[Match Report] รถแห่ติดเครื่องรอ ! ลิเวอร์พูล เปิดบ้านยำใหญ่ เซาแธมป์ตัน 4-0


ลิเวอร์พูล กรุยทางเก็บชัยชนะเป็นนัดที่ 24 ของฤดูกาลจาก 25 เกมเมื่อเปิดบ้านเอาชนะ เซาแธมป์ตัน ขาดลอย 4-0 จากประตูของ อเล็กซ์ อ็อกซ์เหลด-แชมเบอร์เลน,​ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และ 2 ประตูของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ทะยานหนี แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่จะลงแข่งกับ สเปอร์ส ในคืนวันอาทิตย์ถึง 22 คะแนนเข้าไปแล้ว

โมเมนตัมของเกมในครึ่งแรกตกเป็นของ หงส์แดง โดยที่ทัพ นักบุญ ค่อยๆ เริ่มสร้างปัญหาให้กับลูกทีมของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ได้มากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไปกระทั่งช่วยท้ายครึ่งแรกเป็นการเพรสซิงสูงของ เดอะเซนต์ส ซึ่งทำให้แนวรับของเจ้าถิ่นผ่านบอลผิดพลาดจนหวิดจะเสียประตูหลายต่อหลายครั้งแต่ได้เสียงนกหวีดยาวของผู้ตัดสินเซฟเอาไว้และจบครึ่งแรกแบบไร้สกอร์

Alex Oxlade-Chamberlain

เริ่มเกมในครึ่งหลังไม่กี่อึดใจ แดนนี อิงส์ พาบอลจี้เข้าหากรอบเขตโทษก่อนถูก ฟาบินโญ เกี่ยวล้มลงในกรอบ ผู้ตัดสินเฉยในช็อตดังกล่างก่อนที่จังหวะสวนกลับต่อเนื่องจะไปถึงสุดเส้นหลังที่กราบซ้ายและการประสานงานระหว่าง แอนดี้ โรเบิร์ตสัน, โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน จะสร้างพื้นที่ให้กับ อ็อกซ์เหลด-แชมเบอร์เลน ตะบันไกลผ่านมือ อเล็กซ์ แม็คคาร์ธี เป็นประตู 1-0

เร้ดแมชีน หนีห่างเป็น 2-0 ในนาทีที่ 60 เมื่อการวางบอลยาวจากแดนหลังของ ลิเวอร์พูล ทิ้งไปที่ว่างบริเวณกราบซ้ายถึง ฟิร์มิโน ก่อนตบกลับให้ เฮนเดอร์สัน วิ่งแท็ปอินเหน่งๆ ในกรอบเขตโทษ

สกอร์ขาดเป็น 3-0 ในนาทีที่ 72 จากจังหวะสวนกลับที่ เฮนเดอร์สัน แทงคิลเลอร์พาสให้ ซาลาห์ หลุดเดี่ยวเข้าไปยกบอลหนี แม็คคาร์ธี บอลไปซุกที่ก้นตาข่ายง่ายๆ

FBL-ENG-PR-LIVERPOOL-SOUTHAMPTON

ลิเวอร์พูล ได้ประตู 4-0 ปิดท้ายในช่วงทดเวลาบาดเจ็บจากการเสียบอลกลางทางของทีมเยือน บอลจาก ซาลาห์ ผ่านขึ้นหน้าให้ ฟิร์มิโน ถึงในกรอบเขตโทษก่อนดาวเตะ บราซิเลียน จะผ่านบอลย้อนให้คีย์แมนจาก อียิปต์ จบสกอร์ไม่พลาด

รายชื่อผู้เล่นของทั้ง 2 ทีม

ลิเวอร์พูล : อลิสซอน, อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โกเมซ, ฟาน ไดค์, โรเบิร์ตสัน, ฟาบินโญ, เฮนเดอร์สัน, ไวนัลดุม, อ็อกซ์เหลด-แชมเบอร์เลน, ซาลาห์, ฟิร์มิโน

ตัวสำรอง : อาเดรียน, ลอฟเรน, เกอิต้า, มินามิโนะ, ลัลลานา, โอริกี, มาติป

​​เซาแธมป์ตัน : แม็คคาร์ธี, วอร์ด-พราวส์, สตีเฟนส์, เบดนาเร็ค, แบร์ทรานด์, ฮอยแบร์ก, โรเมอู, เจนีโป, เรดมอนด์, อิงส์, ลอง

ตัวสำรอง : กันน์, ดานโซ, เวสเตอร์การ์ด, สอลล์โบน, บูฟาล, โอบาเฟมี, อดัมส์

[ข่าวซื้อขาย] บทสรุปทุกดีลสำคัญที่เกิดขึ้นในวันเส้นตายตลาดซื้อขายนักเตะมกราคม 2020

เกาะติดทุกความเคลื่อนไหวก่อนเส้นตาย ตลาดซื้อขายนักเตะ ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ, ลา ลีกา สเปน, กัลโช เซเรีย อา อิตาลี, บุนเดสลีกา เยอรมนี และ ลีกเอิง ฝรั่งเศส ที่จะสิ้นสุดลงในเช้าวันจันทร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ เวลา 06.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย

สรุปดีลสำคัญที่เกิดขึ้นในวันเส้นตายตลาดซื้อขายนักเตะ

    • เบิร์นลีย์ เซ็น จอช บราวน์ฮิล กองกลางจาก บริสตอล ซิตี้ ค่าตัว 10 ล้านปอนด์
    • ซานเดอร์ เบิร์จ กองกลางดาวรุ่ง นอร์เวย์ วัย 21 ปี ย้ายจาก เกงค์ มาร่วมทัพ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด เรียบร้อยแล้ว ด้วยค่าตัวราว 22 ล้านปอนด์
    • ​ธีรศิลป์ แดงดา ได้ย้ายเข้าสู่สโมสร ชิมิสึ เอส-พัลส์ ทีมในศึก เจลีก ประเทศญี่ปุ่น อย่างเป็นทางการ
    • ​อาร์เซนอล คว้าตัว เซดริก โซอาเรส แบ็คชาวโปรตุเกส จาก เซาต์แธมป์ตัน เรียบร้อยแล้วด้วยสัญญายืมตัวจนจบซีซั่น
    • แอตเลติโก้ มาดริด ประกาศคว้าตัว ยานนิค คาร์ราสโก้ จากทีม ต้าเหลียน ยี่ฟาง ในไชนีส ซูเปอร์ลีก อย่างเป็นทางการด้วยสัญญายืมตัวจนจบฤดูกาล
  • เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ประกาสเปิดตัวแข้งใหม่อีกหนึ่งรายคือ ริไคโร ซิฟโควิช กองหน้าชาวฮอลแลนด์ จากทีม ฉางชุน หย่าไถ ในประเทศจีน ด้วยสัญญายืมตัวจนจบฤดูกาล
  • คี ซึง ยอง กองกลางทีมชาติเกาหลีใต้ ประกาศยกเลิกสัญญากับต้นสังกัด นิวคาสเซิล เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
    • ​เคสึเกะ ฮอนดะ ดาวเตะชาว ญี่ปุ่น วัย 33 ปีเปิดตัวกับ โบตาโฟโก้ ใน บราซิล
    • อังเจลิโน บรรลุข้อตกลงย้ายจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซบ แอร์เบ ไลป์ซิก ด้วยสัญญายืมตัวพ่วงออปชันซื้อขาด 30 ล้านยูโร (ราว 25 ล้านปอนด์)
  • บาร์เซโลนา บรรลุข้อตกลงคว้าตัว มาเธอุส เฟร์นันเดส มิดฟิลด์ชาว บราซิล วัย 20 ปีจาก พัลไมรัส ด้วยมูลค่า 7 ล้านยูโรบวกออปชันโบนัสตามผลงาน 3 ล้านยูโรภายใต้สัญญายาว 5 ปี โดยเจ้าตัวจะย้ายมาร่วมทัพ บาร์ซา อย่างเป็นทางการในซัมเมอร์นี้
  • สตีเวน เอ็นซอนซี มิดฟิลด์ชาว ฝรั่งเศส วัย 31 ปีสังกัด โรมา ย้ายไปร่วมทัพ แรนส์ ภายใต้สัญญายืมตัวโดยมีออปชันสามารถขยายสัญญาเพิ่มอีก 1 ปี
  • เอ็มเร ชาน มิดฟิลด์ชาว เยอรมัน วัย 26 ปีบรรลุข้อตกลงย้ายจาก ยูเวนตุส สู่ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ภายใต้สัญญายืมตัวพ่วงออปชันซื้อขาดราว 26 ล้านยูโร
  • มายะ โยชิดะ กองหลังชาวญี่ปุ่น ของ เซาต์แธมป์ตัน ย้ายไปร่วมทีม ซามพ์โดเรีย ด้วยสัญญายืมตัวจนจบซีซั่น
  • มาร์กอส โรโฮ กองหลังพันธ์ดุของ แมนฯ ยูไนเต็ด เปิดตัวกับทีม เอสตูดีเอนเตส ในลีกบ้านเกิดเรียบร้อยแล้ว
  • วัตฟอร์ด ประกาศ ยกเลิกสัญญากับ เซบาสเตียน โพรเดิล ปราการหลังจาก ออสเตรีย หลังจาก ซีซั่นนี้เจ้าตัวมีโอกาสลงสนามไปเพียงแค่ 3 เกมเท่านั้น
  • เชลซี ปล่อยตัว ทาริค แลมพ์ตีย์ วันเดอร์คิดอนาคตไกลให้กับ ไบรท์ตัน เป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วยค่าตัวราว 4.5 ล้านปอนด์ โดยจะเซ็นสัญญาอยู่กับ ทีมนกนาวนวล เป็นเวลา 3 ปีครึ่งด้วยกัน
  • เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด เปิดตัว พานาจิโอทิส เรตอส กองหลังวัย 21 ปี จาก ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน โดยมีค่าตัวอยู่ที่ 9.5 ล้านยูโร
  • เอซี มิลาน หลังจากล้มดีลของ แอนโทนี โรบินสัน ของ วีแกน เรียบร้อยแล้ว ก็ได้ทำการเปิดตัว อเล็กซิส ซาเอเลมาเกอร์ส ดาวรุ่งจาก อันเดอร์เลชท์ ด้วสัญญายืมตัว และทำการเรียกตัว ดิเอโก้ ลักซาลท์ ตัวรุกริมเส้นจาก โตริโน กลับมาใช้งานยังถิ่น ซานซิโร อีกครั้ง
  • เควิน-พรินซ์ บัวเต็ง ย้ายไปร่วมทีม เบซิคตัส ในลีก ตุรกี ด้วยสัญญายืมตัวตลอดทั้งฤดูกาล
  • ราเวล มอร์ริสัน ย้ายไปร่วมทีม มิดเดิลสโบรห์ ด้วยสัญญายืมตัวจนจบฤดูกาลนี้
  • ไรอัน เบ็นเนตต์ ย้ายจาก วูล์ฟส์ มาร่วมทัพ เลสเตอร์ ซิตี้ ด้วยสัญญายืมตัวตลอดทั้งฤดูกาล พร้อมออปชั่นซื้อขาด 5 ล้านปอนด์ ในช่วงซัมเมอร์
  • ฮัดเดอร์สฟิลด์ ยืมตัว โยนาส โลสเซิล ผู้รักษาประตูชาวเดนมาร์ก จาก เอฟเวอร์ตัน ไปใช้งานจนสิ้นสุดฤดูกาล
  • คริสตัล พาเลซ ปล่อยตัว คอร์เนอร์ วิคแฮม ให้กับ เชฟฟิลด์ เวนส์เดย์ ด้วยสัญญายาตัวจนจบซีซั่น
  • นิวคาสเซิล ยื่นยัน ส่งตัว โรลันโด้ อารอนส์ ไปให้กับ มาเทอร์เวลล์ ยืมตัวเรียบร้อยแล้ว
  • ​แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บรรลุข้อตกลงคว้าตัว โอเดียน อิกาโล ด้วยสัญญายืมตัว 6 เดือน
  • แอสตัน วิลลา เปิดตัว บอร์ฆา บาสตอน กอนซาเลซ ที่ดึงตัวมาจจาก สวอนซี แบบไร้ค่าตัว
  • จาร์รอด โบเวน ตัวรุกจาก ฮัลล์ ซิตี้ ได้ทำการย้ายมาร่วมทีม เวสต์แฮม เป็นที่เรียบร้อยด้วยค่าตัวกว่า 18 ล้านปอนด์ บวกออปชั่นอีก 7 ล้านปอนด์ในอนาคต

[ข่าวซื้อขาย] ก่อนตลาดปิด ! เนฟ แนะ โซลชาร์ ซื้อแข้งใหม่เพิ่มอีกแม้ปิดดีล บรูโน ได้แล้ว

แกรี เนวิลล์ ตำนานแบ็คขวา​ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมดังในศึก พรีเมียร์ลีก ออกโรงกระตุ้นเพื่อนเก่าอย่าง โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ ให้เร่งปิดดีลแข้งระดับท็อปเข้ามาเพิ่มอีกคนก่อนตลาดปิด หลังยืนยันการซื้อตัว บรูโน เฟอร์นันเดส ได้เป็นที่เรียบร้อยแล้วหนึ่งราย

“แมนฯ ยูไนเต็ด จำเป็นต้องมีผู้เล่นเก่ง ๆ เข้ามาเสริมทัพเพิ่มอีก เชื่อผมสิว่ายังไงก็ได้ใช้งานแบบเต็มที่แน่ ๆ เพราะเท่าที่มีอยู่คือยังไงก็ไม่พอ” เนฟ กล่าว

“อย่าลืมนะว่า พอล ป็อกบา เจ็บจนต้องพักยาวอีกหลายเดือน ขณะที่ สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ ยังไม่รู้ว่าจะได้กลับมาลงสนามอีกครั้งเมื่อไหร่”

​”ตอนแรกผมมองว่า โซลชาร์ จะต้องซื้อกองกลางใหม่เสริมทัพได้ในตลาดหน้าหนาวอย่างน้อย 2 คน และหลังจากที่ตกลงดีลกับ บรูโน เฟอร์นันเดส ได้แล้ว ยังพอมีเวลาเหลืออยู่อีกก่อนตลาดปิด เรามาลุ้นกันว่าจะเกิดอะไรขึ้น”

“ถ้าไม่ได้มิดฟิลด์อีกสักคนตามที่หวังไว้ จะเป็นกองหน้าเทพ ๆ เข้ามาทดแทนการขาดหายไปของ มาร์คัส แรชฟอร์ด ก็ถือว่าเจ๋งไม่แพ้กัน”

เวสต์แฮม 0-2 ลิเวอร์พูล : เก็บตกประเด็นร้อนหลังเกม พรีเมียร์ลีก นัดตกค้าง หงส์แดง บุกอัด ขุนค้อน


ประเด็นร้อนหลังเกม


ความเป็นไปของเกม

เกมนี้ทีมเยือนจ่าฝูง เป็นผู้ที่เปิดเกมบุกเข้าใส่ตั้งแต่เริ่มตามคาด ซึ่งในช่วงแรกดูเหมือนลูกทีมของ เดวิด มอยส์ ยังช่วยกันป้องกันไว้ได้อย่างดี จนมาเกิดจุดเปลี่ยนในนาทีที่ 35 จากลูกจุดโทษที่ โอริกี้ โดนเตะล้มลงไป และ บังโม สังหารเข้าไปไม่พลาด ซึ่งตลอดช่วงเวลาในครึ่งแรก เวสต์แฮม ยังแทบไม่สามารถทำอันตรายต่อแนวรับของ หงส์แดง ได้เลยตลอด 45 นาที

กระทั่งเริ่มครึ่งหลัง ลิเวอร์พูล มาได้ประตูที่สองค่อนข้างเร็วตั้งแต่นาทีที่ 52 จากจังหวะโต้กลับและเป็น อ็อกซ์เหลด ที่หลุดเดี่ยวเข้าไปยิงสบาย ๆ แต่หลังจากนั้นก็เป็นคราวของผู้เล่นในแนวรับที่พลัดกันโชว์ฟอร์ม ทั้ง ฟาน ไดจ์ค และ อลิสซอน ที่งานดูจะค่อนข้างยุ่งในการช่วยทีมไม่ให้เสียประตู จนกระทั่งจบเกมไปด้วยชัยชนะ 0-2

Alex Oxlade Chamberlain

ขาด มาเน แต่ไม่ขาดใจ

เกมนี้พลพรรค หงส์แดง ลงสนามโดยไม่มีชื่อของ ซาดิโอ มาเน เนื่องจากเจ้าตัวมีอาการบาดเจ็บต่อเนื่องจากเกมก่อน ซึ่งคาดว่าอาจต้องพักราว 2-3 สัปดาห์

แน่นอนว่ามันทำให้ แฟน ๆ เดอะค็อป ก็คงจะอดกังวลไม่ได้ที่จะต้องเห็น เทพโอริกี้ ลงมาโลดเล่นในสนามแทนที่จะเป็นสุดหล่ออย่าง มาเน แต่ต้องบอกเลยว่า คุณภาพของในวันนี้ทีมยังแทบไม่ต่างจากเดิมเลย แม้โอริกี้ จะไม่ได้ฟอร์มหวือหวาเหมือนที่ มาเน ทำอยู่เป็นประจำ แต่เจ้าตัวก็รู้ว่าจะต้องเล่นอย่างไรให้เป็นประโยชน์กับทีมได้มากที่สุด รวมถึงยังมี โม ซาลาห์ ที่ยังคงไว้ใจได้ในแดนหน้า แม้ว่าจะขาดความเฉียบขาดไปเล็กน้อยในวันนี้ ส่วน อ็อกซ์เหลด และ ฟิร์มิโน ก็ยังคงเล่นได้ตามมาตรฐาน จึงทำให้วันนี้แม้ทีมจะขาดตัวหลักในแนวรุกไป แต่ก็ยังสามารถรักษาเพดานบินเอาไว้ได้จนแทบจะหาความแตกต่างไม่ได้เลยทีเดียว

Divock Origi,Issa Diop,Jeremy Ngakia

แม้จะห่าง ๆ แต่ยังคงตามไม่ลดละ

19 คะแนน คือช่องว่างระหว่าง 2 ทีมหัวตารางอย่าง ลิเวอร์พูล และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หลังจากทีมของ เยอร์เกน คล็อปป์ บุกมาเก็บชัยชนะได้ในเกมวันนี้ ซึ่งหากมองดูแบบไม่ต้องคิดอะไรมากมาย หลาย ๆ คนคงฟันธงไปแล้วว่า แชมป์ลีกในปีนี้คงไม่มีทางหลุดมือเหล่าพลพรรคเร้ดแมทชีนไปได้อย่างแน่นอน

แต่อย่าลืมว่ายังมีเกมเหลืออยู่อีกถึง 14 นัดในลีก แถมยังมีรายการอื่น ๆ ที่จะเริ่มกลับมาฟาดแข้งกันอีกครั้งในช่วงเดือนต่อ ๆ ไป โดยเฉพาะรายการยุโรปที่ หงส์แดง ต้องเข้าไปป้องกันแชมป์ในฐานะผู้ถือครองจากเมื่อปีก่อน ฉนั้นการรักษามาตรฐานการเล่นเอาไว้ให้ได้ทุกเกมถือเป็นเรื่องสำคัญไม่ว่าจะรายการใด เพราะอย่าลืมว่าที่นี่คือ พรีเมียร์ลีก ลีกที่ทุกทีมพร้อมพลิกล็อกแพ้ชนะกันได้ตลอดเวลา

แถมตอนนี้ถ้วยแชมป์ก็เหมือนอยู่จะในมือของพวกเขาแล้ว จะเลือกชูขึ้นฟ้า หรือ วางลงพื้น อยู่ที่ตัวเองเป็นคนกำหนดเท่านั้นต่อจากนี้ !

FBL-ENG-PR-WEST HAM-LIVERPOOL

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พบ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด : พรีวิว คาราบาว คัพ, วัน+เวลาการแข่งขัน, ถ่ายทอดสด


ข้อมูลการแข่งขัน


การแข่งขัน ฟุตบอล คาราบาวคัพ 2019/20 รอบ 4 ทีมสุดท้าย นัดที่ 2
วันแข่งขัน คืนวันพุธที่ 29 มกราคม 2020
เวลาแข่งขัน 02.45 น. ตามเวลาประเทศไทย
คู่แข่งขัน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พบ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 
สนาม เอติฮัด สเตเดี้ยม
ถ่ายทอดสด PPTV HD 36

ความพร้อมของทั้งสองทีม


แมนเชสเตอร์ ซิตี้

คว้าชัยชนะมาได้อย่างไม่ยากเย็นในเกม เอฟเอ คัพ สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาด้วยการถล่ม ฟูแลม ไปถึง 4-0 ซึ่งกลางสัปดาห์นี้พวกเขามีคิวต้องเปิดบ้านทำศึก แมนเชาเตอร์ ดาร์บี้ พบกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ในศึก คาราบาว คัพ รอบ 4 ทีมสุดท้าย นัดที่ 2 หลังจากเกมแรกทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา บุกไปเอาชนะมาได้ 1-3 เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา

สภาพความพร้อมก่อนเกม จะมีเพียง ลีรอย ซาเน ที่ยังบาดเจ็บอยู่ไม่สามารถลงสนามได้ในเกมนี้ ส่วนในรายของ จอห์น สโตนส์ และ เบนจาแม็ง เมนดี ต้องรอเช็ดความฟิตก่อนแข่งอีกครั้ง

คาดการณ์ 11 ตัวจริง : 4-3-3

ผู้รักษาประตู เอแดร์ซอน
กองหลัง วอล์คเกอร์, ลาปอร์ก, แฟร์นันดินโญ, ซินเชนโก้
กองกลาง เดอ บรอยน์, โรดริโก้, โฟเด้น
กองหน้า มาห์เรซ, อเกวโร, สเตอร์ลิง

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ด้าน ปีศาจแดง ก็กลับมาคว้าชัยชนะได้อีกครั้งหลังจากในเกมลีกแพ้รวดมา 2 นัดติดต่อกัน โดยเป็นการบุกไปเอาชนะ ทรานเมียร์ โรเวอร์ ทีมจากลีกวันในถ้วย เอฟเอ คัพ ถึง 0-6 ด้วยกัน จึงอาจจะเรียกความมั่นใจกลับมาได้บ้างเพราะเกมกลางสัปดาห์นี้พวกเขาต้องพบศึกหนักอีกครั้ง โดยต้องบุกไปเยือนคู่ปรับร่วมเมืองอย่าง เรือใบสีฟ้า ที่เกมแรกทีมของ โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ โดนบุกมาถล่มคารัง โอลด์ แทรฟฟอร์ด มาแล้วถึง 1-3

สภาพทีม ณ ปัจจุบัน ยังมีผู้เล่นตัวหลักบาดเจ็บอยู่อีกหลายรายทั้ง พอล ป็อกบา มาร์คัส แรชฟอร์ด สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ และ มาร์กอส โรโฮ ส่วนรายของ วิคเตอร์ ลินเดอเลิฟ ที่ป่วยเป็นไข้ อาจจะฟิตกลับมาทันลงสนามในเกมนี้

คาดการณ์ 11 ตัวจริง : 4-3-3

ผู้รักษาประตู เด เคอา
กองหลัง ลินเดเลิฟ, แม็คไกวร์, ชอว์
กองกลาง วาน-บิสซาก้า, เฟร็ด, อันเดรียส, มาติช, วิลเลียมส์
กองหน้า เจมส์, มาร์กซิยาล, แรชฟอร์ด

ผลงาน 5 นัดหลังสุด


แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (ชนะ 4 เสมอ 1 แพ้ 0)

26 ม.ค. FA แมนฯซิตี้ 4-0 ฟูแลม
22 ม.ค. PL เชฟฯ ยูไนเต็ด 0-1 แมนฯซิตี้
18 ม.ค. PL แมนฯซิตี้ 2-2 คริสตัล พาเลซ
12 ม.ค. PL แอสตัน วิลลา 1-6 แมนฯซิตี้
8 ม.ค. EFL แมนฯ ยูไนเต็ด 1-3 แมนฯซิตี้

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (ชนะ 3 เสมอ 0 แพ้ 2)

26 ม.ค. FA ทรานเมียร์ 0-6 แมนฯ ยูไนเต็ด
23 ม.ค. PL แมนฯ ยูไนเต็ด 0-2 เบิร์นลีย์
19 ม.ค. PL ลิเวอร์พูล 2-0 แมนฯ ยูไนเต็ด
16 ม.ค. FA แมนฯ ยูไนเต็ด 1-0 วูล์ฟ
11 ม.ค. PL แมนฯ ยูไนเต็ด 4-0 นอริช

เฮดทูเฮด (แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะ 1 เสมอ 0 แมนฯ ซิตี้ ชนะ 4)

08/01/20 EFL แมนฯ ยูไนเต็ด 1-3 แมนฯ ซิตี้
08/12/19 PL แมนฯ ซิตี้ 1-2 แมนฯ ยูไนเต็ด
25/04/19 PL แมนฯ ยูไนเต็ด 0-2 แมนฯ ซิตี้
11/11/18 PL แมนฯ ซิตี้ 3-1 แมนฯ ยูไนเต็ด
07/04/18 PL แมนฯ ยูไนเต็ด 2-3 แมนฯ ซิตี้

*PL = พรีเมียร์ลีก / FA = เอฟเอ คัพ / EFL = คาราบาว คัพ 

บอร์นมัธ 1-2 อาร์เซนอล : เก็บตกประเด็นร้อนหลังเกม เอฟเอ คัพ คืนวันจัทร์ ปืนใหญ่ บุกเฉือนเข้ารอบ

การแข่งขัน ฟุตบอล เอฟเอ คัพ 2019/20 รอบที่ 4
วันแข่งขัน คืนวันจันทร์ที่ 28 มกราคม 2020
เวลาแข่งขัน 03.00 น. ตามเวลาประเทศไทย
ผลการแข่งขัน บอร์นมัธ 1-2 อาร์เซนอล
สนาม ไวทัลลิตี้ สเตเดี้ยม

ประเด็นร้อนหลังเกม


ความเป็นไปของเกม

เรื่มเกมมาได้เพียง 5 นาที พลพรรคปืนใหญ่ ก็ออกนำไปก่อนจาก บูกาโย ซาก้า ซัดเต็มข้อเสยเพดานบนชนิดที่ผู้รักษาประตูหมดสิทธิใด ๆ จากนั้นยังคงเป็น อาร์เซนอล ที่บุกเข้าใส่อย่างหนักในช่วง 20 นาทีแรก และมาได้ประตูที่สองอย่างรวดเร็วจาก เอ็นเคเทียห์ ที่แท็ปอินลูงเปิดของ ซาก้า เข้าไป กระทั่งช่วง 15 นาทีสุดท้าย เจ้าบ้านเริ่มตั้งเกมของตัวเองและบุกแลกขึ้นมาบ้าง ซึ่งก็พอจะมีโอกาสได้จบเช่นกัน แต่ มาร์ติเนซ ยังเซฟช่วยทีมเอาไว้ได้ และจบครึ่งเวลาแรกไปด้วยสกอร์นี้

กระทั่งในครึ่งหลัง เจ้าถิ่นเลือกที่จะเปิดเกมบุกเต็มตัว ทำให้ทั้คู่เปิดหน้าแลกกันคนละหมัดสองหมัด แต่ก็ยังไม่มีประตูเพิ่ม กระทั่งช่วงทดเวลานาทีที่ 4 เจ้าหนู แซม เซอร์ริดจ์ ตัวสำรอง ลงมายิงตีไข่แตกได้สำเร็จ แต่ก็ไล่ไม่ทัน จบ 90 นาทีไปด้วยชัยชนะของ เดอะกันเนอร์ส ผ่านเข้าสู่รอบต่อไปได้สำเร็จ

Dominic Solanke,Rob Holding

ดาวรุ่งปืนใหญ่ อนาคตไกลแน่นอน

วันนี้ มิเกล อาร์เตต้า จัดทีมลงเล่นด้วยการใช้ดาวรุ่งที่อยู่ในทีมชุดใหญ่ลงสนามเป็นแกนหลัก ทั้ง เอ็นเคเทียห์ มาร์ติเนลลี วิลล็อก เกนดูซี ซาก้า หรือแม้แต่ผู้รักษาประตูวันนี้ก็ใช้ มาร์ติเนซ ลงเผ้าเสาเป็นตัวจริง ซึ่งพวกเขาก็โชว์ฟอร์มได้อย่างน่าประทับใจโดยเฉพาะ โจ วิลล็อก, บูกาโย ซาก้า และ มัตเตโอ เกนดูซี

วิลล็อก ลงมาเป็นเพลย์เมกเกอร์หมายเลข 10 แทนที่ เมซุต เออซิล ซึ่งเจ้าตัวเล่นได้อย่างโดดเด่น โดยเฉพาะทักษะเบสิกที่เกินตัว พวกกับความกล้าเล่นกล้าลอง จึงทำให้เจ้าตัวสามารถสร้างสรรค์เกมได้อย่างสวยงาม แถมยังเป็นจุดเริ่มต้นของทั้ง 2 ประตูที่ทีมทำได้ในวันนี้

ซาก้า ยังยึดตำแหน่งแบ็คซ้ายตัวจริงของทีมเอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่น แถมวันนี้เล่นได้โดดเด่นทั้งรุกและรับ ที่สำคัญคือเป็นคนที่ยิงประตูขึ้นนำให้กับทีม และทำไปได้อีก 1 แอสซิลต์โดยการจ่ายตัดหลังให้กับเพื่อนร่วมทีมในประตูที่สองอีกด้วย

เกนดูซี เป็นหัวใจสำคัญในแดนกลาง เจ้าตัวเล่นได้อย่างโดดเด่นดุดัน แถมทักษะและเบสิกของเขานั้นยังจัดว่าดีพอตัวอยู่แล้ว จึงทำให้วันนี้เจ้าตัวสามารถวาดลวดลายอยู่ตรงกลางสนามได้อย่างยอดเยี่ยม จนกลางของเจ้าบ้านจำเป็นต้องเข้ามารุมประกบ มิดฟิลด์หัวฟู รายนี้ อยู่หลายต่อหลายครั้งด้วยกัน

Joe Willock,Mark Travers,Nathan Ake

มุสตาฟี เจ็บซ้ำอีก 1 ราย

พลพรรคปืนใหญ่ ยังคงต้องทนกับปัญหาผู้เล่นตัวหลักบาดเจ็บต่อไป โดยเฉพาะในแผงหลัง ซึ่งในเกมนี้พวกเขาก็เสีย ชโคดราน มุสตาฟี ที่ดูจะบาดเจ็บค่อนข้างหนักไปอีก 1 ราย แต่โชคยังดีที่ โซคราติส และ ร็อบ โฮลดิ้ง กลับมาลงสนามให้ทีมได้อีกครั้ง แต่ทางด้าน ดาวิด ลุยซ์ นั้นยังคงติดโทษแบนอีกอย่างน้อย 2 เกมจากการโดนใบแดงไล่ออกในเกมที่พบกับ เชลซี เมื่อสุดสัปดาห์ก่อน 

ช่วงที่ผ่านมาทีมดังจากลอนดอน มีข่าวเชื่อโยงกับเซ็นเตอร์แบ็คหลายคนไม่ว่าจะเป็น ปาโบล มารี ของ ฟลาเมงโก้ ดาโยต์ อูปาเมกาโน ของ ไลป์ซิก หรือแม้แต่ เยอร์โรม บัวเต็ง ของ บาเยิร์น มิวนิค ซึ่งตอนนี้ตลาดซื้อขายนักเตะก็เหลืออีกไม่ถึง 5 วันแล้ว เพราะงั้นถ้ายังอยากกู้สถานการณ์ของทีมให้ได้ในปีนี้ พวกเขาก็ควรต้องรีบขยับขยายบ้างได้แล้ว ก่อนทุกอย่างมันจะสายเกินไป

Shkodran Mustafi

ทรานเมียร์ โรเวอร์ส 0-6 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด : เก็บตก 4 ประเด็นร้อนหลังเกม เอฟเอ คัพ

การแข่งขันฟุตบอล เอฟเอ คัพ 2019/20 รอบที่ 4

วันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม 2020

เวลาแข่งขัน 22.00 น. ตามเวลาประเทศไทย

ผลการแข่งขัน ทรานเมียร์ โรเวอร์ส 0-6 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

สนามเพรนตัน พาร์ค


4. ความเป็นไปของเกม

แม้จะต้องลงเล่นในสนาม เพรนตัน พาร์ค ที่เต็มไปด้วยปลักโคลนสร้างความยากลำบากในการผ่านบอลกับทัพ แมนฯ ยูไนเต็ด อยู่บ้างแต่พวกเขาก็ใช้เวลาไม่นานสร้างความคุ้นเคยก่อนไล่ขโยก ทรานเมียร์ โรเวอร์ส ราวกับเป็นการซ้อมใหญ่ของทัพ ปีศาจแดง

ลูกทีมของ โอเล กุนนาร์ โซลชา สังหาร 3 ประตูรวดภายในระยะเวลาห่างกันเพียง 6 นาที (แฮร์รี แม็คไกวร์ – 10′, ดิโอโก้ ดาโลต์ – 13′ และ เจสซี ลินการ์ด – 16′) ยิ่งทำให้สมาธิของเจ้าถิ่นกระเจิดกระเจิงก่อนที่เกมจะจบลงด้วยชัยชนะท่วมท้น 6-0 (ฟิล โจนส์ – 41′, อองโตนี มาร์กซิยาล – 45′ และ เมสัน กรีนวูด – 56′)

3. ส่งทีมชุดใหญ่เรียกความมั่นใจ

โอเล กุนนาร์ โซลชา ส่งผู้เล่น 11 ตัวจริงแทบจะเป็นชุดที่ดีที่สุดของพวกเขาลงสนาม แม้จะชวนให้เลิกคิ้วด้วยความสงสัยอยู่บ้างเมื่อต้องเจอกับคู่ต่อสู้ที่รั้งอันดับในโซนตกชั้นของ ลีกวัน (และออกสตาร์ทด้วยรูปแบบการเล่น 3 ปราการหลัง !?) แต่ก็นับเป็นการเล่นเต็มสูบในแบบที่สร้างโมเมนตัมที่ดีให้กับลูกทีมของเขา

แม็คไกวร์ ทำได้อย่างมั่นใจในการเซ็ตบอลจากไลน์แนวรับรวมถึงการเติมขึ้นไปมีส่วนร่วมกับเกมรุก, บอลจากเท้าสู่เท้าของผู้เล่นในแดนหน้าเป็นไปอย่างแม่นยำ, อองโตนี มาร์กซิยาล เฉียบคมกับช็อตจบสกอร์ กระทั่งนักเตะอย่าง เจสซี ลินการ์ด ซึ่งถูกกระแสวิจารณ์แทบจะไม่เป็นผู้เป็นคนในช่วงก่อนหน้ายังมีชื่อเป็นผู้ทำประตูในเกมนี้ได้ (นับเป็นประตูแรกของ ลินการ์ด ในการแข่งขันทัวร์นาเมนต์ภายในประเทศ อังกฤษ ในรอบ 366 วัน)

ทั้งหลายทั้งปวงกลายเป็น ปีศาจแดง ในแบบฉบับที่ เร้ดเดวิลส์ ต้องการที่จะเห็นพวกเขาทำให้ได้แบบนี้ในเกม พรีเมียร์ลีก และนับเป็นการเรียกความมั่นใจที่ดีให้กับแข้ง ผีแดง ก่อนกลับมาลุยเกมกับทีมระดับท็อปในช่วงเวลาที่เหลือของฤดูกาล

2. อะไรก็ฉุด แม็คไกวร์ ไม่อยู่

ใช่อยู่ที่ว่าคู่ต่อสู้เป็นเพียงทีมจาก ลีกวัน แต่เกมนี้ต้องยอมรับว่าแทบจะเป็นเกมที่ดีที่สุดของ แฮร์รี แม็คไกวร์ หลังจากเจ้าตัวย้ายจาก เลสเตอร์ ซิตี้ ซบ แมนฯ ยูไนเต็ด ในฐานะกองหลังค่าตัวแพงที่สุดในโลกมูลค่า 80 ล้านปอนด์

เจ้าตัวโดดเด่นกับการพาบอลจากแนวรับขึ้นไปข้างหน้าอย่างมั่นใจถึงขนาดตะลุยไปจนถึงกรอบเขตโทษ รวมทั้งยังเป็นคนพังประตูเบิกร่องสุดสวยการการซัลโวที่นอกกรอบ ขณะที่เกมรับเจ้าตัวไม่มีอะไรให้ต้องเป็นกังวลเลย เหลือเพียงแค่การต่อยอดความมั่นใจดังกล่าวงัดออกมาใช้เมื่อเจอกับคู่ต่อสู้ในมาตรฐานเดียวกันหรือสูงกว่าในการแข่งขันระดับท็อป

1. เริ่มต้นด้วยการล้างแค้น แมนฯ ซิตี้

ปีศาจแดง ไม่ต้องเสียเวลารอให้โมเมนตัมจากความมั่นใจของพวกเขาจางหายเมื่อมีคิวบุกไปเยือน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม ในศึก คาราบาว คัพ เลกที่ 2 ในคืนวันพุธที่ 29 มกราคมนี้ซึ่งพวกเขาตกอยู่ในสถานการณ์หลังพิงฝาเมื่อเป็นฝ่ายปราชัยใน โอลด์ แทรฟฟอร์ด ในเลกแรกมาก่อน 3-1

จากนั้นจะคั่นด้วยเกมกับ วูล์ฟส (1 กุมภาพันธ์) ต่อเนื่องด้วยบุกเยือนรัง เชลซี (17 กุมภาพันธ์) และบุกดวล คลับ บรูช ใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก วันที่ 21 กุมภาพันธ์

สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น!*ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใดๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฏหมายที่ระบุไว้สูงสุด

ฮัลล์ ซิตี้ 1-2 เชลซี : เก็บตกประเด็นร้อนหลังเกม เอฟเอ คัพ สิงห์บลู บุกเฉือนเข้ารอบ

การแข่งขัน ฟุตบอล เอฟเอ คัพ 2019/20 รอบที่ 4
วันแข่งขัน คืนวันเสาร์ที่ 25 มกราคม 2020
เวลาแข่งขัน 00.30 น. ตามเวลาประเทศไทย
ผลการแข่งขัน ฮัลล์ ซิตี้ 1-2 เชลซี
สนาม เคคอม สเตเดี้ยม

ประเด็นร้อนหลังเกม


ความเป็นไปของเกม

เป็นเกมที่ สิงห์บลู ครองบอลบุกเข้าใส่ตามฟอร์ม และได้ประตูออกนำเร็วตั้งแต่นาทีที่ 6 จาก บัทชัวยี ที่ก็ดูจะมีโชคอยู่พอสมควร ซึ่งหลังจากนั้น เจ้าบ้าน ฮัลล์ ซิตี้ ก็แทบจะไม่สามารถสร้างความหนักใจอะไรให้กับเกมรับ เชลซี ได้เลย กระทั่งจบครึ่งแรก

​แต่พอมาในครึ่งหลัง ฮัลล์ เปิดเกมบุกแบบกล้าได้กล้าเสียมากขึ้น ทำให่ พลพรรคสิงห์ไฮโซ ต้องยอมผ่อนเกมถอยลงมาตั้งรับพอสมควร แต่พวกเขาก็ยังมีทีเด็ดจากลูกฟรีคิกที่ บาร์คลีย์ เปิดไปเสาไกลให้ โทโมริ ขึ้นโหม่งโล่ง ๆ เข้าไป จากนั้นเกมดูเหมือนจะอยู่ในการควบคุมของ สิงโตน้ำเงินคราม ทั้งหมด แต่แล้วลูกฟรีคิกของ โกรซิคกี้ ที่ปั่นแฉลบกำแพงเข้าไปเป็นประตูตีตื้นนั้น ช่วยจุดประกายความหวังขึ้นมาให้เจ้าบ้านได้อีกครั้ง แต่สุดท้ายก็ทำไม่สำเร็จ ทำให้ เชลซี บุกมาคว้าชัย และผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายไปได้ตามคาด

Michy Batshuayi,Ryan Tafazolli

เกมริมเส้นเงียบสงัด

วันนี้ต้องบอกเลยว่าเกมรุกริมเส้นทั้งสองฝั่งที่เป็นทีเด็ดของ เชลซี ในยุค แฟรงค์ แลมพาร์ด นั้น กลับเงียบหายไปดื้อ ๆ แทบจะตลอดทั้งเกม โดยเฉพาะปีกทั้งสองข้างอย่าง คัลลัม ฮัดสัน-โอดอย และ เปโดร ที่แทบจะไม่มีส่วนร่วมกับเกมเลยโดยเฉพาะในช่วงครึ่งแรก ทำให้ทีมจำเป็นต้องเปลี่ยนมาเน้นการเจาะตรงกลาง และจ่ายทะลุช่องเข้ากรอบเขตโทษแทน

แต่หลังจากการเปลี่ยน วิลเลียน ลงมาในนาทีที่ 67 แทนที่ โอดอย และ ขยับ เปโดร เข้ามาเล่นตรงกลางนั้น ดูเกมรุกของพวกเขาจะมีสีสันมากขึ้นในทันตา ทั้ง วิลเลียน และ เปโดร ผลัดกันสร้างสรรค์เกมรุกให้กับทีมในช่วงท้ายได้อย่างเข้าขา แม้จะไม่สามารถบวกสกอร์เพิ่มให้กับทีมได้ก็ตาม

Callum Hudson-Odoi,Eric Lichaj

เส้นทางสู่แชมป์แรก ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ

ฟุตบอลถ้วย เอฟเอ คัพ นี้ ดูเหมือนจะเป็นอีกรายการที่ แฟรงค์ แลมพาร์ด ต้องการจะนำมาประดับโปรไฟล์ตัวเองเป็นรายการแรกให้ได้อยู่เหมือนกัน

แต่ต้องบอกเลยว่ารอบ 16 ทีม นั้น ณ ขณะนี้ ทีมใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทีมระดับ บิ๊ก 6 ยังอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา ไม่เพียงแค่นั้นเกมนี้เราได้เห็นแล้วว่า แม้จะเป็นแค่ทีมเล็ก ๆ แต่พวกเขาก็พร้อมจะสู้ตายถวายหัวเช่นกัน จึงแทบจะเรียกได้ว่าเส้นทางต่อจากนี้จะไม่มีเกมไหนที่ง่ายสำหรับพวกเขาเลยก็ว่าได้ เพราะฉนั้นทีมของ ป๋าแลมพ์ จะต้องเน้นเต็มที่ไม่ว่าคู่แข่งจะเป็นใคร หากต้องการคว้าแชมป์รายการนี้ที่ดูจะมีความเป็นไปได้มากที่สุดในบรรดาทุกถ้วยที่ยังมีลุ้นอยู่ในซีซั่นนี้ของ ทัพสิงโตน้ำเงินคราม

Frank Lampard

ฮัลล์ ซิตี้ พบ เชลซี : พรีวิวฟุตบอล เอฟเอ คัพ, วัน+เวลาการแข่งขัน, ถ่ายทอดสด


ข้อมูลการแข่งขัน


การแข่งขัน ฟุตบอล เอฟเอ คัพ 2019/20 รอบที่ 4
วันแข่งขัน คืนวันเสาร์ที่ 25 มกราคม 2020
เวลาแข่งขัน 00.30 น. ตามเวลาประเทศไทย
คู่แข่งขัน ฮัลล์ ซิตี้ พบ เชลซี
สนาม เคคอม สเตเดี้ยม
ถ่ายทอดสด beIN SPORTS 2

ความพร้อมของทั้ง 2 ทีม


ฮัลล์ ซิตี้

เดอะไทเกอร์ส แห่งศึก แชมเปี้ยนชิพ จะได้ คัลลัม เอลเดอร์ และ จอช แม็กเจนนิส 2 คีย์แมนหายจากอาการบาดเจ็บกลับมาเป็นตัวเลือกช่วยทีมดวลกับทัพ สิงโตน้ำเงินคราม โดยที่ ทอม เอฟส์ กดแฮตทริคพาทีมบุกไปเอาชนะ ร็อตเธอร์แฮม 3-2 ในศึก เอฟเอ คัพ รอบที่ 3 น่าจะได้ออกสตาร์ทในรายการนี้ต่อเนื่อง

คาดการณ์ 11 ตัวจริง : 4-4-1-1

ผู้รักษาประตู อินแกรม
กองหลัง แม็คเคนซี, ทาฟาซอลลี, เบิร์ค, เอลเดอร์
กองกลาง โบเวน, โลเปส, แบ็ตตี้, ลูอิส-พ็อตเตอร์
เคน
กองหน้า เอฟส์

​​

เชลซี

มีความเป็นไปได้ที่ รีซ เจมส์ จะหายเจ็บกลับมาช่วย สิงห์บลู ได้ในเกมนี้หลังจากที่เขาชวดลงเล่นในเกมที่เสมอกับ อาร์เซนอล เมื่อกลางสัปดาห์ ขณะที่ แทมมี อับราฮัม ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยที่ข้อเท้าในแมตช์ดังกล่าวและคาดว่า แฟรงค์ แลมพาร์ด จะไม่เสี่ยงส่งเขาลงเล่นในเกมนี้

คาดการณ์ว่า มิชี บาทชัวยี จะได้ออกสตาร์ทเป็นหัวหอกตัวเป้าในขณะที่ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ มีประเด็นในตลาดซื้อขายนักเตะอย่างหนาหูในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา

คาดการณ์ 11 ตัวจริง : 4-3-3

ผู้รักษาประตู คาบาเยโร
กองหลัง เจมส์, คริสเตนเซน, ซูมา, อลอนโซ
กองกลาง บาร์คลีย์, โควาชิช, เมานท์
กองหน้า เปโดร, บาทชัวยี, ฮัดสัน-โอดอย

ผลงาน 5 นัดหลังสุด


ฮัลล์ (ชนะ 3 เสมอ 0 แพ้ 2)

18 มกราคม แชมเปี้ยนชิพ ดาร์บี้ 1 : 0 ฮัลล์ แพ้
11 มกราคม แชมเปี้ยนชิพ ฮัลล์ 0 : 1 ฟูแลม แพ้
4 มกราคม เอฟเอ คัพ ร็อตเธอร์แฮม 2 : 3 ฮัลล์ ชนะ
1 มกราคม แชมเปี้ยนชิพ เชฟ. เว้นสเดย์ 0 : 1 ฮัลล์ ชนะ
29 ธันวาคม แชมเปี้ยนชิพ คิวพีอาร์ 1 : 2 ฮัลล์ ชนะ

เชลซี (ชนะ 3 เสมอ 1 แพ้ 1)

22 มกราคม พรีเมียร์ลีก เชลซี 2 : 2 อาร์เซนอล เสมอ
19 มกราคม พรีเมียร์ลีก นิวคาสเซิล 1 : 0 เชลซี แพ้
11 มกราคม พรีเมียร์ลีก เชลซี 3 : 0 เบิร์นลีย์ ชนะ
5 มกราคม เอฟเอ คัพ เชลซี 2 : 0 น็อตติงแฮม ชนะ
1 มกราคม พรีเมียร์ลีก ไบรท์ตัน 1 : 1 เชลซี เสมอ

เฮดทูเฮด (ฮัลล์ ชนะ 0 เสมอ 0 เชลซี ชนะ 5)

17 กุมภาพันธ์ 2018 เอฟเอ คัพ เชลซี 4 : 0 ฮัลล์
23 มกราคม 2017 พรีเมียร์ลีก เชลซี 2 : 0 ฮัลล์
1 ตุลาคม 2016 พรีเมียร์ลีก ฮัลล์ 0 : 2 เชลซี
23 มีนาคม 2015 พรีเมียร์ลีก ฮัลล์ 2 : 3 เชลซี
13 ธันวาคม 2014 พรีเมียร์ลีก เชลซี 2 : 0 ฮัลล์


สถิติที่น่าสนใจ


  • ชัยชนะของ ฮัลล์ ซิตี้ เหนือ ร็อตเธอร์แฮม 3-2 ในศึก เอฟเอ คัพ รอบที่ผ่านมานับเป็นเกมที่ 4 ติดต่อกันในรายการนี้ที่พวกเขามีค่าเฉลี่ยยิงประตูคู่แข่งได้มากกว่า 2.5 ลูกต่อเกมโดยที่ 3 ใน 4 แมตช์ในนั้นทั้งพวกเขาและคู่ต่อสู้สามารถทำประตูได้

  • หากนับย้อนสถิติของ เดอะไทเกอร์ส ในการพบกับทีมจาก พรีเมียร์ลีก ในศึก เอฟเอ คัพ ตั้งแต่เดือนมกราคม 2015 พวกเขาชนะ 1 เสมอ 1 และแพ้ถึง 3 เกมโดยมีค่าเฉลี่ยเสียประตู 3.33 ลูกในการปราชัย 3 แมตช์ดังกล่าว

  • เชลซี เคยกรุยทางผ่าน ฮัลล์ ซิตี้ และจบด้วยการคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ เมื่อ 2 ปีก่อน ครั้งสุดท้ายที่ สิงโตน้ำเงินคราม ปราชัยต่อทีมจากลีกที่ต่ำกว่าพวกเขาในรายการนี้ต้องย้อนกลับไปถึงปี 2008 โดยที่ สิงห์จากลอนดอน มีสถิติชนะ 9 เสมอ 2 ให้หลังจากความพ่ายแพ้ดังกล่าว

  • ชัยชนะ 5 นัดหลังสุดเหนือคู่แข่งจากลีกล่างใน เอฟเอ คัพ ของ เชลซี นั้นพวกเขาสามารถทำประตูในครึ่งหลังได้ 2 ลูกทั้งหมด

  • ทอม เอฟส์ ซัดแฮตทริคพาทีมผ่านเข้าสู่รอบที่ 4 มาได้โดยที่ 2 จากใน 3 ประตูดังกล่าวเกิดขึ้นหลังนาทีที่ 60 ขณะที่ คัลลัม ฮัดสัน-โอดอย พังประตูเบิกร่องให้กับทีมตั้งแต่นาทีที่ 6 ในเกมที่พวกเขาเอาชนะ น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ 2-0 ในรอบที่ผ่านมา

[Player Ratings] กัปตันยิง 1 จ่าย 1 ! ตัดเกรดแข้ง หงส์แดง เกมบุกแซงชนะ วูล์ฟ สุดมัน 1-2

การแข่งขัน ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ 2019/20 นัดที่ 24
วันแข่งขัน คืนวันพฤหัสบดีที่ 23 มกราคม 2020
เวลาแข่งขัน 03.00 น. ตามเวลาประเทศไทย
ผลการแข่งขัน วูล์ฟแฮมป์ตัน 1-2 ลิเวอร์พูล
สนามโอลด์ โมลินิวซ์ สเตเดี้ยม

คะแนนผู้เล่น ลิเวอร์พูล


อลิสซอน เบ็คเกอร์ – 8/10

ป้องกันลูกหลุดเดียว ๆ ได้หลายครั้งในช่วงครึ่งหลัง ทำให้พวกเขาไม่เสียประตูและยังอยู่ในเกมของตนเองได้

Alisson Becker

เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ – 7.5/10

เป็นผู้แอสซิสต์ให้กับ เฮนโด้ ในช่วงครึ่งแรก แต่หลังจากนั้นดูบทบาทจะลดน้อยลงเล็กน้อย แม้จะได้โอกาสเติมเกมขึ้นสูงบ่อยครั้งก็ตาม

โจ โกเมซ- 7.5/10

ถือว่ารับมือกับความเร็วและความแข็งแกร่งได้ดีพอสมควร สะกัดจังหวะสุดท้ายสวย ๆ ช่วยทีมไว้ได้หลายครั้งในช่วงครึ่งแรก

เวอร์จิล ฟาน ไดค์ – 7.5/10

วันนี้ดูบทบาทอาจจะไม่โดดเด่นเท่า โกเมซ แต่ก็ยังถือว่าเล่นได้ตามมาตรฐาน การสะกัดการเข้าปะทะ การบังบอล ยังคงทำได้อย่างยอดเยี่ยม

แอนดี้ โรเบิร์ตสัน – 6.5/10

วันนี้ดูจะเสียผู้เสียคนไปพอสมควร หลังถูก อดามา ตราโอเร บุกทะลวงอยู่ตลอดทั้ง 90 นาที

จอร์แดน เฮนเดอร์สัน – 8/10

ยิง 1 จ่าย 1 ในเกมวันนี้ แถมบทบาทยังโดดเด่นทั้งรุกและรับ ไล่บอลในแดนกลาง และต่อบอลกับเพื่อนร่วมทีมได้เป็นอย่างดี

Jordan Henderson,Trent Alexander-Arnold

จินี ไวนัลดุม – 7/10

บทบาทอาจไม่เปรี่ยงปร้างเท่ากัปตันเฮนโด้เท่าใด แต่ก็ถือว่าช่วยทีมได้เยอะในเวลาต้องไล่บอลในเกมรับ

อเล็กซ์ อ็อกซ์เหลด-แชมเบอร์เลน – 6.5/10

วันนี้จัดว่าค่อนข้างเงียบพอสมควร ทำให้ต้องถูกเปลี่ยนตัวออกไปตั้งแต่นาที่ 69

โมฮาเหม็ด ซาลาห์ – 7/10

โอกาสค่อนข้างเยอะในเกมวันนี้ แต่ยังทำไม่ได้ แถมมีหลายครั้งที่หากจ่ายให้เพื่อนที่เติมขึ้นมา อาจจะได้ลุ้นประตูมากกว่านี้

โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน – 7.5/10

ตลอดทั้งเกมจัดว่าบทบาทค่อนข้างน้อย ไม่ค่อยมีส่วนร่วมมากเท่าใดนัก แต่เมื่อถึงคราวขับขันเจ้าตัวก็ยังสามารถบวกสกอร์ให้ทีมได้อย่างเฉียบขาด

Roberto Firmino

ซาดิโอ มาเน – 5/10

ยังไม่ได้โชว์ผลงานอะไรมากนัก ก็มาได้รับบาดเจ็บเสียก่อน จนต้องถูกเปลี่ยนตัวออกตั้งแต่นาทีที่ 30

ตัวสำรอง

ทาคุมิ มินามิโนะ (แทนที่ มาเน นาทีที่ 32) – 6/10 : พอจะดูมีเบสิกอยู่บ้าง แต่ก็ยังคงต้องค่อย ๆ ปรับตัวให้เข้ากับทีมมากขึ้นต่อไป

ฟาบินโญ (แทนที่ อ็อกซ์เหลด-แชมเบอร์เลน นาทีที่ 69) – 5.5/10 : เคาะสนิมหลังหายจากอาการบาดเจ็บไปนาน ซึ่งวันนี้ก็ยังดูไม่ค่อยเข้าที่มากนัก คงต้องใช้เวลาสักหน่อยในการเรียกฟอร์มเก่งกลับคืนมา

ดิว็อค โอริกี (แทนที่ ซาลาห์ นาทีที่ 84) – N/A : ตัวนำโชค