อาร์เซนอล 2-2 เซาท์แธมป์ตัน : 5 ประเด็นร้อนหลังเกม

การแข่งขันฟุตบอล พรีเมียร์ลีกอังกฤษ 2019/20 นัดที่ 13

วันแข่งขันวันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน 2019 เวลาแข่งขัน22.00 น. 

ผลการแข่งขันอาร์เซนอล 2-2 เซาท์แธมป์ตัน

สนามเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม


 2 ประตูจาก อเล็กซองต์ ลากาแซตต์ ช่วยให้ ไอ้ปืนใหญ่ ไม่แพ้คาบ้านต่อ เซาท์แธมป์ตัน โดยมาได้ประตูสุดสำคัญก่อนหมดเวลาช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ทำให้จบเกมเสมอ 2-2 ไปอย่างฉิวเชียด และนี่คือ 5 ประเด็นน่าสนใจหลังเกม

5. สถิติหลังเกมและรูปเกมโดยรวม

11 ตัวจริงของเจ้าบ้าน อาร์เซนอล เกมนี้ยังคงไม่ลงรอยพูดง่าย ๆ คือยังหา 11 ตัวจริงชุดที่ดีที่สุดไม่เจอ ระบบทีมยังคงเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ตามสไตล์ อูไน เอเมรี่

รูปเกมในครึ่งแรกเป็นทีมเยือนที่เปิดเกมบุกใส่เต็มกำลังแล้วพวกเขาก็ทำได้สำเร็จจากจังหวะฉวยโอกาสเล่นเร็ว ได้ประตูออกนำเร็ว 1-0 ตั้งแต่นาทีที่ 8 โดยการยิงของ แดนนี่ อิงส์

อาร์เซนอล พยายามเปิดเกมแลกแต่แนวรับที่ยืนตำแหน่งกันไม่ดีและเก็บกวาดไม่เด็ดขาดทำให้มีจังหวะได้เสียวเวลาโดน เซาท์แธมป์ตัน สวนกลับเร็ว

ก่อนจะมาได้ประตูตีเสมอในนาทีที่ 18 จาก อเล็กซองต์ ลากาแซตต์ ทำให้เกมที่เปิดแลกอยู่แล้วเปิดเข้าใหญ่

รูปเกมในครึ่งหลัง อาร์เซนอล ส่ง นิโคลัส เปเป้ ลงมาเพื่อเปิดเกมบุกใส่เต็มกำลังและดูดีขึ้นเพียงแต่จังจังหวะจบทำได้ไม่ดี ก่อนจะมาเสียจุดโทษและถึงแม้ว่า เลโน่ จะเซฟได้ก็ปัดมาเข้าทางปืน เจมส์ วอร์ด พราวส์ ซ้ำเข้าไปอยู่ดี

เกมทำท่าจะจบลงด้วยความปราชัยของ ปืนโต อยู่แล้ว แต่ ลากาแซตต์ มาตีเสมอได้ช่วงนาที 90+6 นาทีสุดท้ายของเกมทำให้จบเกมเสมอกันไป 2-2

อาร์เซนอล มีโอกาสยิงประตู 12 ครั้ง เข้ากรอบ 5 ครั้ง และมีเปอร์เซนต์การครองบอลอยู่ที่ 62 เปอร์เซนต์

เซาท์แธมป์ตัน มีโอกาสยิงประตู 21 ครั้ง เข้ากรอบ 6 ครั้ง และมีเปอร์เซนต์การครองบอลอยู่ที่ 38 เปอร์เซนต์ เซาท์แธมป์ตัน เปอร์เซนต์การครองบอลอาจจะน้อยเพราะพวกเขาบุกเป็นบุก จังหวะเข้าทำได้บุกใส่ทันที

4. เหมือนคนหลงทาง

แนวทางการทำทีมของ อูไน เอเมรี่ ช่วงครึ่งปีที่ผ่านมาสิ่งหนึ่งที่ถูกตีแผ่และวิพากษ์วิจารณ์ผ่านสื่อหลาย ๆ ครั้งนั่นคือแนวทางและระบบทีมที่ไม่ชัดเจน การเลือก 11 ผู้เล่นตัวจริงชุดที่ดีที่สุดไม่เจอ ใช้งานนักเตะผิดประเภทหรือใช้ไม่เป็น ทรงบอลไม่มี นี่คือข้อกังขาที่หลายคนมองว่าเป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้นกับทีมระดับ อาร์เซนอล

อาร์เซนอล ชุดนี้ไม่ต่างอะไรจากคนหลงทาง เหมือนจะดี เหมือนจะเจอทางออกแล้ว แต่พอเดินไปก็ยังไม่ใช่ ไปเรื่อย ๆ ไร้จุดหมาย

พูดกันตามตรง โอกาสของ อูไน เอเมรี่ มีมากเกินไปแล้ว เกมนี้แพ้ยังรู้สึกดีกว่า เพราะจะได้มาลุ้นข่าวใหญ่กันในตอนเช้า แต่ก็นั่นแหล่พครับ ลากาแซตต์ มาช่วยชีวิตเอาไว้ได้ในช่วงทดเจ็บเลยไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นไง จะยังคงได้โอกาสอยู่หรือป่าว

3. เสียงโห่ท้ายเกม

หากใครได้ติดตามชมเกมนี้ คงได้ยินเสียงโห่จากฝั่งอัฒจรรย์เจ้าบ้านช่วงท้ายเกมกันแล้ว ใช่ครับ นั่นคือเสียงโห่จากแฟน ๆ เดอะ กันเนอร์ส ที่พากันประสานเสียงโห่ใส่ทีมรักตนเอง แต่เชื่อว่าแฟน ๆ ที่บ้านก็คงรู้สึกไม่ต่างอะไรจากแฟนบอลในสนาม เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม

การเล่นเป็นเจ้าบ้านเจอกับทีมโซนตกชั้นในอันดับที่ 19 แต่ผลงานที่ดูทรงแล้วแพ้ได้เลยด้วยซ้ำ การปลด โปเชตติโน่ ของ สเปอร์ส ทำให้แฟนบอล เดอะ กันเนอร์ส หวังว่าทีมของพวกเขาจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรทำนองนั้นบ้าง

ชั่วโมงนี้การลุ้นผลการแข่งขันของแฟน เดอะ กันเนอร์ส คงไม่สำคัญมากไปกว่าการลุ้นให้กุนซือคนที่พวกเขาไม่ปลื้มโดนบอร์ดบริหารเด้งออกจากตำแหน่งกุนซือ เพื่อให้ทีมได้ไปต่อ ไม่ใช่จมอยู่ที่เดิมกับทีมที่เหมือนหลงทางหาคนนำทางไม่เจอ

2. หรือจะเป็นที่นักเตะ

เชื่อหรือไม่ว่าเกมนี้ โซคราติส มีโอกาสยิงถึง 2 ครั้งถือเป็นโอกาสที่มากที่สุดของผู้เล่น อาร์เซนอล เท่ากับ กองหน้าอย่าง ลากาแซตต์ ในขณะที่ เซาท์แธมป์ตัน เจมส์ วอร์ด วอร์ด พราวส์ มีโอกาสยิงถึง 4 ครั้ง

หรือจะเป็นที่นักเตะ อย่างหัวข้อ เพราะการจัดทัพของ อูไน ชื่อชั้นก็ถือว่ามาเต็มจัดเต็ม แต่ก็อย่างว่าจะมัวมาโทษนู้นนี่นั่นก็ไม่ได้ เพียงแต่สิ่งที่ทำได้ในตอนนี้คือการเปลี่ยนแปลงอะไรสักอย่าง

หากบอร์ดบริหารยังเชื่อมั่นในตัว อูไน เอเมรี่ หวังว่าตลาดนักเตะมกราคม จะเห็นความเปลี่ยนแปลง และหวังว่าบรรยากาศในห้องแต่งตัวจะปลุกใจนักเตะก่อนลงสนามให้เล่นเหมือนเกมสุดท้ายของพวกเขา เล่นด้วยใจมุ่งมั่นอย่างที่แฟน ๆ เดอะ กันเนอร์ส รอดูอยู่ ไอ้เรื่องแพ้ไม่เท่าไหร่แต่อยากเห็นทรงบอลที่สู้ไม่ถอย พูดก็พูดเถอะ เห็นเพื่อนบ้าน เชลซี เล่นกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แล้วอิจฉา

1. เกมหน้าว่ากันใหม่

โปรแกรมถัดไปของ ไอ้ปืนใหญ่ มีคิวเปิดบ้านเล่นเกมกลางสัปดาห์ ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก ต้อนรับการมาเยือนของ ไอน์ทรัค แฟรงก์เฟิร์ต

เอาจริง ๆ อยากให้ผ่านเกมนี้ไปให้ได้ก่อนเพราะจะได้การันตีการเข้ารอบต่อไป หากยังไม่มีข่าวใหญ่เกิดขึ้นหวังเป็นอย่างยิ่งว่า แฟน ๆ ในสนาม เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม จะสร้างบรรยากาศให้นักเตะอุ่นใจให้สมกับได้เล่นในบ้านของตนเอง แล้วเราจะสู้ไปด้วยกัน We are the gunners

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ vs เชลซี : พรีวิว พรีเมียร์ลีก, วัน+เวลาการแข่งขัน, ถ่ายทอดสด


ข้อมูลการแข่งขัน


การแข่งขัน ฟุตบอล พรีเมียร์ลีกอังกฤษ 2019/20 นัดที่ 13
วันแข่งขัน คืนวันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน 2019
เวลาแข่งขัน 00.30 น. ตามเวลาประเทศไทย
คู่แข่งขัน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ VS ​เชลซี
สนาม เอติฮัด สเตเดี้ยม
ถ่ายทอดสด True Premier Football HD

ความพร้อมทั้ง 2 ทีม


แมนเชสเตอร์ ซิตี้

โรดริโก้ หายจากอาการบาดเจ็บกลับมาพร้อมลงสนามให้กับ เรือใบสีฟ้า แต่ เป๊บ กวาร์ดิโอลา จะชวดใช้งาน แบร์นาโด้ ซิลวา ที่ติดโทษแบนจาก เอฟเอ กรณีทวีตถึง แบ็งฌาแม็ง เมนดี้ ในประเด็นเหยียดผิวซึ่งคาดว่า ราฮีม สเตอร์ลิง กับ ริยาด มาห์เรซ จะได้เล่นในแดนหน้าแทน ขณะที่ เอแดร์ซอน จะต้องรอเช็คความพร้อมจนถึงนาทีสุดท้าย

อังเจลิโน ที่ได้ออกลงเล่นเป็นตัวจริงในเกมที่ผ่านมากับ ลิเวอร์พูล อย่างเซอร์ไพรส์น่าจะได้รับโอกาสต่อเนื่องจากอาการบาดเจ็บของ เมนดี้ และมีสิทธิ์ที่เราอาจจะได้เห็น แฟร์นันดินโญ จับคู่กับ โรดรี ในตำแหน่งคู่ปราการหลังตัวกลางเมื่อทั้ง จอห์น สโตนส์ และ นิโกลาส์ โอตาเมนดี้ มีช็อตผิดพลาดหลายครั้งในเกมก่อน

คาดการณ์ 11 ตัวจริง : 4-3-3

ผู้รักษาประตู เอแดร์ซอน
กองหลัง วอล์คเกอร์, สโตนส์, แฟร์นันดินโญ, อังเจลิโน
กองกลาง เดอ บรอยน์, โรดริโก้, ซิลบา
กองหน้า มาห์เรซ, อเกวโร, สเตอร์ลิง

​​เชลซี

คริสเตียน พูลิซิช ได้รับอาการบาดเจ็บสะโพกเล็กน้อยจากเกมทีมชาติ สหรัฐอเมริกา และยังคงต้องรอเช็คความพร้อมจนถึงนาทีสุดท้ายแต่ แฟรงค์ แลมพาร์ด จะได้ จอร์จินโญ พ้นโทษแบนกลับมามีชื่อเป็นหนึ่งในตัวจริงอีกครั้งโดยที่ แลมพ์ ยังมีตัวเลือกอย่าง เอ็นโกโล ก็องเต้, มาเตโอ โควาชิช และ เมสัน เมานท์ ที่พร้อมจะลงสนามด้วยเช่นกัน

คาดการณ์ว่า เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า จะได้ประจำการในตำแหน่งแบ็คขวาอีกครั้งหลังจากถูกดร็อปมาในเกมก่อนหน้านี้แต่ทั้ง รอสส์ บาร์คลีย์ และ คัลลัม ฮัดสัด-โอดอย จะยังไม่มีชื่อเป็นตัวจริงในเกมนี้เมื่อมีอาการบาดเจ็บเล็กน้อยติดตัว

คาดการณ์ 11 ตัวจริง : 4-3-3

ผู้รักษาประตู อาร์ริซาบาลากา
กองหลัง อัซปิลิกวยต้า, ซูมา, โทโมรี, เอเมอร์สัน
กองกลาง ก็องเต้, จอร์จินโญ, โควาชิช
กองหน้า วิลเลียน, อับราฮัม, เมานท์

ผลงาน 5 นัดหลังสุด


แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (ชนะ 3 เสมอ 1 แพ้ 1)

10 พฤศจิกายน พรีเมียร์ลีก ลิเวอร์พูล 3 : 1 แมนฯ ซิตี้ แพ้
7 พฤศจิกายน แชมเปี้ยนส์ลีก อตาลันต้า 1 : 1 แมนฯ ซิตี้ เสมอ
2 พฤศจิกายน พรีเมียร์ลีก แมนฯ ซิตี้ 2 : 1 เซาแธมป์ตัน ชนะ
30 ตุลาคม คาราบาว คัพ แมนฯ ซิตี้ 3 : 1 เซาแธมป์ตัน ชนะ
26 ตุลาคม พรีเมียร์ลีก แมนฯ ซิตี้ 3 : 0 แอสตัน วิลลา ชนะ

เชลซี (ชนะ 3 เสมอ 1 แพ้ 1)

9 พฤศจิกายน พรีเมียร์ลีก เชลซี 2 : 0 คริสตัล พาเลซ ชนะ
6 พฤศจิกายน แชมเปี้ยนส์ลีก เชลซี 4 : 4 อาแจ็กซ์ เสมอ
3 พฤศจิกายน พรีเมียร์ลีก วัตฟอร์ด 1 : 2 เชลซี ชนะ
31 ตุลาคม คาราบาว คัพ เชลซี 1 : 2 แมนฯ ยูไนเต็ด แพ้
26 ตุลาคม พรีเมียร์ลีก เบิร์นลีย์ 2 : 4 เชลซี ชนะ

เฮดทูเฮด (แมนฯ ซิตี้ ชนะ 4 เสมอ 0 เชลซี ชนะ 1)

24 กุมภาพันธ์ 2019 คาราบาว คัพ เชลซี 0 : 1(0 : 0) แมนฯ ซิตี้
10 กุมภาพันธ์ 2019 พรีเมียร์ลีก แมนฯ ซิตี้ 6 : 0 เชลซี
9 ธันวาคม 2018 พรีเมียร์ลีก เชลซี 2 : 0 แมนฯ ซิตี้
5 สิงหาคม 2018 คอมมูนิตี้ ชิลด์ เชลซี 0 : 2 แมนฯ ซิตี้
4 มีนาคม 2018 พรีเมียร์ลีก แมนฯ ซิตี้ 1 : 0 เชลซี


สถิติจาก OPTA ที่น่าสนใจ


  • แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เก็บชัยชนะเหนือ เชลซี ในการพบกันบนเวที พรีเมียร์ลีก ได้ 5 นัดจาก 8 เกมหลังสุด (แพ้ 3) นับว่าเป็นตัวเลขการเข่น สิงห์บลู ที่มากเทียบเท่ากับ 21 ครั้งก่อนหน้านี้ (ชนะ 5 เสมอ 4 แพ้ 12)
  • เดอะบลูส์ ปราชัยในเกมเยือนรัง ซิตี้ บน พรีเมียร์ลีก 3 นัดจาก 4 เกมหลังสุด (ชนะ 1) โดยที่หนึ่งในความพ่ายแพ้ดังกล่าวจบลงด้วยสกอร์ถึง 6-0 เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา

  • นับว่าเป็นครั้งที่ 5 จาก 9 ฤดูกาลหลังสุดที่ทัพ ซิตีเซนส์ ดวลกับ สิงโตแห่งลอนดอน โดยที่ แมนฯ ซิตี้ มีอันดับต่ำกว่าพวกเขาซึ่ง 4 ครั้งก่อนหน้านี้ ซิตี้ ไม่เคยเอาชนะ สิงห์บลู ได้เลย (เสมอ 2 แพ้ 2)

  • แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ปราชัยในเกม พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้ไปแล้ว 3 เกม คิดเป็นจำนวนที่น้อยกว่าทั้งฤดูกาล 2018/19 หนึ่งนัด และมากกว่าทั้งฤดูกาล 2017/18 หนึ่งนัด

  • เชลซี จะสร้างประวัติศาสตร์เก็บชัยชนะในเกมเยือนเมื่อรวมทุกรายการสูงสุดเป็นสถิติของพวกเขาที่ 8 นัดติดต่อกันหากลูกทีมของ แฟรงค์ แลมพาร์ด สามารถคว่ำ แมนฯ ซิตี้ ในเกมนี้ลงได้

  • พลพรรค ซิตีเซนส์ เป็นทีมที่ยิงประตูในเกมเหย้า พรีเมียร์ลีก ได้มากที่สุดในฤดูกาลนี้ (19 ประตู) ขณะที่ สิงห์บลู เป็นสโมสรที่ยิงประตูในเกมเยือนรายการเดียวกันได้มากที่สุด (18 ประตู) โดย เดอะบลูส์ ยังทะลวงตาข่ายคู่ต่อสู้ในเกมนอกบ้านอย่างน้อยนัดละ 2 ประตูใน 5 เกมหลังสุด

  • มีเพียง ลิเวอร์พูล เท่านั้นที่เป็นสโมสรซึ่ง เป๊บ กวาร์ดิโอลา ปราชัยต่อมากที่สุดในเส้นทางกุนซือของเจ้าตัว (5 ครั้ง) มากกว่า เชลซี (4 ครั้ง)

  • เซร์คิโอ อเกวโร ถูกโฉลกกับการซัลโวใส่ สิงโตน้ำเงินคราม มากที่สุดในประวัติศาสตร์ที่ 10 ลูก โดยที่เจ้าตัวยังยิงใส่ สิงห์บลู ได้ทั้งหมด 8 ประตูจากการพบกัน 6 นัดหลังสุด โดยที่ 3 ประตูดังกล่าวเป็นแฮตทริคจากการพบกันที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม เมื่อซีซันก่อน

คริสตัล พาเลซ vs ลิเวอร์พูล : พรีวิว พรีเมียร์ลีก, วัน+เวลาการแข่งขัน, ถ่ายทอดสด


ข้อมูลการแข่งขัน


การแข่งขัน ฟุตบอล ​พรีเมียร์ลีกอังกฤษ 2019/20
วันแข่งขัน วันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน 2019
เวลาแข่งขัน 22.00 น. ตามเวลาประเทศไทย
คู่แข่งขัน คริสตัล พาเลช vs ลิเวอร์พูล
สนาม เซลเฮิร์สท์ พาร์ค
ถ่ายทอดสด True Premier Football HD 2

ความพร้อมทั้ง 2 ทีม


คริสตัล พาเลช

ทีมของ รอย ฮอดจ์สัน ไม่ชนะใครมาแล้ว 4 เกมติดต่อกัน แต่ทั้ง 4 เกมดังกล่าว เป็นการพบกับทีมระดับหัวตารางทั้งหมด เช่นเดียวกับในสัปดาห์นี้ ที่พวกเขาโคจรมาพบกับทีมจ่าฝูงอย่าง ลิเวอร์พูล ที่แม้ว่าฟอร์มกับลังร้อนแรง แต่พวกเขาก็เริ่มมีปัญหาผู้เล่นตัวหลักบาดเจ็บอยู่หลายราย แต่อย่างไรก็ตาม เกมนี้ก็ยังคงไม่ใช่งานง่ายที่พวกเขาจะมีแต้มแม้จะได้เล่นในบ้านก็ตาม

สภาพทีม ณ ปัจจุบัน ต้องรอเช็คความพร้อมของ โจเอล วอร์ด และ หัวหอกตัวเก่งอย่าง วิลฟรีด ซาฮา ที่ได้รับบาดเจ็บมาก่อนหน้านี้ ว่าจะสามารถเรียกความฟิตกลับมาทันลงเล่นในคืนวันเสาร์หรือไม่

คาดการณ์ 11 ตัวจริง : 4-5-1

ผู้รักษาประตู กูไอต้า
กองหลัง เคลลีย์, ทอมกินส์, แดนน์, ฟาน อานโฮลท์
กองกลาง ทาวน์เซนด์, แม็คอาเธอร์, มิลิโวเยวิช, คูยาเต้, ชลุปป์
กองหน้า อายิว

ลิเวอร์พูล

ฟอร์มยังคงร้อนแรงชนิดที่ยืนหนึ่งในย่านนี้จริง ๆ สำหรับ หงส์แดง ที่เกมล่าสุด เปิดบ้านอัดคู่ปรับอันดับหนึ่งในการแย่งแชมป์ พรีเมียร์ลีก อย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปได้ 3-1 นั่นทำให้พวกเขาลอยลำนำห่างอันดับสองและสามไปแล้วถึง 8 คะแนน

เกมสัปดาห์นี้พวกเขามีคิวต้องออกไปเยือน เซลเฮิร์สท์ พาร์ค รังเหย้าของ คริสตัล พาเลช ที่ฟอร์มในตอนนี้ไม่สู้ดีนัก ไม่ชนะใครมาแล้วติดต่อกัน 4 เกม แต่ก็จะประมาทไม่ได้เพราะ พลพรรคเดอะค็อป เอง ก็มีปัญหาผู้เล่นตัวหลักที่มีอาการบาดเจ็บรบกวนกันไปทีละรายสองรายทั้งที่พึ่งจะผ่านไปเพียงหนึ่งในสามของเส้นทางลุ้นแชมป์เท่านั้น ดังนั้นพวกเขาต้องพยายามเอาชนะให้ได้เพื่อลดความกดดันลง พร้อมกับการถนอมตัวผู้เล่นให้สามารถยืนระยะได้ครบ 38 เกมในเวลาเดียวกัน

สภาพทีมของ เยอร์เกน คล็อปป์ ในตอนนี้ มีผู้เล่นบาดเจ็บอยู่หลายรายที่ต้องรอดูความฟิตก่อนแข่งคือ โจเอล มาติป, โมฮาเหม็ด ซาลาห์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน, เซอร์ดาน ชากิรี, โจ โกเมซ และ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ส่วนรายของ นาธาเนียล ไคลน์ ยังอยู่ในระหว่างพักรักษาอาการบาดเจ็บ ไม่สามารถลงสนามช่วยทีมได้แน่นอนแล้ว

คาดการณ์ 11 ตัวจริง : 4-3-3

ผู้รักษาประตู อลิสซอน
กองหลัง อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, ลอฟเรน, ฟาน ไดค์, มิลเนอร์
กองกลาง อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน, ฟาบินโญ, ไวนัลดุม
กองหน้า โอริกิ, ฟิร์มิโน, มาเน

ผลงาน 5 นัดหลังสุด


คริสตัล พาเลช (ชนะ 1 เสมอ 1 แพ้ 3)

9 พ.ย. PL เชลซ๊ 2-0 คริสตัล พาเลช
3 พ.ย. PL คริสตัล พาเลช 0-2 เลสเตอร์
27 ต.ค. PL อาร์เซนอล 2-2 คริสตัล พาเลช
19 ต.ค. PL คริสตัล พาเลช 0-2 แมนฯ ซิตี้
2 ต.ค. PL เวสต์แฮม 1-2 คริสตัล พาเลช

ลิเวอร์พูล (ชนะ 5 เสมอ 0 แพ้ 0)

10 พ.ย. PL ลิเวอร์พูล 3-1 แมนฯ ซิตี้
6 พ.ย. UCL ลิเวอร์พูล 2-1 เกงค์
2 พ.ย. PL แอสตัน วิลลา 1-2 ลิเวอร์พูล
31 ต.ค. EFL ลิเวอร์พูล 6-5(5-5) อาร์เซนอล
27 ต.ค. PL ลิเวอร์พูล 2-1 สเปอร์ส

ฮดทูเฮด : คริสตัล พาเลช ชนะ 0 เสมอ 0 ลิเวอร์พูล ชนะ 5

19/01/19 PL ลิเวอร์พูล 4-3 คริสตัล พาเลช
21/08/18 PL คริสตัล พาเลช 0-2 ลิเวอร์พูล
31/03/18 PL คริสตัล พาเลช 1-2 ลิเวอร์พูล
19/08/17 PL ลิเวอร์พูล 1-0 คริสตัล พาเลช
19/07/17 FL ลิเวอร์พูล 2-0 คริสตัล พาเลช

*PL = พรีเมียร์ลีก / UCL = ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก / EFL = คาราบาวคัพ / FL = กระชับมิตร


สถิติจาก OPTA ที่น่าสนใจ


  • 7 นัดหลังสุดที่ทั้งสองทีมพบกัน คริสตัล พาเลซ แพ้ไปถึง 6 เกม (ชนะ 1 เสมอ 0 แพ้ 6)

  • ลิเวอร์พูล บุกมาเอาชนะที่ เซลเฮิร์สท์ พาร์ค ได้ 4 เกมติดต่อกันแล้ว ทั้งที่ 12 เกมก่อนหน้านั้นพวกเขาสามารถบุกมาชนะได้เพียง 3 เกมเท่านั้น (ชนะ 3 เสมอ 5 แพ้ 4)

  • หงส์แดง ไม่แพ้ในการเล่นที่ ลอนดอน  มาแล้ว 7 เกมติดต่อกัน (ชนะ 4 แพ้ 3) ซึ่งสถิติการไร้พ่ายในลอนดอน มากที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสรคือ 16 เกม ตั้งแต่ปี 1987-89

  • พลพรรคเดอะค็อป ไม่แพ้ใครใน พรีเมียร์ลีก มาแล้ว 29 เกมติดต่อกัน ซึ่งมากเป็นอันดับที่ 5 ในประวัติศาสตร์ พรีเมียร์ลีก รองจาก อาร์เซนอล – 49 นัด (2003-04) เชลซี – 40 นัด (2004-2005) อาร์เซนอล 30 นัด (2001-2002) แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 30 นัด (2017-2018)

  • ​คริสตัล พาเลซ ไม่เคยแพ้ในบ้านติดต่อกัน 3 เกมตั้งแต่เดือน มีนาคม ปี 2018

  • ซาดิโอ มาเน ยิงไปแล้ว 7 ประตูจาก 9 เกมที่พบกับ เดอะพาเลซ ซึ่งถือว่ามากกว่าทุกทีมที่เขาเคยยิงประตูได้

  • มาเน ยิงประตูใส่ คริสตัล พาเลซ ได้ 4 เกมติดต่อกันแล้ว มีนักเตะ ลิเวอร์พูล เพียง 2 คนที่เคย ทำประตูใส่ทีมเดิมได้ 5 เกมติด คือ ไมเคิล โอเวน ยิงใส่ นิวคาสเซิล และ หลุยส์ ซัวเรซ ยิงใส่ นอริช

  • ​โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ทำสถิติเป็นคนที่ยิงประตูชัยให้ทีมได้มากที่สุดในซีซั่นนี้ โดยยิงไปแล้วทั้งสิ้น 4 ประตู

นายทำได้ ! ฟิร์มิโน เผย 2 เป้าหมายที่ตั้งไว้ในฤดูกาลนี้กับ ลิเวอร์พูล

โรแบร์โต ฟิร์มิโน สไตรเกอร์สายครีเอทของ ​ลิเวอร์พูล จ่าฝูงในศึก พรีเมียร์ลีก เปิดเผยเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ว่าจะต้องทำให้สำเร็จในฤดูกาลนี้แล้วว่าคือการยกระดับฝีเท้าตัวเองและคว้าแชมป์ลีกกับต้นสังกัด

“นับจากวันแรกที่ย้ายเข้ามาอยู่กับทีม ลิเวอร์พูล จนถึงปัจจุบัน ผมรู้เลยว่าตัวเองเติบโตขึ้นมากในทุก ๆ ด้าน เพราะได้ฝึกฝนเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ มากมายที่เกี่ยวกับเกมฟุตบอล” แข้งฟันขาว กล่าว

“บอกตามตรงนะ ไม่คิดเหมือนกันว่าคนเราจะเลเวลอัพได้ไกลถึงขนาดนี้เหมือนกันเพราะไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ความแข็งแกร่งของร่างกาย, ความเข้าใจในแท็คติก, สภาพจิตใจ ทุกอย่างดีขึ้นจนเหลือเชื่อเลย”

“แต่เป้าหมายของผมไม่ใช่แค่นี้หรอก ต้องเก่งขึ้นไปอีกเยอะ ๆ เพราะความทะเยอทะยานมันไม่มีจุดสิ้นสุดอยู่แล้ว ขณะเดียวกันก็อยากคว้าแชมป์กับ ลิเวอร์พูล ให้ได้ในฤดูกาลนี้เช่นกัน”

เวียดนาม 0-0 ทีมชาติไทย : เก็บตกประเด็นร้อนหลังเกม ฟุตบอลโลก รอบแบ่งกลุ่ม โซนเอเชีย

การแข่งขัน ฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย
วันแข่งขัน วันอังคารที่ 19 พฤศจิกายน 2019
เวลาแข่งขัน 20:00 น. ตามเวลาประเทศไทย
ผลแข่งขัน เวียดนาม 0-0 ทีมชาติไทย
สนาม มีดินห์ สเตเดียม

ประเด็นร้อนหลังเกม


มีโอกาส แต่ขาดความเฉียบคม

คำพูดนี้ดูจะไม่เกินความเป็นจริงซักเท่าไหร่ หากจะนำมาใช้สรุปภาพรวมของ ทัพช้างศึกไทย ในเกมนี้ ด้วยโอกาสยิงทั้งหมด 10 ครั้ง เข้ากรอบ 8 แถมจุดโทษอีก 1 ซึ่งคงจะโทษใครไม่ได้ ต้องโทษตัวเองล้วน ๆ เท่านั้นที่พลาดโอกาสเก็บ 3 คะแนน และพลาดโอกาสกลับขึ้นไปเป็นจ่าฝูง เพราะต่อให้ไม่ได้จุดโทษ โอกาสที่มีจากทั้งลูกหลุดเดี่ยว ๆ ของ สุภโชค ลูกซ้ำดาบสองของ เอกนิษฐ์ รวมถึงดาบสามของ นฤบดินทร์ จังหวะนี้บอลมันควรจะต้องเข้าไปตุงตาข่ายบ้างแล้วจริง ๆ 

แต่ก็นั่นแหละ เมื่อทำไม่ได้ ก็ต้องยอมรับผล ตอนนี้สิ่งที่ทำได้ก็มีเพียง ยืนขึ้นและก้าวต่อไป เพราะถึงยังไงแม้จะริบหรี่ แต่สงครามยังไม่จบ อย่าพึ่งนับศพทหารเป็นอันขาด

FBL-WC2022-ASIA-QUALIFIER-VIE-THA

คงจะไปโทษ ธีราทร คนเดียวไม่ได้

เกมนี้ปฏิเสธไม่ได้ก็จริงว่าหากลูกจุดโทษลูกนั้น เปลี่ยนเป็นประตูได้ อย่างน้อย ทีมชาติไทย ก็คงกุมความได้เปรียบของเกมเอาไว้และเพิ่มความกดดันให้ฝั่งเจ้าบ้านแทน

แต่การจะไปโทษ เจ้าอุ้ม ที่ยิงพลาด ว่าเป็นคนที่ทำให้ไทยพลาด 3 คะแนนไปแบบเต็ม ๆ เลยก็คงจะไม่ถูกต้องนัก เพราะอย่างที่กล่าวไป โอกาสเข้าทำของทีมชาติไทยทั้งหมด 10 ครั้ง ลูกจุดโทษเป็นแค่โอกาส 1 ครั้งจากทั้งหมด 10 เท่านั้นเอง นอกจากนี้ จังหวะอื่น ๆ ของ แบ็คซ้ายจากมารินอส ก็สามารถช่วยทีมไม่ให้เสียประตูไปได้หลายครั้งหลายคราว หากไม่มี ธีราทร วันนี้ ไม่แน่ว่าผลการแข่งขันอาจจะออกมาแย่กว่านี้อีกก็เป็นไดh

​เพราะงั้น เล่นด้วยกัน ก็ต้องรับผิดชอบร่วมกัน ทั้งนักเตะ โค้ช รวมถึง แฟนบอล

Theerathon Bunmathan

รั้งอันดับ 3 ตาม 3 คะแนน และเหลือเกมอีก 3 นัด

ตัวเลขทั้งหมดนี้ดูจะบังเอิญมาตรงกันแบบเป๊ะ ๆ เลยทีเดียว ซึ่งนัดที่เหลือต่อจากนี้ คือ เกมในบ้านกับ อินโดนิเซีย และ มาเลเซีย ที่ต้องคว้า 3 แต้มให้ได้เท่านั้น เกมออกเยือน ยูเออี ก็ควรจะมีแต้มติดมือกลับมาด้วย จึงจะยังพอมีหวัง เพราะทัวร์นาเมนต์นี้ เขาจะเอาทีมอันดับหนึ่งของกลุ่มเท่านั้นที่เข้ารอบอัตโนมัติ พร้อมกับโควต้าอันดับสองที่ดีที่สุด 4 ทีมจาก 8 กลุ่มเท่านั้น จึงจะได้สิทธิไปเล่นรอบ 12 ทีมสุดท้าย เพราะงั้นตอนนี้ไม่ต้องหวังพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดใดแล้วในชั่วโมงนี้ ต้องพึ่งตัวเองล้วน ๆ เอาชนะ 3 เกมที่เหลือให้ได้ โอกาสเข้ารอบก็ยังไม่ไกลเกินฝันนะ ไทยแลนด์ สู้ ๆ

FBL-WC2022-ASIA-QUALIFIER-VIE-THA

[BREAKING] ไปแล้วหนึ่ง ! โปเช็ตติโน แยกทางกับ สเปอร์ส เรียบร้อยแล้ว

ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ ทีมดังในศึก พรีเมียร์ลีก ประกาศปลด เมาริซิโอ โปเช็ตติโน กุนซือชาวอาร์เจนตินา เรียบร้อยแล้ว หลังทำผลงานได้อย่างย่ำแย่ในซีซั่นนี้

โปเช็ตติโน คุมทีม ไก่เดือยทองมาอย่างยาวนานถึง 5 ปี แถม 4 จากห้าฤดูกาลที่กุนซือรายนี้คุมทีมนั้น เขาสามารถพาทีมติดอันดับ ท็อป 4 ได้ตลอด อีกทั้งซีซั่นก่อนยังสร้างเซอร์ไพรส์พาทีมเข้าชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ได้อีกด้วย

แต่อย่างไรก็ตาม ปีนี้ สเปอร์ส ผลงานดิ่งลงแบบสุด ๆ ผ่านไป 12 นัด รั้งอันดับที่ 14 แถมตกรอบ คาราบาวคัพ ไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งนี่เป็นเพียงสาเหตุหนึ่งที่อาจทำให้ กุนซือชาวอาร์เจนไตน์ รายนี้โดดปลดกลางอากาศ เพราะยังมีข่าวลือหนาหูเกี่ยวกับความไม่ลงรอยของ พอช กับ แดเนียล เลวีย์ ประธานสโมสรไก่เดือยทอง อีกด้วย

โดย เลวีย์ ออกมาให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการปลดแบบสายฟ้าแลบนี้ว่า “ผลงานในช่วงท้ายซีซั่นก่อนจนถึงฤดูกาลนี้ของเราน่าผิดหวังอย่างยิ่ง ซึ่งมันทำให้บอร์ดบริหารของทีมต้องทำอะไรสักอย่างก่อนจะสายเกินไป การตัดสินใจนี้เรามองว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุดต่อสโมสรแล้ว แต่ถึงกระนั้น เราจะจารึกชื่อของเขาในประวัติศาสตร์ของสโมสร ว่าเคยมีส่วนช่วยให้ทีมก้าวมาถึงจุดนี้ และเราทุกคนทราบซึ่งในสิ่งที่เขาทำเอาไว้เสมอ”

เวียดนาม vs ทีมชาติไทย : พรีวิว ฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก,วัน+เวลาการแข่งขัน, ถ่ายทอดสด


ข้อมูลการแข่งขัน


การแข่งขัน ฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย
วันแข่งขัน วันอังคารที่ 19 พฤศจิกายน 2019
เวลาแข่งขัน 20:00 น. ตามเวลาประเทศไทย
คู่แข่งขัน เวียดนาม vs ทีมชาติไทย
สนาม มีดินห์ สเตเดียม
ถ่ายทอดสด ไทยรัฐ ทีวี ช่อง 32

ความพร้อมทั้ง 2 ทีม


ทีมชาติไทย

พลพรรคช้างศึก พลิกล็อกพ่ายต่อ มาเลเซีย 2-1 ในเกมนัดล่าสุด ทำให้ตอนนี้ ทีมชาติไทยหล่นลงมาอยู่อันดับที่ 2 มีแต้มตามหลังอันดับ 1 เวียดนาม 3 คะแนน แถมอันดับ 3 และ 4 อย่าง ยูเออี และ มาเลเซีย ก็มีแต้มไล่หลังห่างเพียง 1 คะแนนเท่านั้น

วันอังคารนี้ ทีมชาติไทยมีเกมสำคัญที่แทบจะเรียกได้ว่า เป็นเกมชี้ชะตาการเข้ารอบเลยก็ว่าได้ โดยต้องบุกไปเยือน เวียดนาม จ่าฝูงของกลุ่ม ที่นัดแรกไทยเราเล่นในบ้าน เสมอกันไปแบบไร้สกอร์ 0-0 ซึ่ง เวียดนาม ในยุคนี้ต้องบอกเลยว่า มาตรฐานค่อนข้างใกล้เคียงกับไทยมาก แถมการต้องออกไปเยือน จะทำให้พวกเขาได้เปรียบในเรื่องเสียงเชียร์มากขึ้นไปอีก แต่อย่างไรก็ตาม ทัพช้างศึกไทย ก็จำเป็นต้องสู้ขาดใจจนวินาทีสุดท้าย เพื่อจุดประกายความหวังในการเข้ารอบกลับมาอีกครั้ง

คาดว่ากุนซือ อากิระ นิชิโนะ จะต้องปรับแนวรับเป็นการใหญ่ โดยเกมนี้จะได้ ธีราทร บุญมาทัน กลับมาจากโทษแบน พร้อมทั้งอาจจะเรียกใช้ ธนบูรณ์ เกษารัตน์ และ นิติพงษ์ เสลานนท์ กลับมายืนเป็นตัวจริงในแผงแบ็คโฟร์อีกครั้ง

คาดการณ์ 11 ตัวจริง : 4-5-1

ผู้รักษาประตู ศิวรักษ์
กองหลัง นิติพงษ์, เบียห์ร, ธนบูรณ์, ธีราทร
กองกลาง สารัช, พิธิวัต, ชนาธิป, เอกนิษฐ์, สุภโชค
กองหน้า ธีรศิลป์


เวียดนาม 

ทีมของ พาร์ค ฮัง ซอ มีดีกรีเป็นถึงแชมป์ เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ ครั้งล่าสุดเมื่อปี 2018 นั่นทำให้เห็นว่ามาตรฐานของ เวียดนาม ในตอนนี้สูงขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก อีกทั้งในศึก ฟุตบอลโลก รอบคัดเลือกนี้ พวกเขาก็ตอกย้ำมาตรฐานนั้นด้วยการทะยานขึ้นมาเป็นจ่าฝูงของกลุ่มจากผลงาน 4 เกม ชนะ 3 เสมอ 1 และ ยังไม่แพ้ใคร โดยเกมล่าสุดพวกเขาสามารถเอาชนะ ยูเออี มาได้ 1-0 ดังนั้นเกมนี้จึงเป็นอีกเกมที่ดุเดือดและคู่คี่สูสี ควรค่าแก่การติดตามรับชมอย่างยิ่ง โดยเฉพาะแฟนฟุตบอลไทย ห้ามพลาดเป็นอันขาด

คาดการณ์ 11 ตัวจริง : 5-4-1

ผู้รักษาประตู วาน ลัม
กองหลัง ตรอง ฮวง, ดุย มานห์, ง็อค ไฮ, เตียน ดุง, วาน เฮา
กองกลาง ควาง ไฮ, ซวน เจือง, ฮุง ดุง, ตวน อันห์
กองหน้า คง เฟือง

ผลงาน 5 นัดหลังสุด


ทีมชาติไทย (ชนะ 2 เสมอ 2 แพ้ 1)

14/11/19 WC มาเลเซีย 2-1 ไทย
15/10/19 WC ไทย 2-1 ยูเออี
10/10/19 FL ไทย 1-1 คองโก
10/09/19 WC อินโดนิเซีย 0-3 ไทย
5/09/19 WC ไทย 0-0 เวียดนาม

ทีมชาติเวียดนาม (ชนะ 3 เสมอ 1 แพ้ 1)

14/11/19 WC เวียดนาม 1-0 ยูเออี
15/10/19 WC อินโดนิเซีย 1-3 เวียดนาม
10/10/19 WC เวียดนาม 1-0 มาเลเซีย
05/09/19 WC ไทย 0-0 เวียดนาม
08/06/19 FL คูราเซา 2-1 เวียดนาม

เฮดทูเฮด (ไทย ชนะ 3 เสมอ เวียดนาม ชนะ 1)

05/09/19 WC ไทย 0-0 เวียดนาม
05/06/19 FL ไทย 0-1 เวียดนาม
13/10/15 WC เวียดนาม 0-3 ไทย
24/05/15 WC ไทย 1-0 เวียดนาม
30/11/12 AFF ไทย 3-1 เวียดนาม

เจ็บอีกหรอ !? แข้งหงส์ ถอนตัวจากทัพกังหันสีส้มอีก 1 ราย

Soccer Football – UEFA Nations League – League A – Group 1 – Netherlands v Germany – Johan Cruijff Arena, Amsterdam, Netherlands – October 13, 2018 Netherlands’ Virgil van Dijk celebrates scoring their first goal with Marten de Roon REUTERS/Piroschka Van de Wouw

เวอร์กิล ฟาน ไดจ์ค ปราการหลังจอมแกร่งของ ลิเวอร์พูล จ่าฝูงในศึก พรีเมียร์ลีก ได้ถอนตัวจากทีมชาติฮอลแลนด์ ที่จะทำศึก ยูโร 2020 รอบคัดเลือกกับทีมชาติเอสโตเนียวันอังคารนี้ กัปตันทีมอัศวินสีส้มได้ลงสนาม 90 นาทีเต็มนัดล่าสุด ซึ่งแม้จะทำได้แค่เสมอกับ ไอร์แลนด์เหนือ 0-0 แต่มันก็เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาผ่านเข้ารอบสุดท้ายในปีหน้าแล้ว Virgil Van Dijk withdraws from Netherlands squad ahead of their #Euro2020 qualifiers clash against Estonia, the national team announces. “The captain of the Dutch national…

[ข่าวซื้อขาย] มาอีกละ ! บรูโน ตอบสื่อล่าสุดถึงข่าวลือย้ายซบ ผีแดง-ไก่เดือยทอง

บรูโน แฟร์นันเดส ยอดมิดฟิลด์ตัวรุกของ สปอร์ติง ลิสบอน ยอมรับตรง ๆ ว่ามีความฝันที่อยากเติมเต็มอยู่เหมือนกัน หลังมีข่าวลือเกี่ยวกับ​ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ส สองทีมยักษ์ใหญ่ใน พรีเมียร์ลีก หนักขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วงปลายปี 2019

“บอกตามตรงว่าผมไม่ได้เป็นกังวลหรือคิดถึงเรื่องการย้ายออกจาก สปอร์ติง ลิสบอน มากอย่างที่สื่อหลาย ๆ เจ้าพยายามสร้างกระแสเลย” บรูโน กล่าว

“เอาจริง ๆ ผมใช้ชีวิตอยู่กับข่าวลือเหล่านี้มานานตั้งแต่ปี 2016 โน่นแล้ว ฉะนั้นจะพูดว่าชินก็คงไม่ผิดจากความจริงสักเท่าไหร่นัก แต่อย่างที่เห็นคือ สปอร์ติง ยังคงเป็นต้นสังกัดอยู่เหมือนเดิม”

“เรื่องที่ผมโฟกัสก็คือทำงานของตัวเองให้ออกมาดีที่สุด แน่นอนว่าตัวเองก็มีความฝันที่อยากเติมเต็มอยู่เหมือนกัน แต่ถ้าจะให้คิดแต่เรื่องย้ายทีมตั้งแต่กลางซีซั่นแบบนี้ ขออยู่เฉย ๆ ดีกว่า”

“ผมรักสโมสรแห่งนี้มากจากใจจริง และสมมติว่าต้องย้ายจริง ๆ ก็อยากให้เป็นการลาจากที่สวยงามสุด ๆ”

[ข่าวซื้อขาย] แฟนผีเอาไหม ! จูนินโญ เผย สิทธิพิเศษ ที่ ผีแดง จะได้รับหากจะดึง เดปาย กลับถิ่น

จูนินโญ แปร์นัมบูกาโน ผู้อำนวยการด้านกีฬาของสโมสร โอลิมปิก ลียง ยอมรับตามตรงแล้วว่า ​แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยักษ์ใหญ่ในศึก พรีเมียร์ลีก มีสิทธิ์เข้าเจรจาเพื่อขอซื้อตัว เมมฟิส เดปาย ก่อนทีมอื่นตามสัญญาที่เคยตกลงกันไว้

“ข้อเท็จจริงก็คือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้รับสิทธิ์เป็นทีมแรกในการเข้าเจรจาขอซื้อตัว เมมฟิส เดปาย กลับจาก โอลิมปิก ลียง” ตำนานจอมปั่นฟรีคิก กล่าว

“แม้เรื่องนี้จะเป็นเพียงข่าวลือเกี่ยวกับ เมมฟิส และทีมเก่าออกมาตามหน้าสื่อเท่านั้น ไม่มีการติดต่อขอซื้อเข้ามาเลยสักครั้งเดียว แต่อย่าลืมนะว่าโลกแห่งฟุตบอลทุกอย่างเกิดขึ้นได้แบบฉับพลันเสมอ”

“อีกอย่างคือพอคุณเหลือสัญญากับต้นสังกัดเพียงแค่ 1 ปี การต่อรองเพื่อขยายมันออกไปอีกครั้งมักเป็นเรื่องยากสุด ๆ เสมอ แต่ผมก็เชื่อว่าเขากำลังมีความสุขกับ โอลิมปิก ลียง”