ช้าก่อน ! ยูฟ่า ออกหนังสือแนะ พรีเมียร์ลีก ไม่ให้ยกเลิกฤดูกาล 2019/20

สหภาพสมาคมฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) ออกหนังสือถึง พรีเมียร์ลีก รวมไปถึงลีก ยุโรป อื่นๆ ว่าไม่ให้ฤดูกาลแข่งขันปัจจุบันกลายเป็นโมฆะ

รายงานจาก สกายสปอตส์ ระบุว่าเจ้าหน้าระดับสูงของ ยูฟ่า กำลังทำงานอย่างหนักเพื่อหาทางให้ฟุตบอลยุโรปกลับมาฟาดแข้งกันได้อีกครั้งในเดือนกรกฎาคมนี้

โดยจดหมายของ ยูฟ่า ที่เซ็นรับรองโดย อเล็กซานเดอร์ เซเฟริน ผู้เป็นประธานองค์กรส่งให้กับประเทศสมาชิก 55 ชาติถูกนำมาเปิดเผยโดยมีเนื้อความสำคัญโดยสรุประบุว่า สุขภาพของผู้คนถือเป็นเรื่องสำคัญมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งในเวลานี้ พร้อมกับแสดงท่าทีเรียกร้องให้ประเทศสมาชิกเป็นเอกภาพเดินตามมติของ ยูฟ่า ในอนาคต

ประเด็นสำคัญคือ ยูฟ่า มั่นใจและยืนยันหนักแน่นว่าฟุตบอลจะกลับมาแข่งขันกันได้ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐบาลแต่ละประเทศเป็นที่ตั้งโดยแผนงานในเวลานี้ก็คือกลับมาฟาดแข้งกันในเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม

[FEATURES] ทำได้ไง !? 5 สถิติ พรีเมียร์ลีก ที่ไม่น่ามีใครโค่นลง

ในฤดูกาลนี้ ลิเวอร์พูล มีลุ้นมากๆ ที่จะทำสถิติแชมป์ไร้พ่ายทาบ อาร์เซนอล ก่อนจะไปสะดุดแพ้ วัตฟอร์ด เสียก่อน 

แต่มันก็ทำให้เห็นว่าสถิตินี้ยังคงสามารถทำลายได้ อย่างไรก็ตามก็มีหลายๆ สถิติที่ดูจะทำยากกว่านั้นและเปอร์เซ็นจะทำให้มันเกิดขึ้นอีกครั้งก็น้อยมากๆ อย่าง 5 สถิติใน พรีเมียร์ลีก ดังต่อไปนี้


ผู้จัดการทีมที่คุมทีมยาวนานมากที่สุด

อาร์เซน เวนเกอร์ – 21 ปี 224 วัน

Arsene Wenger to leave Arsenal at the end of the season - CNN

เวนเกอร์ เข้ามาคุมทีม อาร์เซนอล ตั้งแต่ปี 1996 ก่อนจะเพิ่งประกาศอำลาทีมไปเมื่อปี 2018 ซึ่งเป็นระยะเวลามากกว่า 2 ทศวรรษเลยทีเดียว

ตลอดเวลาที่ เวนเกอร์ คุมทีมเขาได้สร้างสถิติไว้มากมายโดยเฉพาะกับแชมป์ พรีเมียร์ลีก ไร้พ่ายเมื่อฤดูกาล 2003/04 นั่นเอง


แต้มน้อยที่สุดในหนึ่งฤดูกาล

ดาร์บี เคาท์ตี้ – 11 คะแนน

Derby County's shocking 2007/08 revisited: the Premier League's ...

ในฤดูกาล 2007/08 แกะเขาเหล็ก ได้สร้างสถิติที่ไม่น่าพึงประสงค์ขึ้นด้วยการเก็บได้เพียง 11 คะแนนจาก 38 เกม

ดาร์บี เอาชนะได้เพียง 1 เกมและแพ้ไปถึง 29 เกม นอกจากนี้ยังเสียประตูไปถึง 89 ประตู หรือเฉลี่ยจะเสียประตูมากกว่า 2 ลูกในทุกๆ เกม


แฮ็ตทริกที่ไวที่สุด

ซาดิโอ มาเน – 2 นาที 56 วินาที

Southampton's Sadio Mane hits fastest hat-trick in top-flight ...

ในขณะที่ มาเน ค้าแข้งให้กับ เซาธ์แฮมตัน ในปี 2015 เขาเองก็ได้สร้างสถิติที่น่าทึงได้ในเกมเจอกับ แอสตัน วิลล่า

การยิง 3 ประตูในไม่ถึง 3 นาทีได้ทำลายสถิติเก่าของ ร็อบบี ฟาวเลอร์ ที่ 4 นาที 33 วินาทีลงอย่างราบคาบหลังยืนระยะมาเกือบ 20 ปี


ผู้เล่นอายุมากที่สุด

จอห์น เบอร์ริดจ์ – 43 ปี 162 ปี

10 Things You Didn't Know About Man City – Page 8

ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่ผู้เล่นอายุมากกว่า 30 ปีจะยังคงเล่นใน พรีเมียร์ลีก ที่ขึ้นชื่อเรื่องการปะทะหนักและการใช้ร่างกายได้

แต่ เบอร์ริดจ์ ก็กลับทำมันได้ในอายุ 43 ปี กับการลงเฝ้าเสาให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เจอกับ ควีนปาร์คเรนเจอร์ส เมื่อฤดูกาล 1994/95 นั่นเอง


ผู้ชมน้อยที่สุด

วิมเบอร์ดัน เจอ เอฟเวอร์ตัน (3,309 คน)

ตอนนี้ขณะที่ พรีเมียร์ลีก มีแววเล่นในสนามปิด แต่ก่อนหน้านี้ก็มีเกมที่เปิดให้ผู้ชมเข้าสนามแต่กลับมีเพียงสามพันกว่าคนเข้ามาชมเกม

เกมนั้นเกิดขึ้นในปี 1993 ที่ เซลเฮิร์สปาร์ค สนามที่ วิมเบิลดัน ได้ไปยืม คริสตัล พาเลซ ใช้เป็นรังเหย้า และด้วยปัญหาหลายๆ เรื่องที่สะสมมานานจึงทำให้แฟนบอลของทีมนั้นลดน้อยถอยลงก่อนจะเกิดสถิตินี้

[OPINION] 4 บทสรุปที่จะเกิดขึ้นหาก พรีเมียร์ลีก กลับมาแข่งจนจบ!

เชื่อว่าตอนนี้หลายฝ่ายก็กำลังลุ้นกันอยู่ว่า พรีเมียร์ลีก  ในซีซันนี้จะสามารถแข่งขันกันจนจบตามโปรแกรมที่เหลือได้หรือไม่

อย่างไรก็ตามแม้จะยังไม่มีคำตอบอะไรออกมาชัดเจน แต่ The Stats Perform ทีมงานที่ทำงานเกี่ยวกับการใช้ AI ในการคำนวณค่าสถิติต่าง ๆ ในวงการกีฬาก็ได้ลองคิดเล่น ๆ ว่าถ้าหากว่าการแข่งขันสามารถกลับมาแข่งต่อได้จนจบแล้วจะเกิดอะไรขึ้น

สถิติที่นำมาคิดนั้นเพื่อให้ AI นั้นได้จำลองสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นก็มีทั้ง คุณภาพของเกมรุกและรับของทั้ง 20 ทีมโดยเป็นการเก็บข้อมูลย้อนหลัง 4 ปี, การคำนวณคุณภาพของทีมคู่ฝ่ายตรงข้ามทั้งการทำประตูและการเสียประตูและคิดออกมาเป็นผลการแข่งขัน, การใช้สูตรทางคณิตศาสตร์คำนวณแม็ตช์ที่กำลังจะมาถึงโดยใช้ข้อมูลจากเกมรุกและเกมรับของทั้งสองทีม และการจำลองสถานการณ์ผลการแข่งขันออกมาถึง 10,000 เหตุการณ์ที่แตกต่างกัน เพื่อคำนวณหาโอกาสความเป็นไปได้ที่ใกล้เคียงที่สุดเพื่อหาตำแหน่งสุดท้ายของแต่ละทีมหลังจบนัดที่ 38

อาจจะอ่านแล้วงง ๆ กันหน่อย แต่ก็เพื่อให้เห็นว่าสิ่งที่นำมาคิดนั้นมีพื้นฐานจริง ๆ ไม่ใช่การจับแพะชนแกะแต่อย่างใด ดังนั้นเรามาดูกันดีกว่าว่าเมื่อ AI คำนวณเรียบร้อยแล้วผลที่ออกมานั้นจะเป็นอย่างไร

1. ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ด้วยการทำสถิติใหม่ 101 คะแนน!

ผลที่ออกมานั้นอาจจะถูกใจสาวก ลิเวอร์พูล  ทั่วโลก เมื่อคอมพิวเตอร์บอกเราว่า พวกเขาจะกลายเป็นแชมป์ที่ทำแต้มได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ พรีเมียร์ลีก และยังเป็นสถิติตลอดกาลของการแข่งขันฟุตบอลลีกในอังกฤษอีกด้วย

นั่นหมายความว่า หงส์แดง จะไม่สามารถเก็บชัยชนะได้ทุกนัดในเกมที่เหลือ ซึ่งอาจจะมีเกมที่แพ้บ้าง แต่ท้ายที่สุดแล้วพวกเขาจะสามารถทำลายสถิติที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้  เคยทำไว้เมื่อซีซัน 2017-2018 ที่ 100 คะแนนลงได้โดยเหนือกว่าเพียงแต้มเดียวเท่านั้น

อย่างไรก็ตามเมื่อนำสถิตินี้มาเทียบกันใน 5 ลีกใหญ่ในยุโรป พลพรรคหงส์แดงก็ยังแพ้ให้กับ ยูเวนตุส จาก กัลโช เซเรีย อา ที่เคยทำไว้ 102 คะแนนในซีซัน 2013-2014 อยู่ดี

2. แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คว้าอันดับ 2 ด้วยสถิติแต้มห่างมากที่สุด!

แน่นอนว่าเมื่อ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ไปแล้ว แมนฯ ซิตี้ ก็ต้องซิวอันดับ 2 ตามระเบียบ ซึ่งเมื่อ AI คำนวณออกมาพวกเขาจะเก็บได้ 80 คะแนนจากที่มีอยู่ในปัจจุบัน 57 คะแนน ซึ่งทำให้กลายเป็นทีมอันดับ 2 ที่มีคะแนนห่างจากแชมป์มากที่สุดในประวัติศาสตร์ถึง 21 คะแนนเลยทีเดียว

นี่ก็เป็นอีกครั้งที่จะเป็นการทำลายสถิติของทีม เรือใบสีฟ้า ที่เคยทำไว้เมื่อซีซัน 2017-2018 ที่พวกเขาทิ้งห่าทีมอันดับสองในตอนนั้นอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไป 19 คะแนน

นอกจากนั้นแล้ว AI ยังบอกกับเราว่า เบรนแดน ร็อดเจอร์ สามารถพา เลสเตอร์ ซิตี้ คว้าตั๋วไปลุย ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก  ได้สำเร็จด้วยการคว้าอันดับ 3 ไปครอง โดยมีคะแนนเหนือทีมอันดับ 5 อยู่ 6 คะแนน

3. เชลซี คว้าท็อปโฟร์ ส่วน แมนฯ ยูไนเต็ด อันดับ 5!

ตำแหน่งที่กำลังลุ้นกันก่อนหน้าที่จะหยุดการแข่งขันเนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดนั้นก้คือ ท็อปโฟร์ ซึ่งเมื่อดูจากคะแนนในตอนนี้จะพบว่า เชลซี  ยังคงรั้งอันดับ 4 ด้วยการมี 48 คะแนนจาก 29 นัด ส่วน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด  นั้นตามหลังเพียง 3 คะแนนโดยมี 45 คะแนนจาก 29 เกมเท่ากัน

เมื่อ AI ทำการคำนวณออกมาพบว่าอันดับไม่ขยับแต่อย่างใด จบ 38 นัด สิงห์บลู ของ แฟรงค์ แลมพาร์ด สามารถกอดที่ 4 ไว้ได้อย่างเหนียวแน่นด้วยการมี 63 คะแนนมีแต้มห่างจาก เลสเตอร์ ซิตี้ ทีมอันดับ 3 อยู่ 4 คะแนน

ส่วนทีมอันดับ 5 ก็เหมือนเดิมคือ เร้ดเดวิลส์ ซึ่งจบซีซันตามหลัง เชลซี 2 คะแนน แต่ก็อาจจะได้ไปเล่น แชมเปี้ยนส์ลีก เนื่องจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไม่น่าจะอุทธรณ์กรณีไฟแนนเชียลแฟร์เพลย์ผ่าน

อันดับ 6-8 ก็ไล่กันลงมาเป็น ท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์ , วูล์ฟแฮมตัน และ อาร์เซนอล  ซึ่งหมายความว่าทีมของ มิเกล อาร์เตต้า อดไปแม้กระทั่ง ยูโรป้าลีก ในซีซันหน้า

4. วัตฟอร์ด รอดตกชั้น บอร์นมัธ ช้ำลงไปเล่น เดอะแชมเปี้ยนชิพ!

3 ทีมที่จะตกชั้นหลังการคำนวณได้แก่ บอร์นมัธ, แอสตัน วิลลา และ นอริช ซิตี้ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่พวกเขาอยู่ในปัจจุบันเช่นเดียวกัน

ส่วน เวสต์แฮม ของ เดวิด มอยส์ นั้นสามารถรอดพ้นการลงไปเล่น เดอะแชมเปี้ยนชิพ ได้อย่างหวุดหวิด ที่ต้องลุ้นกันชนิดเส้นยาแดงผ่าแปดก็คือ วัตฟอร์ด ของ ไนเจล เพียร์สัน ที่ทำได้ 36 คะแนนเท่ากับ บอร์นมัธ ของ เอ็ดดี้ ฮาว แต่พวกเขารอดชีวิตด้วยประตูได้เสียที่ดีกว่าเท่านั้น

ไม่รู้ว่าจะปลอบใจอะไร เดอะเชอร์รีส์ ได้หรือเปล่า แต่การได้ 36 คะแนนนั้นถือเป็นแต้มที่มากสุดที่ทีมตกชั้นทำได้ในรอบ 4 ปีเลยทีเดียว

ลอฟเรน จ่อลา ลิเวอร์พูล,​ ซานโช ตอบรับซบ แมนฯ ยูไนเต็ด : สรุปข่าวฟุตบอลประจำวันนี้ 30 มีนาคม

1. ไอโอซี ยืนยันวันแข่งใหม่โอลิมปิก

คณะกรรมการโอลิมปิกสากล (ไอโอซี) ประกาศวันจัดการแข่งขัน โอลิมปิก จากเดือนในปี 2020 เป็นวันที่ 23 กรกฎาคม – 8 สิงหาคม 2021 หลังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ โควิด-19 ขณะที่ พาราลิมปิก จะแข่งขันระหว่างวันที่ 24 สิงหาคม ถึงวันที่ 5 กันยายน 2021

2. ข่าวฟุตบอลยุโรป – เมสซี นำทีมแข้ง บาร์ซา ลดค่าเหนื่อย 70 เปอร์เซนต์

ลิโอเนล เมสซี กัปตันทีม บาร์เซโลนา แห่งศึก ลา ลีกา สเปน นำทัพแข้ง บาร์ซา ประกาศลดค่าเหนื่อยของตนเองลง 70 เปอร์เซนต์ระหว่างที่การแข่งขันหยุดลงชั่วคราวจากวิกฤต โควิด-19 เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของสโมสร

3. ข่าวฟุตบอลยุโรป – พิษไวรัสโคโรนาอาจทำ ยูเวนตุส เสีย โรนัลโด้

รายงานจากสื่อใน อิตาลี ระบุว่าแม้ คริสเตียนโน โรนัลโด้ จะยอมรับการลดค่าเหนื่อยในช่วงหยุดลีกชั่วคราวท่ามกลางการแพร่ระบาดของ โควิด-19 แต่ในระยะยาว ยูเวนตุส ยังคงมีปัญหาในการจ่ายค่าเหนื่อยมูลค่ามหาศาลให้กับสตาร์ทีมชาติ โปรตุเกส และอาจทำให้ทัพ ม้าลาย ต้องจำใจยอมปล่อยแข้งรายนี้ออกจากทีมหากวิกฤตดังกล่าวยาวนานกว่าที่คาด

4. ข่าวฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ – เคน กับประเด็นล่อเป้าโมฆะลีกและอนาคตกับ สเปอร์ส

แฮร์รี เคน หัวหอกทีมชาติอังกฤษ ของ สโมสรฟุตบอลท็อตแนม ฮอตสเปอร์  แสดงความคิดเห็นต่อการแข่งขัน ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ท่ามกลางวิกฤต โควิด-19 ว่าแม้ฝ่ายจัดการแข่งขันจะต้องการแข่งขันให้จบตามโปรแกรมแต่ในท้ายที่สุดพวกเขาจะต้องมีเพดานลิมิตเอาไว้ว่าเมื่อไหร่ที่ควรจะประกาศเป็นโมฆะหากสถานการณ์ลากยาวกว่าที่คาด

นอกจากนี้ เคน ยังได้กล่าวถึงอนาคตของเขากับสโมสว่าแม้เขาจะรัก สเปอร์ส เสมอมา แต่หากเขารู้สึกว่าทีมไม่ได้เดินหน้าไปอย่างที่ควรจะเป็นตัวเขาเองก็เปิดกว้างสำหรับโอกาสใหม่

5. ข่าวลิเวอร์พูล – หงส์แดง เหล่ เดมเบเล

รายงานจาก สปอร์ต สื่อใน สเปน ระบุว่า สโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล ภายใต้การคุมทีมของ เยอร์เก้น คล็อปป์ แสดงท่าทีต้องการคว้าตัว อุสมาน เดมเบเล ดาวเตะชาว ฝรั่งเศส วัย 22 ปีสังกัด บาร์เซโลนา หลังจากที่เคยร่วมงานกันมาแล้วในทีม โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์

สื่อดังกล่าวระบุว่า บาร์ซา ต้องการที่จะลดภาระค่าใช้จ่ายใน ตลาดซื้อขายนักเตะ รอบที่จะถึงนี้โดยคาดว่า เดมเบเล จะมีมูลค่าราว 80 ล้านปอนด์

6. ข่าวลิเวอร์พูล – คล็อปป์ เหล่ วินิซิอุส

รายงานจาก ดิอาริโอ มาดริดิสต้า ระบุว่า ลิเวอร์พูล แสดงท่าทีต้องการที่จะคว้าตัว วินิซิอุส จูเนียร์ ดาวเตะชาว บราซิล วัย 19 ปีจาก เรอัล มาดริด ร่วมทัพ หลังจากที่ เยอร์เก้น คล็อปป์ เคยพยายามที่จะคว้าตัวแข้งรายนี้มาแล้วเมื่อ ตลาดซื้อขายนักเตะ  ซัมเมอร์ที่ผ่านมา

7. ข่าวลิเวอร์พูล – 4 ทีมลอนดอนล่า ลอฟเรน

ทีมทอล์ค สื่อใน อังกฤษ ระบุว่า เดยัน ลอฟเรน ปราการหลังทีมชาติ โครเอเชีย วัย 30 ปีสังกัด ลิเวอร์พูล ตกเป็นเป้าหมายของเพื่อนร่วมศึก ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ อย่าง อาร์เซนอล, ท็อตแนม ฮอตสเปอร์, เวสต์แฮม และ คริสตัล พาเลซ โดยนอกจากนี้เจ้าตัวยังได้รับความสนใจจากทีมใน อิตาลี, สเปน, เยอรมนี และ ฝรั่งเศส ด้วยเช่นกัน

8. ข่าวลิเวอร์พูล – คืบหน้าล่าสุดดีล ซานโช

เดลี เอ็กซ์เพรสส์ สื่อใน อังกฤษ รายงานว่า เอฟเอสจี แสดงท่าทีไม่เห็นด้วยกับค่าตัวของ เจดอน ซานโช ดาวเตะวัย 19 ปีซึ่งตกอยู่ในความสนใจของ ลิเวอร์พูล ที่คาดว่าจะสูงถึง 120 ล้านปอนด์นั้นเป็นดีลที่สูงเกินไปสำหรับ หงส์แดง รวมทั้งพวกเขายังมี ซาดิโอ มาเน กับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ประจำการที่ด้านกว้างของทีมอยู่แล้ว

9. ข่าวแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด – เดินหน้าดีล ญีเกซ

รายงานจาก เดลีสตาร์ ระบุว่า เอ็ด วูดเวิร์ด ไฟเขียวให้ โอเล กุนนาร์ โซลชา กุนซือ สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด  เดินหน้าคว้าตัว ซาอูล ญีเกซ จาก แอตเลติโก มาดริด มาร่วมทัพใน ตลาดซื้อขายนักเตะ รอบหน้า

ทั้งนี้ ญีเกซ มีค่าฉีกสัญญากับ แอตเลติโก มาดริด สูงถึง 135 ล้านปอนด์แต่ ปีศาจแดง มีท่าทีมั่นใจว่าจะปิดดีลดังกล่าวลงได้ด้วยมูลค่าต่ำกว่านั้น

10. ข่าวแมนฯ ยูไนเต็ด – ซานโช ตอบรับปากเปล่าซบ ผีแดง

รายงานจาก ไอริช อินดีเพนเดนท์ ระบุว่า เจดอน ซานโช วันเดอร์คิดวัย 19 ปีของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ตอบรับปากเปล่าว่าตัวเขาจะย้ายไปซบ แมนฯ ยูไนเต็ด ใน ตลาดซื้อขายนักเตะ  รอบที่จะถึงนี้เป็นที่เรียบร้อย

11. ข่าวแมนฯ​ ยูไนเต็ด – ความเป็นไปได้เซ็น อิกาโล ถาวร

ดิ อินดีเพนเดนท์ สื่อใน อังกฤษ รายงานว่า เซี่ยงไฮ้ เสิ่นหัว ต้นสังกัดของ โอเดียน อิกาโล กำลังเดินหน้าควานหากองหน้ารายใหม่ซึ่งคาดว่าจะเป็นตัวแทนของ อิกาโล กรณีปล่อยดาวยิง ไนจีเรีย รายนี้ให้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นการถาวรโดยมีชื่อของ โอบาเฟมี มาร์ตินส์ โยงกับบิ๊กทีมแห่งศึก ไชนีส ซูเปอร์ลีก

คาแร็กเตอร์ไม่ใช่ ! คาร์ราเกอร์ เผยสาเหตุบอร์ด ลิเวอร์พูล เซ็น ราฟา คุมทัพแทนที่จะเป็น จ่ามู

เจมี คาร์ราเกอร์ ตำนานแข้ง สโมสรฟุตลบอลลิเวอร์พูล แห่งศึก ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ แสดงความคิดย้อนอดีตถึงสาเหตุที่ทีมรักของเขาตัดสินใจแต่งตั้ง ราฟา เบนิเตซ เป็นกุนซือแทนที่จะเป็น โชเซ มูรินโญ เมื่อครั้งที่ เชราร์ด อุลลิเยร์ ถูกปลดจากตำแหน่ง

“อุลลิเยร์ เพิ่งจะกระเด็นจากเก้าอี้ในเวลานี้ และ ริค แพร์รี (ประธานสโมสรในขณะนั้น) ได้สัมภาษณ์ ราฟา เบนิเตซ ในช่วงเวลาหนึ่ง” คาร์ราเกอร์ เผยกับ สกายสปอตส์

“ตอนนั้นเขาจะแจ้งให้กับบรรดาผู้เล่นซีเนียร์ทราบถึงความคืบหน้าเสมอ และมีบางช่วงที่เขาพูดถึง มูรินโญ ด้วย แต่ผมคิดว่าแม้เขาเพิ่งจะทำผลงานที่ยอดเยี่ยมใน โอลด์ แทรฟฟอร์ด แต่วิธีการแสดงออกของเขาไม่ใช่วิถี ลิเวอร์พูล เท่าไหร่นัก)”

“ผมคิดว่า มูรินโญ ไม่สามารถเป็นผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล ได้เพราะวิธีที่เขาแสดงออกต่อสาธารณชนหลายต่อหลายครั้ง ผมจึงคิดว่าตอนนั้นเราเลือก ราฟา เพราะเขาเป็นคนสุขุมมากกว่า”

[OPINION] วิเคราะห์ขุมกำลัง ลิเวอร์พูล ใครจะอยู่ใครจะไปในตลาดซื้อขายนักเตะซัมเมอร์นี้ | 90min

แม้ยังไม่รู้ว่า พรีเมียร์ลีก  จะได้กลับมาแข่งขันกันต่อหรือไม่ หรือจะตัดจบไปเลย หรือจะเป็นโมฆะ แต่ความเคลื่อนไหวในสโมสร ลิเวอร์พูล  และอีกหลาย ๆ ทีมก็ยังคงต้องดำเนินต่อไป 

เชื่อว่าในช่วงซัมเมอร์นี้ทีม หงส์แดง ของ เยอร์เก้น คล็อปป์ อาจจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงกันขนานใหญ่ นั่นเพราะหลายคนอาจจะถึงจุดอิ่มตัว หลายคนอาจจะต้องการย้ายทีมเพื่อโอกาสในการลงสนาม ซึ่งการเปลี่ยนแปลงก็จะทำให้ทีมสดใหม่ขึ้นพร้อมที่จะลุ้นแชมป์ในซีซันหน้าต่อไป

มาดูกันว่าขุมกำลังที่มีอยู่ในมือของกุนซือชาวเยอรมันนั้น จะมีใครได้ไปต่อ และจะมีใครต้องเก็บของหาทีมใหม่กันใน ตลาดซื้อขายนักเตะ ซัมเมอร์นี้


1. ผู้รักษาประตู

แน่นอนว่าในตำแหน่งนี้คนที่จะได้ไปต่อกับทีมก็คงเป็น อลิสซอน เบ็คเกร์ นายทวารมือหนึ่งทีมชาติบราซิล แต่ที่ เยอร์เก้น คล็อปป์ อาจจะต้องปวดหัวกันน่อยก็น่าจะเป็นมือสองและมืองสามที่จะเข้ามาประจำการเป็นแบ็คอัพให้พ่อหมีนี่แหล่ะ

อาเดรียน ก็ดูท่าว่าอาจจะไม่อยู่กับทีมต่อไป ส่วน ลอริส คาริอุส ที่เกือบถูกลืมนั้นก็น่าจะต้องกลับมาจากตุรกีและหาทีมใหม่เพื่อโอกาสในการลงสนามมากขึ้นในวัยเพียง 26 ปี

ดาวรุ่งอย่าง เคาอิมฮิน เคลเลเฮอร์ อาจจะยังต้องรอกันต่อไป ส่วน คามิล กราบารา นายทวารที่ถูกยืมตัวก็อาจจะไม่น่าได้อยู่กับทีม

2. กองหลัง

ในตำแหน่งเซ็นเตอร์ฮาล์ฟนั้น เดยัน ลอฟเรน คงจะไม่อยู่กับทีมต่อไป ดังนั้นก็จะเหลือเพียง โจ โเมซ และ โจเอล มาติป ที่จะคอยจับคู่กับ เวอร์จิล ฟาน ไดค์ ส่วนเจ้าหนู เซปป์ ฟาน เดน เบิร์ก ที่เพิ่งเซ็นมาเมื่อช่วงซัมเมอร์นั้นก็น่าจะต้องรอโอกาสในทีมชุดใหญ่ต่อไป อาจจะถูกปล่อยยืมตัวไปก่อนแล้วปีต่อไปค่อยดันขึ้นมาเป็นแบ็คอัพทีมชุดใหญ่อีกที

ทางด้านของฟูลแบ็คทั้งสองข้างตัวหลักยังคงเป็น เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ และ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน แต่งานยากก็คือจะหาใครมาเป็นตัวสำรองของทั้งสองคนนี้ได้ ซึ่งอาจทำให้ดาวรุ่งอย่าง เนโก วิลเลียมส์ และ นาธานเนียล ฟิลิปส์ ที่ถูกยืมตัวไป สตุ๊ทการ์ท ก็อาจได้รับโอกาสเช่นกัน

ส่วนคนที่จะต้องไปก็น่าจะเป็น นาธาเนียล ไคล แบ็คขวาผู้โชคร้ายที่ตอนนี้กำลังรักษาอาการบาดเจ็บเรื้อรัง แม้ว่าอาจจะน่าเสียดายไปบ้างที่หากยังอยู่ต่อก็จะช่วยเป็นแบ็คอัพให้กับ เทรนท์ ได้ก็ตาม

3. มิดฟิลด์

3 ประสานในแดนกลางอย่าง จีนี ไวจ์นัลดุม, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และ ฟาบินโญ จะอยู่รับใช้ทีมต่อไปแน่นอน แม้ว่าในรายของกองกลางชาวดัตช์จะเหลือสัญญาอีกเพียงปีเดียว และยังไม่มีความคืบหน้าเรื่องการขยายสัญญใหม่ แต่ก็คาดว่าน่าจะได้คำตอบในซีซันหน้าก่อนปีใหม่

รวมทั้ง นาบี้ เกอิต้า, อเล็กซ์ อ็อกซ์เหลด-แชมเบอร์เลน และ เจมส์ มิลเนอร์ ก็จะอยูกับทีมต่อไป ส่วน เคอร์ติส โจนส์, ฮาร์วีย์ เอลลเลียต และ เปโดร ชิริเวลลา 3 ดาวรุ่งก็น่าจะได้มีบทบาทในแผงกองกลางมากขึ้น

ส่วนคนที่จะต้องเก็บของออกจากถิ่น แอนฟิลด์ มีทั้ง เซอร์ดาน ชากีรี และ อดัม ลัลลานา ที่หมดสัญญา ซึ่ง คล็อปป์ น่าจะทำเงินในรายของกองกลางชาวสวิสต์ได้ซัก 25 ล้านปอนด์เป็นอย่างน้อย

4. กองหน้า

ที่จะอยู่กับทีมแน่ ๆ คงฟันธงได้แค่คนเดียวนั่นคือ โรแบร์โต้ ‘บ็อบบี้’ ฟีร์มีโน ส่วนอีก 2 คนนั้นขึ้นอยู่กับว่าหากเสีย ซาดิโอ มาเน ไป หงส์แดง ก็คงไม่ ปล่อย โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และกลับกัน หากเสีย ซาลาห์ พวกเขาก็คงรั้ง มาเน เอาไว้แน่นอน ส่วน ทาคุมิ มินามิโนะ นั้นก็จะได้รับโอกาสมากขึ้นในซีซันหน้า

คนที่เห็นทีจะต้องไปอย่างจริงจังก็คือ ดิว็อค โอริกิ กองหน้าทีมชาติเบลเยียม มหาเทพที่เป็นตัวสำรองอดทนมาตลอด 2 ปีหลัง ด้วยอายุเพียง 25 ปีน่าจะยังมีโอกาสในการลงสนามเป็นตัวจริงอย่างสม่ำเสมอให้กับอีกหลาย ๆ ทีม ดังนั้นเสี่ยงไปหาอนาคตข้างดีกว่า

ส่วนดาวรุ่งอย่าง แฮร์รี วิลสัน ก็น่าจะถูกขายให้ทีมอื่น เพราะข่าวการมาของ ติโม แวร์เนอร์, เจดอน ซานโช และกองหน้าอีกหลาย ๆ คนไม่น่าจะทำให้เจ้าตัวได้รับโอกาสอีกต่อไป

[OPINION] 3 นักเตะที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องนำมาร่วมทีมเพื่อทวงความยิ่งใหญ่กลับมาอีกครั้ง

1. แฮร์รี่ เคน

ไม่ต้องมีคำบรรยายใด ๆ ให้ทราบถึงความเก่งกาจของศูนย์หน้าทีมชาติอังกฤษผู้นี้เลย หาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องการลุ้นแชมป์ ก็จำเป็นต้องมีกองหน้าที่ยิงได้ฤดูกาลละ 20 ประตูเป็นอย่างน้อย ซึ่ง เคน สอบผ่านฉลุยในข้อนี้ ไม่ว่าจะเป็นการทำประตูจากลูกกลางอากาศหรือบนพื้น ยิงด้วยเท้าซ้ายหรือเท้าขวา ในกรอบเขตโทษหรือนอกกรอบเขตโทษ รวมถึงการเป็นมือสังหารจุดโทษ ทุกๆอย่างที่กองหน้าตัวเป้าควรต้องมีแข้ง ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ รายนี้มีหมด

แต่เรื่องที่เป็นปัญหาหากต้องการได้ตัว เคน จริง ๆ คือ ดูเหมือน แมนฯ ยูไนเต็ด ในปัจจุบันจะไม่ใช่ทีมที่ยิ่งใหญ่ไปกว่า สเปอร์ส จนสามารถดึงดูดใจผู้เล่นระดับนี้เสียแล้ว การที่จะย้ายมาค้าแข้งในถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เองก็เป็นอะไรที่ต้องไตร่ตรองให้ดี และที่สำคัญ ค่าตัวของดีลนี้อย่างต่ำคงต้องมี 150 ล้านปอนด์ขึ้นไปอย่างแน่นอน ถึงกระนั้นดีกรีหัวหอกเบอร์ 1 ทีมชาติอังกฤษ และด้วยฝีเท้าระดับนี้ ถึงจะแพงแค่ไหนก็ต้องทุ่มเท่านั้น

2. เจดอน ซานโช

หลังหมดยุคของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ไปนั้น แมนฯ ยูไนเต็ด ประสบกับปัญหาแนวรุกทางฝั่งขวามาตลอด ซึ่งพอมองไปที่แข้ง ดอร์ทมุนด์ รายนี้ ก็ดูเหมือนเป็นนักเตะที่ทีม ปีศาจแดง ต้องการ นั่นคือมีความเร็วสูง ไปกับบอลได้ดี ครองบอลเหนียวแน่น ที่สำคัญคือสถิติการถล่มประตูและแอสซิสต์ถือว่าสูงมากแถมอายุยังน้อยอีกด้วย ดั้งนั้นจะสามารถเป็นแกนหลักของทีมได้อีกหลายปีเลยทีเดียว

ส่วนเรื่องความเป็นไปได้ในการซื้อตัวนั้นก็ถือว่ามีโอกาสสูงเลยทีเดียว เพราะอดีตเด็กปั้น แมนเชสเตอร์ ซิตี้  รายนี้ เป็นคนอังกฤษโดยกำเนิด และยังมีข่าวว่าอยากกลับย้ายกลับมาเล่นในบ้านเกิด ปัญหาอย่างเดียวคือค่าตัวที่น่าจะสูสีกับ แฮร์รี่ เคน ปกติ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ก็พร้อมจะปล่อยผู้เล่นออกจากทีมอยู่แล้วหากได้ค่าตัวที่เหมาะสม ดังนั้นถ้าหากยอมใจปล้ำไม่เกี่ยงค่าตัวบางทีเราอาจจะได้เห็น เกมริมเส้นทางด้านขวาของทัพอสูรสามง่ามกลับมาน่ากลัวอีกครั้งก็ได้

3. ปิแอร์-เอเมริค โอบาเมยอง

จากส่วนเกินของ เอซี มิลาน จนมาโด่งดังสุด ๆ กับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ในฐานะดาวยิงสูงสุดของทีม ปิแอร์-เอเมริค โอบาเมยอง จัดเป็นอีกหนึ่งกองหน้าที่ครบเครื่องที่สุดคนหนึ่งของวงการลูกหนัง สถิติยืนยันหนักแน่นว่าแข้งชาวกาบอง รายนี้ ยิงเฉพาะฟุตบอลลีกเกิน 20 ประตูมา 4 ฤดูกาลติดต่อกันแล้ว แม้ฤดูกาลนี้ยังไม่จบลง แต่ซัดไปแล้ว 17 ประตู ขาดอีกเพียง 3 ลูกก็จะทำสถิติ 5 ฤดูกาลติดต่อกันได้สำเร็จ

แม้ตอนนี้ในทีม ปีศาจแดง จะมีนักเตะอย่าง อ็องโตนีย์ มาร์กซิยาล และ มาร์คัส แรชฟอร์ด อยู่แล้ว แต่ทั้งคู่ก็ดูไม่เหมือนจะไม่ใช่ศูนย์หน้าตัวเป้าโดยธรรมชาติ ซึ่งจุด ๆ นี้ทำให้ดาวยิง อาร์เซนอล ดูมีภาษีดีกว่า และที่สำคัญคือค่าตัวไม่แรงเหมือน 2 อันดับก่อนหน้าด้วย สัญญากับปืนใหญ่เองก็เหลืออีกแค่ปีเดียว ดังนั้นดีลนี้จึงดูจะเป็นอะไรที่ล่อตาล่อใจสาวก เร้ดเดวิลส์ ให้เทใจไปที่หัวหอก ไอ้ปืนใหญ่ ได้ดีมากสมควรเลยทีเดียว


สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น!*ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใดๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฏหมายที่ระบุไว้สูงสุด

ไม่ซื้อดีแล้ว ! เฮสกีย์ เชื่อ โอบาเมย็อง ไม่เข้าระบบ หงส์แดง

เอมิล เฮสกีย์ อดีตหัวหอกของ ​ลิเวอร์พูล ไม่เชื่อว่า ปิแอร์ เอเมอริค-โอบาเมย็อง ดาวซัลโวของ ​อาร์เซนอล จะเข้ากับระบบของทีมเก่าเขาได้

“ปิแอร์-เอเมอริค โอบาย็อง เป็นจอมซัลโวประตูที่มหัศจรรย์มากๆ” เฮสกีย์ กล่าว “สถิติของเขามันอเมซิ่งสุดๆ และเขาเองก็ได้แสดงออกมาอย่างซ้ำแล้วซ้ำเล่า”

“ตอนนี้เขาเล่นให้กับ อาร์เซนอล ที่ไม่ใช่เบอร์ต้นๆ ของลีก แต่กลับสามารถยิงประตูได้อย่างต่อเนื่องในทุกๆ สัปดาห์”

“เขากำลังไล่ล่ารางวัลรองเท่าทองคำอยู่และเป็นนักเตะที่มีความต่อเนื่องมากๆ คนหนึ่ง แต่จะเข้ากับระบบ ลิเวอร์พูล หรือไม่? บางทีอาจจะไม่”

“ผมคิดว่าเขาไม่ใช่นักเตะในอุดมคติที่จะเข้ากับระบบของ ลิเวอร์พูล ได้” อดีตหัวหอกทีมชาติอังกฤษกล่าวปิดท้าย

[OPINION] 5 ซุป’ตาร์ที่เอเยนต์ ไรโอลา อาจพาไปอยู่กับ เรอัล มาดริด ในฤดูกาลหน้า

มิโน ไรโอลา เป็น 1 ในเอเยนต์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากสุดของโลก ณ เวลานี้ เพราะนักเตะที่จ้างเขาให้ดูแลเรื่องสัญญาและการทำธุรกรรมทางการเงินต่าง ๆ นั้นล้วนแล้วแต่เป็นตัวท็อปที่มีมูลค่าทางการตลาดสูงลิบลิ่วทั้งสิ้น

อย่างไรก็ตาม ชื่อเสียงของซูเปอร์เอเยนต์คนนี้ไม่ค่อยจะดีมากสักเท่าไหร่ เพราะมักจะถูกมองว่าพยายามชี้นำให้นักฟุตบอลอายุน้อย ๆ มองเรื่องของตัวเงินและความสำเร็จมากกว่าโอกาสลงสนามเพื่อพัฒนาฝีเท้าตามขั้นตอนที่ถูกต้องเหมาะสม

ล่าสุด เอเยนต์อ้วนแสบ ให้สัมภาษณ์เอาไว้อย่างโจ๋งครึ่มว่า ก่อนเปิดฤดูกาลหน้าตนจะพานักฟุตบอลระดับท็อปที่อยู่ในสังกัดไปเซ็นสัญญากับ เรอัล มาดริด ใน ตลาดซื้อขายนักเตะ ซัมเมอร์นี้ให้จงได้ เพราะเป็นหนึ่งความฝันที่อยากทำให้สำเร็จ แถมยังมีความสัมพันธ์อันดีกับฝ่ายบริหารสโมสรอีกด้วย

และนั่นก็ทำให้สาวกลูกหนังแอบลุ้นตามว่า ใครกันหนอที่จะได้ย้ายไปค้าแข้งให้ เรอัล มาดริด ในฤดูกาลหน้าตามคำแนะนำของ มิโน ไรโอลา ซึ่งเราก็ได้หยิบยกมาแนะนำกันสัก 5 คน ซึ่งแน่นอนว่าไม่ทั้งหมด แต่เป็นหนึ่งในนั้นแน่นอน !!


1. พอล ป็อกบา

แน่นอนว่าอันดับหนึ่งของลิสต์จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก พอล ป็อกบา ที่มีข่าวลือหนักมากกับ เรอัล มาดริด แทบจะตลอดเวลา แม้จะยังไม่มีใครเดาออกว่าสุดท้ายอนาคตจะจบลงเช่นใด

 ด้วยความที่ ป็อกบา ระเบิดฟอร์มสุดยอดจนกลายเป็นแข้งระดับโลกได้ตั้งแต่อายุยังน้อย ทำให้เขาเป็นหนึ่งในคนที่ ฟลอเรนติโน เปเปรซ ประธาน ของ มาดริด อยากซื้อมาเป็นตัวหลักในการสร้างทีม กาแลคติกอส ขึ้นใหม่ แถมกุนซือปัจจุบันอย่าง ซีเนอดีน ซีดาน ก็เอ่ยปากชมเป็นระยะจนทำให้น้ำหนักของข่าวลือเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แบบหยุดไม่อยู่

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่แฟนบอล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด  อยากรู้มากที่สุดตอนนี้ก็คือ โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ จะตัดสินใจกับอนาคตของ ป็อกบา อย่างไร เพราะในขณะที่ได้ บรูโน เฟอร์นันเดส เข้ามาเสริมทัพแล้ว หลาย ๆ คนบอกว่าเก่งจนไม่ต้องการสตาร์ชาวฝรั่งเศสอีกต่อไป

แต่ขณะเดียวกันก็มีอีกหลายคนอยากเห็นว่าสองคนนี้เล่นด้วยกันแล้วจะออกมาในรูปแบบไหน ? บางทีตัวแปรสำคัญอาจจะเป็น ซูเปอร์เอเยนต์ มิโน ไรโอลา คนนี้นี่แหละ ไว้มาดูกัน

2. เออร์ลิง เบราท์ ฮาแลนด์

ชั่วโมงนี้ ทั่วผืนแผ่นดินยุโรปคงไม่มีสไตรเกอร์คนไหนที่จะโด่งดังร้อนแรงมากเท่ากับ เออร์ลิง เบราท์ ฮาแลนด์ อีกแล้ว เพราะนอกจากจะระเบิดฟอร์มยิงกระจายให้ทีมเก่าอย่าง ซัลซ์บวร์ก ได้ตั้งแต่ต้นซีซั่น พอย้ายมาอยู่กับ ดอร์ทมุนด์ ผลงานกลับแรงต่อเนื่องแบบไม่มีตกเลยแม้แต่กระผีกเดียว

ฤดูกาลนี้ ดาวโรจน์ชาวนอร์เวย์ ยิงประตูรวมทั้งหมด 40 ลูกจากการลงเล่นเพียง 33 นัดให้กับทั้งสโมสรจนทำให้ได้รับการยกย่องในพรสวรรค์อย่างล้นหลามเลยทีเดียว

ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของ อัลฟ์-อิงเก้ ฮาแลนด์ คนนี้เพิ่งมีอายุเพียงแค่ 19 ปีเท่านั้น ทำให้อนาคตที่เหลืออยู่บนเส้นทางนักเตะอาชีพจะต้องไปได้ไกลสุดจนหยั่งไม่ถึงแน่

และถึงแม้ตัวของ ฮาแลนด์ กับ ไรโอลา จะเห็นพ้องต้องกันว่าการอยู่ค้าแข้งกับ ดอร์ทมุนด์ ต่อไปเรื่อย ๆ เพื่อพัฒนาฝีเท้าอย่างถูกทิศทางคือเรื่องสำคัญสุด แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าถ้า มาดริด ติดต่อเข้ามาว่าอยากได้จริง ๆ เจ้าเอเยนต์อ้วนแสบจะตัดสินใจอย่างไร

3. จิอันลุยจิ ดอนนารุมมา

ดอนนารุมมา คือผู้รักษาประตูดาวรุ่งที่พรสวรรค์สูงสุดในยุคนี้ เพราะเอาจริง ๆ เขาแจ้งเกิดกับทีมชุดใหญ่ของ เอซี มิลาน ได้ตั้งแต่เมื่ออายุ 16 ปีแล้ว แม้ปัจจุบันจะไม่ค่อยถูกพูดถึงมากนักก็ตาม

ไรโอลา เองก็เหมือนจะรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ดีสุดสำหรับลูกค้าตน ฉะนั้นเขาจึงปล่อยให้ ดอนนารุมมา ได้พัฒนาตัวเองอย่างเงียบ ๆ หลบเลี่ยงจากกระแสข่าวลือต่าง ๆ มาได้ค่อนข้างนานจนกระทั่งอายุ 21 ปีซึ่งเห็นชัดว่าเก่งขึ้นกว่าเมื่อหลายปีก่อนมากโดยเฉพาะความเก๋าเกม

และถึงแม้ เรอัล มาดริด จะมีตัวท็อปอย่าง ธิโบต์ กูร์ตัวส์ คอยเฝ้าเสาอยู่แล้ว แต่ทุกคนรู้ดีว่าอนาคตของเขาในถิ่น เบอร์นาบิว ไม่แน่นอนเลย เพราะฟอร์มดร็อปลงจากสมัยเล่นให้ เชลซี ค่อนข้างมาก

ฉะนั้นจึงไม่แปลกที่ มาดริด จะมีข่าวกับนายทวารระดับท็อปของโลกอยู่เรื่อย ๆ และเราอาจเห็น ดอนนารุมมา ชูเสื้อ มาดริด ก่อนเปิดซีซั่นหน้าก็เป็นได้

4. มาร์โก แวร์รัตติ

มิดฟิลด์ระดับโลกชาวอิตาลีคนนี้ แม้จะเพิ่งต่อสัญญาใหม่กับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ไปไม่นาน พร้อมยืนยันว่าอาจอยู่ค้าแข้งในลีกน้ำหอมจนถึงวันแขวนสตั๊ด แต่สำหรับโลกแห่งฟุตบอล อะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอ

ด้วยความที่ฝีเท้าของ แวร์รัตติ สูงส่งเกินกว่าจะโลดแล่นอยู่บนเวทีเล็ก ๆ อย่าง ลีกเอิงฝรั่งเศส ทำให้หลายคนเสียดายและอยากเห็นเขาพาตัวเองไปเล่นให้สโมสรระดับมหาอำนาจอย่างจริงจังมากกว่า

ซึ่งเอาจริง ๆ แวร์รัตติ เองก็มีข่าวลือร่วมกับทีมอื่น ๆ มาต่อเนื่องหลายปีแล้ว แต่กลับไม่มีใครยื่นข้อเสนอให้เลยแม้แต่รายเดียว

ทีนี้ต้องมาดูกันแล้วล่ะว่า มาดริด อยากได้ แวร์รัตติ ไปบัญชาเกมแดนกลางแทนที่ของตัวเก๋า ๆ ที่อายุมากแล้วอย่าง ลูก้า โมดริช บ้างหรือเปล่า เพราะขอแค่เสนอ ไรโอลา ก็พร้อมสนองหมื่นล้านเปอร์เซ็นต์

5. อเลสซิโอ โรมันโญลี

ตอนนี้ถึงเวลาที่ เรอัล มาดริด จะต้องคิดถึงเรื่องการวางขุมกำลังในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็คอย่างจริงจังบ้างแล้ว เพราะกัปตันทีมอย่าง เซร์คิโอ รามอส รวมถึง นาโช ก็อายุเลยหลัก 30 และน่าจะก้าวเข้าสู่ช่วงโรยราในเร็ว ๆ นี้

และกัปตันทัพปีศาจแดงดำ เอซี มิลาน ก็ดูเหมือนจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมไม่น้อย

โรมันโญลี เคยผ่านการเป็นดาวรุ่งพรสวรรค์สูงที่ทุกสโมสรในทวีปยุโรปอยากได้ตัวไปร่วมทีม แต่สุดท้ายเขาก็ฝากอนาคตไว้กับ เอซี มิลาน จนพัฒนาตัวเองต่อเนื่องและกลายเป็นกัปตันได้สำเร็จ

ปัจจุบัน โรมันโญลี อายุ 25 ปีเต็ม ถือว่าอยู่ในช่วงวัยที่เหมาะสม เพราะกำลังพาตัวเองก้าวขึ้นจุดพีค ฉะนั้นหากได้ค้าแข้งอยู่กับทีมที่ดีสุดในโลกอย่าง เรอัล มาดริด จะถือว่าได้ประโยชน์กันทุกฝ่าย

เพราะถึงแม้ มิลาน จะเสียแข้งสำคัญไป แต่ด้วยความเขี้ยวลากดินของ ไรโอลา จะทำให้ค่าตัวสูงลิ่วอย่างไม่ต้องสงสัย ขณะที่ มาดริด ได้เซ็นเตอร์แบ็คเพื่ออนาคตไว้ในครอบครอง

สุดท้ายต้องมาลุ้นกันว่า ซูเปอร์เอเยนต์ของเราจะเอาจริงเรื่องนี้แค่ไหน !

[FEATURE] รีสส์ เนลสัน เด็กผู้เติบโตจากแหล่งเสื่อมโทรม สู่การเป็นอนาคตของ อาร์เซนอล

รีสส์ เนลสัน ดาวรุ่งพุ่งแรงอีกหนึ่งคนที่มีแววว่าจะก้าวขึ้นสู่การเป็นแข้งระดับท็อปในอนาคตได้จากการปลุกปั้นของ มิเกล อาร์เตตา ในทีม ​อาร์เซนอล

ด้วยบทบาทการเล่นเป็นปีก ถึงแม้จะยังอายุน้อยและไม่ได้เป็นตัวจริงมากมายนัก จึงพอมีโอกาสลงสนามสร้างความน่าตื่นตาตื่นใจให้กับแฟน ๆ พอสมควร โดยเฉพาะลูกแอสซิสต์ให้ เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ ยิงไปในเกมชนะ พอร์ทสมัธ (ศึกเอฟเอคัพ) นั้นถือเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงเลยทีเดียว

​อย่างไรก็ตาม กว่าที่แข้งวัย 20 ปีคนนี้จะก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่และแจ้งเกิดได้ในทัพปืนโตอย่างทุกวันนี้ เขาก็ต้องผ่านอะไรมามากมายพอสมควร ไม่ใช่แค่เรื่องของการฝึกซ้อมต่อสู้ในแง่ฟุตบอลอย่างเดียวเท่านั้น แต่เมื่อมองลึกเข้าไปถึงวิถีชีวิตแล้ว จะใช้คำว่า “โหดสัxx” ก็คงไม่เกินความจริงไปสักเท่าไหร่นัก


เนลสัน เกิดและเติบโตขึ้นมาในย่าน ไอเลสบิวรี ย่านเล็ก ๆ ทางตะวันออกเฉียงใต้ของใจกลางลอนดอน ซึ่งมีฉายาที่คนอังกฤษรู้จักเป็นอย่างดีว่า “ห้องนั่งเล่นแห่งนรก” และหากเด็กคนไหนเลือกเดินทางสายมืดแล้วล่ะก็ ยากที่จะหวนกลับมาเป็นผู้เป็นคนปกติได้อีกเลยตลอดชีวิต

อย่างไรก็ตาม หนุ่มน้อยเนลสัน เคยให้สัมภาษณ์กับสื่อมาแล้วว่าตนเคยเกือบเข้าเป็นสมาชิกของแก๊งค์อาชญากรรมชื่อดังประจำถิ่นมาก่อน เพราะฝีไม้ลายมือในการทะเลาะวิวาทถือว่าเข้าขั้นพอตัว

แต่ในขณะที่กำลังตัดสินใจอยู่นั้น ก็ได้พี่ชายแท้ ๆ ช่วยชี้นำให้เลือกผันตัวเองมาเป็นนักฟุตบอลจะดีกว่านักเลงเยอะ ซึ่งเจ้าตัวเชื่อจนทำให้มีชีวิตดี ๆ แบบที่เห็นในปัจจุบัน


“ห้องนั่งเล่นแห่งนรก”

เมื่อพูดถึงย่าน ไอเลสบิวรี ที่ รีสส์ เนลสัน เติบโตมานั้น ชาวอังกฤษโดยเฉพาะจากลอนดอนรู้ดีว่าขึ้นชื่อเรื่องแกงค์อันธพาล, ยาเสพติด, ความรุนแรงและการก่ออาชญากรรมทุกประเภท เรียกว่าอันตรายสุดในประเทศเลยด้วยซ้ำ

ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเด็ก ๆ ที่ใช้ชีวิตเติบโตมากับเรื่องราวสุดโหดแบบนั้น หลาย ๆ คนจะมีอนาคตเป็นเช่นไร แต่โชคดีที่พระเอกของเราได้ความสวยงามจากกีฬาฟุตบอลช่วยเอาไว้ก่อนที่ถลำลึกลงเกินกว่ากลับตัวกลับใจทัน

“สมัยเด็ก ๆ เรามักจะทำอะไรตามเพื่อนฝูงรอบ ๆ บ้านกันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว และผมก็ไม่รู้ด้วยว่าอนาคตตัวเองจะเป็นยังไงถ้าไม่ได้หากินด้วยการเล่นฟุตบอล” เนลสัน กล่าว

“เพื่อนสนิทของผมเลือกทางเดินชีวิตผมจนกู่ไม่กลับไปหลายคนแล้วทั้ง ๆ ที่ความจริงมีฝีเท้าในการเล่นฟุตบอลดีกว่าผมด้วยซ้ำ”

“จึงอยากฝากทุกคนว่าการเข้าไปข้องเกี่ยวกับแก๊งค์อันธพาลและยาเสพย์ติดนั้นไม่ใช่เรื่องดีเลย แต่คุณหยุดมันด้วยตัวเองไม่ได้หรอก เพราะมีเยอะเหลือเกินในโซนทางใต้ของลอนดอน”

Reiss Nelson

ขอบคุณพี่ใหญ่

อย่างที่บอกไปตอนแรกว่า เนลสัน โชคดีกว่าเด็กคนอื่น ๆ หลายเท่านักเพราะ ริคกี้ พี่ชายคนโตของบ้านเป็นผู้ใหญ่ในวัยทำงานและเคยข้ามผ่านช่วงเวลาแบบนั้นมาแล้ว จึงสามารถให้คำแนะนำและฉุดน้องรักกลับมาได้อย่างทันท่วงที โดยมีกีฬาฟุตบอลเป็นตัวสนับสนุน

“พี่ชายคนโตถือว่ามีอิทธิพลสูงมากสำหรับชีวิตเลย เขาคอยผลักดันผมให้เลือกใช้ชีวิตในทางที่ถูกต้องเสมอ และก็นำเอาฟุตบอลเข้ามาให้รู้จักด้วย” เนลสัน กล่าว

“เขากำชับหนักแน่นว่าทุกวันต้องเดินทางไปโรงเรียนด้วยกัน ไม่ให้หนีเด็ดขาด และหากไม่ว่างก็จะใช้ให้พี่สาวอีกคนไปส่งแทน ผมจึงไม่สามารถโดดเรียนไปกับเพื่อนฝูงได้เลย”

“แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่เคยบังคับให้ทำตามคำสั่งแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามกลับโอบกอดให้คำแนะนำด้วยความรัก ผมจึงรู้ว่าเขาหวังดีจริง ๆ ฉะนั้นไม่จำเป็นต้องต่อต้านอะไรอีกแล้ว ตั้งใจเรียน ตั้งใจซ้อมฟุตบอล รีบกลับบ้าน เข้านอนตรงเวลาก็พอ”

Reiss Nelson

เตะฟุตบอลในสนามกรงเหล็ก

ถึงแม้ ไอเลสบิวรี จะเป็นแหล่งเสื่อมโทรมที่อันตรายสุดในประเทศ แต่อังกฤษก็คืออังกฤษ เพราะมีสนามฟุตบอลให้เด็ก ๆ ได้เตะเล่นอยู่ทุกที่จริง ๆ โดยแถวบ้านของ เนลสัน เป็นพื้นปูนที่มีกรงเหล็กล้อมรอบให้บรรยากาศดิบเถื่อนเหมือนสังเวียนสู้รบ

แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา เพราะอย่างน้อยมันก็ทำให้เขาได้เล่นฟุตบอล ได้ฝึกฝนทักษะตัวเองผ่านการแข่งขันอันโหดเหี้ยมตามสไตล์สตรีทของเหล่าเด็กเฮ้วประจำย่าน

“ตอนที่ผมยังเด็กมาก ๆ พอเลิกเรียนแล้วจะรีบมาเล่นฟุตบอลในสนามกรงเหล็กแถวบ้านทุกวัน ถึงแม้จะเราจะอยู่ในย่านแหล่งเสื่อมโทรม แต่สนามฟุตบอลก็เป็นเหมือนแดนศักดิ์สิทธิ์เลยทีเดียว” เนลสัน กล่าว

“และการเล่นฟุตบอลร่วมกับพวกเหล่าตัวแสบทั้งหลายนี่ก็เป็นเรื่องยากสุด โหดสุด อันตรายสุด แต่มันทำให้ผมเก่งขึ้นมากเช่นกัน ขอบคุณคู่ต่อสู้ทุกคนในวันนั้นจริง ๆ”

“ผมไม่ใช่คนเดียวที่ต้องเผชิญชีวิตแบบนี้เพราะ จาดอน ซานโช เองก็แทบไม่ต่างกัน บ้านเขาอยู่ห่างออกไปแค่นิดเดียว ทำให้เรามาเล่นฟุตบอลในกรงเหล็กด้วยกันทุกวัน”

“บางทีก็มี แทมมี อบราฮัม โผล่มาแจมด้วย ซึ่งทักษะของเขาโดดเด่นเหนือกว่าเด็กคนอื่น ๆ มาก โดยเฉพาะเวลาเล่นในพื้นที่แคบ ๆ จะมีช็อตเด็ดออกมาให้เราส่งเสียงเฮกันลั่นตลอดเวลาเลย”


กว่าจะมีวันนี้

ฤดูกาลที่แล้ว อูไน เอเมรี อดีตกุนซือที่โดนปลดออกไปยังไม่ค่อยไว้ใจในศักยภาพของ รีสส์ เนลสัน มากสักเท่าไหร่นัก จึงส่งออกให้ ฮอฟเฟนไฮม์ ยืมใช้งานนาน 1 ปี และเด็กคนนี้ก็ระเบิดฟอร์มสุดยอดออกมาจนกลายเป็นดาวเด่นประจำบุนเดสลีกาได้สำเร็จ

ผลงานการยิง 7 ประตูในฐานะมิดฟิลด์ทำให้ จูเลียน นาเกลส์มันน์ ผู้จัดการทีม ฮอฟเฟนไฮม์ เริ่มอยากได้ตัว เนลสัน ไปอยู่ด้วยแบบถาวร ซึ่งไม่รู้ว่าตอนนั้น อูไน เอเมรี คิดยังไง แต่ที่แน่ ๆ คือเจ้าหนูดาวรุ่งจากทัพปืนโตยืนยันว่าตนจะกลับไปอยู่กับต้นสังกัดเดิมเท่านั้น

“ผมเป็นนักเตะที่สัญญาอยู่กับ อาร์เซนอล และนี่คือทีมที่รักมาตั้งแต่เด็ก แถมยังเข้าไปเป็นเด็กฝึกในอคาเดมีตั้งแต่ 8 ขวบ ผมตัดใจจากพวกเขาไม่ได้จริง ๆ” เนลสัน กล่าว

“ความต้องการเพียงหนึ่งเดียวคือ กลับไปอยู่กับ อาร์เซนอล ในฐานะนักฟุตบอลที่ดีขึ้น ฝีเท้าสูงส่งขึ้น แน่นอนว่า ฮอฟเฟนไฮม์ มีบุญคุณกับเด็กคนนี้มาก แต่ผมต้องกลับไปอยู่บ้านจริง ๆ”