ด้วยสถานการณ์เรื่องสัญญาฉบับใหม่ของ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง กองหน้าตัวเก่งของ อาร์เซนอล ทีมอันดับ 9 ใน พรีเมียร์ลีก ยังคงอึมครึมอยู่พอสมควร เนื่องจากหากจบฤดูกาลนี้เจ้าตัวจะเหลือสัญญากับ เดอะกันเนอร์ส เพียงปีเดียว ซึ่งนับเป็นช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อของทั้งสโมสรและนักเตะที่นาติดตามกันเป็นอย่างมาก
สถานการณ์แบบนี้โดยส่วนมากแล้วทางสโมสรต้นสังกัดจะต้องรีบจัดการเรียกตัวแทนและนักเตะเข้ามาคุยเรื่องการต่อสัญญาใหม่โดยด่วน อาจจะเป็นช่วงปลายปีหรือต้นปีก็ว่าไป เพื่อให้ช่วงซัมเมอร์นั้นไม่วุ่นวายมากและให้ผู้จัดการทีมสามารถจัดการเรื่องการซื้อนักเตะใหม่ได้ง่ายขึ้น
แต่ในกรณีของ โอบาเมย็อง นั้นทาง อาร์เซนอล ได้เปิดการเจรจากันไปแล้วแต่ก็ยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้ จนทำให้ตอนนี้เวลาก็งวดเข้ามาทุกทีและมีข่าวตามมาว่าสโมสรอาจจำใจขายทิ้งในช่วงซัมเมอร์
ความจริง โอบา นั้นมีข่าวกับ บาร์เซโลนา มาตั้งแต่ปลายปี แต่ก็ยังไม่มีความคืบหน้าจนเมื่อเข้าสู่โค้งสุดท้ายของฤดูกาลข่าวกับ บาร์ซา และอีกหลายทีมก็เริมดังขึ้นมาอีกครั้ง
ล่าสุดมีรายงานว่า อาร์เซนอล เหมือนจะรู้ตัวว่ารั้งยังไงก็คงไม่อยู่ เลยรีบชิงตั้งค่าตัวเสียก่อน ใครสนใจก็เอามา 50 ล้านปอนด์ แล้วเดี๋ยวห่อส่งให้ถึงที่
งานนี้มีหลายทีมที่ตกเป็นข่าวทั้ง บาร์ซา เองที่ยังคงติดตามอย่างไม่ลดละ หรือหน้าใหม่ ๆ อย่าง เชลซี และ ลิเวอร์พูล รวมทั้ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ของ โอเล กุนนาร์ โซลชา
พอพูดถึงทีม ปีศาจแดง กูรูอย่าง พอล เมอร์สัน ซึ่งแม้ว่าจะเคยเป็นเด็กปืนมาก่อน แต่เจ้าตัวก็ให้ความเห็นว่ากองหน้าวัย 30 ปีรายนี้คือคนที่ทีม ปีศาจแดง ตามหามานาน
เผลอ ๆ ราคา 50 ล้านปอนด์ที่ตั้งเอาไว้นั้นถูกเกินไปด้วยซ้ำ
“โอบาเมย็อง คือสิ่งที่ แมนฯ ยูไนเต็ด กำลังตามหา เขาคือจอมถล่มประตู และเป็นจอมถล่มประตูที่ประเมินค่าไม่ได้ พวกเขาร้องหาใครซักคนที่สามารถยิงประตูได้ 20-25 ประตูต่อหนึ่งซีซัน นั่นคือสิ่งที่ โอบา ให้คุณได้ เขาสามารถยิง 25 ประตูได้แบบสบาย ๆ เลยล่ะ”
เมอร์สัน ว่าอย่างนั้น
พอพูดกันแบบนี้ เรามาไล่เรียงว่ากองหน้าที่เป็น ‘สไตรเกอร์’ หรือกองหน้าตัวเป้าในกรอบเขตโทษของพวกเขาในตอนนี้มีใครบ้าง
อ็องโตนี มาร์กซิยาล, เมสัน กรีนวู้ด และ โอเดียน อิกาโล
3 คนนี้มีกองหน้าตัวเป้าแบบธรรมชาติอยู่ 2 คนคือ กรีนวู้ด และ อิกาโล ซึ่งคนแรกยังเป็นดาวรุ่งและเจ้าหนูนี่ไม่ใช่ ลีโอเนล เมสซี ที่จะระเบิดฟอร์มได้ตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 20 ส่วนดาวเตะไนจีเรียที่ยืมมาจาก เซี่ยงไฮ้ เสิ่นหัว นั้นแม้จะทำผลงานได้ดีแต่ก็ยังเป็นการดึงมาเล่นแบบขัดตาทัพเท่านั้น
ส่วน มาร์กซิยาล นั้นแจ้งเกิดมาจากตัวริมเส้น ความเร็วคืออาวุธของเขา คล้าย ๆ กับ มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่พอโดนจับไปอยู่ตรงกลางแล้วเจ้าตัวมักจะทำผลงานไม่ค่อยดีเท่าไหร่
ดังนั้นถ้าจะหากองหน้าตัวเป้าหรือสไตรเกอร์ธรรมชาติซักคน โอบาเมย็อง ก็คงเป็นตัวเลือกที่ไม่เลว
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ เมอร์สัน พูดนั้นไม่ได้อ้างขึ้นมาลอย ๆ ตัวเลขสถิติการถล่มประตูตั้งแต่ที่อยู่ ดอร์ทมุนด์ ของเจ้าตัวนั้นเป็นเครื่องพิสูจน์อย่างดี
จำนวนประตูเมื่อรวมทุกรายการเริ่มตั้งแต่ซีซัน 2015-2016 อยู่กับ เสือเหลือง ยิงได้ 39 ประตู, 2016-2017 ยิงได้ 40 ประตู พอมาซีซัน 2017-2018 ยิงได้ 31 ประตูกับทั้ง ดอร์ทมุนด์ และ อาร์เซนอล, ซีซัน 2018-2019 ยิงได้ 31 ประตูในซีซันแรกอย่างเต็มตัวกับทีมปืนใหญ่ และซีซันนี้ก็ยิงไปแล้ว 20 ประตู
นับแค่ที่ค้าแข้งกับ เดอะกันเนอร์ส 2 ซีซันครึ่ง โอบา ยิงเฉพาะใน พรีเมียร์ลีก ไป 10, 22 และ 17 ประตู ตามลำดับ โดย 2 ซีซันหลังสุดนี้เขาได้ลงเล่นแบบเต็มฤดูกาล
ส่วนสถิติของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เอาเฉพาะ 5 ซีซันหลังสุดพวกเขามีเพียงซีซันเดียวที่ดาวซัลโวประจำทีมยิงได้ 17 ประตูในลีกซึ่งนักเตะคนนั้นคือ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช
และครั้งสุดท้ายที่มีการยิงได้มากกว่า 20 ประตู ต้องย้อนกลับไปในซีซันสุดท้ายที่พวกเขาคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก นั่นคือเมื่อปี 2012-2013 ที่ โรบิน ฟาน เพอร์ซี จัดการซัดไป 26 ประตู
ซึ่งทั้ง ‘บร๊ะเจ้า’ และ RVP นั้นคือสไตรเกอร์โดยธรรมชาติ
ทั้งหมดนี้พิสูจน์ได้แล้วว่าหาก โอเล กุนนาร์ โซลชา ต้องการพาทีมกลับมาประสบความสำเร็จ พวกเขาจะต้องหาใครซักคนมายืนค้ำถล่มตาข่าย โดยปล่อยให้ แรชฟอร์ด, มาร์กซิยาล, เจมส์ และ บรูโน แฟร์นันเดส สร้างสรรค์โอกาสอยู่ข้างหลัง
แต่ปัญหาก็คือ กองหน้าทีมชาติกาบองอายุเข้าหลัก 30 เรียบร้อย ซึ่งการจะใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพอย่างมากก็ 3 ปี ไหนจะค่าตัว 50 ล้านปอนด์ ซึ่งระดับนี้อาจจะเอาไปซื้อกองหน้าอายุ 24-28 ปีฝีเท้าดี ๆ ได้ซักคน พร้อมกับค่าเหนื่อยระดับไม่ต่ำกว่า 200,000 ที่เจ้าตัวได้รับกับ อาร์เซนอล อาจจะทำให้ โซลชา ต้องคิดทบทวนให้ดีหากจะลงทุน
ซึ่งถ้ามองที่ตัวนักเตะล้วน ๆ อาจจะมีความเสี่ยงอยู่บ้าง แต่หากมองว่าสิ่งที่ โอบา จะให้กับทีมในระยะเวลาที่ค้าแข้งใน โอลด์ แทรฟฟอร์ด ทั้งจำนวนประตู, การช่วยพัฒนาฟอร์มการเล่นของกองหน้าดาวรุ่งอย่าง เมสัน กรีนวู้ด และความสำเร็จในระยะสั้น มันก็น่าจะลองเสี่ยงดูซักตั้ง
เผลอ ๆ การพาทีมกลับมาคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ได้ซักครั้ง แค่นี้ก็คงจะคุ้มเกินคุ้มแล้ว!