วิเคราะห์ความเป็นไปได้ 5 ทีมเป้าหมายใน บุนเดสลีกา หลังเซ็นเอเยนต์ใหม่

Daichi Kamada, Josip Brekalo, Chanathip Songkrasin, Milot Rashica, Rabbi Matondo Bundesliga Thai
Daichi Kamada, Josip Brekalo, Chanathip Songkrasin, Milot Rashica, Rabbi Matondo Bundesliga Thai

ชนาธิป สรงกระสินธ์ เพลย์เมคเกอร์ ทีมชาติไทย สังกัด คอนซาโดเล ซัปโปโร วัย 26 ปีได้จรดปากกากลายเป็นดาวเตะในการดูแลของ FPS Management & Consulting ซึ่งมี ธฤติ โนนศรีชัย ร่วมทีมบริหาร พร้อมกับประเด็นข่าวซึ่งถูกเผยแพร่โดยแฟนเพจเฟซบุ๊ก ช้างศึก ระบุว่า เอฟพีเอส ได้เดินหน้ายื่นเสนอโปรไฟล์ของสตาร์จาก เจลีก ให้กับทีมใน บุนเดสลีกา พิจารณาไปเรียบร้อยราว 5 ทีม

เราพาผู้อ่านส่องถึง 5 สโมสรน่าจะเป็นดังกล่าวที่ตกเป็นข่าว รวมถึงวิเคราะห์ความเป็นไปได้โดยคำนึงจากสไตล์ รูปแบบการเล่นของทีมที่เน้นการครองบอล ความเป็นไปในตลาดซื้อขายนักเตะ ไปจนถึงคู่แข่งแย่งตำแหน่งตัวจริงที่ ชนาธิป อาจต้องเจอหรือกระทั่งย้ายไปแทนที่ในบทความนี้

การครองบอลเฉลี่ย – 48.9 เปอร์เซ็นต์เป็นอันดับที่ 9 ในลีก
ขึ้นเกมรุกที่กราบซ้ายเฉลี่ย – 33 เปอร์เซ็นต์ น้อยที่สุดในลีกเท่ากับ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน
คู่แข่งแย่งตำแหน่ง – มิโลต์ ราชิก้า
รูปแบบการเล่น – 4-3-3, 3-4-3

แวร์เดอร์ เบรเมน กลายเป็นทีมยักษ์หลับในศึก บุนเดสลีกา โดยพวกเขาเป็นทีมที่ต้องดิ้นรนหนีการตกชั้นจนถึงนัดเพลย์ออฟในฤดูกาลนี้ แต่แม้ เบรเมน จะมีคะแนนรั้งอันดับ 3 จากท้ายตารางแต่พวกเขามีสถิติเล่นเน้นการครองบอลโดยมีค่าเฉลี่ยสูงเป็นอันดับที่ 9 ใน ภายใต้การคุมทีมของกุนซือหนุ่ม ฟลอเรียน โคห์เฟลดท์

ทั้งนี้ เบรเมน ใช้รูปแบบการเล่น 4-3-3 เป็นหลักโดยมี 3-4-3 รองลงมา นักเตะอย่าง มิโลต์ ราชิก้า จับจองตำแหน่งตัวรุกริมเส้นที่กราบซ้าย อันเป็นตำแหน่งที่ ชนาธิป เล่นให้กับ คอนซาโดเล ซัปโปโร ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงที่ดาวเตะทีมชาติ โคโซโว จะบอกลาทีมซัมเมอร์นี้เมื่อตกเป็นข่าวหนาหูกับบิ๊กทีมอย่าง ลิเวอร์พูล, แอร์เบ ไลป์ซิก และ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์

พวกเขายังคุ้นเคยกับผู้เล่นจาก เอเชีย โดยการมีแข้งอย่าง ยูยะ โอซาโกะ กองหน้าทีมชาติ ญี่ปุ่น วัย 30 ปีเป็นกองหน้าตัวหลักอยู่ในทีมชุดปัจจุบันอีกด้วย

การครองบอลเฉลี่ย – 49.6 เปอร์เซ็นต์เป็นอันดับที่ 8 ในลีก
ขึ้นเกมรุกที่กราบซ้ายเฉลี่ย – 36 เปอร์เซ็นต์ น้อยที่สุดเป็นลำดับที่ 8 ในลีก
คู่แข่งแย่งตำแหน่ง – แร็บไบ มาทอนโด้
รูปแบบการเล่น – 4-3-1-2, 4-2-3-1

อีกหนึ่งยักษ์หลับเจ้าของแชมป์ลีกสูงสุด เยอรมนี 7 สมัยที่รั้งอันดับ 12 บนตารางคะแนน บุนเดสลีกา ซีซัน 2019/20 คุมทัพโดย เดวิด วากเนอร์ เพื่อนซี้ของ เยอร์เก้น คล็อปป์

ที่น่าสนใจสำหรับ เบรเมน คือพวกเขามีความหลากหลายเชิงแท็คติก ยืดหยุ่นตามคู่ต่อสู้โดยใช้งาน 4-3-1-2 และ 4-2-3-1 เป็นจำนวนเท่ากันที่ 10 ครั้งในฤดูกาลนี้ ซึ่งมี แร็บไบ มาทอนโด้ อดีตเด็กปั้นของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จับจองตำแหน่งตัวรุกริมเส้นกราบซ้ายซึ่งเจ้าหนูวัย 19 ปีรายนี้ตกเป็นข่าวกลายเป็นตัวเลือกรองของ แมนฯ ยูไนเต็ด หากพวกเขาพลาดดีล เจดอน ซานโช

ขณะที่ตำแหน่งเพลย์เมคเกอร์ตัวหลักหลังกองหน้าเป็นของ อามีน ฮาริท ดาวเตะทีมชาติ โมร็อคโก วัย 23 ปีเจ้าของสถิติ 7 ประตูกับ 7 แอสซิสต์จากการลงสนามรวมทั้งสิ้น 26 นัดเมื่อรวมทุกรายการ แต่ ฮาริท ได้รับบาดเจ็บเอ็นหัวเข่าฉีกขาดเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาลและยังไม่มีกำหนดคืนสนามแต่อย่างใด

การครองบอลเฉลี่ย – 51.5 เปอร์เซ็นต์ เป็นอันดับที่ 6 ในลีก
ขึ้นเกมรุกที่กราบซ้ายเฉลี่ย – 34 เปอร์เซ็นต์ น้อยที่สุดเป็นลำดับที่ 4 ในลีก
คู่แข่งแย่งตำแหน่ง – โรเบิร์ต สคอฟ
รูปแบบการเล่น – 4-2-3-1

ฮอฟเฟนไฮม์ จบฤดูกาลด้วยอันดับที่ 9 ในตารางคะแนน แม้จะพลาดโควต้าถ้วยยุโรปแต่พวกเขาเป็นหนึ่งในทีมที่เล่นด้วยรูปแบบเน้นการครอบครองบอลและมีจุดอ่อนที่การขึ้นเกมรุกที่กราบซ้ายจากสถิติขึ้นเกมรุกโดยเฉลี่ย

พวกเขาใช้แผน 4-2-3-1 (9 ครั้ง) และ 3-1-4-2 (8 ครั้ง) ที่มีจำนวนเกือบจะเท่าๆ กันตลอดฤดูกาล และคีย์แมนที่ริมเส้นอย่าง พาเวล คาเดราเบ็ค มีความยืดหยุ่นสามารถประจำการได้ทั้งตำแหน่งแบ็คขวาและมิดฟิลด์ฝั่งขวา กับ โรเบิร์ต สคอฟ ที่ลงเล่นได้ในบทบาทตัวรุกริมเส้นทั้ง 2 ฝั่ง โดยทั้ง คาเดราเบ็ค และ สคอฟ เป็นเจ้าของสถิติแอสซิสต์ให้เพื่อนร่วมทีมสูงสุดร่วมกันที่ 7 ครั้ง แต่ด้วยวัย 29 ปีของ สคอฟ ที่กำลังก้าวเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายของเส้นทางค้าแข้งทำให้เราเชื่อว่า ชนาธิป (26 ปี) จะสามารถทดแทนคีย์แมนของ ฮอฟเฟนไฮม์ รายนี้ได้

ขณะที่ตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรุกของพวกเขาเป็นของ คริสตอฟ บอมการ์ทเนอร์ เจ้าหนูวัย 20 ปีผลผลิตจากสถาบันลูกหนังของ ฮอฟเฟนไฮม์ เองที่แม้จะแอสซิสต์ให้กับเพื่อนร่วมทีมได้เพียง 2 ครั้งตลอดทั้งฤดูกาลแต่เจ้าตัวครองตำแหน่งรองดาวซัลโว (7 ประตู) ของต้นสังกัด เป็นรองเพียง อันเดรย์ ครามาริช (12 ประตู) เท่านั้น

การครองบอลเฉลี่ย – 50 เปอร์เซ็นต์ เป็นอันดับที่ 7 ในลีก
ขึ้นเกมรุกที่กราบซ้ายเฉลี่ย – 39 เปอร์เซ็นต์ มากที่สุดเป็นลำดับที่ 3 ในลีก
คู่แข่งแย่งตำแหน่ง – ไดอิชิ คามาดะ
รูปแบบการเล่น – 3-4-1-2

แฟรงค์เฟิร์ต ยังคงสถานะทีมอันเดอร์ด็อกพุ่งแรงจากฤดูกาลก่อนแม้พวกเขาจะปล่อยกองหน้าตัวหลักอย่าง ลูก้า โยวิช (เรอัล มาดริด) กับ เซบาสเตียน ฮัลเลอร์ (เวสต์แฮม ยูไนเต็ด) ออกจากทีม

ด้วยรูปแบบการเล่นหลัก 3-4-1-2 ทำให้เจ้าของตำแหน่งที่กราบซ้ายอย่าง ฟิลิป คอสติช ของ แฟรงค์เฟิร์ต ต้องรับบทบาทหนักในเกมรับซึ่งทำให้ ชนาธิป ไม่เหมาะกับตำแหน่งดังกล่าว โดยความเป็นไปได้มากที่สุดในการเบียดแย่ง 11 ตัวจริงของเจ้า เจ คือการรับตำแหน่งเพลย์เมคเกอร์หลังกองหน้าโดยมี ไดอิชิ คามาดะ กองกลางตัวรุกวัย 23 ปีที่เพิ่งประเดิมติดทีมชาติ ญี่ปุ่น เป็นนัดแรกเมื่อปี 2019 ที่ผ่านมาเป็นคู่แข่ง นอกจากนี้ทีมยังมี มาโกโตะ ฮาเซเบะ อีกหนึ่งแข้ง เอเชีย เป็นคีย์แมนที่แนวรับ

ที่น่าสนใจคือทัพ แฟรงค์เฟิร์ต ยังจบฤดูกาลด้วยอันดับที่ 7 ของตารางคะแนน ได้โควต้าผ่านเข้าไปเล่นในศึก ยูฟ่า ยูโรปาลีก สำหรับซีซันหน้าอีกด้วย

การครองบอลเฉลี่ย – 48.6 เปอร์เซ็นต์ เป็นอันดับที่ 10 ในลีก
ขึ้นเกมรุกที่กราบซ้ายเฉลี่ย – 35 เปอร์เซ็นต์ น้อยที่สุดเป็นลำดับที่ 5 ในลีก
คู่แข่งแย่งตำแหน่ง – โจซิป บรีกาโล
รูปแบบการเล่น – 3-4-2-1

โวล์ฟสบวร์ก เป็นทีมที่มีจบฤดูกาลด้วยอันดับสูงที่สุดในลิสต์ชองเรา คว้าโควต้าลุย ยูฟ่า ยูโรปาลีก ฤดูกาลหน้าด้วยอันดับ 6 บนตารางคะแนน บุนเดสลีกา

พวกเขาขับเคลื่อนด้วยรูปแบบการเล่น 3-4-2-1 โดยมี โจซิป บรีกาโล รับบทบาทมิดฟิลด์ตัวกรุกฝั่งซ้าย โดยเจ้าหนูทีมชาติ โครเอเชีย วัย 22 ปียังเป็นเจ้าของสัมปทานในริมเส้นดังกล่าวเมื่อทีมปรับมาใช้ระบบ 4-4-2

อย่างไรก็ตาม บรีกาโล นับว่าเป็นหนึ่งในดาวรุ่งที่น่าจับตาของยุโรปและตกเป็นข่าวกับทีมอย่าง อตาลันต้า รวมไปถึง เอซี มิลาน ทำให้มีความเป็นไปได้ที่พวกเขากำลังมองหาตัวแทนเจ้าหนู โครเอต รายนี้ใน ตลาดซื้อขายนักเตะ ช่วงซัมเมอร์

[Match Report] ยิงกันยับ ! ลิเวอร์พูล เปิดบ้านเอาชนะ เชลซี ไปได้ 5-3 ผงาดชูถ้วยแชมป์ พรีเมียร์ลีก อย่างยิ่งใหญ่

Jordan Henderson
Liverpool FC v Chelsea FC – Premier League | Pool/Getty Images

ข้อมูลการแข่งขัน
การแข่งขัน : ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ 2019/20
วันแข่งขัน : คืนวันพุธที่ 22 กรกฎาคม 2020
เวลาแข่งขัน : 02.15 น. ตามเวลาประเทศไทย
ผลการแข่งขัน : ลิเวอร์พูล 5-3 เชลซี
สนาม : แอนฟิลด์

ลิเวอร์พูล ฉลองชูถ้วยแชมป์ในบ้านด้วยการอัด เชลซี 5-3 โดยได้ประตูจาก นาบี เกอิต้า นาทีที่ 22 เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ นาทีที่ 38 จินี ไวจ์นัลดุม นาทีที่ 43 โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน นาทีที่ 55 และ อเล็กซ์ อ็อกซ์เหลด-แชมเบอร์เลน นาทีที่ 84 ส่วนทีมเยือนได้ประตูจาก โอลิวิเยร์ ชิรูด์ นาทีที่ 45+2 แทมมี อับราฮัม นาทีที่ 61 และ คริสเตียน พูลิซิช นาทีที่ 73 และจบเกม หงส์แดง ถล่ม สิงห์บลู ผงาดชูถ้วยแชมป์พรีเมียร์ลีก ที่ แอนฟิลด์ ได้สำเร็จ

เริ่มเกมในครึ่งเวลาแรก ทั้งสองทีมผลัดกันทำเกมบุกเข้าใส่กันแต่ยังไม่สามารถหาจังหวะจบสกอร์ได้ในช่วง 5 นาทีแรก

แต่แล้วทีมเยือนมาได้โอกาสลุ้นประตูก่อนจากจังหวะโหม่งจ่อ ๆ ของ เมสัน เมานท์ แต่เจ้าตัวกลับโขกข้ามคานไปอย่างน่าเสียดาย

จนนาทีที่ 22 เจ้าบ้านได้ประตูขึ้นนำก่อน 1-0 จากจังหวะตัดบอลได้นอกกรอบเขตโทษของ นาบี เกอิต้า ก่อนจะซัดไกลบอลเสียบใต้คานเข้าไปอย่างสุดสวย

จากนั้น นาทีที่ 38 เจ้าถิ่นมาได้ประตูนำห่าง 2-0 จากลูกฟรีคิกและเป็น เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ปั่นโค้งเบียดเสาเข้าไป

ช่วงท้ายครึ่งแรก หงส์แดง มาได้ประตูที่สามจากจังหวะเตะมุมผู้เล่น เชลซี สะกัดไม่ขาดบอลไปเข้าทาง ไวจ์นัลดุม ซัดเต็มข้อเข้าไปชนิดที่ เกปา ทำได้แค่ยืนมองเท่านั้น

เกมทำท่าจะจบด้วยสกอร์ 3-0 แต่ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บผู้มาเยือนตีไข่แตกได้สำเร็จเป็น 3-1 จากจังหวะซ้ำจ่อ ๆ ของ โอลิวิเยร์ ชิรูด์

ทำให้จบ 45 นาทีแรก ลิเวอร์พูล ออกนำ 3-1

เริ่มเกมในครึ่งเวลาหลัง เจ้าบ้านเป็นฝ่ายทำได้ดีกว่าชัดเจน และเกือบได้ประตูจากจังหวะหลุดเดี่ยวของ ซาลาห์ แต่กลับยิงผิดเหลี่ยมออกไปอย่างน่าเสียดาย

กระทั่งนาทีที่ 55 เจ้าถิ่นมาได้ประตูที่ 4 จากลูกโยนยาวของ เทรนต์ ไปให้ ฟิร์มิโน โหม่งจ่อ ๆ เข้าไป

หลังจากนั้นนาทีที่ 61 ทีมเยือนยิงตีตื้นมาเป็น 4-2 จากจังหวะลุยเดียวเข้าเขตโทษของ พูลิซิช ก่อนเปิดตัดเข้ากลางให้ อับราฮัม ยิงเข้าไปนิ่ม ๆ

นาทีที่ 73 สิงห์บลู ยิงไล่ขึ้นมาเป็น 4-3 จากจังหวะโต้กลับ โอดอย หลุดมาทางกราบขวาก่อนจะยกมาให้ พูลิซิช แต่งบอลหนึ่งจังหวะก่อนซัดด้วยขวาเต็มข้อเข้าไป

ช่วงท้ายเกม หงส์แดง มาได้ประตูที่ 5 จากการโต้กลับเช่นกัน โรเบิร์ตสัน หลุดขึ้นมาทางซ้ายก่อนเปิดเข้ากลางบอลเลยมาถึง อ็อกซ์เหลด-แชมเบอร์เลน ซัดผ่านมือ เกปา เข้าไปตุงตาข่ายในนาทีที่ 84

ทำให้จบ 90 นาที ลิเวอร์พูล เปิดบ้านเอาชนะ เชลซี ไปได้ 5-3 ก่อนจะรับถ้วย แชมพรีเมียร์ลีก ใน แอนฟิลด์ อย่างยิ่งใหญ่

รายชื่อผู้เล่นของทั้ง 2 ทีม

ลิเวอร์พูล : อลิสซอน, อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โกเมซ, ฟาน ไดค์, โรเบิร์ตสัน, ฟาบินโญ, ไวนัลดุม, เกอิต้า, มาเน, ซาลาห์, ฟิร์มิโน

ตัวสำรอง : อาเดรียน, ลอฟเรน, อ็อกซ์เหลด-แชมเบอร์เลย, มินามิโนะ, ชากิรี, โอริกี, โจนส์, มิลเนอร์, ลัลลานา

เชลซี : เคปา, อัซปิลิกวยต้า, รือดิเกอร์, ซูมา, เจมส์, อลอนโซ, จอร์จินโญ, โควาชิช, วิลเลียน, ชิรูด์, เมานท์

ตัวสำรอง : คาบาเยโร, คริสเตนเซน, โทโมรี, เอเมอร์สัน, ลอฟตัส-ชีค, เปโดร, ฮัดสัน-โอดอย, พูลิซิช, อับราฮัม

[MATCH REPORT] ดิ้นหนีตายอีกเฮือก ! แอสตัน วิลลา เปิดบ้านดับ อาร์เซนอล 1-0 พ้นโซนอันตราย พรีเมียร์ลีก

Trezeguet
Aston Villa v Arsenal FC – Premier League | Shaun Botterill/Getty Images

ข้อมูลการแข่งขัน
การแข่งขัน : ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ 2019/20
วันแข่งขัน : คืนวันอังคารที่ 21 กรกฎาคม 2020
ผลการแข่งขัน : แอสตัน วิลลา 1-0 อาร์เซนอล
สนาม : วิลลา พาร์ค

ประตูโทนจาก เทรเซเก้ต์ ตั้งแต่นาทีที่ 27 ของ แอสตัน วิลลา พาทัพ สิงห์ผยอง เปิดรัง วิลลา พาร์ค คว่ำ อาร์เซนอล 1-0 ทำให้ลูกทีมของ ดีน สมิธ ขยับอันดับพ้นจากโซนตกชั้นขึ้นมาอยู่ที่ 17 บนตารางคะแนน (34) แต้ม ขณะที่ ไอ้ปืนใหญ่ หมดสิทธิ์ทำแต้มคว้าโควต้า ยูโรปาลีก ผ่านอันดับบนตาราง พรีเมียร์ลีก เป็นที่เรียบร้อย

ประตูชัยของ วิลลา ได้จากจังหวะลูกเตะที่ฝั่งซ้ายเมื่อ คอเนอร์ อูริฮาน โยนด้วยซ้ายบอลโค้งเข้าไปในกรอบเขตโทษ ไทโรน มิงส์ ได้ทะยานโขกเช็ดก่อนบอลตกไปที่เสาไกลถึง เทรเซเก้ต์ ซัดเต็มแรงด้วยเท้าขวา บอลพุ่งเบียดเสาผ่านมือ เอมิเลียโน มาร์ติเนซ​ ตุงตาข่าย ก่อนที่จะจบเกมด้วยการที่ เดอะกันเนอร์ส ไม่สามารถยิงตรงกรอบคู่แข่งได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว

รายชื่อผู้เล่นของทั้ง 2 ทีม
แอสตัน วิลลา : เรนา, เอลโมฮามาดี้, คอนซา, มิงส์,​ ทาร์เก็ตต์, แม็คกินน์, ดักลาส ลุยซ์, ฮูริฮาน, เทรเซเก้ต์, ซามัตตา, กรีลีช
ตัวสำรอง : ไนแลนด์, กิลแบร์, ฮอส, นาคัมบา, ลานส์บิวรู, โชต้า, เอล กาซี, วาสซิเลฟ, เดวิส

อาร์เซนอล : มาร์ติเนซ, โฮลดิ้ง, ดาวิด ลุยซ์, โคลาซินาช, เซดริก, เซบายอส, ตอร์เรย์รา, ซาก้า, เอ็นเคเทียห์, โอบาเมยอง, ลากาเซ็ตต์
ตัวสำรอง : เมซีย์, เบเยริน, เทียร์นีย์, โซคราติส, เมตแลนด์-ไนลส์, วิลล็อค, ชาก้า, สมิธ, เปเป้

แอสตัน วิลลา พบ อาร์เซนอล : พรีวิว พรีเมียร์ลีก, วัน+เวลาการแข่งขัน, ถ่ายทอดสด

Aston Villa vs Arsenal : Premier League 2019/20
Aston Villa vs Arsenal : Premier League 2019/20

ข้อมูลการแข่งขัน
การแข่งขัน : ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ 2019/20
วันแข่งขัน : คืนวันอังคารที่ 21 กรกฎาคม 2020
เวลาแข่งขัน : 02.15 น. ตามเวลาประเทศไทย
คู่แข่ง : แอสตัน วิลลา พบ อาร์เซนอล
สนาม : วิลลา พาร์ค
ถ่ายทอดสด : True Premier Football HD 1

ความพร้อมของทั้งสองทีม

แอสตัน วิลลา
ทีมของ ดีน สมิธ ฟอร์มดูจะดีขึ้นมาเล็กน้อยในช่วง 2 นัดหลัง ด้วยการเอาชนะ คริสตัล พาเลซ และยันเสมอ เอฟเวอร์ตัน นั่นจึงทำให้พวกเขายังมีหวังที่จะอยู่รอดในฤดูกาลนี้ โดยปัจจุบันรั้งอันดับ 18 มีแต้มห่างจากโซนปลอดภัย 3 คะแนนเท่านั้น แต่เกมกลางสัปดาห์นี้พวกเขาต้องรับมือกับ อาร์เซนอล ที่ช่วงหลังฟอร์มค่อนข้างดี แถมพึ่งจะโค่น แมนฯ ซิตี้ มาได้ในศึก เอฟเอ คัพ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ทำให้ทีมปืนใหญ่ น่าจะกำลังมั่นใจเต็มที่ ต้องมาดูกันว่าพลังแห่งการหนีตายจะสามารถต้านทานกับความมั่นใจอันเต็มเปี่ยมในเกมนี้ได้หรือไม่

สภาพทีม ณ ปัจจุบัน ทีมมีปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บค่อนข้างเยอะทั้ง ยอร์น อังเคลส์ ทอม ฮีตัน และ เวสลีย์ ที่จะลงสนามในเกมนี้ไม่ได้แน่นอนแล้ว

คาดการณ์ 11 ตัวจริง
ผู้รักษาประตู เรนา
กองหลัง – คอนซา, ฮาวส์, มิงส์, เทย์เลอร์
กองกลาง – ลุยซ์, แม็คกินน์, ทาร์เก็ตต์, กรีลิช
กองหน้า – เดวิส, ซามาทา

อาร์เซนอล
พลพรรคปืนใหญ่ ทำผลงานอย่างยอดเยี่ยมในช่วงหลัง โดยเฉพาะเกมล่าสุดที่พลิกล็อกเอาชนะ แมนฯ ซิตี้ มาได้สด ๆ ร้อน ๆ เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา ทะลุเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ ฤดูกาลนี้ได้สำเร็จ วันอังคารนี้ทีมของ มิเกล อาร์เตต้า จะมีคิวออกไปเยือน แอสตัน วิลลา ที่กำลังดิ้นรนอย่างหนักเพื่อโอกาสในการรอดตกชั้นฤดูกาลนี้ แถม ทัพสิงห์ผงาด กำลังกระหาย 3 คะแนนเป็นอย่างยิ่ง ต้องมาดูว่าทีมของ ดีน สมิธ นั้นจะทำเซอร์ไพรส์อะไรในเกมวันนี้ได้หรือไม่

สภาพทีมก่อนลงทำการแข่งขัน จะยังไม่สามารถใช้งานผู้เล่นตัวหลักได้หลายรายทั้ง ปาโบล มารี กาเบรียล มาร์ติเนลลี แบรนด์ เลโน และ คัลลัม แชมเบอร์ส ส่วนรายของ เมซุต เออซิล และ มัตเตโอ เกนดูซี คาดว่า อาร์เตต้า จะยังไม่ใส่ชื่อของทั้งสองคนเป็นหนึ่งในขุมกำลังบุก วิลลา พาร์ค คืนวันอังคารนี้

คาดการณ์ 11 ผู้เล่นตัวจริง
ผู้รักษาประตู – มาร์ติเนซ
กองหลัง – ลุยซ์, มุสตาฟี, เทียร์นีย์
กองกลาง – เนลสัน, ชาก้า, เซบายอส, ซาก้า
กองหน้า – โอบาเมยอง, ลากาเซ็ตต์, เปเป้

ผลงาน 5 นัดหลังสุดของทั้งสองทีม

แอสตัน วิลลา – ชนะ 1 เสมอ 1 แพ้ 3
17/07/20 PL – เอฟเวอร์ตัน 1-1 แอสตัน วิลลา
12/07/20 PL – แอสตัน วิลลา 2-0 คริสตัล พาเลซ
10/07/20 PL – แอสตัน วิลลา 0-3 แมนฯ ยูไนเต็ด
05/07/20 PL – ลิเวอร์พูล 2-0 แอสตัน วิลลา
27/06/20 PL – แอสตัน วิลลา 0-1 วูล์ฟ

อาร์เซนอล – ชนะ 3 เสมอ 1 แพ้ 1

19/07/20 FA – อาร์เซนอล 2-0 แมนฯ ซิตี้

16/07/20 PL – อาร์เซนอล 2-1 ลิเวอร์พูล

12/07/20 PL – สเปอร์ส 2-1 อาร์เซนอล

08/07/20 PL – อาร์เซนอล 1-1 เลสเตอร์ ซิตี้

04/07/20 PL – วูล์ฟส 0-2 อาร์เซนอล

เฮดทูเฮท – แอสตัน วิลลา ชนะ 0 เสมอ 0 อาร์เซนอล ชนะ 5

22/09/19 PL – อาร์เซนอล 3-2 แอสตัน วิลลา

15/05/16 PL – อาร์เซนอล 4-0 แอสตัน วิลลา

13/12/15 PL – แอสตัน วิลลา 0-2 อาร์เซนอล

30/05/15 FA – อาร์เซนอล 4-0 แอสตัน วิลลา

01/02/15 PL – อาร์เซนอล 5-0 แอสตัน วิลลา

(PL = พรีเมียร์ลีก / UCL = ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก / UEL = ยูโรปาลีก / FA = เอฟเอ คัพ / EFL = คาราบาว คัพ / CS = คอมมูนิตี้ ชิลด์ / FL = กระชับมิตร)

เก็บตก 5 ประเด็นร้อนหลังเกม เอฟเอ คัพ รอบ 4 ทีมสุดท้าย สิงห์บลู ทะลุเข้าชิง

โดย Saksorn Nenlert | Jul 19 2020

Bruno Fernandes, Olivier Giroud, Mateo Kovacic
Manchester United v Chelsea – FA Cup: Semi Final | Pool/Getty Images

ข้อมูลการแข่งขัน
การแข่งขัน : ฟุตบอล เอฟเอ คัพ รอบ 4 ทีมสุดท้าย
วันแข่งขัน : คืนวันอาทิตย์ที่ 19 กรกฎาคม 2020
เวลาแข่งขัน : 00.00 น. ตามเวลาประเทศไทย
ผลการแข่งขัน : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-3 เชลซี
สนาม : เวมบลีย์

1. รูปเกมที่ เชลซี ทำได้ดีกว่าค่อนข้างชัดเจน

เกมวันนี้แม้ตัวเลขสถิติการครองบอลของทั้งสองทีมจะใกล้เคียงกัน แต่หากใครได้ดูการถ่ายทอดสดในนัดนี้จะเห็นได้ชัดเลยว่า สิงโตน้ำเงินคราม ของ แฟรงค์ แลมพาร์ด ทำได้ดีกว่าตั้งแต่ต้นเกมไปจนจบ 90 นาที รวมไปถึงตัวเลขสถิติต่าง ๆ ทั้งการเข้าทำ (เชลซี 13 เข้ากรอบ 7 / แมนฯ ยูไนเต็ด 7 เข้ากรอบ 3) การเข้าปะทะ (เชลซี 14 / แมนฯ ยูไนเต็ด 7) การเลี้ยงผ่านคู่แข่ง (เชลซี 14 / แมน ฯ ยูไนเต็ด 8) ตัวเลขเหล่านี้กับรูปเกมที่ออกมามันจึงบ่งบอกได้ชัดเจนในตัวมันเองอยู่แล้วว่า สิงห์บลู ทำได้ดีกว่าและสมควรได้ไปต่อในค่ำคืนนี้

2. การจัดตัวแบบอินดี้ของทั้ง โชลชา และ แลมพาร์ด

แม้ทั้งสองทีมจะเคยทดลองใช้แผนเซ็นเตอร์แบ็ค 3 คนมาบ้างแล้วในช่วงฤดูกาลที่ผ่านมา แต่แฟนบอลของทั้งคู่จะรู้ดีว่า มันไม่ใช่แผนการเล่นหลักที่ทำให้ทีมทำผลงานได้ดีจนมาถึงทุกวันนี้ เพราะเดิมทีทั้ง แมนฯ ยูไนเต็ด และ เชลซี ใช้แผนการเล่นแบบ 4-3-3 มาโดยตลอดในช่วงหลัง แต่หลังจากไลน์อัพในเกมนี้ออกมา ทั้งสองทีมกลับเล่นโดยใช้แผนวิงแบ็ค+เซ็นเตอร์ 3 ตัว โดย ปีศาจแดง เล่นในระบบ 3-5-2 ส่วน สิงห์บลู เล่นในระบบ 3-4-3 นี่จึงอาจเป็นส่วนทำให้เกมในช่วงครึ่งเวลาแรกดูน่าเบื่อชวนหลับพอสมควรเพราะบอลส่วนใหญ่เน้นสู้กันที่แดนกลางเป็นหลักนั่นเอง

3. แม็คไกวร์ เล่นไม่สมค่าตัว (อีกแล้ว)

เกมนี้หนึ่งคนที่มีส่วนกับความผิดพลาดจนส่งผลให้ทีมพ่ายแพ้มากที่สุดคนหนึ่งก็คือ แฮร์รี แม็คไกวร์ กองหลังดีกรีค่าตัวแพงที่สุดในโลก ซึ่งวันนี้นอกจากดูจะมีปัญหาในการประกบผู้เล่นอย่าง โอลิวิเยร์ ชิรูด์ แล้ว เจ้าตัวยังเป็นสังหาร เอริค ไบญี ให้กลับเข้าไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลอีกครั้งในช่วงท้ายครึ่งแรกจากจังหวะขึ้นโหม่งแบบไม่ดูตาม้าตาเรือ แถมในครึ่งหลังเขายังเป็นผู้ทำประตูฝังทีมตัวเองด้วยการสะกัดผิดเหลี่ยมเข้าประตูไปอีกต่างหาก

ซึ่งนี่ไม่ใช่เกมแรกที่เซ็นเตอร์ค่าตัว 80 ล้านปอนด์ฟอร์มเริ่มออกทะเล เพราะดูเหมือนว่าหลายเกมก่อนหน้านี้เจ้าตัวก็เล่นได้ต่ำกว่ามาตรฐานที่ควรจะเป็นมากสักพักหนึ่งแล้ว แต่ยังดีที่วันก่อน ๆ แนวรุกสามารถผลิดสกอร์ได้เป็นกอบเป็นกำจนกลบจุดอ่อนในเกมรับให้ดูเบาบางลงไป แต่เมื่อวันใดที่เกมรุกไม่ทำงาน ความผิดพลาดเช่นนี้จะเห็นได้ชัดเจนว่าเป็นปัญหา และมันสามารถชี้ขาดผลการแข่งขันได้ดังเช่นในเกมค่ำคืนนี้

4. บรูโน เป็นทุกอย่างมากเกินไป

เป็นอีกนัดที่เราเห็นได้ชัดเจนว่า โอเล กุนนาร์ โซลชา วางแผนมาให้ บรูโน เฟอร์นันเดส เป็นทุกอย่างของทีมแต่เพียงผู้เดียว ทั้งเชื่อมเกม ล้วงบอล โฮลด์บอล ออกบอล แถมยังต้องไล่บอลช่วยเกมรับ หรือบางครั้งยังต้องสอดเข้าเขตโทษหาโอกาสจบสกอร์เองอีก ซึ่งแน่นอนเพลย์เมกเกอร์รายนี้สามารถทำสิ่งเหล่านั้นได้ แต่…

การที่ฟุตบอลลงเตะต่อเนื่องสัปดาห์ละ 2-3 เกมติดต่อกันเป็นแรมเดือน นั่นย่อมส่งผลถึงสภาพร่างกายและพละกำลังของนักเตะ ซึ่งนั่นคือปัญหาที่ บรูโน กำลังเผชิญอยู่ ผลจากการเป็นคีย์แมนอันดับหนึ่งจนทีมขาดเขาไปไม่ได้และจำเป็นต้องส่งลงสนามทุกเกมเพราะทุกนัดล้วนมีความหมาย นั่นจึงทำให้ฟอร์มของเขาเริ่มดร็อปลงในช่วงหลายนัดหลัง รวมถึงเกมนี้ที่เห็นได้ชัดว่าถึงความเหนื่อยล้าจากการกรำศึกหนักมาต่อเนื่องนั่นเอง

5. ชิรูด์ แจ้งเกิดกับทีมได้อีกครั้ง

ก่อนหน้านี้ใครหลายคนแม้แต่แฟนบอล เชลซี เอง ต่างก็มองว่ากองหน้าอย่าง โอลิวิเยร์ ชิรูด์ คงหมดไฟ และหมดอนาคตกับทีมเป็นที่เรียบร้อย แต่แล้วอดีตหัวหอกจาก อาร์เซนอล รายนี้ ก็พิสูจน์ให้เห็นว่ายังมีดีอยู่ในตัวอีกมาก ด้วยผลงานการถล่มประตูให้กับทีมได้อย่างเป็นกอบเป็นกำในช่วงหลัง รวมถึงการทำประโยชน์และสร้างสรรค์เกมในฐานะกองหน้าตัวเป้า ที่แม้จะไม่มีความเร็วความคล่องตัวเหมือน แทมมี อับราฮัม แต่มันก็ถูกแทนที่ด้วยความแข็งแกร่งและประสบการณ์ที่สามารถงัดออกมาใช้ได้ค่อนข้างถูกเวลา จนทำให้ในที่สุดเจ้าตัวสามารถเบียดยึดตำแหน่งตัวจริงคืนมาได้อย่างต่อเนื่องพร้อมกับแจ้งเกิดในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ อย่างเป็นทางการอีกครั้งด้วยวัย 33 ปีเต็ม !

[ข่าวซื้อขาย] ดีลนี้เวิร์ค ! เมอร์สัน เชียร์ อาร์เซนอล ซื้อ จอห์น สโตนส์ เสริมแนวรับ

John Stones
Manchester City v Newcastle United – Premier League | Pool/Getty Images

พอล เมอร์สัน ตำนานลูกหนังทีม อาร์เซนอล แนะนำให้ มิเกล อาร์เตตา ซื้อ จอห์น สโตนส์ กองหลังวัยรุ่นจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เสริมทัพโดยด่วน หากอยากแก้ปัญหาแนวรับรั่วอย่างจริงจัง

“ไอเดียของผมคืออยากให้ อาร์เซนอล ซื้อตัว จอห์น สโตนส์ จาก แมนฯ ซิตี้ มาร่วมทีมหลังจบฤดูกาลนี้ เพราะดูเหมือนว่าเขาจะไม่ค่อยได้รับความเชื่อใจจาก เป๊ป กวาร์ดิโอลา มากเท่าไหร่” เมอร์สัน กล่าวกับ Daily Star

“อย่างที่ทราบกันดีว่าทีมเราจำเป็นต้องยกระดับเกมรับให้ดีขึ้นโดยด่วน ไม่ใช่ว่า ดาวิด ลุยซ์ ไม่เก่งนะ แต่เขาก่อความผิดพลาดจนทำให้โดนคู่ต่อสู้ยิงมากเกินไป”

“ขณะเดียวกัน สโตนส์ เป็นเด็กหนุ่มชาวอังกฤษ อายุน้อยทำให้มีโอกาสพัฒนาฝีเท้าขึ้นกว่านี้จนหยั่งไม่ถึง และหากได้ทำงานร่วมกับกุนซือแบบ อาร์เตตา ไม่ต้องสืบเลย ระเบิดฟอร์มเทพต่อเนื่องทุกนัดชัวร์”

พรีวิว เอฟเอ คัพ, วัน+เวลาการแข่งขัน, ถ่ายทอดสด

Arsenal vs Manchester City : FA Cup 2019/20
Arsenal vs Manchester City : FA Cup 2019/20

ข้อมูลการแข่งขัน
การแข่งขัน : ฟุตบอล เอฟเอ คัพ รอบ 4 ทีมสุดท้าย
วันแข่งขัน : คืนวันเสาร์ที่ 18 กรกฎาคม 2020
เวลาแข่งขัน : 01.45 น. ตามเวลาประเทศไทย
คู่แข่งขัน :  อาร์เซนอล พบ แมนเชสเตอร์ ซิตี้
สนาม : เวมบลีย์

ความพร้อมของทั้งสองทีม

อาร์เซนอล
พลพรรคปืนใหญ่ ผลงานค่อนข้างดีในช่วงหลัง แถมในเกมล่าสุดยังพลิกล็อกเอาชนะ ลิเวอร์พูล มาได้สด ๆ ร้อน ๆ เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา สุดสัปดาห์นี้ทีมของ มิเกล อาร์เตต้า จะมีคิวลงทำศึก เอฟเอ คัพ รอบ 4 ทีมสุดท้ายกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่เกมล่าสุดพวกเขาพึ่งจะบุกไปพ่ายมาแบบหมดรูปเมื่อช่วงกลางเดือน มิถุนายน ที่ผ่านมา ต้องมาลุ้นกันว่าในเกมนี้ อาร์เตต้า จะล้างตานายเก่าอย่าง เป๊ป กวาร์ดิโอลา ได้สำเร็จหรือไม่

สภาพทีมก่อนลงทำการแข่งขัน จะยังไม่สามารถใช้งานผู้เล่นตัวหลักได้หลายรายทั้ง ปาโบล มารี กาเบรียล มาร์ติเนลลี แบรนด์ เลโน และ คัลลัม แชมเบอร์ส แต่จะได้ เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ พ้นโทษแบนกลับมาเป็นตัวเลือกในแดนหน้าอีกครั้ง ส่วนรายของ เมซุต เออซิล และ มัตเตโอ เกนดูซี ต้องมาลุ้นกันว่า อาร์เตต้า จะใส่ชื่อของทั้งสองคนเข้ามาในเกมนี้หรือไม่

คาดการณ์ 11 ผู้เล่นตัวจริง
ผู้รักษาประตู – มาร์ติเนซ
กองหลัง – เซดริก, ลุยซ์, โซคราติส, เทียร์นีย์
กองกลาง – เนลสัน, ชาก้า, เซบายอส
กองหน้า – ซาก้า, เอ็นเคเทียห์, เปเป้

แมนเชสเตอร์ ซิตี้
กลับมาทำผลงานได้ดีอีกครั้งในช่วง 3 นัดหลังที่กลับมาชนะรวดแถมยิงคู่แข่งได้ถึง 12 ประตูและเสียไปเพียง 1 ลูกเท่านั้นหลังจากพลาดท่าแพ้ให้กับ เซาต์แธมป์ตัน เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา โดยเกมสุดสัปดาห์นี้ เป๊ป กวาร์ดิโอลา มีคิวลงทำศึก เอฟเอ คัพ กับ อาร์เซนอล ที่ฟอร์มดูดีขึ้นมาในช่วงหลัง ดังนั้นจึงอาจไม่ใช่งานง่ายในการเก็บชัยชนะในนัดนี้เหมือนกับเกมล่าสุดที่พวกเขาพึ่งจะเปิดบ้านถล่มไปถึง 3-0 ในเกมนัดล่าสุดที่พบกัน

สภาพทีม ณ ปัจจุบัน แมนฯ ซิตี้ มีผู้เล่นบาดเจ็บอยู่เพียงรายเดียวเท่านั้นคือ เซร์คิโอ อเกวโร กองหน้าตัวเก่งชาวอาร์เจนไตน์ ส่วนตัวหลักรายอื่น ๆ ฟิตพร้อมลงสนามในเกมนี้ทั้งหมด

คาดการณ์ 11 ผู้เล่นตัวจริง
ผู้รักษาประตู – เอแดร์ซอน
กองกลัง – คันเซโล, การ์เซีย, ลาปอร์ต, ซินเชนโก้
กองกลาง – ซิลบา, โรดรี, เดอ บรอยน์
กองหน้า – สเตอร์ลิง, เชซุส, มาห์เรซ

ผลงาน 5 นัดหลังสุดของทั้งสองทีม

อาร์เซนอล – ชนะ 3 เสมอ 1 แพ้ 1
16/07/20 PL – อาร์เซนอล 2-1 ลิเวอร์พูล
12/07/20 PL – สเปอร์ส 2-1 อาร์เซนอล
08/07/20 PL – อาร์เซนอล 1-1 เลสเตอร์ ซิตี้
04/07/20 PL – วูล์ฟส 0-2 อาร์เซนอล
02/07/20 PL – อาร์เซนอล 4-0 นอริช

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ – ชนะ 4 เสมอ 0 แพ้ 1
16/07/20 PL – แมนฯ ซิตี้ 2-1 บอร์นมัธ
12/07/20 PL – ไบรท์ตัน 0-5 แมนฯ ซิตี้
09/07/20 PL – แมนฯ ซิตี้ 5-0 นิวคาสเซิล
06/07/20 PL – เซาต์แธมป์ตัน 1-0 แมนฯ ซิตี้
03/07/20 PL – แมนฯ ซิตี้ 4-0 ลิเวอร์พูล

เฮดทูเฮท – แมนฯ ซิตี้ ชนะ 5 เสมอ 0 อาร์เซนอล ชนะ 0
18/06/20 PL – แมนฯ ซิตี้ 3-0 อาร์เซนอล
15/12/19 PL – อาร์เซนอล 0-3 แมนฯ ซิตี้
03/02/19 PL – แมนฯ ซิตี้ 3-1 อาร์เซนอล
12/08/18 PL – อาร์เซนอล 0-2 แมนฯ ซิตี้
02/03/18 PL – อาร์เซนอล 0-3 แมนฯ ซิตี้

(PL = พรีเมียร์ลีก / UCL = ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก / UEL = ยูโรปาลีก / FA = เอฟเอ คัพ / EFL = คาราบาว คัพ / CS = คอมมูนิตี้ ชิลด์ / FL = กระชับมิตร)

[Player Ratings] แรชฟอร์ด ฟอร์มดุ ! ตัดเกรดแข้ง แมนฯ ยูไนเต็ด-คริสตัล พาเลซ เกม ปีศาจแดง บุกเชือด 0-2

Paul Pogba
Crystal Palace v Manchester United – Premier League | Pool/Getty Images

ข้อมูลการแข่งขัน
การแข่งขัน : ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ 2019/20
วันแข่งขัน : คืนวันพฤหัสบดีที่ 16 กรกฎาคม 2020
เวลาแข่งขัน : 02.15 น. ตามเวลาประเทศไทย
ผลการแข่งขัน : คริสตัล พาเลซ 0-2 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
สนาม : เซลเฮิสต์ พาร์ค

คะแนนผู้เล่นทั้งสองทีม

คริสตัล พาเลซ : กูไอต้า(6.5), วอร์ด(6.5), แดนน์(6.5), ซาโก้(6), ฟาน อานโฮลท์(6.5), มิลิโวเยวิช(6.5), แม็คคาร์ธีย์(6.5), แม็คอาเธอร์(6), ซาฮา(7), ทาวน์เซนต์(6), อายิว(7)

ตัวสำรอง : มิทช์เชลล์(5.5), ไรด์วอลด์(5.5), ชลุปป์(5.5)

คีย์แมน – จอร์แดน อายิว
หัวหอกดีกรีดาวซัลโวของทีมในฤดูกาลนี้ จัดว่าสามารถสร้างปัญหาให้กับแนวรับของ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ระดับหนึ่งเลยทีเดียว ด้วยความเร็วและความแข็งแกร่งทำให้วันนี้เขาสามารถเก็บบอลในแดนหน้าได้หลายครั้ง รวมถึงมีจังหวะยิงเข้าประตูไปแล้วแต่ VAR จำได้ว่าเป็นลูกล้ำหน้าชนิดที่เรียกได้ว่าล้ำหน้าไปประมาณ 1 เซนติเมตร จึงทำให้ถูกเรียกประตูคืนไปอย่างน่าเสียดาย

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด: เด เคอา(7.5), วาน-บิสซาก้า(7), ลินเดเลิฟ(7), แม็คไกวร์(7), โฟซู-เมนซาห์(6.5), แม็คโทมิเนย์(6.5), ป็อกบา(6.5), กรีนวูด(6), เฟร์นันเดส(7), แรชฟอร์ด(8), มาร์กซิยาล(7.5)

ตัวสำรอง: มาติช(6), ลินการ์ด(6)

คีย์แมน – มาร์คัส แรชฟอร์ด
เกมนี้เจ้าหนู แรชฟอร์ด จัดว่าฟอร์มค่อนข้างโดดเด่นเลยทีเดียว ในการใช้ความเร็วเจาะแนวรับของเจ้าบ้าน ซึ่งผ่านได้หลายต่อหลายครั้งในเกมวันนี้ แถมจังหวะเล่นทีมเวิร์คต่อบอลกับเพื่อนร่วมทีมก็ทำได้อย่างแม่นยำไร้ที่ติ จนเป็นที่มาของ 1 ประตูในช่วงครึ่งแรกที่ใช้ความสามารถเฉพาะตัวหลอกผู้เล่น พาเลซ ไปได้ถึง 3 คนก่อนจะยิ่งเข้าไปแบบง่าย ๆ และอีก 1 แอสซิสต์ จากการทำชิ่งให้ มาร์กซิยาล ได้หลุดเข้าไปยิงโล่ง ๆ เป็นประตูปิดกล่องให้กับทีมในวันนี้

[PLAYER RATINGS] วินัยแข้งปืนพาซิวชัย ! ตัดเกรดนักเตะ อาร์เซนอล และ ลิเวอร์พูล เกมปืนใหญ่ดับหงส์แดง 2-1

Reiss Nelson
Arsenal FC v Liverpool FC – Premier League | Shaun Botterill/Getty Images

ข้อมูลการแข่งขัน
การแข่งขัน : ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ 2019/20
วันแข่งขัน : คืนวันพุธที่ 15 กรกฎาคม 2020
ผลการแข่งขัน :  อาร์เซนอล 2-1 ลิเวอร์พูล
สนาม : เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม

คะแนนนักเตะ อาร์เซนอล
เอมิเลียโน มาร์ติเนซ – 8/10
งัดเซฟสำคัญนับครั้งไม่ถ้วนเมื่อ หงส์แดง เป็นฝ่ายครองบอลบุกเข้าใส่อย่างต่อเนื่อง นับเป็นหัวใจสำคัญพาทีมเก็บ 3 คะแนนเต็มได้ในเกมนี้

ร็อบ โฮลดิ้ง – 9/10
เสียตำแหน่งจนเป็นเหตุให้เสียประตูแต่หลังจากนั้นเจ้าตัวยกระดับกรเล่นได้อย่างยอดเยี่ยม รับมือกับเกมรุกครั้งแล้วครั้งเล่าของ หงส์แดง ได้อย่างน่าประทับใจ

ดาวิด ลุยซ์ – 7/10
มีจังหวะบล็อกโอกาสสำคัญของทีมเยือนให้เห็นแม้ว่าจะมีช็อตหลุดไปบ้างก็ตาม ค่อยๆ จับจังหวะของเกมได้ดีขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป

คีแรน เทียร์นีย์ – 8/10
รับมือกับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ได้อยู่หมัดเช่นเดียวกับการปิดการขึ้นเกมของ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ จนทำให้ หงส์แดง ต้องไปขึ้นเกมเน้นที่อีกฝั่งแทนที่

เซดริก โซอาเรส – 7/10
ออกสตาร์ทได้น่าพอใจในระดับหนึ่งเมื่อเทียบกับอีกฝั่งก่อนที่จะงานชุกในการรับมือ แอนดี้ โรเบิร์ตสัน อย่างต่อเนื่อง

ลูคัส ตอร์เรย์รา – 7/10
เริ่มต้นเกมด้วยการตัดบอลที่แดนกลางของ หงส์แดง ได้ดีและสามารถรักษาระดับความยอดเยี่ยมได้ตลอดเกมก่อนที่จะถูกเปลี่ยนตัวออกมาพักในครึ่งหลัง

กรานิท ชาก้า – 8/10
รับบทจอมทัพในแดนกลางของ ไอ้ปืนใหญ่ ไล่บีบพื้นที่ต่อกรกับแนวรับของ เร้ดแมชีน ได้น่าประทับใจ สอดประสานงานกับ ดาวิด ลุยซ์ ได้ดี และมีส่วนสำคัญในการป้องกันโอกาสของ ซาลาห์ ในช่วงท้ายเกม

บูคาโย ซาก้า – 6/10
ไม่ได้มีบทบาทกับเกมมากนัก

รีสส์ เนลสัน – 7/10
แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นตลอดทั้งเกม มีส่วนร่วมกับทั้ง 2 ประตูเมื่อเป็นคนไล่บีบพื้นที่ทั้ง เวอร์จิล ฟาน ไดค์ และ อลิสซอน เบ็คเกอร์ จนเกิดความผิดพลาด จบเกมด้วยการมีชื่อบนสกอร์บอร์ด 1 ประตู

อเล็กซองดร์ ลากาเซ็ตต์ – 8/10
ประจำการในตำแหน่งที่ต่ำกว่าปกติทำให้มีส่วนร่วมในการเซ็ตเกมรุกของ อาร์เซนอล แสดงให้เห็นถึงปฎิกิริยาที่รวดเร็วกับการฉวยโอกาสจากความผิดพลาดของ ฟาน ไดค์ และตัดลูกผ่านบอลของ อลิสซอน จนทำให้ทีมได้ประตูที่ 2

นิโกลาส์ เปเป้ – 6/10
ลูกกระชากลากเลื้อยอันเป็นทีเด็ดของเจ้าตัวไม่มีประสิทธิภาพมากนักในเกมนี้

ตัวสำรอง
โจ วิลล็อค (5/10), ดานี เซบายอส (6/10), ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง (6/10), เอนสลีย์ เมตแลนด์-ไนลส์ (6/10), เซอัด โคลาซินาช (N/A)

คะแนนนักเตะ ลิเวอร์พูล
อลิสซอน เบ็คเกอร์ – 5/10
ไม่ได้มีงานยากนักเมื่อทีมเป็นฝ่ายดาหน้าบุกเข้าใส่ตลอดทั้งเกม หากแต่มีความผิดพลาดจนทำให้ทีมเสียประตู

เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ – 6/10
บอลจากเท้าของเจ้าตัวไม่สามารถหวังผลได้อย่างเคย

โจ โกเมซ – 8/10
มีช็อตป้องกันเกมรุกของเจ้าบ้านได้อย่างน่าประทับใจแต่นอกเหนือจากนั้นไม่ได้เจอกันงานยากเลย

เวอร์จิล ฟาน ไดค์ – 5/10
ออกลูกประมาทจนเป็นเหตุให้ทีมเสียประตู

แอนดี้ โรเบิร์ตสัน – 7/10
มีบทบาทกับการเติมเกมรุกที่กราบซ้ายอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งเกม ได้แอสซิสต์ในประตูเบิกร่อง

ฟาบินโญ – 7/10
ขับเคลื่อนแดนกลางของ หงส์แดง ได้ดีโดยเฉพาะการยืนตำแหน่งดักเก็บเกมรุกของ ปืนใหญ่

จินี ไวนัลดุม – 6/10
ไม่ได้มีจังหวะผ่านบอลที่หวังผลได้ให้เห็น

อเล็กซ์ อ็อกซ์เหลด-แชมเบอร์เลน – 6/10
ทำได้แค่ประคองเกมและถูกเปลี่ยนตัวออกในครึ่งหลัง มีจังหวะได้ลุ้นยิงทำประตูเน้นๆ 1 ครั้งแต่ทำไม่ดีพอ

โมฮาเหม็ด ซาลาห์ – 6/10
ไม่มีบทบาทกับเกมนักในครึ่งแรกก่อนที่จะยกระดับตัวเองขึ้นมาได้ในครึ่งหลัง ได้ลุ้นทำประตูเหน่งๆ แต่ไม่ผ่านมือ มาร์ติเนซ

โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน – 6/10
บล็อกลูกเปิดเกมของ มาร์ติเนซ เกือบเป็นประตูเมื่อบอลกระดอนไปชนเสา เคลื่อนที่มีส่วนร่วมกับการได้ประตูของทีม

ซาดิโอ มาเน – 7/10
พังประตูให้ หงส์แดง ก่อนที่จะกลายเป็นแข้งในแนวรุกที่วูบวาบที่สุดของ ลิเวอร์พูล ในเกมนี้ น่าเสียดายที่ไม่สามารถช่วยทีมยิงประตูตีเสมอได้

ตัวสำรอง
นาบี เกอิต้า (7/10), ทาคูมิ มินามิโนะ (7/10), ดิว็อค โอริกี (N/A), เซอร์ดาน ชากิรี (N/A)

[PLAYER RATINGS] อัซปิลิกวยต้า-ชิรูด์ คีย์แมน ! ตัดเกรดแข้ง เชลซี เกมดับ นอริช 1-0

Cesar Azpilicueta
Chelsea FC v Norwich City – Premier League | Pool/Getty Images

ข้อมูลการแข่งขัน
การแข่งขัน : ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ 2019/20
วันแข่งขัน : คืนวันอังคารที่ 14 กรกฎาคม 2020
คู่แข่งขัน :  เชลซี 1-0 นอริช ซิตี้
สนาม : สแตมฟอร์ด บริดจ์

คะแนนนักเตะ เชลซี
เคปา อาร์ริซาบาลาก้า – 5/10
ไม่ได้มีจังหวะให้ออกแรงเซฟเลยแม้แต่ครั้งเดียวเมื่อ นอริช ไม่สามารถสร้างจังหวะยิงตรงกรอบได้เลย

เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า – 8/10
วูบวาบกับการขึ้นเกมรุกที่กราบขวาจนเกือบจะมีชื่อบนกสอร์บอร์ดจากจังหวะยิงไกลที่นอกกรอบเขตโทษ

เคิร์ท ซูมา – 6/10
ไม่ได้เจอกับงานยากเลยตลอดทั้งเกม มีช็อตเติมขึ้นไปเล่นลูกเซ็ตพีซได้โหม่งมีลุ้น

อันโตนิโอ รือดิเกอร์ – 6/10
เช่นเดียวกับ ซูมา แต่ผ่านบอลไม่เข้าไปบ่อยครั้ง

มาร์กอส อลอนโซ – 5/10
พาตัวเองมีส่วนร่วมกับเกมรุกบ่อยครั้งแต่น่าจะทำได้ดีกว่านี้ในจังหวะสุดท้าย มีส่วนร่วมกับจังหวะได้ประตูชัยของทีม

มาเตโอ โควาชิช – 6/10
ดูจะเชื่องช้าไปสักนิดกับการเซ็ตบอลเพื่อเปิดเกมรุกก่อนที่จะสามารถเร่งจังหวะของตนเองได้ในครึ่งหลัง

จอร์จินโญ – 4/10
เช่นเดียวกับ โควาชิช และทำได้เพียงผ่านบอลขวางสนามไปมาเท่านั้น

รูเบน ลอฟตัส-ชีค – 5/10
ขึ้นเกมได้อย่างเชื่องช้าแม้จะมีช็อตพลิกบอลสวยๆ ให้เห็น

วิลเลียน – 5/10
ออกสตาร์ทอย่างไม่น่าประทับใจนักในช่วงต้นเกม ไม่ได้มีจังหวะผ่านบอลทะลุทะลวงหรือกระชากเอาชนะแนวรับคู่ต่อสู้ให้เห็นแต่ทำหน้าที่ในเกมรับได้ดี

โอลิวิเยร์ ชิรูด์ – 7/10
เริ่มต้นกับ 2 โอกาสเหน่งๆ ที่ไม่เด็ดขาดมากพอก่อนที่จะโหม่งพังประตูชัยในช่วงท้ายครึ่งแรก

คริสเตียน พูลิซิช – 7/10
ไม่ได้มีพื้นที่ให้กระชากลากเลื้อยมากนักก่อนที่จะสามารถปรับจังหวะในการเล่นได้และทำแอสซิสต์ให้กับ ชิรูด์ ในที่สุด

ตัวสำรอง
รีซ เจมส์ – 5/10

ได้ลงมาครอสบอลสร้างโอกาสให้กับเพื่อนร่วมทีม

รอสส์ บาร์คลีย์ – 6/10
ขับเคลื่อนเกมรุกได้เข้าตา

คัลลัม ฮัดสัน-โอดอย – 6/10
มีจังหวะพาบอลไปด้วยตนเองวูบวาบ

แทมมี อับราฮัม – 5/10
ถูกส่งลงสนามในช่วงท้ายเกม