิยาล, กรีนวูด

​​ปาร์ติซาน เบลเกรด

ซาซ่า ซเจลาร์ จะได้รับโทษแบนในเกม ยูโรปาลีก นัดถัดไปหากเจ้าตัวได้รับใบเหลืองในเกมนี้ ขณะที่อดีตแข้ง เร้ดเดวิลส์ ของ ปาร์ติซาน อย่าง โซรัน โทซิช จะได้กลับมาเยือนถิ่นเก่าอีกครั้งและคาดว่าจะมีชื่อออกสตาร์เป็นหนึ่งใน 11 ผู้เล่นตัวจริง

อย่างไรก็ตาม ทีมเยือนจาก เซอร์เบีย จะขาด ลาซาร์ มาร์โควิช อดีตแข้ง ลิเวอร์พูล ที่ได้รับบาดเจ็บ

คาดการณ์ 11 ตัวจริง : 4-2-3-1

ผู้รักษาประตู สตอยโควิช
กองหลัง มิลเลติช, ออสโตยิช, พาฟโลวิช, อูโรเซวิช
กองกลาง นัทโค, ซเจลาร์
โทซิช, ซูมาห์, อาซาโนะ
กองหน้า ซาดิค

​​


ผลงาน 5 นัดหลังสุด


แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (ชนะ 3 เสมอ 1 แพ้ 1)

2 พฤศจิกายน พรีเมียร์ลีก บอร์นมัธ 1 : 0 แมนฯ ยูไนเต็ด แพ้
31 ตุลาคม คาราบาว คัพ เชลซี 1 : 2 แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะ
27 ตุลาคม พรีเมียร์ลีก นอริช 1 : 3 แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะ
24 ตุลาคม ยูโรปาลีก ปาร์ติซาน 0 : 1 แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะ
20 ตุลาคม พรีเมียร์ลีก แมนฯ ยูไนเต็ด 1 : 1 ลิเวอร์พูล เสมอ

ปาร์ติซาน เบลเกรด (ชนะ 2 เสมอ 0 แพ้ 3)

2 พฤศจิกายน เซอร์เบียนลีก ปาร์ติซาน 4 : 0 วอยโวดินา ชนะ
31 ตุลาคม เซอร์เบียนลีก คูคาริคกี 2 : 1 ปาร์ติซาน แพ้
27 ตุลาคม เซอร์เบียนลีก ปาร์ติซาน 4 : 0 ซูโบติคา ชนะ
24 ตุลาคม ยูโรปาลีก ปาร์ติซาน 0 : 1 แมนฯ ยูไนเต็ด แพ้
19 ตุลาคม เซอร์เบียนลีก มลาโดสท์ 1 : 0 ปาร์ติซาน แพ้

เฮดทูเฮด (แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะ 1 เสมอ 0 ปาร์ติซาน ชนะ 0)

24 ตุลาคม 2019 ยูโรปาลีก ปาร์ติซาน 0 : 1 แมนฯ ยูไนเต็ด

สถิติที่น่าสนใจ


  • แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะกลับไปเล่นใน โอลด์ แทรฟฟอร์ด เป็นนัดแรกให้หลังจากที่พวกเขาเล่นเป็นทีมเยือนมา 3 นัดติดต่อกันเมื่อรวมทุกรายการซึ่งลูกทีมของ โอเล กุนนาร์ โซลชา ซัลโวในเกมเหย้าได้เพียงนัดละ 1 ประตูเท่านั้นจาก 6 เกมเหย้าหลังสุดนับตั้งแต่ที่พวกเขาเอาชนะ เชลซี 4-0 ในแมตช์เปิดสนาม พรีเมียร์ลีก

  • ขณะที่ ปาร์ติซาน เบลเกรด สามารถเก็บชัยชนะได้เพียง 2 นัดจาก 6 เกมหลังสุดเมื่อรวมทุกรายการและปราชัยไปถึง 4 เกม โดยเกมที่พวกเขาสามารถเข่นคู่ต่อสู้ 2 แมตช์ดังกล่าวจบลงด้วยสกอร์ 4-0 แต่ ปาร์ติซาน ปราชัยในเกมเยือนติดต่อกันมา 2 นัดก่อนบุกรัง โอลด์ แทรฟฟอร์ด

[Match Report] 2 ใบแดง 2 จุดโทษ 2 OG : สิงห์บลู โกงความตายไล่ตีเสมอ อาแจ็กซ์ 9 คน 4-4

การแข่งขัน ฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 2019/20 รอบแบ่งกลุ่ม
วันแข่งขัน คืนวันอังคารที่ 5 พฤศจิกายน 2019
เวลาแข่งขัน 03.00 น. ตามเวลาประเทศไทย
ผลการแข่งขัน เชลซี 4-4 อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม
สนาม สแตมฟอร์ด บริดจ์

เชลซี โกงความตาย ไล่ตามตีเสมอ อาแจ็กซ์ 9 คน 4-4 โดยทีมเยือนบุกมายิงได้ถึง 4 ประตูจาก แทมมี อับราฮัม ทำเข้าประตูตัวเอง นาทีที่ 2 ควินซี พรอมส์ นาทีที่ 20 เกปา ทำเข้าประตูตัวเอง นาทีที่ 35 และปิดท้ายด้วย ฟาน เดอ บีค นาทีที่ 55 ส่วนเจ้าบ้านได้ประตูจากจุดโทษของ จอร์จินโญ 2 ประตู นาทีที่ 5, 71 เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า นาทีที่ 63 และปิดท้ายด้วย รีซ เจมส์ นาทีที่ 74 จบ 90 นาทีแบ่งกันไปคนละ 1 คะแนนแบบสุดมันส์ด้วยสกอร์ 4-4

​เริ่มเกมในครึ่งแรก ทีมเยือนดูจะเป็นฝ่ายทำได้เหนือกว่าเล็กน้อย และมาได้ประตูขึ้นนำเร็ว จากจังหวะฟรีคิก ที่เปิดจากริมเส้น แต่ แทมมี อับราฮัม สะกัดบอลผิดเหลี่ยมเข้าประตูตัวเองไป อาแจ็กซ์ ออกนำ 1-0 ตั้งแต่นาทีที่ 2

Hakim Ziyech

จากนั้นไม่กี่นาที เจ้าถิ่นมาได้ประตูตีเสมอจากลูกจุดโทษ ที่ คริสเตียน พูลิซิช โดนทำฟาว์ลล้มลงในเขตโทษ และเป็น จอร์จิญโญ รับหน้าที่สังหารเข้าไป สิงห์บลู ตีเสมอเป็น 1-1

จากนั้นในนาทีที่ 20 ทีมเยือนได้ประตูออกนำอีกครั้ง จากการเปิดจากริมเส้น และเป็น ควินซี พรอมส์ หัวหอกตัวเก่ง โฉบมาโหม่งจ่อ ๆ เข้าไป

ต่อมานาทีที่ 35 ทีมเยือนมาได้ประตูทิ้งห่าง 1-3 จากลูกฟรีคิกอีกตามเคย แต่ครั้งนี้เป็น ฮาคิม ซิเยค เปิดโค้ง ๆ บอลไปชนเสาเด้งมาโดน เกปา เข้าประตูตัวเองไป

จบ 45 นาทีแรก ทีมเยือนบุกมานำ 1-3

Hakim Ziyech,Joel Veltman,Quincy Promes

เริ่มเกมในครึ่งหลัง เจ้าบ้านพยายามเปิดเกมรุกมากขึ้น แต่กลับเป็นผู้มาเยือนที่ได้ประตูเพิ่มเป็น 1-4 จากจังหวะสวนกลับ ซิเยค หลุดขึ้นมาทางขวาก่อนตบเข้ากลางให้ ฟาน เดอ บีค ซัดโล่ง ๆ เข้าไปในนาทีที่ 55

จากนั้นไม่นาน เจ้าบ้านมาได้ประตูตีตื้น จากจังหวะต่อบอลเข้าเขตโทษ พูลิซิช กระชากไปสุดเส้นหลังก่อนเปิดเข้ากลาง อับราฮัม สะกิดบอลเปลี่ยนทาง และเป็น อัซปิลิกวยต้า ที่วิ่งมาซ้ำจ่อ ๆ เข้าไป ในนาทีที่ 63

FBL-EUR-C1-CHELSEA-AJAX

นาทีที่ 67 ทีมเยือนเหลือผู้เล่น 9 คน จากการโดนใบแดงรวดเดียว 2 คน จาก 2 เซ็นเตอร์แบ็ค บลิน ที่ไปทำฟาว์ลใส่ พูลิซิช และ เวลท์มัน ที่ทำแฮนด์บอลในเขตโทษจังหวะต่อเนื่อง เป็น 2 ใบแดง กับอีก 1 จุดโทษในจังหวะเดียวกัน จากนั้น จอร์จินโญ ได้ทำหน้าที่ของเขาอีกครั้ง ซึ่งก็ไม่พลาด เชลซี ไล่ขึ้นมาเป็น 3-4 นาทีที่ 71

UEFA Champions League"Chelsea FC v Ajax Amsterdam"

2 นาทีต่อมา เจ้าถิ่นตีเสมอได้สำเร็จ จากจังหวะเปิดมุม บอลคลุกคลิกอยู่ในเขตโทษ ก่อนจะเป็น เจมส์ ตัวสำรอง ยิงจังหวะสุดท้ายเข้าไป สกอร์ไล่มาเป็น 4-4

นาทีที่ 79 เจ้าบ้านยิงเข้าไปอีกครั้งแต่ครั้งนี้ถูก VAR จับแฮนด์บอลเอาไว้ ทำให้พลาดโอกาสขึ้นนำไปอย่างน่าเสียดาย

ช่วงเวลาที่เหลือ สิงห์บลู พยายามบุกเข้าใส่อย่างหนัก แต่ก็ทำได้แค่หวาดเสียว จบ 90 นาที เชลซี โกงความตาย ไล่ตามตีเสมอ อาแจ็กซ์ 9 คนได้สำเร็จ 4-4

UEFA Champions League"Chelsea FC v Ajax Amsterdam"

รายชื่อผู้เล่นของทั้ง 2 ทีม


เชลซี

11 ผู้เล่นตัวจริง : เกปา, อัซปิลิกวยต้า, ซูมา, โทโมรี, อลอนโซ, โควาซิช, จอร์จินโญ, เมานท์, วิลเลียน, พูลิซิช, อับราฮัม

ตัวสำรอง : กาบาเยโร, คริสเตนเซน, เจมส์, กิลมอร์, ก็องเต้, โอดอย, บาทชัวยี

​อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม​

11 ผู้เล่นตัวจริง : โอนานา, มาซราอูย์, เวลท์มัน, บลิน, ทาเกลียฟิโก้, อัลวาเรซ, ฟาน เดอ บีค, เนเรส, ซิเย็ค, พรอมส์, ทาดิช

ตัวสำรอง : วาเรลา, ชูร์ส์, เดสท์, มาริน, ฮุนเตลาร์, เดอ ยอง, อัลวาเรซ 

[ข่าวซื้อขาย] ราชัน จัดหนัก ! ลือ เรอัล มาดริด เตรียมยื่น 70 ล้านปอนด์+เบล แลก สเตอร์ลิง

เรอัล มาดริด พิจารณาเตรียมยื่นข้อเสนอมูลค่า 70 ล้านปอนด์พ่วง แกเร็ธ เบล เพื่อแลกกับการคว้าตัว ราฮีม สเตอร์ลิง ตัวรุกริมเส้นทีมชาติ อังกฤษ สังกัด ​สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ ซิตี้ แห่งศึก ​ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ตามการรายงานของ สกายสปอตส์

รายงานระบุว่าตัวแทนของ ราชันชุดขาว มีกำหนดการเช็คฟอร์มการเล่นของคีย์แมน เรือใบสีฟ้า ในยูนิฟอร์ม สิงโตคำราม กับแมตช์ทีมชาติที่พวกเขาจะดวลกับ มอนเตเนโกร และ โคโซโว ก่อนที่จะพิจารณาข้อเสนอเพื่อยื่นให้กับ แมนฯ ซิตี้ เป็นลำดับต่อไป

สกาย ยังชี้ว่าเอเยนต์ของแข้งรายนี้ได้หารือกับ โฆเซ อังเคล ซานเชซ ผู้อำนวยการทั่วไปของ โลส บลังโกส ตั้งแต่เมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมาเรียบร้อย แต่พวกเขาไม่สามารถที่จะยื่นข้อเสนอเพื่อโน้มน้าว ซิตี้ ให้ปล่อยตัว สเตอร์ลิง ได้เมื่อครั้งอดีต โดยที่ ฟลอเรนติโน เปเรซ รู้ดีว่าการปล่อยให้ดีลดังกล่าวยืดเยื้อต่อไปอีกมีแต่จะทำให้พวกเขาคว้าตัวแข้งรายนี้มาได้ยากขึ้นกว่าเดิม แต่ในทางเดียวกัน เป๊บ กวาร์ดิโอลา แสดงท่าทีไม่สนใจในตัว เบล ที่ มาดริด หวังจะยื่นข้อเสนอพ่วงในดีลดังกล่าวแต่อย่างใด

ก่อนหน้านี้ เรอัล เคยพยายามที่จะคว้าตัว สเตอร์ลิง มาแล้วเมื่อครั้งที่เจ้าตัวคว้ารางวัล โกลเด้น บอย ในวัย 19 ปีเมื่อปี 2014 ก่อนที่แข้งรายนี้จะจรดปากกากับ แมนฯ ซิตี้ และเป็นคีย์แมนในทีมของ เป๊บ กวาร์ดิโอลา ในปัจจุบัน