[NOSTALGIA] ตำนานผู้ไร้โชค !? แดงเดือดสุดท้ายของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด

สตีเว่น เจอร์ราร์ด คือกัปตันทีมในตำนานของ ลิเวอร์พูล เขาเป็นหนึ่งในนักเตะที่มีคนคลั่งไคล้มากที่สุดหลังได้สร้างสิ่งที่สุดยอดมากมายตลอด 17 ปีในเครื่องแบบสีแดงเพลิง

แต่การปิดตำนานกับ ลิเวอร์พูล นั้นมันกลับไม่ใช่เรื่องราวดั่งเทพนิยายอย่างที่หลายๆ คนอยากจะให้เป็น หากกลับกลายเป็นฝันร้ายเสียมากกว่า

Images From The Book “In The Moment’ – By Tom Jenkins

หลังโดน เบรนแดน ร็อดเจอร์ส จำกัดเวลาการเล่น เจอร์ราร์ด ก็ได้ตัดสินใจที่จะเซ็นสัญญากับ แอลเอ แกแล็กซี่ แบบช็อคโลก แต่เมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว เดอะ ค็อป เองก็หวังได้เลี้ยงส่งเขาให้ดีที่สุด

แต่ลางร้ายก็เริ่มมาเยือนในเกมแดงเดือดสุดท้ายกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เขาไม่ได้มีชื่อเป็นตัวจริงด้วยซ้ำ

“ผมเจ็บปวดตั้งแต่คืนก่อนหลัง ร็อดเจอร์ส ยืนยันว่าจะไม่ให้ผมเป็นตัวจริง ทั้งๆ ที่มันเป็นเกมสำคัญมากที่ผมต้องการลงสนาม แต่สุดท้ายก็ต้องเคารพการตัดสินใจ” เจอร์ราร์ด กล่าวในภายหลัง

FBL-ENG-PR-CHELSEA-LIVERPOOL

ในเกมนั้น ลิเวอร์พูล ตกเป็นรอง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อย่างชัดเจนและแล้วหลังพักครึ่งสิ่งที่แฟนบอล หงส์แดง ภาวนาไว้ก็เกิดขึ้น

“เริ่มต้นครึ่งหลังผมได้โอกาสลงสนามด้วยความมั่นใจพร้อมเสียงเชียร์ของแฟนบอลทั้ง แอนฟิลด์ เพราะนี่เป็นแดงเดือดสุดท้ายของผม”

Liverpool v Manchester United – Premier League

การลงสนามไปไม่กี่วินาที เจอร์ราร์ด เองได้แสดงถึงความมุ่งมั่นกว่าน้องๆ ที่อยู่ในสนามมาทั้ง 45 นาทีเสียอีก และเพียงแค่จังหวะแรกเขาก็ไม่ลังเลที่จะเข้าไปแย่งบอลในจังหวะสุ่มเสี่ยงจน ฆวน มาต้า ถึงกับกระเด็น

หากมันจบแค่ตรงนั้นก็คงจะดี แต่ช็อตต่อมาไม่กี่วินาทีหลัง เจอร์ราร์ด จ่ายบอลสั้นออกไปเขาเองก็ไปย่ำใส่ข้อเท้าของ อันเดอร์ เออร์เรรา ที่พยายามเข้ามาแย่งบอล

แม้จะขอโทษแล้วเหมือนจะไม่ตั้งใจแต่ มาร์ติน แอตกินสัน กรรมการที่ทำหน้าที่ในวันนั้นก็วิ่งมาให้ใบแดงเขาอย่างไม่ลังเล และเมื่อดูจากภาพช้ามันก็เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง

“เวย์น รูนีย์ วิ่งเข้ามากดดันและมองที่ผม เขารู้ว่าผมโดนแน่เพราะเคยอยู่ในสถานการณ์เดียวกันตอนฟุตบอลโลกนัดเจอ โปรตุเกส เขาคุยกับ แอทกินสัน ที่ล้วงกระเป๋าบนและผมรู้ว่ามันจะเป็นใบแดง”

Liverpool v Manchester United – Premier League

“ผมเดินออกจากสนามไป, พึมพัมกับตัวเองและส่ายหัว ‘นี่แกทำอะไรลงไป?’ ผมถามส่วนสัญชาติญานดิบของตัวเอง ‘แกมันงี่เง่าขนาดนี้เลยเหรอ?'”

จบเกมนั้น ปีศาจแดง สามารถเอาชนะ หงส์แดง ได้คา แอนฟิลด์ ที่ 2-1 พร้อมกับการที่ เจอร์ราร์ด กลายเป็นผู้ทำสถิติโดนใบแดงเร็วที่สุดใน พรีเมียร์ลีก ตอนนั้นที่ 38 วินาที

Liverpool v Manchester United – Premier League

แต่ฝันร้ายของ เจอร์ราร์ด ก็ยังไม่จบเพียงเท่านั้น ฤดูกาลนี้ถือว่าเป็นอะไรที่ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงไล่ตั้งแต่ตกรอบ ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก, ลีกคัพ และ เอฟเอคัพ และที่เจ็บปวดส่งท้ายก็คือการแพ้ สโต๊ก ซิตี้ ถึง 6-1 ในเกมปิดฤดูกาล พรีเมียร์ลีก และทีมจบแค่อันดับ 6 เท่านั้น

แน่นอนว่ามันอาจจะเป็นเรื่องที่โหดร้ายเกินรับไหวขนาดยังไม่นับเหตุการณ์จากปีก่อนๆ ด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตามตำนานก็คือตำนานและต่อให้ เจอร์ราร์ด จะโชคร้ายแค่ไหนเขาก็ยังคงเป็นที่รักเป็นอันดับต้นๆ ของแฟนบอล ลิเวอร์พูล ที่พร้อมอยู่เคียงข้างเขาพร้อมรอร้องเพลง ‘You will never walk alone’ ต้อนรับยามที่กลับมาในถิ่น แอนฟิลด์ ไม่ว่าจะเป็นในฐานะอะไรก็ตามอยู่ดี

Stoke City v Liverpool – Premier League

คืบหน้าพรีเมียร์ลีกรีสตาร์ท, แมนฯ ยูไนเต็ดปาดดีล เลาตาโร มาร์ติเนซ: สรุปข่าวฟุตบอลประจำวันที่ 11 พฤษภาคม

สรุปทุกประเด็นข่าวที่สำคัญในแวดวงฟุตบอลที่เกิดขึ้นในรอบวันของ ลิเวอร์พูลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, และบรรดาบิ๊กทีมในศึก ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษข่าวซื้อขายนักเตะ และวงการฟุตบอลทั่วโลก

ติดตามสรุปข่าวย้อนหลังได้ที่ : ลือ คาริอุส เตรียมบอกลา ลิเวอร์พูล, แมนฯ ยูไนเต็ด เฮ ราชัน เมิน ป็อกบา : สรุปข่าวฟุตบอลประจำวันที่ 8 พฤษภาคม

1. ข่าวฟุตบอลพรีเมียร์ลีก – ท่าทีรัฐบาลอังกฤษต่อการจัดแข่งฟุตบอลอาชีพ

UK Eases Some Restrictions In Eighth Week Of Coronavirus Lockdown

รัฐบาลอังกฤษ ออกแถลงการณ์ลำดับขั้นต่อไปในมาตรการปิดเมืองโดยเนื้อหาในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการจัดแข่งขันกีฬาอาชีพโดยสรุปมีใจความว่า ยังไม่อนุญาตให้จัดการแข่งขันกีฬาอาชีพใดๆ โดยรวมไปถึงการจัดแข่งในสนามปิดอย่างน้อยจนถึงวันที่ 1 มิถุนายนนี้ เพื่อลดความเสี่ยงที่ผู้คนจะรวมตัวกันเพื่อรับชมการถ่ายทอดสดผ่านโทรทัศน์

อย่างไรก็ตาม พวกเขาเล็งเห็นถึงความสำคัญในการจัดแข่งกีฬาเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนอังกฤษในอนาคตอันใกล้นี้เมื่อจำนวนผู้ติดเชื้อ โควิด-19 ลดลงจนสามารถควบคุมได้


2. ข่าวฟุตบอลพรีเมียร์ลีก – สโมสรอาจต้องจ่ายคืนค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดสูงถึง 340 ล้านปอนด์

Arsenal FC v Tottenham Hotspur FC – Premier League

สโมสรฟุตบอลใน พรีเมียร์ลีก อาจจะต้องจ่ายคืนค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดให้กับผู้ได้รับลิขสิทธิ์ดังกล่าวทั้งใน อังกฤษ และนอกประเทศเป็นมูลค่าราว 340 ล้านปอนด์ หลังจากมีการยื่นคำร้องต่อ พรีเมียร์ลีก เมื่อแมตช์การแข่งขันไม่ได้เกิดขึ้นตามกำหนดการและอย่างที่ควรจะเป็นเมื่อมีความเป็นไปได้สูงที่ พรีเมียร์ลีก จะกลับมาฟาดแข้งโดยไร้แฟนบอล รวมไปถึงการเปลี่ยนเวลาการจัดแข่ง

นอกจากนี้ยังมีความเป็นไปได้ที่มูลค่าดังกล่าวจะสูงขึ้นมากกว่านี้หากมีการประกาศยุติฤดูกาล 2019/20 หรือโมฆะทีมตกชั้นตามการรายงานจาก บีบีซี


3. ข่าวฟุตบอลพรีเมียร์ลีก – คืบหน้าโปรเจ็คท์รีสตาร์ท

A Premier League Match Ball with a Protective Face Mask

ริชาร์ด มาสเตอร์ส ผู้อำนวยการ พรีเมียร์ลีกให้สัมภาษณ์ว่ามีการหารือถึงการยุติการแข่งขันฤดูกาล 2019/20 ในที่ประชุมเป็นครั้งแรก โดยให้เหตุผลว่าฝ่ายจัดการแข่งขันและสโมสรสมาชิกเปิดกว้างที่จะถกถึงทางออกทุกทางที่เป็นไปได้ พร้อมกันเน้นย้ำว่าทางออกจัดการแข่งขันในสนามกลางยังคงอยู่บนโต๊ะเช่นเดียวกัน

อย่างไรก็ตาม รายงานจาก เทเลกราฟ ระบุว่า มีสโมสรอย่างน้อย 12 ทีมคัดค้านการลงเล่นในสนามกลาง โดยมีทีมอย่าง วัตฟอร์ด, แอสตัน วิลลา และ ไบรท์ตัน ที่ได้ออกมาแสดงท่าทีไม่ยินยอมต่อมาตรการดังกล่าวผ่านสื่อเมื่อส่งผลกระทบต่อรายได้ในวันจัดการแข่งขัน

ขณะที่สมาคมฟุตบอลอังกฤษ ได้เน้นย้ำต่อ พรีเมียร์ลีก ว่าผลการแข่งขันในฤดูกาล 2019/20 ทั้งการตกชั้น และโควต้าฟุตบอลยุโรปต้องเป็นไปด้วยความยุติธรรมโดยใช้มาตรการแข่งขันเกมทที่เหลือให้จบ หรือใช้การคำนวณแต้มเฉลี่ยในกรณีที่ลีกต้องยุติการแข่งขัน ทำให้ข้อเสนอโมฆะทั้งซีซันนี้เป็นไม่สามารถเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน


4. ข่าวฟุตบอลลา ลีกาสเปน – คืบหน้าลีกรีเทิร์น

La Liga Home Shirts 2019-20

ฆาเบียร์ เตบาส ประธานลา ลีกา สเปน ให้สัมภาษณ์แสดงท่าทีหวังว่าจะสามารถกลับมาจัดการแข่งขันเกมที่เหลือในฤดูกาล 2019/20 ได้ในวันที่ 12 มิถุนายนนี้หลังจากที่พวกเขาทยอยอนุญาตให้บรรดานักเตะกลับมาฝึกซ้อมภายใต้มาตรการเว้นระยะห่างกับต้นสังกัดได้เรียบร้อย พร้อมกับเน้นย้ำมาตรการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ก่อนแข่ง 24 ชั่วโมงจะทำให้ความเสี่ยงที่จะเกิดการแพร่เชื้อในสนามแข่งเป็น 0 เปอร์เซ็นต์


5. ข่าวฟุตบอลกัลโช เซเรีย อา – อันเดรีย รินัลดี้ มิดฟิลด์ อตาลันต้า วัย 19 ปีเสียชีวิตจากอาการหลอดเลือดสมองโป่งพอง

อันเดรีย รินัลดี้ มิดฟิลด์ชาว อิตาลี วัย 19 ปีสังกัด อตาลันต้า เสียชีวิตหลังประสบอาการเส้นเลือดในสมองโป่งพองตั้งแต่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาระหว่างอยู่ในช่วงการฝึกซ้อมที่บ้านพักของตนเองภายใต้มาตรการล็อคดาวน์ของประเทศ อิตาลี

เจ้าตัวเข้าร่วมอคาเดมีของ อตาลันต้า ตั้งแต่มีอายุได้เพียง 13 ปีและเป็นส่วนหนึ่งของการพาทีมซิวแชมป์ลีก ยู-17 รวมไปถึงรายการ ซูเปอร์คัพ เมื่อปี 2016 และถูกส่งตัวให้สโมสร เลยาโน ใน เซเรีย ดี ยืมตัวไปใช้งานในฤดูกาลนี้


6. ข่าวลิเวอร์พูล – หงส์ ร่วมล่า โซบอสซ์ลาย

FC Red Bull Salzburg v SK Puntigamer Sturm Graz – tipico Bundesliga

ตุตโต้สปอร์ต สื่อใน อิตาลี รายงานว่า ลิเวอร์พูล ร่วมกับ อาร์เซนอล, โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ และ แอร์เบ ไลป์ซิก รุมแย่งลายเซ็นของ โดมินิค โซบอสซ์ลาย ปีกซ้าย, กองกลางวัย 19 ปีทีมชาติ ฮังการี สังกัด เร้ดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก โดยสื่อดังกล่าวคาดว่าเจ้าตัวจะมีมูลค่าราว 30 ล้านยูโร

ทั้งนี้ โซบอสซ์ลาย เคยเล่นร่วมกับ ทาคูมิ มินามิโนะ ที่ ซัลซ์บวร์ก เช่นกันก่อนดาวเตะทีมชาติ ญี่ปุ่น จะย้ายร่วมรัง แอนฟิลด์ ใน ตลาดซื้อขายนักเตะ เดือนมกราคมที่ผ่านมา ซึ่งเจ้าหนูแข้ง ฮังการี รายนี้มีสถิติลงเล่นให้กับทีมทั้งสิ้น 29 นัด ยิงได้ 4 ประตูกับ 7 แอสซิสต์เมื่อรวมทุกรายการ


7. ข่าวลิเวอร์พูล – ปัดตกดีลยืม เอ็นดอมเบเล จาก สเปอร์ส

Chelsea FC v Tottenham Hotspur – Premier League

รายงานจาก ทีมทอล์ค เปิดเผยว่า โชเซ มูรินโญ ผู้จัดการทีม ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ แสดงท่าทีไม่ต้องการปล่อย ต็องกีย์ เอ็นดอมเบเล มิดฟิลด์ชาว ฝรั่งเศส วัย 23 ปีออกจากทีมแต่อย่างใดทั้งภายใต้สัญญายืมตัวและการขายขาดแม้ว่าเจ้าตัวจะไม่สามารถทำผลงานได้น่าประทับใจกับทัพ ไก่เดือยทอง นักในฤดูกาลแรกหลังย้ายมาจาก ลียง ด้วยมูลค่าสูงถึง 55 ล้านปอนด์เมื่อซัมเมอร์ก่อน

โดยก่อนหน้านี้มีรายงานว่า ลิเวอร์พูล หวังที่จะเดินหน้ายื่นข้อเสนอยืมตัวกองกลางรายนี้มาร่วมทัพ


8. ข่าวลิเวอร์พูล – ผู้อำนวยการ ไลป์ซิก ชง แวร์เนอร์ เหมาะกับ หงส์แดง

Bayer Leverkusen vs RB Leipzig – Bundesliga

ราล์ฟ รังนิก ผู้อำนวยการ ไลป์ซิก ให้สัมภาษณ์กับ บิลด์ สื่อใน เยอรมนี ระบุว่า สไตล์การเล่นของ ติโม แวร์เนอร์ นั้นสามารถเข้ากันได้เป็นอย่างดีกับ ลิเวอร์พูล หลังจากที่ดาวยิงตัวเก่งทีมชาติ เยอรมนี ตกเป็นข่าวหนาหูกับ หงส์แดง ตลอดช่วงที่ผ่านมา

“ติโม แวร์เนอร์ มีเส้นทางที่สดใสกับสโมสรที่ไม่ได้เน้นหนักเรื่องการครอบครองบอลมากนักอย่างเรา เขาพัฒนาขึ้นมากตั้งแต่เล่นภายใต้ ยูเลียน นาเกิลส์มันน์ และกลายเป็นอาวุธหนักที่สำคัญของเราจากสไตล์การเล่นที่ดุดันและรวดเร็ว เขาเหมาะสมกับทีมอย่าง ลิเวอร์พูล ที่มีสไตล์การเล่นใก้ลเคียงกับเราแต่ผมอยากให้เขาอยู่ต่อที่นี่มากกว่า”


9. ข่าวแมนฯ​ ยูไนเต็ด – เอเยนต์ ราบิโอต์ คุย ผีแดง

Olympique Lyonnais v Juventus – UEFA Champions League

รายงานจาก กัลโชแมร์กาโต้ สื่อใน อิตาลี เปิดเผยว่าเอเยนต์ของ อาเดรียน ราบิโอต์ ได้ติดต่อกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นระยะนับตั้งแต่ที่กองกลางสังกัด ยูเวนตุส ชาว ฝรั่งเศส วัย 25 ปีรายนี้ตกเป็นเป้าของ ปีศาจแดง ตั้งแต่ซัมเมอร์ก่อนโดยสื่อดังกล่าวชี้ว่าแข้ง เฟรนช์แมน แสดงท่าทีต้องการที่จะย้ายมาเล่นใน โอลด์ แทรฟฟอร์ด ในฤดูกาลหน้าหลังจากไม่ได้รับโอกาสลงสนามในทัพ ม้าลาย มากอย่างที่ควรจะเป็น


10. ข่าวแมนฯ ยูไนเต็ด – โรมา อาจจำใจขาย ซานิโอโล

AS Roma v Juventus – Serie A

เล็กโก้ สื่อใน อิตาลี รายงานว่า โรมา อาจตกอยู่ในสถานการณ์ที่พวกเขาต้องขาย นิโคโล ซานิโอโล กองกลางทีมชาติ อิตาลี วัย 20 ปีออกจากทีมใน ตลาดซื้อขายนักเตะ รอบที่จะถึงนี้หากพวกเขาพลาดโควต้า ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ท่ามกลางการจับตาอย่างใกล้ชิดของ แมนฯ ยูไนเต็ด, สเปอร์ส และ ยูเวนตุส โดยคาดว่าเจ้าตัวจะมีมูลค่าราว 60 ล้านยูโร

ทั้งนี้ ทัพหมาป่า แห่งกรุงโรม รั้งอันดับที่ 5 บนตารางคะแนน เซเรีย อา ตามหลัง อตาลันต้า ในอันดับที่ 4 อยู่ 3 คะแนน


11. ข่าวแมนฯ ยูไนเต็ด – ผีพร้อมปาดดีล เลาตาโร

SS Lazio v FC Internazionale – Serie A

รายงานจาก สปอร์ต สื่อใน สเปน เปิดเผยว่า ปีศาจแดง แสดงท่าทีพร้อมที่จะยื่นข้อเสนอมูลค่ามหาศาลให้กับ เลาตาโร มาร์ติเนซ กองหน้าทีมชาติ อาร์เจนตินา วัย 22 ปีสังกัด อินเตอร์ มิลาน ปาดหน้าบิ๊กทีมอย่าง ปารีส แซงต์-แชร์กแมง และ บาร์เซโลนา ที่ตกเป็นข่าวพัวพันหนาหูตลอดช่วงที่ผ่านมา

[RANIKNG] น้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์ ! TOP 5 ทีมที่เลื่อนชั้นขึ้นมาแล้วทำผลงานได้ดีที่สุดใน พรีเมียร์ลีก

ทุกฤดูกาลจะมีทีมจากแชมเปียนชิพลีกเลื่อนดิวิชันหนึ่งเดิมเลื่อนชั้นขึ้นสู่ พรีเมียร์ลีก 3 ทีม แต่ด้วยความเขี้ยวของลีกแห่งนี้บ่อยครั้งที่พวกเขามักจะกลายเป็นหมูให้ทีมอื่นๆ เชือดจนตกชั้นกลับไปในที่สุด

แต่ในบรรดาน้องใหม่เหล่านั้นก็มีหลายๆ ทีมที่ทำผลงานได้ดีที่ไม่ใช่แค่เพียงการรอดตกชั้นเท่านั้นแต่สามารถพุ่งสู่หัวตารางได้อย่าง 5 ทีมในการจัดอันดับของเราต่อไปนี้

5.ซันเดอร์แลนด์ 1999-00

Kevin Phillips and Gustavo Poyet

นี่ถือเป็นปีที่แฟนทีมแมวดำเชียร์บอลได้อย่างมีความสุขที่สุดใน พรีเมียร์ลีก แล้วอีกทั้งมันยังเป็นปีทองของ เควิน ฟิลลิปส์ ที่สามารถยิงไปได้ถึง 30 ประตูคว้าตำแหน่งดาวซัลโวมาครอง

ฤดูกาลนี้ ซันเดอร์แลนด์ สามารถเอาชนะได้ทั้ง เชลซี และ ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ ก่อนจะจบอันดับที่ 7 ได้ตั๋วยูฟ่าคัพมาครองในบั้นปลาย

4.แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส 1992-93

Alan Shearer

ภายใต้การนำของกุนซือในตำนานของ ลิเวอร์พูล อย่าง เคนนี่ ดัลกลิช และการมีมหาเศรษฐีอย่าง แจ็ค วอล์คเกอร์ สนับสนุนด้านการเงินทำให้ กุหลาบไฟ ทำผลงานได้อย่างสุดยอดในปีนั้น

อลัน เชียร์เรอร์ เจ้าของสถิติค่าตัวของเกาะอังกฤษที่ 3.5 ปอนด์ตะบันไปถึง 16 ประตูจาก 21 เกมก่อนจะบาดเจ็บไปช่วงท้ายฤดูกาล ขณะที่อีกสองปีต่อมาพวกเขาก็สามารถคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก มาครองอย่างยิ่งใหญ่

3.อิปสวิช ทาวน์ – 2000-01

Ipswich v Chelsea

แม้จะขึ้นชั้นมาอย่างทุลักทุเลจาการเพลย์ออฟแต่ทีมม้าขาวก็กลับโชว์ผลงานใน พรีเมียร์ลีก อย่างสุดยอดด้วยการจบอันดับ 5 คลาดตั๋ว ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก นิดเดียว

แต่หลังจากฤดูกาลนั้นเพียงปีเดียวเมื่อนักเตะเก่งๆ ต่างถูกดูดไปทีมที่ใหญ่กว่า อิปสวิช จึงได้ตกชั้นกลับไปเล่นใน แชมเปียนชิพลีก และไม่เคยกลับมาได้อีกเลย

2.น็อตติงแฮม ฟอร์เรสท์ – 1994-95

NOTTINGHAM FOREST

สแตน คอลลีมอร์ คือคีย์แมนของ เจ้าป่า น็อตติงแฮม ฟอร์เรสท์ ในฤดูกาลนี้ด้วยการตะบันไปถึง 22 ประตูช่วยให้ทีมจบอันดับที่ 3 ด้วยการมีถึง 77 คะแนน

แต่หลังจากที่ขาย คอลลีมอร์ ให้ ลิเวอร์พูล ไปพวกเขาก็ไม่เคยขึ้นมาอยู่บนหัวตารางได้เลยเช่นเดียวกับปัจจุบันที่ยังคงเล่นอยู่ในแชมเปียนชิพลีกนั่นเอง

1.นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด – 1993-94

Andy Cole and Lee Clark Newcastle United 1994

แม้ สาลิกาดง จะจบอันดับ 3 ด้วยการมี 77 คะแนนเท่ากับ น็อตติงแฮม ฟอร์เรสท์ ในอันดับ 2 แต่พวกเขาเองก็มีการทำประตูอย่างเป็นกอบเป็นกำเหนือกว่าแบบชัดเจนด้วยการมีบวกถึง 42 ประตูเป็นรอง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมแชมป์เพียงลูกเดียวในฤดูกาลนั้น

นิวคาสเซิล กุนซือจอมเอนเตอร์เทนอย่าง เควิน คีแกน ที่ทำให้เกมสนุกขึ้นแทบทุกนัด นอกจากนี้ยังมี แอนดี้ โคล ที่ยิงไปถึง 34 ประตูจาก 40 เกมจนคว้าทั้งรางวัลดาวซัลโวและดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีไปครอง

[OPINION] ‘โปรเจ็คป็อกบา’ ของ อินเตอร์ มิลาน

คงไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าข่าวเรื่องการซื้อขายตั้งแต่ช่วงซัมเมอร์ของปี 2019 ที่ผ่านมานักเตะที่ถูกเอ่ยถึงมากที่สุดคนหนึ่งก็คือ ปอล ป็อกบา มิดฟิลด์ค่าตัวแพงของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หนึ่งในบิ๊กซิกของ พรีเมียร์ลีก

จากการให้สัมภาษณ์เมื่อช่วงเก็บตัวทีมชาติเมื่อเกือบหนึ่งปีที่แล้ว เจ้าตัวกล่าวอย่างชัดเจนต่อสื่อที่มาทำข่าวในวันนั้นว่า เขาต้องการที่จะหาความท้าทายใหม่ ๆ ในการค้าแข้ง และนั่นก็กลายเป็นที่มาของข่าวลือเรื่องย้ายทีมจนถึงทุกวันนี้

สำหรับคนที่ตามข่าวนั้นทราบกันดีอยู่แล้วว่าตอนนี้มี 2 ตัวเต็งที่มีศักยภาพพอที่จะคว้าตัวอดีตนักเตะค่าตัวแพงที่สุดในโลกเมื่อปี 2016 ไปร่วมทีมได้ ซึ่งนั่นก็คือ เรอัล มาดริด และ ยูเวนตุส ทีมเก่าของเขา

ทราบมาว่าหลังจากที่ ป็อกบา ออกมาประกาศต่อหน้าสื่อถึงความต้องการในการย้ายทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ไม่รอช้าที่จะตั้งค่าตัวเอาไว้เผื่อฟลุ๊คที่ 150 ล้านปอนด์ เพราะพวกเขาเชื่อว่ากองกลางวัย 27 ปีนั้นยังมีศักยภาพล้นเหลือในวงการฟุตบอล และด้วยความผันผวนของเรื่องค่าตัวนักเตะนับตั้งแต่ที่ เนย์มาร์ ทำลายสถิติด้วยการย้ายจาก บาร์เซโลนา ไป ปารีส แซง-แชร์กแมง ด้วยเงินสูงถึง 222 ล้านยูโรหรือประมาณ 194 ล้านปอนด์เมื่อปี 2017 มันจึงไม่ใช่เรื่องเกินเลยที่จะบอกว่าค่าตัวของ ป็อกบา นั้นสมเหตุสมผลอย่างยิ่ง

FRANCE-GUINEA-FBL-FRA-GUI-CHARITY

แม้ว่าจะโดนวิจารณ์อย่างหนักเมื่อซีซันที่ผ่านมาถึงความทุ่มเทและการให้ความสนใจเรื่องนอกสนามมากกว่าการทำผลงานเพื่อสโมสร จนมีเหตุให้เป็นข่าวกับ โชเซ มูรินโญ นายเก่าที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด อยู่บ่อยครั้ง แต่ท้ายที่สุดแล้วโลกฟุตบอลก็ยังเชื่อว่าสตาร์เฟร้นช์แมนนั้นยังเป็นหนึ่งในยอดนักเตะในยุคปัจจุบันอยู่เหมือนเดิม

และด้วยค่าตัวมหาศาลเช่นนี้ เรอัล มาดริด เองต้องใส่เกียร์ถอยยาวเป็นหลายสิบกิโลเมตร เพราะพวกเขาไม่สามารถสู้ราคาได้เพราะเพิ่งหมดเงินไปกับการซื้อ เอเด็น อาซาร์ จาก เชลซี มาก่อนหน้านั้นแล้ว

ทางด้าน ยูเวนตุส เองก็เทียวไล้เทียวขื่อมีข่าวพัวพันถึงขนาดที่ว่าจะมีการแลกตัวกับ เปาโล ดิบาลา เพลย์เมคเกอร์ตัวเก่งที่ไม่คอยได้รับโอกาสหลังการมาของ คริสเตียโน โรนัลโด้ แต่เรื่องก็เงียบหายไปอย่างไร้ร่องรอย

จนกระทั่งในช่วงตลาดซื้อขายเดือนมกราคม ป็อกบา ก็กลับมามีข่าวกับราชันชุดขาวและเจ้าม้าลายอีกครั้ง และคราวนี้ก็เหมือนเดิมคือ แค่ผ่านมาเล่น ๆ ให้เย็นใจแล้วทุกอย่างก็จากไปดั่งสายลม

Real Betis Balompie v Real Madrid CF – La Liga

แต่ใช่ว่าเรื่องจะจบลงเพียงเท่านี้ เมื่อเวลาต่อมาที่ฟุตบอลต้องหยุดเตะเพราะโดนพิษไวรัสโควิด-19 พอไม่มีผลการแข่งขัน ไม่มีเบื้องลึกเบื้องหลังให้ติดตาม ข่าวการซื้อขายจึงกลายเป็นเรื่องฮิตติดลมบน และแน่นอนว่าข่าวของ ปอล ป็อกบา ก็ยังสามารถขายได้เหมือนเดิม

ก่อนหน้านั้นเท่าที่จับสัญญาณดูแล้วเหลือเพียง 2 ทีมนี้จริง ๆ ที่มีสิทธิจะคว้าตัวยอดนักเตะของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปครอง เพียงแต่ว่าจะไปด้วยวิธีการใด ไปแบบไหน และราคาเท่าไหร่เท่านั้น

แต่ก็ใช่ว่าจะนิ่งนอนใจได้ เพราะเมื่อเกือบสัปดาห์ที่ผ่านมามีรายงานสด ๆ ใหม่ ๆ ออกมาว่า เรอัล มาดริด และ ยูเวนตุส อาจจะต้องเจอกับคู่แข่งรายใหม่ที่สมน้ำสมเนื้อในศึกชิง ป็อกบา ในช่วงตลาดซัมเมอร์นี้

ไม่ใช่ใครที่ไหน ทีมเศรษฐีใหม่อย่าง อินเตอร์ มิลาน นั่นเอง

ทีม เนรัซซูรี นั้นนับตั้งแต่เปลี่ยนประธานสโมสรมาเป็น สตีเวน จาง ทายาทของกลุ่มบริษัทซู่หนิงซึ่งเป็นเจ้าของสโมสรและกลายเป็นประธานที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ พวกเขาก็มีการเปลี่ยนแปลงในทีมที่น่าสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ

FBL-EUR-C3-LUDOGORETS-INTER-MILAN

เมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมา อินเตอร์ ดึงเอา อันโตนิโอ คอนเต้ กุนซือที่มีผลงานโดดเด่นทั้งใน กัลโช เซเรีย อา และ พรีเมียร์ลีก เข้ามารับงานพาทีมกลับสู่บัลลังก์แชมป์ สคูเด็ตโต้ ให้ได้อีกครั้ง และดึงนักเตะฝีเท้าดีมากมายเข้ามาร่วมทีมทั้ง โรเมลู ลูกากู และ อเล็กซิส ซานเชซ 2 กองหน้าจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ดิเอโก้ โกดิน กองหลังจอมเก๋าจาก แอตเลติโก้ มาดริด และที่เพิ่งจัดการกระชากไปร่วมทีมสด ๆ ร้อน ๆ เมื่อเดือนมกราคมก็คือ คริสเตียน เอริคเซน เพลย์เมคเกอร์จาก ท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์

ดังนั้นการที่พวกเขาตกเป็นข่าวว่าอยากได้ ป็อกบา ไปบัญชาการเกมในแดนกลางจึงไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด และหากมีข่าวตามมาว่าพร้อมที่จะทุ่มเงินมหาศาลเพื่อสู้กับ มาดริด และ ยูเว่ นั้นยิ่งเป็นเรื่องที่ไม่เกินความคาดหมาย

รายงานจาก กัตเซ็ตต้าเดลโลสปอร์ต ซึ่งเป็นสื่อใหญ่จากอิตาลีระบุว่า อินเตอร์ นั้นกำลังพยายามจะเซ็นสัญญากับ ปอล ป็อกบา ให้ได้ ถึงขนาดที่มีการตั้งชื่อดีลนี้ว่า ‘โปรเจ็คป็อกบา’ เพราะพวกเขาตั้งเป้าต้องการที่จะยกระดับทีมก้าวขึ้นมาท้าทายอำนาจอันยิ่งใหญ่คับแดนมักกะโรนีของ ยูเวนตุส ในช่วง 10 ปีหลังมานี้

สำนักข่าวดังกล่าวได้วิเคราะห์เอาไว้อย่างน่าสนใจว่า ทีมงูใหญ่อาจจะยอมปล่อยสตาร์ดังของทีมเพื่อระดมทุนครั้งใหญ่โดยมีข่าวว่าเตรียมขาย เลาตาโร มาร์ติเนซ กองหน้าตัวเก่งให้กับ บาร์เซโลนา หลังจากที่มีข่าวกันมาตลอดหลายเดือน รวมทั้งการขายขาด อิวาน เปริซิช และ เมาโร อิคาร์ดี้ ซึ่งคาดว่าพวกเขาต้องการเงินไม่ต่ำกว่า 80-100 ล้านปอนด์เพื่อเป็นค่าตัวของ ป็อกบา

FBL-ITA-SERIEA-JUVENTUS-INTER

เมื่อเป็นเช่นนั้นรัก 4 เส้าระหว่าง เรอัล มาดริด, ยูเวนตุส, อินเตอร์ มิลาน และ ปอล ป็อกบา นี้จึงกลายเป็นเรื่องที่สนุกตื่นเต้นขึ้นมาทันที เพราะแต่ละทีมนั้นมีศักยภาพพอที่จะทุ่มซื้อมิดฟิลด์ของทีม ปีศาจแดง ได้พอ ๆ กัน

แต่ก็ไม่แน่ว่าเกมอาจจะพลิกกลับไปกลับมาได้อีกหลายรอบเพราะต้องไม่ลืมปัจจัยเรื่องผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งอาจทำให้หลายทีมต้องรัดเข็มขัดหรืออาจจะกระทบเรื่องของค่าตัวนักเตะในตลาดซื้อขาย ซึ่งเรื่องนี้ต้องมีการติดตามกันอย่างใกล้ชิดต่อไป

อย่างไรก็ตามท้ายที่สุดแล้วไม่ว่า ป็อกบา จะได้ย้ายทีมหรือไม่ คนที่ได้ประโยชน์ที่สุดก็น่าจะเป็น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นี่แหละ

หากพวกเขาตัดใจขายก็คงได้อย่างต่ำ ๆ 80 ล้านปอนด์ หรือถ้าเจ้าตัวตกลงอยู่ต่อแฟนบอลปีศาจแดงก็จะได้เห็นการประสานงานอันน่าตื่นตาตื่นใจระหว่าง ป็อกบา และ บรูโน แฟร์นันเดส ในแดนกลาง

เอาเข้าจริงเชื่อว่าตอนนี้เด็กผีคงไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจกับเรื่องของมิดฟิลด์วัย 27 ปีนี้ซักเท่าไหร่นับตั้งแต่ที่กองกลางโปรตุกีสระเบิดฟอร์มและกลายเป็นนักเตะคนสำคัญของทีมไปในชั่วข้ามคืน แม้จะเพิ่งย้ายมาร่วมทีมเมื่อเดือนมกราคมก็ตาม

แต่คนที่น่าจะต้องคิดหนักก็คงเป็น ป็อกบา นี่แหละว่าจะตัดสินใจเกี่ยวกับอนาคตของตัวเองอย่างไรก็ตอไป

FBL-ENG-PR-MAN UTD-NEWCASTLE

[OPINION] เอ็ด วู้ดเวิร์ด : เราไม่ต้องการผู้อำนวยฟุตบอล

หนึ่งในแนวทางที่มีการนำเสนอเพื่อปลุก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ให้กลับมาเป็นทีมที่ยิ่งใหญ่ใน พรีเมียร์ลีก เหมือนเมื่อวันวานนั้นก็คือ การแต่งตั้ง ‘ผู้อำนวยการฟุตบอล’ หรือ Director of Football

สโมสรในลีกสูงสุดของอังกฤษยุคใหม่นั้นมีการแบ่งโครงสร้างการทำงานคล้ายกับทางฝั่งยุโรปมากขึ้น เมื่อก่อนพวกเขามีแค่ ‘ผู้จัดการทีม’ หรือ Manager ที่ทำหน้าที่ทุกอย่าง ทั้งการเจรจาเรื่องการซื้อขายนักเตะ การคุมการฝึกซ้อม การวางแผนการแข่งขัน รวมทั้งวางแผนการปรับปรุงทีมหลังจบซีซัน ซึ่งเมื่อก่อนนั้นโครงสร้างในการบริหารทีม ๆ หนึ่งยังไม่ซับซ้อนมากเหมือนทุกวันนี้

เมื่อเข้าสู่ยุคที่มีการเทคโอเวอร์จากกลุ่มทุนหรือมหาเศรษฐีจากทั่วทุกมุมโลกทุกอย่างก็ดูจะเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง แน่นอนว่าคนเหล่านี้ไม่ได้มาตัวเปล่าเล่าเปลือย พวกเขาต้องการใครซักคนที่เป็นคนประสานการทำงานระหว่างผู้จัดการทีมและเจ้าของสโมสรซึ่งหนึ่งในทีมงานนั้นก็คือ ผู้อำนวยการฟุตบอล

ณ ปัจจุบันนี้เกือบทุกสโมสรใน พรีเมียร์ลีก ต่างมีผู้อำนวยการฟุตบอลเป็นของตัวเองทั้งนั้น หน้าที่โดยทั่วไปก็คือ การวางแนวทางของสโมสร การวางเป้าหมายทั้งในระยะสั้นและระยะยาว และที่เรามักเห็นกันอยู่บ่อย ๆ นั่นคือการเจรจาซื้อขายนักเตะ

ดังนั้นความสำคัญของตำแหน่งผอ.ฟุตบอลนั้นจึงมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในช่วง 2-3 ปีหลังมานี้เมื่อวัดจากความสำเร็จของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ ลิเวอร์พูล

Tottenham Hotspur v Liverpool – UEFA Champions League Final

ทั้งสองทีมนั้นมีผอ.ฟุตบอลมือดีทั้งคู่ ซิตี้ ดึง ซิกิ เบกิริสไตน์ มาจาก บาร์เซโลนา มาตั้งแต่ปี 2012 เขามีส่วนในการดึงนักเตะดัง ๆ มากมายมาเล่นในถิ่น เอติฮัด และเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ เป๊ป กวาร์ดิโอลา ย้ายมาร่วมงานที่นี่และสร้างความยิ่งใหญ่ในยุคสมัยของตน

ด้าน หงส์แดง นั้นแต่งตั้ง ไมเคิล เอ็ดเวิร์ดส์ มารับตำแหน่งนี้เมื่อปี 2016 และหลังจากนั้นทีมก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ผอ.หนุ่มรายนี้ทำงานร่วมกับ เยอร์เก้น คล็อปป์ ได้อย่างเข้าขารู้ใจ โดยว่ากันว่าดีล โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ก็เป็น เอ็ด เวิร์ดส์ ที่ยืนยันให้นายใหญ่ชาวเยอรมันดึงตัวมาร่วมทีมหลังจากที่พลาดตัว ยูเลียน ดรักซ์เลอร์ ไปไม่นาน และบรรดาแข้งหน้าใหม่ที่เข้ามาในยุคของ คล็อปป์ นั้นก็กลายเป็นกำลังสำคัญในการพาทีมคว้าแชมป์ ยูฟา แชมเปี้ยนสืลีก เมื่อซีซันที่แล้วอย่างยิ่งใหญ่

2 ทีมนี้จึงเป็นตัวอย่างที่สำคัญในการมีผอ.ฟุตบอลฝีมือดี ซึ่งเป็นสิ่งเดียวที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังไม่มี!

ทีมปีศาจแดงตกเป็นข่าวกับการดึงอดีตผู้เล่นเก่าของทีมหรือแม้กระทั่งผู้อำนวยการฟุตบอลของสโมสรยักษ์ใหญ่อื่น ๆ ก็ยังเป็นเป้าหมายของพวกเขา

หากจำกันได้แคนดิเดตที่จะเข้ามารับงานนี้มีทั้งชื่อของ ริโอ เฟอร์ดินานด์ กูรูและนักวิเคราะห์เกมอดีตศิษย์เก้ารั้ว โอลด์ แทรฟฟอร์ด, เอ็ดวิน ฟาน เดอ ซาร์ อดีตนายทวารปีศาจแดงที่ตอนนี้ทำหน้าที่ ผอ.ฟุตบอลให้กับ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ทีมที่ปลุกปั้นเขามาแต่อ้อนแต่ออก และ หลุยส์ คัมโปส คนนี้เป็น ผอ.ฟุตบอลของ ลีลล์ ทีมใน ลีกเอิง เพื่อนซี้ โชเซ มูรินโญ ผู้ค้นพบ คิลิยัน เอ็มบัปเป้ เมื่อครั้งทำงานให้กับ โมนาโก

AFC Ajax v Getafe CF – UEFA Europa League Round of 32: Second Leg

แต่จนถึงตอนนี้ ยูไนเต็ด ก็ยังไม่มีคนที่เข้ามาทำหน้าที่นี้อยู่ดี

อย่างไรก็ตาม ดิแอตเลติก สื่อที่น่าเชื่อถือจากเมืองผู้ดีก็ได้ออกมาวิเคราะห์ไว้อย่างน่าสนใจว่า เอ็ด วู้ดเวิร์ด รองประธานฝ่ายบริหารของสโมสรนั้นอาจจะไม่ต้องการผู้อำนวยการฟุตบอลจริง ๆ ก็ได้

ในบทวิเคราะหืระบุว่า เสี่ยเอ็ดลุกขึ้นมาจัดโครงสร้างการทำงานภายในทีมเสียใหม่โดยที่ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาตำแหน่ง ผอ.ฟุตบอลอย่างที่หลายสโมสรทำกัน เพราะเขามองว่าการทำงานด้านนี้ควรเป็นหน้าที่ของผู้จัดการทีมมากกว่า

การแบ่งหน้าที่การทำงานคร่าว ๆ ก็คือ ตัวเขาและ แม็ตต์ จัดจ์ หัวหน้าฝ่ายเจรจาจะทำหน้าที่ในการเจรจาเรื่องการซื้อขายและค่าเหนื่อยของนักเตะที่ทีมต้องการด้วยตัวเอง ส่วน โอเล กุนนาร์ โซลชา นั้นก็จะทำการติดต่อโดยตรงกับ วู้ดเวิร์ด ในการระบุเป้าหมายนักเตะใหม่ที่เขาต้องการดึงเข้ามาร่วมทีม หรือหากมีสิ่งใดที่ต้องการในการพัฒนาทีม

หมายความว่าหาก โซลชา ต้องการใคร เขาจะไปแจ้งความประสงค์กับเสี่ยเอ็ดก่อนที่ทีมงานจะไปดำเนินการเจรจาต่อรองราคาและค่าเหนื่อยในขั้นตอนต่อไป

Huddersfield Town v Manchester United – Premier League

จะว่าไปแล้วคล้าย ๆ สมัยที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เป็นผู้จัดการทีม ซึ่งตอนนั้นป๋าเป็นคนที่มีอำนาจในการทำทีมเต็ม 100% และเขาสามารถเข้าไปคุยกับบอร์ดบริหารได้โดยตรงว่าต้องการอะไรบ้าง

ต่างจากที่พวกเขาทำในตอนนี้คือการมี วู้ดเวิร์ด ที่เป็นตัวแทนบอร์ดบริหารในการติดต่อกับ โซลชา โดยตรง

ที่ทำแบบนี้ก็เพราะว่าที่ผ่านมานั้นผลงานการดึงนักเตะใหม่เข้ามาร่วมทีมของกุนซือชาวนอร์วีเจี้ยนเข้าตาแฟนบอลเป็นอย่างมาก ทุกคนสามารถโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม ทั้ง แฮร์รี แม็คไกวร์, อารอน วาน บิสซาก้า, แดเนียล เจมส์, บรูโน แฟร์นันเดส และ โอเดียน อิกาโล

4 ใน 5 คนนี้สามารถลงสนามเป็นตัวจริงได้กับทีมได้เลย อาจจะยกเว้นหนูเจมส์ที่ต้องเข้า ๆ ออก ๆ 11 ตัวจริงบ่อยครั้ง แต่นั่นเป็นเพราะเขาคือนักเตะที่เป็นอนาคตของทีม ซึ่งก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้

Manchester United v Wolverhampton Wanderers – Premier League

จริงอยู่ที่ในช่วงต้นฤดูกาลนั้น ยูไนเต็ด ทำผลงานได้ยังไม่สม่ำเสมอ แต่พวกเขาก็มีเกมรับที่แข็งแกร่งพอตัว เพียงแต่ว่าในแดนกลางและเกมรุกนั้นยังขาดตัวสร้างสรรค์เกม ซึ่งเมื่อ แฟร์นันเดส เข้ามาเติมเต็มส่วนนี้ก็ทำให้ทีมกลับมาทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมอย่างที่เห็น

วู้ดเวิร์ด จึงเชื่อมั่นว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่จำเป็นต้องมี ‘ผู้อำนวยการฟุตบอล’ ที่เข้ามาทำหน้าที่คั่นระหว่างตัวเขาและ โซลชา เพราะหากมีอะไรที่ผู้จัดการทีมต้องการก็สามารถยิงตรงหาเขาได้เลยทันที ซึ่งตนก็พร้อมที่จะจัดการให้อย่างเต็มที่

ด้วยการทำงานแบบนี้ทำให้นับตั้งแต่ช่วงปีใหม่เป็นต้นมาพวกเขามองเห็นทิศทางของทีมที่ดีขึ้นซึ่งสะท้อนออกมาเป็นผลงานอันยอดเยี่ยมด้วยการก้าวขึ้นมารั้งอันดับ 5 ของตารางกลับมามีลุ้นในการไปเล่น ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก ในฤดูกาลหน้า ก่อนที่ต้องหยุดการแข่งขันเนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด

ดังนั้น นี่จึงเป็นทิศทางของ แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องการและต้องรอพิสูจน์กันต่อไปว่าสิ่งที่ เอ็ด วู้ดเวิร์ด คิดนั้นจะถูกหรือไม่

Manchester City v Manchester United – Carabao Cup: Semi Final

[RANKING] มากกว่า 100 นัด ! TOP 5 นักเตะที่ลงสนามให้กับทัพสิงโตคำรามมากที่สุด

ทีมชาติอังกฤษเป็นหนึ่งในทีมมหาชนซึ่งแฟนบอลให้ความสนใจและติดตามเชียร์มาอย่างยาวนานเนื่องจากการที่อุดมไปด้วยเหล่าซูเปอร์สตาร์มากมาย

แต่เหล่าบรรดา ‘ซุปตาร์’ เหล่านั้นจะมีใครกันบ้างที่อยู่ในจุดสูงสุดด้วยการติด 1 ใน 5 ผู้ที่ได้รับใช้ ‘ทัพสิงโตคำราม’ มากที่สุดกันบ้าง?

5.บ็อบบี มัวร์ – 108 นัด

World Cup Victory

กองหลังที่ เปเล่ ยกย่องว่าเก่งที่สุดที่เขาเคยเจอมาเป็นสุดยอดตำนานของทัพสิงโตคำรามที่เคยพาทีมคว้าแชมป์โลกมาแล้วในปี 1966

มัวร์ ลงสนามให้กับอังกฤษตั้งแต่ปี 1962 ด้วยอายุ 21 ปีและอีกแค่เพียงปีถัดมาเขาก็ได้สวมปลอกแขนกัปตันทีมแล้ว ก่อนที่สุดท้ายจะมาเลิกเล่นเอาในปี 1973 สิริลงสนามรวม 108 นัดพอดี

4.สตีเว่น เจอร์ราร์ด – 114 นัด

English midfielder Steven Gerrard contro

ตำนานกัปตันทีม ลิเวอร์พูล ลงสนามให้กับทัพสิงโตคำรามตั้งแต่ปี 2000 ในนัดอุ่นเครื่องกับ ยูเครน ก่อนต่อมาจะเป็นหนึ่งในนักเตะที่อยู่ในกลุ่มซึ่งถูกยกให้เป็น ‘ยุคทองของทีมชาติอังกฤษ’

เจอร์ราร์ด สามารถเบียดลงสนามได้อย่างต่อเนื่องกับทีมชาติทั้งๆ ที่ตอนนั้นมีมิดฟิลด์หัวกะทิมากมายเช่น แฟรงก์ แลมพาร์ด และ พอล สโคลส์ จนกลายมาเป็นอันดับสี่ในลิสท์นั้

3.เดวิด เบ็คแฮม – 115 นัด

English captain and midfielder David Beckham (R) s

‘เทพบุตรเท้าชั่งทอง’ เดวิด เบ็คแฮม เปิดตัวกับทีมชาติอังกฤษในปี 1986 ก่อนจะมาโด่งดังเป็นพลุแตกในฟุตบอลโลกปี 1998 ที่เขาเป็นทั้งฮีโร่และวายร้ายในเวลาเดียวกัน

เบ็คแฮม มีทั้งช่วงเวลาที่ดีและแย่กับทีมชาติอังกฤษซึ่งเขาได้เป็นกัปตันทีมถึง 6 ปีเต็มระหว่างปี 2000-2006 ก่อนจะมาอำลาทีมชาติจริงๆ ในปี 2009 และเขาก็เป็นแข้งผู้ดีคนเดียวที่ยิงได้ในฟุตบอลโลก 3 สมัยด้วย

2.เวย์น รูนีย์ – 120 นัด

England v Iceland – Round of 16: UEFA Euro 2016

รูนีย์ ในฐานะดาวรุ่งที่เก่งกาจที่สุดในรอบหลายปีได้เปิดตัวกับทัพสิงโตคำรามในวัย 17 ตั้งแต่ปี 2003 และเขาเองก็ได้สร้างสถิติไว้มากมายทั้งเป็นนักเตะทีมชาติอังกฤษที่ยิงประตูได้ตอนอายุน้อยที่สุดและเขายังเป็นคนที่ยิงให้ทีมมากที่สุด 53 ประตูด้วย

จริงๆ แล้วอีกไม่กี่นัด รูนีย์ ก็จะสามารถขึ้นไปทาบสถิติอันดับหนึ่งได้ แต่เขาเองก็เลือกที่จะรีไทร์จากทีมชาติไปในปี 2017 ทั้งๆ ที่ แกเร็ธ เซาธ์เกต ผู้จัดการทีมยังเปิดโอกาสให้อยู่ก็ตาม

1.ปีเตอร์ ชิลตัน – 125 นัด

Peter Shilton England Goalkeeper

คนที่ลงสนามมากที่สุดของทัพทรีไลออนส์นั่นก็คือ ปีเตอร์ ชิลตัน ตำนานผู้รักษาประตูที่เฝ้าเสาให้ทีมชาติกว่า 19 ปีด้วยกัน

ชิลตัน ลงสนามในฟุตบอลโลก 3 สมัยและ ยูโรเปียน แชมเปียนชิพ อีก 2 สมัยแม้จะเล่นฟุตบอลโลกสมัยแรกด้วยวัย 32 ปีแล้วก็ตาม ขณะที่จุดสิ้นสุดของมือกาวรายนี้กับทีมชาติก็คือปี 1990 กับการคว้าอันดับ 4 ฟุตบอลโลกนั่นเอง

ไปเคลียร์กันเอาเอง ! ฟีฟ่า สั่งสอบดีล แมนฯ ยูไนเต็ด คว้าตัว บรูโน เฟอร์นันเดส

ฟีฟ่า จ่อตรวจสอบดีลที่ สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แห่งศึก ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ คว้าตัว บรูโน เฟอร์นันเดส มากจาก สปอร์ติง ลิสบอน ด้วยมูลค่า 47 ล้านปอนด์เมื่อ ตลาดซื้อขายนักเตะ เดือนมกราคมที่ผ่านมา

รายงานจาก แมนเชสเตอร์ อีฟนิงนิวส์ ระบุว่า สหพันธ์ฟุตบอลระหว่างประเทศ ได้รับข้อร้องเรียกจาก ซามพ์โดรีย อดีตต้นสังกัดของ บรูโน ว่าพวกเขาควรจะได้ส่วนแบ่ง 10 เปอร์เซ็นต์จากดีลดังกล่าวเมื่อทัพ ลาซามพ์ มีเงื่อนไขดังกล่าวระบุไว้ตั้งแต่ปล่อยแข้งรายนี้ให้กับ สปอร์ติง เมื่อปี 2017

จากเงื่อนไขที่ว่าทำให้ ซามพ์โดเรีย ต้องได้รับเงินมูลค่า 4 ล้านปอนด์ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 10 เปอร์เซ็นต์ที่ สปอร์ติง ได้รับมาจาก แมนฯ ยูไนเต็ แต่จนถึงตอนนี้พวกเขายังไม่ได้เงินจำนวนดังกล่าวแต่อย่างใด

“เราสามารถยืนยันได้ว่า ซามพ์โดเรีย ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนมาถึง ฟีฟ่า ในวันที่ 3 เมษายน จากกรณีประเด็นเงื่อนไขในสัญญาผูกพัน สปอร์ติง ลิสบอน กับการขายนักเตะ บรูโน เฟอร์นันเดส” โฆษก ฟีฟ่า แถลงการณ์

“ประเด็นดังกล่าวจะถูกสอบสวนก่อนที่เราจะสามารถชี้แจงเป็นลำดับต่อไป”

ทั้งนี้ บรูโน เคยเล่นให้กับ ซามพ์โดเรีย เป็นเวลา 1 ฤดูกาลและทำประตูได้ 5 ลูกจากการลงสนามทั้งหมด 35 นัด

[BEST XI] จัดทีม 11 นักเตะดีที่สุดภายใต้การคุมทีมของ สเวน-โกรัน อีริคส์สัน

สเวน-โกรัน อีริคส์สัน เป็นผู้จัดการทีมอันดับที่ 46 ในการจัดอันดับ 50 ผู้จัดการทีมฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลของเรา บทความเส้นทางสายกุนซือของ อีริคส์สัน สามารถติดตามได้ ​ที่นี่​


เส้นทางการคุมทีมของ สเวน-โกรัน อีริคส์สัน ยาวนาต่อเนื่องกว่า 5 ทศวรรษ ครอบคลุม 4 ทวีปทั่วโลก แน่นอนว่ากุนซือชาว สวีเดน ได้เคยร่วมงานกับบรรดาแข้งระดับเวิดล์คลาสมากมาย

ไล่ตั้งแต่ทีมชาติอังกฤษชุดโกลเด้น เจเนเรชัน, ยุครุ่งเรืองขีดสุดกับ ลาซิโอ และ ไอวอรี โคสต์ ชุดที่พุ่งแรงขึ้นมา

น่าเสียดายที่เราสามารถเลือกนักเตะได้เพียง 11 คนในทีมชุดนี้จนทำให้พลาดแข้งดังอย่าง รุด กุลลิต, ริโอ เฟอร์ดินานด์, พอล สโคลส์ กระทั่ง ดิดิเยร์ ดร็อกบา แต่เราการันตีว่าทีมชุดนี้ก็อุดมไปด้วยนักเตะที่ยอดเยี่ยมไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน


ผู้รักษาประตูและกองหลัง

Pagliuca, Nevillem Nesta, Mihajlovic, Cole

จานลูก้า ปายูก้า – นายทวารระดับตำนานทีมชาติ อิตาลี ที่เล่นภายใต้การคุมทีมของ อีริคส์สัน ที่ ซามพ์โดเรีย พาทีมซิวแชมป์ โคปปา อิตาเลีย เมื่อปี 1994 และพาทัพ อัซซูรี กรุยทางสู่นัดชิงชนะเลิศของศึก ฟุตบอลโลก 1994

ไม่มีนายทวารคนใดเซฟลูกจุดโทษใน เซเรีย อา มากไปกว่าเขาที่ 24 ครั้ง

แกรี เนวิลล์ – สเวน ให้คำจำกัดความของแบ็คขวารายนี้ไว้ว่า ‘มิสเตอร์ไว้วางใจได้’ กับทีมชาติ อังกฤษ เจ้าของเกียรติยศแชมป์ ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ 8 สมัยและ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 2 สมัย

อเลสซานโดร เนสต้า – หนึ่งในปราการหลังที่ยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาลผู้โด่งดังกับ ลาซิโอ และกลายเป็นกัปตันทีมทัพ อินทรีฟ้าขาว ในช่วงที่ อีริคส์สัน คุมทัพ

ซินิซา มิไฮโลวิช – ดาวเตะสารพัดประโยชน์ที่สามารถประจำการทั้งในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็คและมิดฟิลด์ผู้มีเท้าซ้ายระดับฉมัง เจ้าตัวลงเล่นภายใต้การคุมทีมของ สเวน ทั้งใน ซามพ์โดเรีย และ ลาซิโอ

แอชลีย์ โคล – หนึ่งในแบ็คซ้ายที่ดีที่สุดในโลกเมื่อครั้งที่เจ้าตัวพีคสุดในเส้นทางค้าแข้ง เจ้าของเกียรติยศแชมป์ พรีเมียร์ลีก 3 สมัย, 7 เอฟเอ คัพ และ 1 ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก


กองกลาง

Beckham, Falcao, Veron, Nedved

เดวิด เบคแฮม – กัปตันทีมชาติ อังกฤษ ผู้เป็นศูนย์รวมของพลพรรค ทรีไลอ้อนส์ ภายใต้การคุมทีมของ อีริคส์สัน หนึ่งในดาวเตะผู้เป็นไอคอนแห่งยุคสมัย

ฟัลเกา – มิดฟิลด์ชาว บราซิล ที่ได้รับฉายาตามกษัตริย์คนที่ 8 แห่ง โรม ที่ สเวน เคยพูดถึงแข้งรายนี้ว่าเป็นนักฟุตบอลที่น่าอัศจรรย์

ฮวน เซบาสเตียน เวรอน – ดาวเตะเจ้าของฉายา ลา บรูฆิต้า ห้องเครื่องในทีม ซามพ์โดเรีย และ ลาซิโอ ภายใต้กุนซือ สวีดิช ผู้เป็นคีย์แมนในการพา อินทรีฟ้าขาว ซิวแชมป์ สคูเดตโต้ เมื่อปี 2000

พาเวล เนดเวด – คู่หูแดนหลางของ เวรอน ชุดแชมป์เมื่อปี 2000 หนึ่งในแข้งชุดแชมป์ลีก 2 สมัยกับ ยูเวนตุส และร่วมหัวจมท้ายกับทัพ ม้าลาย เมื่อครั้งที่ทีมถูกปรับตกชั้นกรณีคดี กัลโชโปลี เจ้าของตำแหน่งบัลลงดอร์เมื่อปี 2003


กองหน้า

Mancini, Rooney

โรแบร์โต้ มันชินี – ดาวเตะที่ สเวน ให้คำจำกัดความว่าเป็นศิลปินผู้รังสรรค์ศิลปะบนผืนหญ้า ก้าวขึ้นไปเป็นแชมป์ เซเรีย อา ในช่วงพีคของการค้าแข้งและครองสถิติยิงประตูมากที่สุดในลีกอันดับที่ 20 ที่จำนวน 156 ประตู

เวย์น รูนีย์ – อดีตโกลเด้นบอยแห่งทีมชุดยุคทองของทีมชาติ อังกฤษ เจ้าของแชมป์ พรีเมียร์ลีก 5 สมัย, เอฟเอ คัพ และ แชมเปี้ยนส์ลีก รวมไปถึงกรครองสถิติยิงประตูมากที่สุดให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และทัพ ทรีไลอ้อนส์ อีกด้วย


บทความชุดนักเตะดีที่สุดภายใต้ 50 ผู้จัดการทีมฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล

ผู้จัดการทีมอันดับที่ 50: [BEST XI] จัดทีม 11 นักเตะดีที่สุดภายใต้การคุมทีมของ มาร์เซโล บิเอลซา
ผู้จัดการทีมอันดับที่ 49: [BEST XI] จัดทีม 11 นักเตะดีที่สุดภายใต้การคุมทีมของ วิค บัคกิงแฮม
ผู้จัดการทีมอันดับที่ 48: [BEST XI] จัดทีม 11 นักเตะดีที่สุดภายใต้การคุมทีมของ เคลาดิโอ รานิเอรี
ผู้จัดการทีมอันดับที่ 47: [BEST XI] จัดทีม 11 นักเตะดีที่สุดภายใต้การคุมทีมของ บิล นิโคลสัน

[BEST XI] จัดทีม 11 นักเตะดีที่สุดของทีมชาติโปรตุเกสระหว่างปี 2000-2020

ทีมชาติ โปรตุเกส เป็นอีกชาติที่พวกเขาไม่ได้ก้าวขึ้นไปคว้าความสำเร็จระดับนานาชาติได้บ่อยครั้งอย่างที่ควรจะเป็นแม้ว่าจะมีนักเตะชั้นดีเต็มทีม

แม้ทัพ ฝอยทอง มักจะก้าวเข้าสู่แต่ละทัวร์นาเมนต์ด้วยความคาดหวังที่สูงลิบลิ่วแต่พวกเขายังไม่สามารถทะลุผ่านรอบ 16 ทีมสุดท้ายของศึก ฟุตบอลโลก ได้เลยนับตั้งแต่ปี 2006

หนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดของโลกลูกหนังยุคปัจจุบันอย่าง คริสเตียโน โรนัลโด้ ที่อยู่ในทีมชาติ โปรตุเกส กลายเป็นคีย์แมนสำคัญที่พาพวกเขาซิวเกียรติยศระดับนานาชาติ

และนี่คือทีมที่ดีที่สุดของ โปรตุเกส ตลอดช่วง 20 ปีที่ผ่านมา


ผู้รักษาประตูและกองหลัง

รุย ปาทริซิโอ – เจ้าของนายทวารหมายเลขหนึ่งแห่งทัพ ฝอยทอง นับตั้งแต่ ฟุตบอลโลก 2014 จนถึงเวลานี้

เปาโล เฟร์เรรา – ไอคอนในตำแหน่งแบ็คขวาของ โปรตุเกส ตลอดช่วง 2  ทศวรรษที่ผ่านมาผู้สร้างชื่อกับ ปอร์โต้ ก่อนที่จะก้าวขึ้นไปสู่จุดสูงสุดในเส้นทางค้าแข้งกับ เชลซี

เปเป้ – นักเตะที่แฟนบอลฝ่ายตรงข้ามเกลียดเข้าเส้นจากการเล่นที่ดุดันและออกลูกตุกติกบ่อยครั้ง แต่ทั้งหมดเจ้าตัวก็ทำเพื่อชัยชนะของทีม

เปเป้ เป็นแข้ง โปรตุเกส เพียง 1 ใน 6 รายที่ติดทีมชาติเกิน 100 นัด และในวัย 37 ปีเขายังคงเตะปี๊บดังทั้งกับทีมชาติและต้นสังกัด ปอร์โต้

ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ – ปราการหลังผู้สถาปนาตนเองเป็นคีย์แมนคนสำคัญแห่งทีมชาติ โปรตุเกส นับตั้งแต่ ยูโร 2004 เป็นต้นมา หนึ่งในศิษย์เอกของ โชเซ มูรินโญ ที่ ปอร์โต้, เชลซี และ เรอัล มาดริด

เจ้าตัวอยู่ในทีมชุดคว้าแชมป์ ยูโร 2016 กับทัพ ฝอยทอง

ฟาบิโอ โคเอนเทรา – แบ็คซ้ายจอมบุกที่น่าเสียดายเมื่อเขาใช้เวลาส่วนใหญ่บนจุดสูงสุดของเส้นทางค้าแข้งกับ เรอัล มาดริด พักรักษาตัวจากอาการบาดเจ็บในห้องพยาบาลมากว่าในสนามแข่งขัน


กองกลาง

เดโก้ – กองกลางพรสวรรค์สูงผู้เคยเล่นร่วมกับ ชาบี และ อันเดรส อิเนียสต้า มาแล้วในทัพ บาร์เซโลนา เจ้าตัวเลือกที่เล่นให้กับ โปรตุเกส แม้ว่าจะเกิดและเติบโตที่ บราซิล

ความยอดเยี่ยมของ เดโก้ ทำให้เขาเกือบที่จะคว้าบัลลงดอร์มาครองได้เมื่อปี 2004 โดยถูกลงคะแนนเป็นอันดับที่ 2 ตามหลังเพียง อันเดรย์ เชฟเชนโก้ สังกัด เอซี มิลาน เท่านั้น

รุย คอสต้า – กองกลางคลาสสิคที่หาตัวจับยาก เจ้าตัวเต็มไปด้วยไหวพริบและทักษะเฉพาะตัวระดับพระกาฬ โดยฝากตัวเลขยิงประตูกับทีมชาติทั้งสิ้น 21 ลูก 6 แอสซิสต์จากการลงสนามทั้งสิ้น 86 นัด

แบร์นาโด้ ซิลวา – ดาวเตะผู้สร้างชื่อกับ เบนฟิก้า เบ ใน เซกุนด้า ดิวิชัน ก่อนที่เจ้าตัวจะโบยบินกับ โมนาโก ตามด้วย แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในเวลาต่อมา

แบร์นาโด้ กลายหนึ่งในคีย์แมนที่ โปรตุเกส ไม่สามารถขาดได้นับตั้งแต่ปี 2015


กองหน้า

หลุยส์ ฟิโก้ – มีนักเตะเพียงไม่กี่คนที่กล้าหาญเล่นให้กับทั้ง บาร์เซโลนา และ เรอัล มาดริด ฟิโก้ คือหนึ่งในนั้นโดยช็อตปาหัวหมูของแฟนบอล อาซูลกรานา ยังคงเป็นตำนานเล่าขานจนถึงทุกวันนี้

เจ้าตัวลงเล่นให้กับทีมชาติไปทั้งสิ้น 127 นัดยิงได้ 32 ประตู

คริสเตียโน โรนัลโด้ – หนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดของโลกในเวลานี้ผู้ขับเคี่ยวกับ ลิโอเนล เมสซี ตลอดทศวรรษที่ผ่านมา

โรนัลโด้ กลายเป็นแข้งที่แบกทัพ ฝอยทอง นับตั้งแต่ปี 2003 เป็นต้นมากับสถิติยิงประตูให้กับ โปรตุเกส มากที่สุดในประวัติศาสตร์ที่ 99 ประตูจากการลงสนาม 117 นัด

นานี – ภาพจำแห่งการเป็น ‘โรนัลโด้ เวอร์ชันตัวเล็ก’ ของ นานี ไม่อาจลบเลือนไปจากแฟนบอลได้กับลีลาที่แทบจะโคลนนิงกันมา รวมทั้งยังเล่นด้วยกันในทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อีกต่างหาก

แม้ นานี จะไม่สามาถรก้าวไปถึงจุดที่ โรนัลโด้ ทำได้แต่เจ้าตัวก็เป็นนักเตะที่สามารถรักษามาตรฐานได้อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเป็นหนึ่งในแข้งที่ลงสนามให้กับทีมชาติ โปรตุเกส มากที่สุดที่ 112 นัด


บทความชุด Best XI นานาชาติ

[BEST XI] จัดทีม 11 นักเตะดีที่สุดของทีมชาติอังกฤษระหว่างปี 2000-2020
[BEST XI] จัดทีม 11 นักเตะดีที่สุดของทีมชาติเนเธอร์แลนด์ระหว่างปี 2000-2020
[BEST XI] จัดทีม 11 นักเตะดีที่สุดของทีมชาติบราซิลระหว่างปี 2000-2020
[BEST XI] จัดทีม 11 นักเตะดีที่สุดของทีมชาติญี่ปุ่นระหว่างปี 2000-2020
[BEST XI] จัดทีม 11 นักเตะดีที่สุดของทีมชาติอาร์เจนตินาระหว่างปี 2000-2020
[BEST XI] จัดทีม 11 นักเตะดีที่สุดของทีมชาติโครเอเชียระหว่างปี 2000-2020
[BEST XI] จัดทีม 11 นักเตะดีที่สุดของทีมชาติฝรั่งเศสระหว่างปี 2000-2020
[BEST XI] จัดทีม 11 นักเตะดีที่สุดของทีมชาติโคลอมเบียระหว่างปี 2000-2020
[BEST XI] จัดทีม 11 นักเตะดีที่สุดของทีมชาติไอวอรี โคสต์ระหว่างปี 2000-2020
[BEST XI] จัดทีม 11 นักเตะดีที่สุดของทีมชาติสเปน ระหว่างปี 2000-2020
[BEST XI] จัดทีม 11 นักเตะดีที่สุดของทีมชาติเบลเยียมระหว่างปี 2000-2020
[BEST XI] จัดทีม 11 นักเตะดีที่สุดของทีมชาติอิตาลี ระหว่างปี 2000-2020
[BEST XI] จัดทีม 11 นักเตะดีที่สุดของทีมชาติเม็กซิโกระหว่างปี 2000-2020

[OPINION] บทสรุปที่ยังไม่มีบทสรุปของ 5 บิ๊กลีกยุโรปท่ามกลางวิกฤติไวรัสโควิด-19

ต้องยอมรับกันว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของเจ้าไวรัสโควิด-19 นี้ส่งผลเสียหายอย่างหนักหน่วงต่อวงการฟุตบอลเกือบทั้งโลก โดยเฉพาะใน 5 ลีกใหญ่ในยุโรปที่ถือได้ว่าเป็นลีกยอดนิยมและทำรายได้มหาศาล

5 ลีกใหญ่ที่เรามักพูดถึงกันนั้นก็คือ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ, ลาลีก้า สเปน, กัลโช เซเรีย อา อิตาลี, บุนเดสลีกา เยอรมนี และ ลีกเอิง ฝรั่งเศส

4 ลีกแรกกำหลังหาหนทางที่ดีที่สุดเพื่อกลับมาแข่งต่อให้จบ โดยมีข่าวออกมาเป็นระยะว่าจะกลับมาได้ภายในเดือนนั้น เดือนนี้ ซึ่งทายที่สุดแล้วพวกเขาก็ยังไม่สามารถกำหนดวันเวลาที่ชัดเจนได้ซักที

คงมีแต่ ลีกเอิง ที่ต้องทำตามนโยบายของรัฐบาลฝรั่งเศสที่สั่งห้ามมีการแข่งขันกีฬาใด ๆ จนถึงเดือนกันยายน ทำให้พวกเขาต้องตัดสินใจยกเลิกโปรแกรมการแข่งขันที่เหลือทั้งหมด และในเวลาต่อมาก็ตัดสินใจมอบแชมป์ให้กับ ปารีส แซง-แชร์กแมง พร้อมกับจัดสรรโควต้ายุโรป และมีทีมตกชั้นเลื่อนชั้นเป็นที่เรียบร้อย

แม้ว่าจะมีเสียงไม่พอใจจากทีมที่เสียประโยชน์บ้าง แต่นั่นก็เป็นปัญหาที่บรรดาบิ๊ก ๆ ในลีกต้องไปแก้ไขกันต่อไป

ส่วนที่ลีกที่เหลือนั้นจะดำเนินการอย่างไร และพวกเขามีแผนอะไร อยากจะเตะต่อหรือตัดจบหรือไม่ เราจะมาสำรวจกันต่อจากนี้

Liverpool FC v AFC Bournemouth – Premier League

พรีเมียร์ลีก

การแข่งขันฟุตบอลอาชีพทุกลีกภายในอังกฤษนั้นถูกประกาศพักการแข่งขันอย่างไม่มีกำหนดเมื่อวันที่ 13 มีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งแน่นอนว่าทำให้การคว้าแชมป์ลีกครั้งแรกในรอบ 30 ปีของ ลิเวอร์พูล ต้องหยุดชะงักไปด้วย

หงส์แดง ยังคงนำเป็นจ่าฝูงด้วยการมี 25 คะแนนจากการลงเล่น 29 นัด ทิ้งห่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมอันดับ 2 ที่ลงเล่นไป 28 นัดอยู่ถึง 25 คะแนน

มีการประชุมเพื่อหาข้อสรุปร่วมกันของ 20 ทีมใน พรีเมียร์ลีก ไปแล้ว 2 หน และครั้งที่ 3 เกิดขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ 1 พฤษภาคมที่ผ่านมาโดยทุกทีมยังยืนกรานว่าจะต้องแข่งให้จบให้ได้

อย่างไรก็ตามก็ยังไม่มีกำหนดการที่แน่ชัดว่าจะกลับมาลงเล่นกันได้เมื่อใด แต่จากข่าวจากหลายสำนักนั้นได้คาดการณ์คร่าว ๆ ว่าจะมีการเริ่มกลับมาซ้อมกันในวันที่ 18 พฤษภาคม เพื่อลงเล่นในช่วงต้นเดือนมิถุนายน โดยจะลงเล่นในสนามปิด 10 สนามและมีการกำหนดมาตรการเข้มงวดในการป้องกันการติดเชื้อสำหรับนักเตะและผู้ที่เกี่ยวข้องกับการแข่งขันทุกคน

Real Madrid v FC Barcelona – La Liga Santander

ลาลีก้า

ทาง ลาลีก้า นั้นสั่งให้หยุดทำการแข่งขันตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม แต่ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังใกล้จะกลับมาลงซ้อมกันอีกครั้ง

ในสเปนนั้นดูเหมือนว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดจะเลยจุดวิกฤติไปแล้ว โดย เปโดร ซานเซส นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่า นักเตะอาจจะสามารถกลับมาเริ่มซ้อมเดี่ยวได้ในวันที่ 4 พฤษภาคมนี้

อย่างไรก็ตามก็ยังไม่มีการกำหนดว่าจะกลับมาเริ่มการแข่งขันได้อีกเมื่อไหร่ โดยตอนนี้สถานการณ์บนตารางนั้น บาร์เซโลนา ยังนำเป็นจ่าฝูงด้วยการมีคะแนนห่างจาก เรอัล มาดริด 2 คะแนน ในขณะที่ โค้ชของ เซบียา อย่าง ฆูเลน โลเปเตกี ได้ออกมากล่าวว่าผู้เล่นของเขานั้นจำเป็นจะต้องมีการเตรียมตัวก่อนจะกลับมาลงเล่นอีกครั้งอย่างน้อย 5 สัปดาห์

FC Bayern Muenchen v FC Augsburg – Bundesliga

บุนเดสลีกา

ทางเยอรมนีนั้นทีแรกดูเหมือนจะพร้อมกลับมาลงเตะก่อนเพื่อนหลังจากที่ประกาศพักการแข่งไปเมื่อวันที่ 13 มีนาคมวันเดียวกับ พรีเมียร์ลีก

มีข่าวออกมาว่าพวกเขาเตรียมกลับลงเตะกันอีกครั้งในวันที่ 9 พฤษภาคม เพราะสโมสรต่าง ๆ ได้มีการเรียกนักเตะกลับมาซ้อมภายใต้มาตรการที่เคร่งครัดกันตั้งเดือนเมษายนแล้ว

อย่างไรก็ตามการตัดสินใจนี้จะขึ้นอยู่กับทางรัฐบาลของเยอรมนี ซึ่งเลือกที่จะเลื่อนการพิจารณาไปเป็นวันที่ 6 พฤษภาคม จึงเท่ากับว่าความหวังที่จะได้กลับมาลงเล่นในวันที่ 9 นั้นอาจจะไม่สามารถทำได้

สำหรับสถานการณ์ในตารางนั้น บาเยิร์น มิวนิค ยังนำเป็นจ่าฝูงด้วยการมีแต้มห่างจาก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ อยู่ 4 คะแนน

AS Roma v Juventus – Serie A

กัลโช เซเรีย อา

ลีกอิตาลีนั้นพักการแข่งขันก่อนใครเพื่อนตั้งแต่วันที่ 9 มีนาคม โดยพวกเขามีการประชุมกันทั้ง 20 ทีมเมื่อวันพฤหัสบดีทีผ่านมาและเห็นพ้องต้องกันว่าจะต้องกลับมาลงเล่นให้ครบตามโปรแกรม

ทุกสโมสรนั้นเตรียมที่จะกลับมาลงซ้อมกันอีกครั้งในวันที่ 18 พฤษภาคม 1 หลังสิ้นสุดระยะเวลาที่รัฐบาลประกาศล็อคดาวน์ แต่ยังไม่มีการกหนดแนชัดว่าจะทำการแข่งขันเมื่อใด

สำหรับทีมนำเป็นจ่าฝูงในตอนนี้ได้แก่ ยูเวนตุส ซึ่งมีแต้มมากว่า ลาซิโอ เพียงคะแนนเดียวเท่านั้น

Paris Saint-Germain v Borussia Dortmund – UEFA Champions League Round of 16: Second Leg

ลีกเอิง

อย่างที่ทราบกันดีว่า ลีกเอิง นั้นได้ยกเลิกการแข่งขันในเกมที่เหลือทั้งหมดไปแล้วตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งหมายความว่าพวกเขาตัดจบเพียงแค่ที่ทำการแข่งขันไปก่อนก่อนหน้านี้เท่านั้น

LFP หรือสมาคมลีกอาชีพของฝรั่งเศสได้มีการประชุมกันเมื่อวันพฤหัสบดีและประกาศให้ ปารีส แซง-แชร์กแมง ครองแชมป์ในฤดูกาลนี้ด้วยการใช้วิธีหาค่าเฉลี่ยเฉพาะเกมที่มีการแข่งขันกันไปแล้ว

สำหรับทีมที่ได้ไปโควต้า ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก คือ โอลิมปิค มาร์กเซย และ แรนส์ ส่วนทีมที่ตกชั้นได้แก่ ตูลูส และ อาเมียง โดยมีทีมที่ขึ้นชั้นมาแทนคือ ลอริยองต์ และ ล็องส์ ส่วน นีมส์ นั้นรอเล่นเพลย์ออฟเพื่อหาทีมตกชั้นต่อไป