แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 0-2 เบิร์นลีย์: เก็บตก 4 ประเด็นร้อนหลังผลฟุตบอลพรีเมียร์ลีกที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด

4. ความเป็นไปของเกม

แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นฝ่ายเซ็ตจังหวะของรูปเกมตั้งแต่เสียงนกหวีดออกสตาร์ทแต่พลพรรค ปีศาจแดง ไม่ได้มีความเด็ดขาดในพื้นที่อย่างที่ควรจะเป็นกระทั่งถูกทีเด็ดลูกกลางอากาศของ เบิร์นลีย์ เจาะไข่แดงในช่วงท้ายครึ่งแรกจากประตูของ คริส วูด

เกมในครึ่งหลังบอลยังคงอยู่ในการครอบครองของ เร้ดเดวิลส์ ให้พวกเขาบุกเข้าใส่ เดอะคลาเร็ตส์ อย่างต่อเนื่องทว่าความเลินเล่อในเกมรับของเจ้าถิ่นก็กลายเป็นการเปิดโอกาสให้ทีมเยือนต่อบอลกันหน้ากรอบเขตโทษก่อน เจย์ โรดริเกวซ จะสลัดหนี แฮร์รี แม็คไกวร์ หลุดเข้าไปตะบันประตู 2-0 สุดสวย

ช่วงเวลาที่เหลือลูกทีมของ โอเล กุนนาร์ โซลชา พยายามเร่งจังหวะของเกมแต่จังหวะสุดท้ายก็ไม่สามารถหวังผลได้เช่นเคยจนพวกเขาเป็นฝ่ายปราชัยในที่สุด

3. โอกาสเหน่งๆ ของ ผีแดง ช่วงต้นเกม

แทบจะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของเกมที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด เมื่อ ปีศาจแดง ไม่สามารถฉกฉวยโอกาสทองในช่วงต้นจากทั้ง อองโตนี มาร์กซิยาล และ ฆวน มาต้า เอาไว้ได้

ทั้งคู่มีจังหวะได้ลุ้นจบสกอร์เหน่งๆ ในกรอบเขตโทษแต่ความลังเลและความไม่เด็ดขาดทำให้พวกเขาพลาดการได้ประตูขึ้นนำอย่างน่าเสียดายและถูกลงโทษในท้ายที่สุด

2. คู่แข่งที่ตั้งรับลึกยังคงเป็นปัญหาของแนวรุก แมนฯ ยูไนเต็ด

เป็นอีกครั้งที่การดวลกับคู่แข่งที่ตั้งรับลึกอย่างมีวินัย จำกัดพื้นที่ในการเล่น และป้องกันลูกกลางอากาศได้ดีทำให้ ปีศาจแดง มีปัญหาในการเข้าทำอย่างเห็นได้ชัด

แนวรุกที่รวดเร็วของเจ้าบ้านอย่าง อองโตนี มาร์กซิยาล, แดเนียล เจมส์ หรือกระทั่ง อันเดรียส เปเรย์รา ไม่ได้รับอนุญาตให้แผลงฤทธิ์จากการวิ่งโจมตีแบบไดเร็กต์ซึ่งเป็นจุดเด่นของบรรดาคีย์แมน ปีศาจแดง เมื่อพวกเขาไม่มีพื้นที่ให้พาบอลกระชากไปด้วยตนเอง

ขณะที่ ฆวน มาต้า ที่รับบทบาทคอยออกบอลไปยังพื้นที่สุดท้ายเป็นไปอย่างน่าผิดหวังและน่าแปลกใจที่เจ้าตัวยังคงตะบี้ตะบันครอสลูกโด่งเข้าไปในกรอบเขตโทษต่อเนื่องทั้งที่ชัดเจนว่าเพื่อนร่วมทีมของเจ้าตัวไม่สามารถเอาชนะลูกกลางอากาศแนวรับของทีมเยือนได้

1. ผีแดง ต้องการแข้งที่สามารถทะลายแนวรับคู่แข่งได้โดยด่วน

ไม่มีผู้เล่นคนใดในทีม ปีศาจแดง ชุดนี้ที่เราสามารถชี้ได้ว่าสามารถเอาชนะคู่แข่งในการดวลกันแบบหนึ่งต่อหนึ่งได้เลย (นอกจาก มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่มีวี่แววว่าอาการบาดเจ็บอาจจะร้ายแรงกว่าที่คาด)

แข้งที่สามารถตะลุยหนีคู่ต่อสู้แบบ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ หรือ ซาดิโอ มาเน ของ ลิเวอร์พูล, แบร์นาโด ซิลวา หรือ ราฮีม สเตอร์ลิง ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พวกเขาสามารถสร้างความแตกต่างให้กับทีมและสามารถเป็นคีย์แมนสร้างจุดเปลี่ยนให้กับทีมได้ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ทีมของ โซลชา ขาดอยู่ในเวลานี้

เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 0-1 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ : เก็บตกทุกประเด็นร้อนหลังเกม พรีเมียร์ลีก คืนวันอังคาร

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ บุกมาเก็บ 3 คะแนน ได้สำเร็จ หลังเบียดชนะ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ไปได้ 0-1 โดยได้ประตูจาก เซร์คิโอ อเกวโร ตัวสำรอง ในนาทีที่ 73 ทั้งที่มีโอกาสจากลูกจุดโทษก่อนในครึ่งแรก แต่ กาเบรียล เชซุส กลับยิงไปติดผู้รักษาประตูอย่างน่าเสียดาย ทำให้จบเกม เรือใบ บุกเฉือน ดาบคู่ หวุดหวิด คว้า 3 คะแนนนอกบ้าน รั้งอันดับ 2 ของตารางเอาไว้อย่างเหนียวแน่น

FBL-ENG-PR-SHEFFIELD UTD-MAN CITY

เริ่มเกมในครึ่งเวลาแรก เป็นทีมเยือนที่ครองบอลได้มากกว่า แต่เจ้าถิ่นก็ยังสามารถคุมโซนต้านทานเอาไว้ได้และมีจังหวะสวนกลับตอบโต้ได้อย่างสูสีใช่วง 10 นาทีแรก​

หลังจากนั้นผู้มาเยือนเริ่มตั้งเกมของตัวเองได้และมีจังหวะเข้าทำสวย ๆ ที่น่าได้ประตูถึง 2 ครั้งจากลูกยิงของ สเตอร์ลิง และ โอตาเมนดี้ แต่ก็ถูก ดีน เฮนเดอร์สัน ปฏิเสธเอาไว้ได้อย่างยอดเยี่ยมทั้ง 2 ครั้ง

ทางฝั่งเจ้าบ้านเองก็มีจังหวะได้ครองบอลตอบโต้อยู่บ้าง แต่ก็ยังไม่มีโอกาสได้จบสกอร์แบบที่หวังผลได้เลย

กระทั่งนาทีที่ 35 เรือใบสีฟ้า มาได้จุดโทษ จากจังหวะที่ มาห์เรซ เลี้ยงลุยเข้ากรอบเขตโทษแล้วโดนสะกัดล้มลงไป แต่ กาเบรียล เชซุส กลับสังหารไปติดเซฟของ เฮนเดอร์สัน เจ้าเก่าอีกครั้ง

ช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีมยังทำประตูกันไม่ได้ จบ 45 นาทีแรก เสมอกันอยู่ 0-0

FBL-ENG-PR-SHEFFIELD UTD-MAN CITY

เริ่มเกมในช่วงครึ่งเวลาหลังทีมเยือนยังคงพยายามเปิดเกมบุกเข้าใส่อย่างหนักเพื่อหวังเอาประตูขึ้นนำ แต่ก็ยังทำได้แค่กดดันอยู่บริเวณด้านนอกเขตโทษเท่านั้น

กระทั่งนาทีที่ 73 กุน อเกวโร ตัวสำรองลงมาเป็นซูเปอร์ซับ ด้วยการยิงประตูออกนำ 0-1 ให้กับทีมได้สำเร็จ จากจังหวะที่ เควิน เดอ บรอยน์ จ่ายตัดเข้าเขตโทษสุดสวยให้ กุน แท็บเข้าไปง่าย ๆ

จากนั้นทั้งสองฝ่ายต่างพยายามเปิดเกมบุกแลกกัน แต่ดูจะเป็นทางฝั่งของ ซิตี้ ที่ทำได้ดีกว่า และเกือบจะได้ประตูที่สองหลายครั้ง โดยเฉพาะจาก ราฮีม สเตอร์ลิง ที่ดูจะมีโอกาสบ่อยครั้ง แต่ก็ยังทำไม่ได้

กระทั่งจบ 90 นาที แมนเชสเตอร์ ซิตี้ บุกมาเฉือนชนะ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด หวุดหวิด 0-1

FBL-ENG-PR-SHEFFIELD UTD-MAN CITY

คะแนนนักเตะ แมนฯ ซิตี้


แมนเชสเตอร์ ซิตี้: เอแดร์ซอน(7), วอล์คเกอร์(765), โอตาเมนดี้(7.5), แฟร์นันดินโญ(7.5), ลาปอร์ต(7), โรดริโก้(7), ซินเชนโก้(6.5), เดอ บรอยน์(8)*, สเตอร์ลิง(6.5), มาห์เรซ(7), เชซุส(5.5)

ตัวสำรอง: อเกวโร(7), การ์เซีย(6), แบร์นาโด้(6)

Kevin De Bruyne

คีย์แมน – ดีน เฮนเดอร์สัน


หากจะหา แมน ออฟ เดอะแมทช์ ในเกมวันนี้ คงต้องขออนุญาตยกให้ผู้รักษาประตูของเจ้าถิ่นอย่าง ดีน เฮนเดอร์สัน ที่วันนี้เซฟอุตลุตช่วยทีมเอาไว้ได้หลายต่อหลายครั้ง โดนเฉพาะอย่างยิ่งลูกโทษของ กาเบรียล เชซุส ที่อดีตมือกาวเด็กปั้นของ ปีศาจแดง รายนี้ บินไปปัดได้อย่างสวดสดงดงาม แม้สุดท้ายจะเสียไป 1 ประตู และทีมพ่ายแพ้ไป แต่ต้องบอกเลยว่าหากไม่ได้เขาคนนี้ พลพรรคดาบคู่ อาจจะโดนไปอย่างน้อย 3-4 ประตูไปแล้วก็เป็นได้

Gabriel Jesus,Dean Henderson

ประเด็นร้อนหลังเกม


อายเมอริค ลาปอร์ต กลับมาแล้ว !

แฟน ๆ เรือใบสีฟ้า คงใจชื้นขึ้นมาอีกนิด หลังจากเห็น อายเมอริค ลาปอร์ต กองหลังชาวฝรั่งเศสของทีม ที่ได้รับบาดเจ็บตั้งแต่เกมที่พบกับ ไบรท์ตัน ช่วงต้นฤดูกาล ทำให้ต้องพักยาวและพึ่งจะกลับมาลงสนามให้กับทีมได้ในเกมวันนี้ ซึ่งต้องบอกเลยว่าช่วงที่เจ้าตัวหายหน้าจากสนามไป ทีมก็แทบจะประสบเคราะห์กรรมอย่างที่ทุกคนเห็นกัน จนในตอนนี้เกมรับของพวกเขา กลายเป็นจุดอ่อนให้ทีมอื่น ๆ เจาะกันสนุกสนานแทบจะทุกเกมก็ว่าได้

คงต้องดูกันต่อไปว่า การได้ ลาปอร์ต กลับมาในคราวนี้นั้น จะทำให้ แมนฯ ซิตี้ กลับมายืนในจุดที่ควรจะเป็นอีกครั้งได้หรือไม่ หรือว่าตอนนี้ปัญหามันลุกลามเกินว่าจะเยียวยาไปแล้ว อีกไม่นานเราคงได้เห็นกัน

FBL-ENG-PR-SHEFFIELD UTD-MAN CITY

รายชื่อผู้เล่นของทั้ง 2 ทีม


เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด : เฮนเดอร์สัน, บาแชม, อีแกน, โอคอนเนลล์, บัลด็อค, เบซิช, นอร์วูด, เฟล็ค, สตีเวนส์, แม็คเบอร์นีย์, ชาร์ป

ตัวสำรอง : จาเกียลก้า, ลุนด์สแตรม, มุสเซ็ต, เวอร์ริฟส์, ฟรีแมน, ออสบอร์น, โรบินสัน

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ : เอแดร์ซอน, วอล์คเกอร์, โอตาเมนดี้, แฟร์นันดินโญ, ลาปอร์ต, โรดริโก้, ซินเชนโก้, เดอ บรอยน์, สเตอร์ลิง, มาห์เรซ, เชซุส

ตัวสำรอง : บราโบ, อเกวโร, แบร์นาโด้, กุนโดกัน, คันเซโล, โฟเด้น, การ์เซีย

เชลซี พบ อาร์เซนอล : พรีวิวฟุตบอล พรีเมียร์ลีก, วัน+เวลาการแข่งขัน, ถ่ายทอดสด


ข้อมูลการแข่งขัน



ความพร้อมของทั้ง 2 ทีม


เชลซี

แฟรงค์ แลมพาร์ด จะหมดสิทธิ์ใช้งาน รีซ เจมส์ แบ็คขวาดาวร่งชาว อังกฤษ วัย 20 ปีจากอาการบาดเจ็บในเกมที่พวกเขาปราชัยต่อ นิวคาสเซิล 1-0 เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาในขณะที่ มาร์กอส อลอนโซ ยังคงพักรักษาตัวโดยคาดการณ์ว่า เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า จะกลับไปประจำการที่ตำแหน่งแบ็คขวาตามเดิมและ เอเมอร์สัน จะได้ออกสตาร์ทแทนที่ในตำแหน่งแบ็คซ้าย

นอกจากนี้ สิงห์บลู จะยังไร้ รูเบน ลอฟตัส-ชีค กับ คริสเตียน พูลิซิช ที่ยังเดี้ยง โดยมีความเป็นไปได้สูงที่ แลมพ์ จะหมุนเวียนผู้เล่นจากเกมเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาโดยมี เคิร์ท ซูมา, มาเตโอ โควาชิช, รอสส์ บาร์คลีย์ และ เปโดร อยู่ในข่ายตัวเลือก

คาดการณ์ 11 ตัวจริง : 4-3-3

ผู้รักษาประตู อาร์ริซาบาลากา
กองหลัง อัซปิลิกวยต้า, ซูมา, รือดิเกอร์, เอเมอร์สัน
กองกลาง ก็องเต้, จอร์จินโญ, โควาชิช
กองหน้า วิลเลียน, อับราฮัม, ฮัดสัน-โอดอย

​​อาร์เซนอล

มิเคล อาร์เตต้า จะหมดสิทธิ์ใช้งาน ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง จากการติดโทษแบน ขณะที่ คาลัม แชมเบอร์ส, เซอัด โคลาซินาช, รีสส์ เนลสัน, คีแรน เทียร์นีย์ ยังคงต้องรักษาอาการบาดเจ็บโดยที่ โซคราติส ปาปาสตาโธปูลอส ยังคงต้องรอเช็คความฟิตจากอาการป่วยอีกครั้ง

คาดการณ์ว่า บูคาโย ซาก้า กับ เอคตอร์ เบเยริน อาจได้ลงประจำการในตำแหน่งฟูลแบ็คโดยที่ มัตเตโอ เกนดูซี ลุ้นเบียดแย่งตัวจริงกับ ลูคัส ตอร์เรย์รา เช่นเดียวกับ ดานี เซบาญอส เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์

คาดการณ์ 11 ตัวจริง : 4-2-3-1

ผู้รักษาประตู เลโน
กองหลัง เบเยริน, มุสตาฟี, ลุยซ์, ซาก้า
กองกลาง เกนดูซี, ชาก้า
เปเป้, เออซิล, มาร์ติเนลลี
กองหน้า ลากาเซ็ตต์

ผลงาน 5 นัดหลังสุด


เชลซี (ชนะ 3 เสมอ 1 แพ้ 1)

19 มกราคม พรีเมียร์ลีก นิวคาสเซิล 1 : 0 เชลซี แพ้
11 มกราคม พรีเมียร์ลีก เชลซี 3 : 0 เบิร์นลีย์ ชนะ
5 มกราคม เอฟเอ คัพ เชลซี 2 : 0 ฟอเรสต์ ชนะ
1 มกราคม พรีเมียร์ลีก ไบรท์ตัน 1 : 1 เชลซี เสมอ
29 ธันวาคม พรีเมียร์ลีก อาร์เซนอล 1 : 2 เชลซี ชนะ

​อาร์เซนอล (ชนะ 2 เสมอ 2 แพ้ 1)

18 มกราคม พรีเมียร์ลีก อาร์เซนอล 1 : 1 เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด เสมอ
11 มกราคม พรีเมียร์ลีก คริสตัล พาเลซ 1 : 1 อาร์เซนอล เสมอ
7 มกราคม เอฟเอ คัพ อาร์เซนอล 1 : 0 ลีดส์ ชนะ
2 มกราคม พรีเมียร์ลีก อาร์เซนอล 2 : 0 แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะ
29 ธันวาคม พรีเมียร์ลีก อาร์เซนอล 1 : 2 เชลซี แพ้

เฮดทูเฮด (เชลซี ชนะ 3 เสมอ 0 อาร์เซนอล ชนะ 2)

29 ธันวาคม 2019 พรีเมียร์ลีก อาร์เซนอล 1 : 2 เชลซี
30 พฤษภาคม 2019 ยูโรปาลีก เชลซี 4 : 1 อาร์เซนอล
20 มกราคม 2019 พรีเมียร์ลีก อาร์เซนอล 2 : 0 เชลซี
19 สิงหาคม 2018 พรีเมียร์ลีก เชลซี 3 : 2 อาร์เซนอล
2 สิงหาคม 2018 ไอซีซี อาร์เซนอล 2 : 1(1 : 1) เชลซี

ลิเวอร์พูล 2-0 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด : ผ่าทุกประเด็นร้อนหลังผลฟุตบอลศึกแดงเดือด พรีเมียร์ลีก

1. เจ้าหนูเทรนท์ ยังฉมัง

แอสซิสต์จากลูกเตะมุมของ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ที่เปิดให้กับ เวอร์จิล ฟาน ไดค์ โขกพังประตูเบิกร่องนับเป็นการผ่านบอลจากลูกตั้งเตะให้เพื่อนร่วมทีมพังประตูครั้งที่ 5 ในเกมลีกซีซันนี้เข้าไปแล้วสำหรับเจ้าหนูแบ็คขวาชาว อังกฤษ วัย 21 ปี ทำให้เจ้าตัวนับเป็นผู้เล่นที่ทำแอสซิสต์จากลูกตั้งเตะได้มากที่สุดในบรรดา 5 ลีกใหญ่ของยุโรป

2. ไวนัลดุม คีย์แมนขับเคลื่อนแดนกลาง หงส์แดง

เลี้ยงผ่านคู่แข่งสำเร็จ 3 ครั้ง

เอาชนะในการเข้าปะทะ 2 ครั้ง

เอาชนะลูกกลางอากาศสำเร็จ 2 ครั้ง

ด้านบนคือสถิติของ ไวนัลดุม ในเกมนี้และเจ้าตัวเกือบจะมีชื่อบนสกอร์บอร์ดให้กับ เร้ดแมชีน หากไม่ถูกจับล้ำหน้าไปเสียก่อนในครึ่งแรก

จินี ไวนัลดุม ในบทบาทบ็อกซ์ทูบ็อกซ์มีส่วนช่วยทีมทั้งในเกมรับและเกมรุก คอยไล่บี้การขึ้นเกมของ ปีศาจแดง ที่กลางสนามรวมไปถึงทะยานเข้าไปในกรอบเขตโทษเมื่อสบโอกาสเพื่อสร้างจังหะให้กับตนเองและเพื่อนร่วมทีม

3. ซาลาห์ ยังไว้วางใจได้

โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ดูจะไม่ค่อยมีบทบาทกับเกมรุกของ เร้ดแมชีน เท่าไหร่นักในเกมนี้เมื่อถูกบรรดาแนวรับของทีมเยือนปิดตายไม่ให้มีพื้นที่ได้ลากเลื้อยเท่าใดนัก เว้นแต่ช็อตเข้าตาเมื่อแตะหนี ลุค ชอว์ สำเร็จก่อนถูกตัดฟาวล์

เจ้าตัวเลี้ยงผ่านคู่แข่งสำเร็จเพียง 1 ครั้งตลอดทั้งเกม

มีโอกาสยิง 3 ครั้ง

ตรงกรอบ 1 ครั้งและเป็น 1 ประตู

สตาร์ทีมชาติ อียิปต์ ฉวยโอกาสที่บรรดาแข้ง ปีศาจแดง เทกันเติมขึ้นไปเล่นลูกเตะมุมในช่วงทดเวลาบาดเจ็บรับบอลของ อลิสซอน เบ็คเกอร์ ที่วางให้อย่างแม่นยำก่อนทะยานเบียดเอาชนะ แดเนียล เจมส์ หลุดเข้าไปสังหารผ่านมือ ดาบิด เด เคอา เป็นประตูตอกฝาโลง นับเป็นการซัลโวใส่ 23 ทีมใน พรีเมียร์ลีก จากทั้งหมด 24 ทีมที่เขาเคยดวลด้วย โดยมีเพียง สวอนซี ซิตี้ เท่านั้นที่เขาไม่เคยยิงใส่ได้ในรายการนี้

นอกจากนั้นแอสซิสต์ของ อลิสซอน ยังทำให้เขากลายเป็นนักเตะ ลิเวอร์พูล คนแรกที่ผ่านบอลให้เพื่อนร่วมทีมทำประตูได้นับตั้ง เปเป้ เรนา แอสซิสต์ให้กับ เฟร์นานโด ตอร์เรส ยิงใส่ ซันเดอร์แลนด์ ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2010

4. การจัดตัวที่แปลกแหวกแนว

วันนี้หากดูจากรายชื่อก่อนเกมจะเริ่มนั้น หลาย ๆ คนคงแปลกใจถึงการส่งผู้เล่นในตำแหน่งแบ็คซ้ายธรรมชาติลงมาพร้อมกันถึง 2 คนด้วยกันทั้ง ลุค ชอว์ และ แบรนเดน วิลเลียม

แม้ว่าเมื่อเกมเริ่มแล้วนั้น เหมือนว่า ชอว์ จะไปยืนเป็น เซนเตอร์แบ็คฝั่งซ้าย และขยับ วิลเลียม ขึ้นไปเป็นวิงแบ็ค แต่ก็ยังน่าแปลกอยู่ดีทั้งที่ก่อนหน้านี้เล่นระบบ 4-2-3-1 และก็ดูเหมือนจะเริ่มทำผลงานได้ดีขึ้นโดยเฉพาะใน 2 เกมที่ผ่านมาที่สามารถเอาชนะคู่แข่งมาได้ทั้งสองนัดติดต่อกันแล้วแท้ ๆ

แถมสิ่งที่น่าแปลกใจอีกอย่างหนึ่งคือการส่ง อันเดรียส เปเรย์รา ลงมาเป็นตัวจริง แทนที่ ฆวน มาต้า ที่ในช่วงหลังทำผลงานได้โดดเด่นขึ้นมา แต่เกมวันนี้ เพลย์เมกเกอร์เลือดกระทิงดุ กลับถูกดรอปอยู่ข้างสนาม และให้ลูกหม้อชาวบราซิลเลียน ลงมาวาดลวดลายในสนามแทนจนกระทั่งนาทีที่ 73 จึงจะเริ่มมีการแก้เกม ตามสไตล์ น้าโอเล สายชิล

5. ปีศาจแดง ไร้ซึ่งความเฉียบคม

เกมวันนี้ใช่ว่าพวกเขาจะสู้ไม่ได้เลยซะทีเดียว โดยเฉพาะในครึ่งหลังที่สามารถทำเกมบุกสู้กับเจ้าบ้านได้อย่างสูสีในช่วง 20 นาทีสุดท้าย

ซึ่งพวกเขาก็พอจะสร้างสรรค์โอกาสเข้าทำที่ได้ลุ้นอยู่บ้าง แต่น่าเสียดายที่ไม่สามารถเปลี่ยนจังหวะเหล่านั้นให้เป็นประตูตีเสมอได้ ทั้งลูกทำชิ่งเข้ากรอบเขตโทษของ มาร์กซิยาล จนได้หลุดเข้าไปยิงโล่ง ๆ แต่กลับซัดบอลข้ามคานออกไปหน้าตาเฉย และโอกาสของ เฟร็ด ที่ได้เลี้ยงจี้เข้ากรอบเขตโทษ แต่ปั่นด้วยซ้ายออกนอกกรอบไปอย่างน่าเสียดาย ยังมีอีกหลาย ๆ จังหวะนอกเหนือจากนี้ที่ลูกทีมของ โซลชาร์ ควรจะทำได้ดีกว่านี้ในจังหวะจบสกอร์ มิฉนั้นรูปเกมคงสนุกและตื่นเต้นได้มากกว่านี้อีกหลายเท่าอย่างแน่นอน

6. ถ้ามี แรชฟอร์ด เกมอาจไม่จบลงแบบนี้

หนึ่งคนที่แฟน ๆ ปีศาจแดงคิดถึงมากที่สุดในวันนี้ก็คงจะเป็น มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่ดันมาโชคร้ายได้รับบาดเจ็บในเกมเมื่อสัปดาห์ก่อน จนทำให้ไม่สามารถลงสนามในเกมนี้ได้

ซึ่งดาวซัลโวของทีมรายนี้เป็นคนที่มีทีเด็ดทีขาด แถมยังถนัดการเล่นบอลชายเดี่ยวในเกมสวนกลับอยู่แล้ว เพราะจากรูปเกมในวันนี้ต้องบอกเลยว่า แดเนียล เจมส์ ไม่สามารถทำสิ่งเหล่านี้แทนได้เลยแม้แต่น้อย แถม แรชฟอร์ด เอง ก็ขึ้นชื่อเรื่องการถล่มประตูใส่ ลิเวอร์พูล เป็นทุนเดิมอยู่แล้วด้วย

ดังนั้นหากวันนี้ พลพรรคเร้ดเดวิลส์ มีแข้งหมายเลข 10 อยู่ในสนามละก็ แมนฯ ยูไนเต็ด อาจจะไม่ได้ลงเอยด้วยความปราชัยเช่นนี้ก็เป็นได้

สรุปตารางโปรแกรมถ่ายทอดสดฟุตบอลประจำสัปดาห์


ตารางสรุปโปรแกรมการถ่ายทอดสด ฟุตบอลไทย และฟุตบอลต่างประเทศประจำสัปดาห์ ข้อมูลอัพเดทล่าสุดวันที่ 19 มกราคม (19 – 22 ม.ค. 63)


วันอาทิตย์ ที่ 19 มกราคม 2563


ฟุตบอล AFC U-23 ชิงแชมป์เอเชีย รอบ 8 ทีมสุดท้าย
เวลา คู่แข่งขัน ช่องทางรับชม
17.15 เกาหลีใต้ – จอร์แดน FOX Sports
20.15 ยูเออี – อุซเบกิสถาน FOX Sports
ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
เวลา คู่แข่งขัน ช่องทางรับชม
21.00 เบิร์นลีย์ – เลสเตอร์ ซิตี้ True Premier HD 1
23.30 ลิเวอร์พูล – แมนฯ ยูไนเต็ด True Premier HD 1
ฟุตบอล บุนเดสลีกา เยอรมัน
เวลา คู่แข่งขัน ช่องทางรับชม
21.30 แฮร์ธา เบอร์ลิน – บาเยิร์น มิวนิค FOX Sports 3, PPTV
00.00 พาเดอร์บอร์น – ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน FOX Sports 3
ฟุตบอล กัลโช เซเรีย อา อิตาลี
เวลา คู่แข่งขัน ช่องทางรับชม
18.30 เอซี มิลาน – อูดิเนเซ beIN SPORTS 2
21.00 เลชเช – อินเตอร์ beIN SPORTS 2
21.00 เบรสชา – กายารี beIN SPORTS Xtra
21.00 โบโลญญา – เวโรนา beIN SPORTS Xtra
00.00 เจนัว – โรมา beIN SPORTS 2
02.45 ยูเวนตุส – ปาร์มา beIN SPORTS 2
ฟุตบอล ลาลีกา สเปน
เวลา คู่แข่งขัน ช่องทางรับชม
18.00 เรอัล มายอร์ก้า – บาเลนเซีย beIN SPORTS 1
20.00 เรอัล เบติส – เรอัล โซเซียดาด beIN SPORTS 1
22.00 บียาร์เรอัล – เอสปันญอล beIN SPORTS 1
00.30 แอธเลติก บิลเบา – เซลต้า บีโก้ beIN SPORTS 1
03.00 บาร์เซโลนา – กรานาด้า beIN SPORTS 1
ฟุตบอล เฟร้นช์ คัพ รอบ 32 ทีม
เวลา คู่แข่งขัน ช่องทางรับชม
02.55 ลอริยองต์ – ปารีส แซงต์ แชร์กแมง beIN SPORTS Xtra

วันจันทร์ ที่ 20 มกราคม 2563


ฟุตบอล กัลโช เซเรีย อา อิตาลี
เวลา คู่แข่งขัน ช่องทางรับชม
02.45 อตาลันต้า – สปาล beIN SPORTS 2
ฟุตบอล เฟร้นช์ คัพ รอบ 32 ทีม
เวลา คู่แข่งขัน ช่องทางรับชม
02.55 แซงต์ พรีเว – โมนาโก beIN SPORTS 1

วันอังคาร ที่ 21 มกราคม 2563


AFC แชมเปี้ยนส์ลีก รอบคัดเลือก รอบที่ 2
เวลา คู่แข่งขัน ช่องทางรับชม
18.30 บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด – โฮจิมินห์ ซิตี้ PPTV
ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
เวลา คู่แข่งขัน ช่องทางรับชม
02.30 เชฟฯ ยูไนเต็ด – แมนฯ ซิตี้ True Premier HD 2
02.30 เอฟเวอร์ตัน – นิวคาสเซิล True Premier HD 3
02.30 คริสตัล พาเลซ – เซาแธมป์ตัน True Premier HD 4
02.30 บอร์นมัธ – ไบรท์ตัน True Premier HD 5
02.30 แอสตัน วิลลา – วัตฟอร์ด True Sports HD 2
03.15 เชลซี – อาร์เซนอล True Premier HD 2, True ID
ฟุตบอล เฟร้นช์ ลีกคัพ รอบรองชนะเลิศ
เวลา คู่แข่งขัน ช่องทางรับชม
03.10 ลียง – ลีลล์ beIN SPORTS 1

วันพุธ ที่ 22 มกราคม 2563


ฟุตบอล AFC U-23 ชิงแชมป์เอเชีย รอบรองชนะเลิศ
เวลา คู่แข่งขัน ช่องทางรับชม
17.15 ซาอุดิอาระเบีย – (สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์/อุซเบกิสถาน) FOX Sports 2
20.15 ? – ? FOX Sports 2
ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
เวลา คู่แข่งขัน ช่องทางรับชม
02.30 สเปอร์ส – นอริช ซิตี้ True Premier HD 3
02.30 เลสเตอร์ ซิตี้ – เวสต์แฮม True Premier HD 4, True ID
03.15 แมนฯ ยูไนเต็ด – เบิร์นลีย์ True Premier HD 1
ฟุตบอล เฟร้นช์ ลีกคัพ รอบรองชนะเลิศ
เวลา คู่แข่งขัน ช่องทางรับชม
03.00 แร็งส์ – ปารีส แซงต์ แชร์กแมง beIN SPORTS 1

อาร์เซนอล พบ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด : พรีวิว พรีเมียร์ลีก, วัน+เวลาการแข่งขัน, ถ่ายทอดสด


ข้อมูลการแข่งขัน



ความพร้อมทั้ง 2 ทีม


อาร์เซนอล

พลาดท่าทำได้แค่เสมอกับ คริสตัล พาเลซ 1-1 ในเกมล่าสุด แถมยังต้องเสีย ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง ที่ติดโทษแบนเนื่องจากโดนใบแดงไล่ออกจากสนามในเกมดังกล่าว โดยสภาพทีมก่อนแข่ง ทีมของ อาร์เตตา  มีปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บอยู่บางส่วนเช่น เซอัด โคลาซินาช คีแรน เทียร์นีย์ และ คัลลัม แชมเบอร์ส ที่ยังมีปัญหาอาการบาดเจ็บอยู่ ส่วนรายของ เฮคตอร์ เบเยริน และ ลูคัส ตอร์เรย์รา ยังต้องรอเช็คความพร้อมก่อนเกมจะเริ่มอีกครั้ง

คาดการณ์ 11 ตัวจริง : 4-3-1-2

ผู้รักษาประตู เลโน
กองหลัง เมตแลนด์-ไนลส์, โซคราติส, ลุยซ์, ซาก้า
กองกลาง ชาก้า, เกนดูซี, เนลสัน, เออซิล
กองหน้า เปเป้, ลากาเซ็ตต์

เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด

ผลงานกลับมาดีอย่างต่อเนื่องอีกครั้ง หลังจาก 2 เกมหลังสุด พวกเขาเก็บชัยชนะมาได้ทั้งหมด จนทำอันดับขึ้นมาอยู่ที่ 6 ของตารางเป็นที่เรียบร้อยแล้วในเวลานี้ ซึ่งสภาพทีมก่อนแข่ง ทัพดาบคู่ ค่อนข้างจะพร้อมในเรื่องของตัวผู้เล่น ที่แทบไม่มีรายงานผู้เล่นบาดเจ็บเลย แถมกุนซืออย่าง คริส ไวล์เดอร์ ก็พึ่งจะต่อสัญญากับทีมออกไป อาจส่งผลต่อกำลังใจของนักเตะได้ในเกมวันนี้ 

คาดการณ์ 11 ตัวจริง : 3-5-2

ผู้รักษาประตู เฮนเดอร์สัน
กองหลัง บาแชม, อีแกน, โอคอนเนลล์
กองกลาง บัลด็อก, ลุนด์สตรัม, นอร์วูด, เฟล็ค, สตีเวนส์
กองหน้า มูสเซต, แม็คเบอร์นีย์

ผลงาน 5 นัดหลังสุด


อาร์เซนอล (ชนะ 2 เสมอ 2 แพ้ 1)

11 ม.ค. PL พาเลซ 1-1 อาร์เซนอล
7 ม.ค. FA อาร์เซนอล 1-0 ลีดส์
2 ม.ค. PL อาร์เซนอล 2-0 แมนฯ ยูไนเต็ด
29 ธ.ค. PL อาร์เซนอล 1-2 เชลซี
26 ธ.ค. PL บอร์นมัธ 1-1 อาร์เซนอล

เชฟฯ ยูไนเต็ด (ชนะ 2 เสมอ 1 แพ้ 2)

11 ม.ค. PL เชฟฯ ยูไนเต็ด 1-0 เวสต์แฮม
5 ม.ค. FA เชฟฯ ยูไนเต็ด 2-1 เอเอฟซี ฟิลด์
3 ม.ค. PL ลิเวอร์พูล 2-0 เชฟฯ ยูไนเต็ด
30 ธ.ค. PL แมนฯ ซิตี้ 2-0 เชฟฯ ยูไนเต็ด
26 ธ.ค. PL เชฟฯ ยูไนเต็ด 1-1 วัตฟอร์ด

ฮดทูเฮด : อาร์เซนอล ชนะ 3 เสมอ 0 เชฟฯ ยูไนเต็ด ชนะ 2

22/10/19 PL เชฟฯ ยูไนเต็ด 1-0 อาร์เซนอล
24/09/08 EFL อาร์เซนอล 6-0 เชฟฯ ยูไนเต็ด
01/11/07 EFL เชฟฯ ยูไนเต็ด 0-3 อาร์เซนอล
31/12/06 PL เชฟฯ ยูไนเต็ด 1-0 อาร์เซนอล
23/09/06 PL อาร์เซนอล 3-0 เชฟฯ ยูไนเต็ด

*PL = พรีเมียร์ลีก / FA = เอฟเอ คัพ / EFL = คาราบาว คัพ


สถิติจาก OPTA ที่น่าสนใจ


  • เกมนี้จะเป็นครั้งแรกที่ทั้งสองทีมโคจรมาพบกันในบ้านของ อาร์เซนอล นับตั้งแต่ปี 2006 ซึ่งนัดนั้นจบด้วยชัยชนะของ เจ้าบ้าน 3-0

  • หากนับเฉพาะในลีกสูงสุด เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ไม่เคยบุกมาชนะ อาร์เซนอล ได้เลยตลอด 9 เกมหลังสุด (ชนะ 0 เสมอ 1 แพ้ 8) โดยครั้งสุดท้ายที่พวกเขาบุกมาเอาชนะได้ ต้องย้อนกลับไปในปี 1971 เลยทีเดียว

  • หาก เชฟฯ ยูไนเต็ด ชนะในเกมนี้ พวกเขาจะทำสถิติเอาชนะ ทีมปืนใหญ่ ได้ทั้งเหย้าและเยือนเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ฤดูกาล 1946-47

  • พลพรรคดาบคู่ จะกลายเป็นทีมน้องใหม่ทีมที่ 2 ต่อจาก แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส (1992-93) ที่สามารถเอาชนะ เดอะกันเนอร์ส์ ได้ทั้ง 2 เกมในซีซั่น หากพวกเขาสามารถเอาชนะได้ในนัดนี้

  • อาร์เซนอล ชนะไปเพียง 1 จาก 7 เกมลีกหลังสุดที่เล่นในบ้าน (ชนะ 1 เสมอ 3 แพ้ 3)

  • ในซีซั่นนี้ ทีมปืนใหญ่ แพ้ในบ้านไปแล้ว 3 เกม โดยฤดูกาลที่พวกเขาแพ้ใน เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม มากที่สุดคือปี 2010-11 ซึ่งแพ้ไปเพียง 4 เกมเท่านั้น

  • เดอะกันเนอร์ส ไม่เคยแพ้เมื่อได้ลงเล่นในเวลา 22.00 น. คืนวันเสาร์ มา 21 เกมติดต่อกันแล้ว (ชนะ 18 เสมอ 3 แพ้ 0)

  • อาร์เซนอล จะขาด ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง ในเกมวันนี้เนื่องจากติดโทษแบน ซึ่งเจ้าตัวเป็นผู้ที่ยิงประตูให้กับทีมได้มากถึง 14 จาก 29 ประตูที่ทีมทำได้ในซีซั่นนี้ (คิดเป็น 48%) ซึ่งถือว่ามากเป็นอันดับ 2 รองจาก แดนนี อิงส์ เท่านั้นที่ทำไปถึง 52% ของประตูทั้งหมดที่สโมสรทำได้ในฤดูกาลนี้

ดาวทองร่วง ! เวียดนาม 10 คนพ่าย เกาหลีเหนือ 2-1 กระเด็นตกรอบ ยู-23 ชิงแชมป์เอเชีย

ทีมชาติเวียดนาม ไม่สามารถผ่านเข้าไปเล่นรอบ 8 ทีมสุดท้ายฟุตบอล เอเอฟซี ยู-23 แชมเปี้ยนชิพ เมื่อพวกเขาปราชัยต่อ ทีมชาติเกาหลีเหนือ 2-1 ในนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม จบด้วยอันดับที่ 4 ของกลุ่มดี 

ก่อนเกมการแข่งขัน ทัพดาวทอง ยู-23 ภายใต้การคุมทีมของ ปาร์ค ฮัง-ซอ อยู่ในสถานการณ์หลังพิงฝาและต้องการชัยชนะสถานเดียวเท่านั้นพร้อมกับลุ้นให้ผลของอีกคู่ระหว่าง สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กับ จอร์แดน ในกลุ่มเดียวออกมาแบบมีผลแพ้ชนะเท่านั้น

ลูกทีมของ ปาร์ค ออกสตาร์ทได้อย่างยอดเยี่ยมเมื่อได้ประตูขึ้นนำอย่างรวดเร็วตั้งแต่นาทีที่ 16 จากการแท็ปอินในระยะเผาขนของ เหงียน เทียน ลินห์ แต่แล้วความผิดพลาดของผู้รักษาประตู บิน เทียน ดุงห์ ที่ชกบอลพลาดก่อนบอลจะชนคานกระดอนมือเขาทำเข้าประตูตัวเองกลายเป็นประตูตีเสมอ 1-1 ของ เกาหลีเหนือ ในนาทีที่ 27

เกมทำท่าจะจบลงด้วยผลเสมอแต่แล้ว เวียดนาม ก็มาทำฟาวล์เสียจุดโทษในอีกไม่กี่อึดใจจะหมดเวลาและเป็น ชาง-กิว รี รับหน้าที่สังหารไม่พลาดให้ เกาหลีเหนือ พลิกขึ้นนำ 2-1 ตามด้วยการถูกใบแดงไล่ออกจากสนามในนาทีที่ 90+5 ของ ทราน ดินห์ เจือง

ขณะที่ผลคู่ระหว่าง จอร์แดน กับ ยูเออี จบลงด้วยผลเสมอ 1-1 ทำให้ ยูเออี ผ่านเข้าสู่รอบน็อคเอาท์ในฐานะแชมป์กลุ่ม ตามด้วย จอร์แดน ในฐานะรองแชมป์กลุ่ม

สรุปการประกบคู่ฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย ยู-23 รอบ 8 ทีมสุดท้าย

ออสเตรเลีย พบ ซีเรีย

เกาหลีใต้ พบ จอร์แดน

ซาอุดิอาระเบีย พบ ​ไทย

ยูเออี พบ อุซเบกิสถาน

[Match Report] สังเวย แรชฟอร์ด ! มาต้า ซัดโทนพา แมนฯ ยูไนเต็ด ดับ วูล์ฟส 1-0 ฉลุย เอฟเอ คัพ รอบ 4

การแข่งขัน ฟุตบอล เอฟเอ คัพ 2019/20 รอบที่ 3 นัดรีเพลย์
วันแข่งขัน คืนวันพุธที่ 15 มกราคม 2020
เวลาแข่งขัน 02.45 น. ตามเวลาประเทศไทย
ผลการแข่งขัน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-0 วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอร์เรอร์ส
สนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด

ประตูโทนจาก ฆวน มาต้า ในครึ่งเวลาหลังช่วยให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กรุยทางสู่รอบที่ 4 ของศึก เอฟเอ คัพ เมื่อพวกเขาเปิดรัง โอลด์ แทรฟฟอร์ด เอาชนะ วูล์ฟแฮมป์ตัน ด้วยสกอร์ 1-0

Daniel James,Conor Coady

เริ่มเกมมาได้ไม่กี่อึดใจ ปีศาจแดง เป็นฝ่ายได้ลุ้นพังประตูก่อนเมื่อบอลคิลเลอร์พาสจากกลางสนามของ มาต้า ทำให้ แดเนียล เจมส์ หลุดเข้าไปดวลกับนายทวาร หมาป่า แต่ถูกตัดบอลไปได้ในช็อตที่เจ้าหนูวัย 22 พยายามแตะบอลหนี จอห์น รัดดี้

ให้หลังจากนั้นไม่นาน บอลจากกราบซ้ายของ อดามา ตราโอเร ครอสเข้าไปในบริเวณจุดโทษให้ ราอูล ฆิเมเนซ เกี่ยวก่อนพลิกยิงเหน่งๆ แต่ เซร์คิโอ โรเมโร ยังล้มตัวรับไว้ได้

ทีมเยือนมาส่งบอลสู่ก้นตาข่ายสำเร็จในนาทีที่ 10 เมื่อ เฟร็ด พยายามวางบอลขวางสนามหน้าปากประตูตนเองแต่บอลไปอัดเข้ากับ เนมานยา มาติช อย่างจังก่อนเข้าทาง เนโต้ ในกรอบเขตโทษล่อเป้าในระยะเผาขนชนิดที่ โรเมโร หมดสิทธิ์เซฟ แต่การพิจารณาย้อนหลังจาก VAR แสดงให้เห็นว่า ราอูล เข้าไปยันใส่ แฮร์รี แม็คไกวร์ ในจังหวะก่อนหน้าและกลายเป็นช็อตฟาวล์ไปก่อนอย่างน่าเสียดายสำหรับทีมเยือน

ช่วงท้ายครึ่งแรก เจมส์ ได้หลุดเดี่ยวเข้าไปดวลกับ รัดดี้ อีกครั้ง คราวนี้ได้จบสกอร์ด้วยเท้าซ้ายแต่ยังไปติดเซฟของ รัดดี้ ที่ยังป้องกันเอาไว้ได้และจบ 45 นาทีแรกแบบไร้สกอร์

เกมในครึ่งหลังโมเมนตัมของทั้ง 2 ฝ่ายดูจะตกลงไปอย่างเห็นได้ชัด ความเข้มข้นที่แดนหน้าไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันครึ่งแรกเลยแม้แต่น้อย

Juan Mata

อย่างไรก็ตาม ความพยายามดันขึ้นสูงเพื่อบีบพื้นที่ของ วูล์ฟส กลายเป็นดาบสองคมสำหรับพวกเขาและเป็นที่มาของการเสียประตูอันนำไปสู่ความพ่ายแพ้ในที่สุดเมื่อ อองโตนี มาร์กซิยาล เก็บบอลได้ที่กลางสนามในจังหวะสวนกลับก่อนที่จะแทงให้ มาต้า หลุดเดี่ยวเลี่ยงจี้เข้าหากรอบเขตโทษจิ้มบอลข้ามตัวมือกาวทีมเยือนเป็นประตูนำ 1-0 ในนาทีที่ 67

Marcus Rashford

ช่วงท้ายเกม มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่ถูกส่งลงสนามเป็นตัวสำรองได้รับบาดเจ็บจนต้องถูกเปลี่ยนตัวออกในนาทีที่ 80 และต้องติดตามอาการอย่างใกล้ชิดเมื่อ ปีศาจแดง มีคิวดวลกับ ลิเวอร์พูล ที่ แอนฟิลด์ ในคืนวันอาทิตย์นี้


รายชื่อผู้เล่นของทั้ง 2 ทีม

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด : โรเมโร, วาน-บิสซาก้า, ลินเดเลิฟ, แม็คไกวร์, วิลเลียมส์, มาติช, เฟร็ด, กรีนวูด, มาต้า, เจมส์, มาร์กซิยาล

ตัวสำรอง : แกรนท์, ดาโลต์, โจนส์, อันเดรียส, ลินการ์ด, ช็อง, แรชฟอร์ด

วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอร์เรอร์ส : รัดดี้, เด็นดองเคอร์, โคอาดี้, ไซอิสส์, โดเฮอร์ตี้, มูตินโญ, เนเวส, อ็อตโต้, อดามา, ราอูล, เนโต้

ตัวสำรอง : ปาทริซิโอ, เบ็นเน็ตต์, กิ๊บบ์ส-ไวท์, วินาเกร, คิลแมน, แอชลีย์-ซีล, ราสมุสเซน

ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ 2-1 มิดเดิลสโบรห์ : เก็บตกทุกประเด็นร้อนหลังเกม เอฟเอ คัพ นัดรีเพลย์

การแข่งขัน ฟุตบอล เอฟเอ คัพ 2019/20 รอบที่ 3 นัดรีเพลย์
วันแข่งขัน คืนวันอังคารที่ 14 มกราคม 2020
เวลาแข่งขัน 03.05 น. ตามเวลาประเทศไทย
ผลการแข่งขัน ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ 2-1 มิดเดิลสโบรห์
สนาม ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ สเตเดี้ยม

ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ เปิดบ้านเอาชนะ มิดเดิลสโบรห์ ทีมจาก เดอะแชมเปียนชิพ ไปได้อย่างหวุดหวิด 2-1 โดยได้ประตูจาก จิโอวานี โล เซลโซ ในนาทีที่ 2 และ เอริค ลาเมลา นาทีที่ 15 ส่วนทีมเยือนมาได้ประตูตีไข่แตกจาก จอร์จ ซาวิลล์ ในนาที 83 จบเกม ไก่เดือยทอง เฉือนชนะ โบโร่ ไปได้ 2-1 ผ่านเข้าสู่รอบต่อไปได้สำเร็จ

Paddy McNair

เริ่มเกมในครึ่งแรกได้ไม่ถึง 3 นาที เจ้าบ้านได้ประตูออกนำ 1-0 อย่างรวดเร็ว จากจังหวะออกบอลพลาดของผู้รักษาประตูทีมเยือน โล เซลโซ ตัดบอลได้ ก่อนจะล็อกหลบกองหลังและยิงเข้าไปนิ่ม ๆ ตั้งแต่นาทีที่ 2

จากนั้นเป็น คลับไก่ ที่แทบจะพับสนามบุกอยู่ฝ่ายเดียว ส่วนทางผู้มาเยือนก็มีโอกาสสวนกลับอยู่บ้างแต่ก็ยังไม่สามารถเจาะแนวรับของเจ้าถิ่นได้มากนัก

กระทั่งนาทีที่ 15 สเปอร์ส ได้ประตูที่สองจากจังหวะที่ เอริค ลาเมลา ตัดบอลได้กลางสนามก่อนจะลากเดียวเข้าเขตโทษและยิงหักข้อเข้าไปให้ทีมขึ้นนำ 2-0

ช่วงเวลาที่เหลือแทบจะเป็นเจ้าบ้านที่ควบคุมสถานการณ์เอาไว้ได้ทั้งหมดและมีจังหวะบวกประตูที่สามหลายครั้งแต่ยังทำไม่ได้ จนจบ 45 นาทีแรก ไก่เดือยทอง ขึ้นนำ 2-0

Giovani Lo Celso,Christian Eriksen,Eric Dier,Ryan Sessegnon

เริ่มเกมในครึ่งเวลาหลัง ดูเหมือนเกมรุกของเจ้าถิ่นดูจะแผ่วลงไป ปล่อยให้ทีมเยือนได้มีโอกาสเซ็ตบอลบุกมากขึ้น

แม้จะเน้นเกมรับในช่วง 45 นาทีหลัง แต่เจ้าบ้านก็ยังมีลูกโต้กลับที่เกือบจะได้ประตูอยู่หลายครั้ง ส่วนทางผู้มาเยือนเองก็มีจังหวะได้ลุ้นประตูมากขึ้นเช่นกัน แต่ก็ยังไม่สามารถเปลี่ยนให้เป็นสกอร์ได้

แต่แล้วนาทีที่ 83 เดอะโบโร่ มาได้ประตูตีไข่แตกจากจังหวะยิงของ ซาวิลล์ ตัวสำรองที่ยิงเสียบมุมเข้าไปอย่างสุดสวย ตีตื้นขึ้นมาเป็น 2-1

ช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีมมีโอกาสบวกสกอร์เพิ่มแต่ก็ทำอะไรกันไม่ได้ จบ 90 นาที สเปอร์ส เฉือนชนะไปได้ 2-1 ผ่านเข้าสู่รอบที่ 4 ต่อไป

George Saville

คะแนนผู้เล่น สเปอร์ส


ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ : กาซซานิก้า(7.5), เซสเซยอง(7.5), ทังกันก้า(8.5)*, แฟร์ตองเก้น(7), ซานเชซ(6.5), ดายเออร์(7), วิงค์ส(7), เอริคเซน(7.5), ลาเมลา(7.5), โล เซลโซ(7.5), ลูคัส(6.5)

ตัวสำรอง : เดเล(7), ซน(7)

Marvin Johnson,Japhet Tanganga

คีย์ แมน – จาเฟ็ต ทังกันก้า


เป็นอีกเกมสำหรับดาวรุ่งวัย 20 ปี ที่ได้รับโอกาสลงสนามเป็นตัวจริงให้กับ ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ อย่างต่อเนื่องสำหรับ จาเฟ็ต ทังกันก้า ที่เกมแรกสามารถโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นในเกมที่พบกับ ลิเวอร์พูล แถมเกมนี้ยังคงรักษาฟอร์มอันยอดเยี่ยมเอาไว้ได้ อีกทั้งยังมีโอกาสได้แสดงความสามารถมากขึ้นกว่าเกมที่แล้วพอสมควร ทั้งความเร็ว ความแข็งแกร่ง รวมถึงทักษะเบสิกที่ดูดีเกิดวัย ถึงขนาดได้รับการโหวตให้เป็น แมน ออฟ เดอะ แมทช์ ในเกมวันนี้เลยทีเดียว

Marvin Johnson,Japhet Tanganga

ประเด็นร้อนหลังเกม


สถิติอันสวยหรูของ มูรินโญ

จากชัยชนะในเกมนี้ส่งผลให้ ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ ผ่านเข้าสู่รอบที่ 4 ไปพบกับ เซาต์แธมป์ตัน ในรอบต่อไป นอกจากนี้ยังทำให้ โชเซ มูรินโญ ยังคงทำสถิติอันสวยหรูด้วยการไม่เคยแพ้ใครในรอบที่ 3 ของรายการนี้เลยแม้แต่ครั้งเดียวตลอดอาชีพการเป็นกุนซือ นั่นเท่ากับว่านับเป็นหนที่ 8 แล้ว นับตั้งแต่เจ้าตัวเข้ามาคุม เชลซี เมื่อปี 2004 แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เดอะสเปเชียลวัน พึ่งจะเคยได้ชูถ้วยใบนี้เพียงแค่ครั้งเดียว ในฤดูกาล 2006/07 สมัยที่นั่งเก้าอี้เป็นกุนซือทีม สิงห์บลู เท่านั้น

Jose Mourinho,Joao Sacramento

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม


ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ : กาซซานิก้า, เซสเซยอง, ทังกันก้า, แฟร์ตองเก้น, ซานเชซ, ดายเออร์, วิงค์ส, เอริคเซน, ลาเมลา, โล เซลโซ, ลูคัส

ตัวสำรอง : วอร์ม, ออริเยร์, ฟอยธ์, เซอร์กิ้น, สคิปป์, เดเล, ซน

มิดเดิลสโบรห์ : เมจาส, สเปนซ์, ฮาวสัน, แม็คแนร์, ไฟร์, จอห์นสัน, เคลย์ตัน, ลิดเดิล, วิง, เอ็นเมชา, เฟรทเชอร์

ตัวสำรอง : บรินน์, วูด, ซาวิลล์, เมลเลย์, ทาเวอร์เนียร์, โรเบิร์ตส, เกสเตเด

ทีมชาติไทย vs ทีมชาติอิรัก : พรีวิว ฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย ยู-23 , วัน+เวลาการแข่งขัน, ถ่ายทอดสด


ข้อมูลการแข่งขัน


การแข่งขัน ฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย ยู-23 2020
วันแข่งขัน วันอังคารที่ 14 มกราคม 2020
เวลาแข่งขัน 20.15 น.
คู่แข่งขัน ทีมชาติไทย vs ทีมชาติอิรัก
สนาม ราชมังคลากีฬาสถาน
ถ่ายทอดสด ช่อง 7

ความพร้อมของทั้งสองทีม


ทีมชาติไทย

พลพรรคช้างศึก ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องการอย่างน้อยผลเสมอเพื่อการันตีการผ่านเข้าสู่รอบน็อคเอาท์โดยหากพวกเขาเป็นฝ่ายพ่ายแพ้จะทำให้ อิรัก เบียดเข้าป้ายเขี่ย ไทย ตกรอบทันที

คีย์แมนของ ไทย อย่าง ศุภณัฎฐ์ เหมือนตา และ ศุภชัย ใจเด็ด มีอาการบาดเจ็บจนต้องถูกเปลี่ยนตัวออกจากสนามในครึ่งหลังของเกมที่ผ่านมากับ ออสเตรเลีย ต้องแยกซ้อมเดี่ยวและต้องติดตามอาการอย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ตาม อากิระ นิชิโนะ ให้สัมภาษณ์ชี้ว่าการขาด ศุภชัย มีผลกระทบต่อทีมเป็นอย่างมากและคาดว่านายใหญ่ชาว ญี่ปุ่น จะเข็นเจ้าอาร์มลงสนามในเกมชี้ชะตาเกมนี้หากเจ้าตัวสามารถเล่นไหว

คาดการณ์ 11 ตัวจริง : 4-2-3-1

ผู้รักษาประตู กรพัฒน์
กองหลัง มีโชค, ชินภัทร์, ศฤงคาร, ทิตาธร
กองกลาง กฤษดา, สรวิทย์
เจริญศักดิ์, สุภโชค, อานนท์
กองหน้า ศุภชัย

 

ทีมชาติอิรัก​​

พวกเขาเก็บได้เพียง 2 คะแนนจากผลเสมอทั้ง 2 เกมก่อนหน้านี้ทำให้ อิรัก ต้องเอาชนะ ไทย ให้ได้สถานเดียวเท่านั้นหากพวกเขาต้องการที่จะผ่านเข้าสู่รอบต่อไป โดยพวกเขามี โมฮัมเหม็ด คาซิม นาสซิฟ ศูนย์หน้าหมายเลข 9 วัย 22 ปีที่ผู้พัง 2 ประตูจาก 2 เกมที่ผ่านมาเป็นตัวทีเด็ด


ผลงาน 5 นัดหลังสุด


ทีมชาติไทย (ชนะ 3 เสมอ 1 แพ้ 1)

​11 มกราคม เอเอฟซี ยู-23​ ​ออสเตรเลีย 2 : 1​ ไทย แพ้​
​​8 มกราคม เอเอฟซี ยู-23​ ไทย 5 : 0​ บาห์เรน​ ชนะ​
5 ธันวาคม ซีเกมส์ เวียดนาม 2 : 2 ไทย เสมอ
3 ธันวาคม ซีเกมส์ ลาว 0 : 2 ไทย ชนะ
​​1 ธันวาคม ซีเกมส์ ไทย 3 : 0 สิงคโปร์ ชนะ

อิรัก (ชนะ 1 เสมอ 3 แพ้ 1)

11 มกราคม เอเอฟซี ยู-23 บาห์เรน 2 : 2 อิรัก เสมอ
8 มกราคม เอเอฟซี ยู-23 อิรัก 1 : 1 ออสเตรเลีย เสมอ
19 พฤศจิกายน กระชับมิตร อิรัก 0 : 1 จอร์แดน แพ้
17 พฤศจิกายน กระชับมิตร เกาหลีใต้ 3 : 3 อิรัก เสมอ
15 พฤศจิกายน กระชับมิตร ซีเรีย 0 : 2 อิรัก ชนะ

เฮดทูเฮด

10 มิถุนายน 2017 กระชับมิตร ไทย 1 : 1 อิรัก
2 ตุลาคม 2014 เอเชียนเกมส์ ไทย 0 : 1 อิรัก