เก็บตกทุกความเป็นไปหลังเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ปารีส พลิกนรกทดเจ็บ

Marquinhos
Atalanta v Paris Saint-Germain – UEFA Champions League Quarter Final | David Ramos/Getty Images

ข้อมูลการแข่งขัน
การแข่งขัน : ฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 2019/20 รอบ 8 ทีมสุดท้าย
วันแข่งขัน : คืนวันพุธ 12 สิงหาคม
เวลาแข่งขัน : 02:00 น. ตามเวลาประเทศไทย
ผลการแข่งขัน : ปารีส แซงต์ แชร์กแมง 2-1 อตาลันต้า
สนาม : เอสตาดิโอน ดา ลุซ

ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ยิง 2 ประตูรวดช่วงทดเจ็บ เบียดเอาชนะ อตาลันต้า ไปได่อย่างหวุดหวิด โดยได้ประตูจาก มาร์ควินญอส นาทีที่ 90 และ เอริค ชูโพ-โมเต็ง นาทีที่ 90+3 ส่วน คู่แข่งจากอิตาลี ได้ประตูออกนำก่อนตั้งแต่นาทีที่ 27 จาก มาริโอ ปาซาลิช และจบ 90 นาที เปแอสเช พลิกสถานการณ์เข้ารอบ 4 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ

เริ่มเกมในครึ่งเวลาแรก ทั้งสองทีมพยายามเปิดเกมบุกเข้าใส่กันอย่างสนุกและมีโอกาสลุ้นกันทั้งคู่ โดยเฉพาะ ปารีส ที่มีจังหวะน่าได้ประตูจากลูกหลุดเดียวของ เนย์มาร์ แต่กลับยิงออกไปอย่างน่าเสียดาย

จากนั้นด้าน อตาลันต้า เองก็มีจังหวะเกือบขึ้นนำจากลูกโหม่งของ ฮาเตบัว แต่ นาบาส ยังคงบินมาเซฟเอาไว้ได้

ต่อมาเป็น ปารีส ที่เริ่มเป็นฝ่ายครองบอลบุกได้มากกว่าเล็กน้อย ส่วน อตาลันต้า อาศัยรอจังหวะความผิดพลาดและสวนกลับ

กระทั่งนาทีที่ 27 ม้ามึดจาก อิตาลี ขึ้นนำก่อน 1-0 จากจังหวะเก็บตกของ ปาซาลิช และปั่นโค้งผ่านมือ นาบาส เข้าไป

ไม่กี่นาทีต่อมา เนย์มาร์ ได้โอกาสโชว์ลากเดี่ยวก่อนยิงหักข้อหน้าเขตโทษ แต่บอลหลุดเสาออกไปนิดเดียวเท่านั้น

ช่วงเวลาที่เหลือ ยักษ์ใหญ่จากฝรั่งเศส พยายามเปิดเกมบุกอย่างหนักหวังเอาประตูคืน ซึ่งก็มีโอกาสจากความผิดพลาดของคู่แข่งจนทำให้ เนย์มาร์ ได้ดวลเดียวอีกครั้ง แต่ก็ยิงกลับออกไปชนิดที่ไม่ได้ลุ้น

ทำให้จบ 45 นาทีแรก อตาลันต้า ขึ่นนำ 1-0

เริ่มเกมในครึ่งเวลาหลังยังคงเป็น ปารีส ที่เปิดเกมบุกเข้าใส่ แต่ยังหาจังหวะลุ้นประตูไม่ได้ตลอด 15 นาทีแรก

ส่วน อตาลันต้า มีจังหวะใกล้เคียงจากลูกตั้งเตะและเป็น ดิมซิตี ที่ได้โอกาสยิงจ่อ ๆ แต่หลุดกรอบออกไปนิดเดียวเท่านั้น

นาทีที่ 73 ปารีส เกือบตีเสมอได้จาก เอ็มบัปเป้ ตัวสำรองที่หลุดเดี่ยวเข้าเขตโทษแต่ยังคงยิงไปติดเซฟผู้รักษาประตู

เช่นเดียวกับ เนย์มาร์ ที่ไม่กี่นาที่ต่อจากนั้น เจ้าตัวลากเดี่ยวเข้าเขตโทษจนหาจังหวะจบได้ แต่ สปอร์ติลโล ยังคงป้องกันเอาไว้ได้อีกเช่นเคย

ช่วง 10 นาทีสุดท้าย เอ็มบัปเป้ มีโอกาสหลุดเดี่ยวอีกครั้งแต่กองหลัง อตาลันต้า ยังตามมาบล็อคลูกยิงเอาไว้ได้ทัน

เกมทำท่าจะจบลงด้วยชัยชนะของ อตาลันต้า แต่แล้วช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ปารีส ตีเสมอ 1-1 ได้สำเร็จจากจังหวะที่ เนย์มาร์ รับบอลในกรอบเขตโทษก่อนจะจ่ายเข้ากลางให้ มาควินญอส ชาร์จจ่อ ๆ เข้าไป

แถมสองนาทีต่อจากนั้น ปารีส พลิกขึ้นนำได้สำเร็จจากจังหวะที่ เอ็มบัปเป้ หลุดเข้าเขตโทษก่อนตบเข้ากลางให้ ชูโพ โมเต็ง ยิงจ่อ ๆ เข้าไป

ทำให้จบ 90 นาที เปแอสเช พลิกนรกทดเจ็บ เอาชนะไปได้ 2-1 ผ่านเข้าสู่รอบ 4 ทีมสุดท้ายต่อไป

คะแนนนักเตะทั้งสองทีม

ปารีส : นาบาส(6.5), เคห์เรอร์(6.5), ซิลวา(7), คิมเพมเบ้(7), แบร์นาท(7), มาร์ควินญอส(7.5), กานา เกย์(6), เอร์เรรา(6), เนย์มาร์(8.5), ซาราเบีย(6), อิคาร์ดี้(6.5)

ตัวสำรอง : เอ็มบัปเป้(7.5), แดรกซ์เลอร์(6), ปาเรเดส(5.5), ริโก้(5.5), ชูโพ-โมเต็ง(7)

อตาลันต้า : สปอร์ติลโล(7.5), ดิมซิตี(6.5), คัลดารา(6), โทลอย(6.5), ฮาเตบัว(6.5), เดอ รูน(6.5), ฟรัวเลอร์(6.5), กูเซนส์(7), ปาซาลิช(7), โกเมซ(7), ซาปาต้า(6)

ตัวสำรอง : มาลินอฟสกี้(6), ปาลอมิโน(5.5), มูเรียล(5.5), คาสตาญ(5.5), ดา ริวา(5.5)

แมน ออฟ เดอะแมทช์ – เนยมาร์

สตาร์ชาวบราซิลเลียนรายนี้ ต้องบอกว่าเป็นทุกอย่างของทีม ไม่ต่างกับที่ เมสซี ทำที่ บาร์เซโลนา ซึ่งในเกมนี้ที่เจ้าตัวต้องแบกความหวังในเกมรุกเอาไว้บนบ่าแต่เพียงผู้เดียวเพราะ เอ็มบัปเป้ ยังไม่ฟิตมากพอที่จะลงเป็น 11 ตัวจริง ซึ่งภาพรวมก็จัดว่าทำได้อย่างยอดเยี่ยม ติดอย่างเดียวตรงที่การจบสกอร์ที่เขามีจังหวะได้หลุดเดียวหลายครั้งแต่ไม่สามารถเปลี่ยนให่เป็นสกอร์ได้เลย แต่แม้จะไม่มีประตูในค่ำคืนนี้ อดีตแข้งจากบาร์ซ่า ก็พิสูจน์ให้เห็นถึงฝีเท้าของเข้าแล้วว่า “เวิลด์คลาส” ของจริงอย่างไม่มีข้อสงสัย

ประเด็นหลังเกม

ปารีส ทะลุสู่รอบ 4 ทีม รอพอผู้ชนะในวันพรุ่งนี้ !
5 นาทีในช่วงทดเวลาบาดเจ็บของเกมนี้ เพียงพอที่จะทำให้ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง พลิกแซงนรกแตกเบียดชนะไปได้ 2-1 ซึ่งก็น่าเสียดายสำหรับม้ามึดอย่าง อตาลันต้า ที่เกือบจะทำได้อยู่แล้ว แต่ดันมาเสียสมาธิในช่วงท้ายเกมซะนี่ ! และนั่นทำให้ เปแอสเช กลายเป็นทีมที่ผ่านเข้าสู่รอบ 4 ทีมสุดท้ายไปอย่างน่าเจ็บใจ โดยในรายการนี้ยักษ์ใหญ่จากฝรั่งเศสพึ่งจะเคยทะลุเข้าสู่รอบ 4 ทีมได้เป็นครั้งที่สองในประวัติศาสตร์สโมสรเท่านั้น และจะไปรอพบกับผู้ชนะระหว่าง แอร์เบ ไลป์ซิก และ แอตเลติโก มาดริด ที่จะลงแข่งขันในคืนวันพรุ่งนี้ เวลา 2.00 น.

พรีวิว ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้าย, วัน+เวลาการแข่งขัน, ถ่ายทอดสด

Barcelona vs FC Bayern : UEFA Champion League 2019/20
Barcelona vs FC Bayern : UEFA Champion League 2019/20

ข้อมูลการแข่งขัน
การแข่งขัน : ฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 2019/20 รอบ 8 ทีมสุดท้าย
วันแข่งขัน : คืนวันศุกร์ที่ 14 สิงหาคม
เวลาแข่งขัน : 02:00 น. ตามเวลาประเทศไทย
คู่แข่งขัน : บาร์เซโลนา พบ บาเยิร์น มิวนิค
สนาม : เอสตาดิโอน ดา ลุซ
ถ่ายทอดสด : Goal.com Thailand, DAZN Thailand

ความพร้อมของทั้งสองทีม

บาร์เซโลนา

แม้ว่าจะอกหักในฟุตบอลลีกฤดูกาลนี้ แต่ทีมของ กิเก้ เซเตียน ยังคงอยู่ในเส้นทางลุ้นแชมป์ยุโรป โดยรอบ 16 ทีมที่ผ่านมาพวกเขาผ่าน นาโปลี มาได้อย่างไม่ยากเย็นนักด้วยสกอร์รวม 2 นัด 4-2 แต่การต้องโคจรมาพบกับยักษ์ใหญ่อย่าง บาเยิร์น มิวนิค ที่ฟอร์มกำลังร้อนแรงน่าจะเป็นงานยากสุด ๆ ซึ่งแฟน ๆ บาร์ซ่า น่าจะได้เห็นกึ๋นที่แท้จริงของนายใหญ่ชาวสเปนวัย 61 รายนี้ ว่าจะมีดีพอจะพาทีมกลับสู่จุดสูงสุดอีกครั้งหรือไม่

สภาพทีมก่อนลงทำการแข่งขัน จะยังไม่สามารถใช้งานตัวหลักอย่าง เซร์จิโอ บุสเกตส์ อุสมาน เดมเบเล และ ซามูเอล อุมติตี้ ที่ยังมีปัญหาอาการบาดเจ็บได้ในเกมนี้ ส่วนด้านของ อาร์ตู เจ้าตัวได้ปฏิเสธการลงเล่นเกมที่เหลือกับทีมตลอดทั้งฤดูกาลนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

คาดการณ์ 11 ผู้เล่นตัวจริง

ผู้รักษาประตู – แทร์ สเตเก้น

กองกลัง – เซเมโด้, ปิเก้, ล็องเลต์, อัลบา

กองกลาง – โรแบร์โต้, รากิติช, เด ยอง

กองหน้า – เมสซี, ซัวเรซ, กรีซมันน์

บาเยิร์น มิวนิค

ฟอร์มกำลังร้อนแรงสุด ๆ สำหรับทีมของ ฮันส์ ดีเทอร์ ฟลิค ที่นอกจากจะคว้าแชมป์ บุนเดสลีกา และ เดเอ็ฟเบ โพคาล มาครองได้สมใจอยากแล้ว พวกเขายังทำสถิติชนะต่อเนื่องในทุกรายการมาถึง 18 เกมติดต่อกันอีกด้วย โดยในรายการนี้พวกเขาพึ่งจะถล่ม เชลซี มาแบบยับเยินในรอบ 16 ทีมสุดท้ายด้วยสกอร์รวม 7-1 แต่ในรอบ 8 ทีมการต้องมาพบกับ บาร์เซโลนา ที่แม้ฟอร์มในช่วงหลังจะไม่ค่อยต่อเนื่อง แต่ก็จะประมาทไม่ได้ อีกทั้งเกมนัดเดียวรู้ผลแบบนี้หากพลาดแม้แต่ครั้งเดียวก็มีโอกาสตกรอบได้เหมือนกัน เพราะงั้นต้องมาดูกันว่าเกมนี้นายใหญ่ชาวเยอรมันจะหาทางรับมือกับ 3 ประสานที่มีสตาร์อย่าง ลิโอเนล เมสซี เป็นตัวชูโรงอย่างไร

ความพร้อมก่อนเกม เสือใต้ จะมีนักเตะตัวหลักที่ยังบาดเจ็บอยู่เพียง 2 รายเท่านั้นคือ เบนจาแม็ง ปาวาร์ด และ คิงสลีย์ โคมอง ส่วนคนอื่น ๆ ฟิตพร้อมเป็นตัวเลือกในการลงสนามนัดนี้ทั้งหมด

คาดการณ์ 11 ผู้เล่นตัวจริง

ผู้รักษาประตู – นอยเออร์

กองกลัง – เดวีย์ส, อลาบา, บัวเต็ง, คิมมิช

กองกลาง – กอเรทซ์ก้า, ติอาโก้, มุลเลอร์

กองหน้า – เปริซิช, เลวานดอฟสกี้, กนาบรี้

ผลงาน 5 นัดหลังสุดของทั้ง 2 ทีม

บาร์เซโลนา – ชนะ 4 เสมอ 0 แพ้ 1
09/08/20 UCL – บาร์เซโลนา 3-1 นาโปลี
19/07/20 LL – อลาเบส 0-5 บาร์เซโลนา
17/07/20 LL – บาร์เซโลนา 1-2 โอซาซูนา
12/07/20 LL – บายาโดลิด 0-1 บาร์เซโลนา
09/07/20 LL – บาร์เซโลนา 1-0 เอสปันญอล

บาเยิร์น มิวนิค – ชนะ 5 เสมอ 0 แพ้ 0
09/08/20 UCL – บาเยิร์น มิวนิค 3-1 เชลซี
31/07/20 FL – บาเยิร์น มิวนิค 0-4 มาร์กเซย
05/07/20 POK – เลเวอร์คูเซน 0-1 บาเยิร์น มิวนิค
27/06/20 BUN – โวล์ฟบวร์ก 2-2 บาเยิร์น มิวนิค
20/06/20 BUN – บาเยิร์น มิวนิค 3-2 ไฟรบวร์ก

ฮดทูเฮท – บาร์เซโลนา ชนะ 1 เสมอ 0 บาเยิร์น มิวนิค ชนะ 4
13/05/15 UCL – บาเยิร์น มิวนิค 3-2 บาร์เซโลนา
07/05/15 UCL – บาร์เซโลนา 3-0 บาเยิร์น มิวนิค
24/04/13 FL – บาเยิร์น มิวนิค 2-0 บาร์เซโลนา
02/05/13 UCL – บาร์เซโลนา 0-3 บาเยิร์น มิวนิค
24/04/13 UCL – บาเยิร์น มิวนิค 4-0 บาร์เซโลนา

(LL= ลาลีกา / UCL= ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก / BUN = บุนเดสลีกา / POK = เดเอฟเบ โพคาล / FL = กระชับมิตร)

สถิติที่น่าสนใจ

ทั้งคู่ทำสถิติเป็นทีมที่สามารถผ่านเข้ามาเล่นในรอบ 8 ทีมสุดท้าย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ได้มากที่สุดถึง 18 ครั้งเทียบเท่ากัน

บาร์เซโลนา เป็นทีมที่ทำสถิติเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายติดต่อกันได้มากที่สุดถึง 13 ฤดูกาล (2007/08 จนถึงปัจจุบัน)

เกมนี้จะเป็นนัดแรกที่ทั้งสองทีมโคจรมาพบกันนับจากปี 2014/15 ที่ บาร์เซโลนา เอาชนะไปได้ในรอบ 4 ทีมสุดท้าย แต่อย่างไรก็ตาม เจ้าบุญทุ่ม แพ้ให้กับ บาเยิร์น มิวนิค มากที่สุดในรายการนี้ถึง 5 นัดจากทั้งหมด 8 เกมที่พบกันมา (ชนะ 2 เสมอ 1 แพ้ 5)

8 เกมที่ผ่านมาต้้งแต่รอบแบ่งกลุ่ม บาเยิร์น มิวนิค เอาชนะคู่แข่งในรายการนี้ได้ทั้งหมด มีเพียงทีมเดียวที่เคยชนะ 9 นัดติดต่อกันนับตั้งแต่เกมแรกคือ บาร์เซโลนา ในปี 2002/03

บาร์เซโลนา แพ้ไปเพียง 2 นัดจาก 31 เกมหลังสุดใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก (ชนะ 19 เสมอ 10 แพ้ 2) และยังคงไม่แพ้ใครในฤดูกาลนี้ (ชนะ 5 เสมอ 3) โดยปัจจุบันมีเพียง 3 ทีมที่ยังไม่แพ้ใครในปีนี้นั่นคือ บาร์เซโลนา บาเยิร์น มิวนิค และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้

ใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ทำไปแล้วถึง 13 ประตู จาก 7 นัดที่ลงสนามให้ทีมในฤดูกาลนี้ แถมมีส่วนร่วมกับการทำประตูไปถึง 17 ลูก (ยิง 13 แอสซิสต์ 4) มากที่สุดในบรรดาผู้เล่นทุกคนซีซั่นนี้

นับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ที่ฟุตบอลกลับมาลงเตะกันอีกครั้ง 2 นักเตะที่มีส่วนกับการทำประตูให้ทีมมากที่สุดในยุโรปก็คือ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ 17 ครั้ง (ยิง 14 แอสซิสต์ 3) และ ลิโอเนล เมสซี 16 ครั้ง (ยิง 7 แอสซิตส์ 9)

16 ประตูหลังสุดที่ หลุยส์ ซัวเรซ ยิงให้กับ บาร์เซโลนา ในรายการนี้ เป็นการยิงที่ คัมป์ นู ทั้งหมด โดยนัดล่าสุดที่หัวหอกชาวอุรุกวัยยิงนอกบบ้านใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ต้องย้อนกลับไปในปี 2015 ที่พบกับ โรมา

เก็บตกทุกประเด็นร้อนหลังเกม ยูโรปาลีก รอบ 8 ทีมสุดท้าย เมื่อคืนที่ผ่านมา

Bruno Fernandes
Manchester United v FC Kobenhavn – UEFA Europa League Quarter Final | DeFodi Images/Getty Images

ข้อมูลการแข่งขัน
การแข่งขัน : ฟุตบอลยูฟ่า ยูโรปาลีก 2019/20 รอบ 8 ทีมสุดท้าย
วันแข่งขัน : คืนวันจันทร์ที่ 10 สิงหาคม
เวลาแข่งขัน : 02:00 น. ตามเวลาประเทศไทย
ผลการแข่งขัน : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-0 เอฟซี โคเปนเฮเก้น
สนาม : รีนเอเนอร์จี สตาดิโอน ประเทศเยอนมนี

เกมนี้หลังจาก 15 นาทีแรก แมนฯ ยูไนเต็ด ก็แทบเป็นฝ่ายครองเกมบุกตลอดจนเกือบจะครบ 120 นาที ซึ่งพวกเข้าสร้างสรรค์โอกาสยิงไปมากถึง 30 ครั้งในเกมนี้ แต่เชื่อหรือไม่ว่า 29 จาก 30 ครั้งนั้นไม่มีครั้งไหนเลยที่สามารถเปลี่ยนให้เป็นประตูได้ จนต้องมาอาศัยบารมีลูกจุดโทษที่พวกเขาถนัดและมักจะได้อยู่บ่อย ๆ ในฤดูกาลกาลนี้พาทีมเข้าสู่รอบ 4 ทีมสุดท้ายต่อไป

แต่อย่างไรก็ตามส่วนหนึ่งก็ต้องชมแนวรับของคู่แข่งที่เล่นได้ค่อนข้างรัดกุม โดยเฉพาะนายทวารอย่าง คาร์ล โยฮัน จอห์นสัน ที่สามารถโชว์ฟอร์มเทพเซฟช่วยทีมเอาไว้ได้มากถึง 13 ครั้งตลอดทั้งเกมจนเกือบยื้อไปดวลจุดโทษชี้ขาดได้อยู่เหมือนกันในเกมเมื่อคืนนี้

เกมนี้มี 2 นักเตะจากทีม เอฟซี โคเปนเฮเก้น ที่ทำผลงานได้โดดเด่นสะดุดตา รายแรกก็คือ คาร์ล โยฮัน จอห์นสัน นายทวารชาวสวีเดนวัย 30 ปีที่โชว์ฟอร์มเซฟกระจายจนทำลายสถิติเซฟสูงสุดในรายการนี้ลงไปเป็นที่เรียบร้อย ส่วนอีกหนึ่งรายคือ ราสมูส ฟอล์ค กองกลางชาวเดนมาร์กวัย 28 ปี ที่วันนี้ขยับมาเล่นทางกราบขวาเป็นหลัก โดยต้องบอกว่าทำผลงานได้โดดเด่นสุด ๆ ทั้งการกระชากลากเลื้อย รวมถึงทักษะเฉพาะตัว ที่สามารถเล่นงาน แบรนดอน วิลเลียมส์ ซะจนปั่นป่วนได้ตลอดทั้งเกมเลยทีเดียว

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ผ่านเข้าสู่รอบ 4 ทีมสุดท้ายในรายการนี้ได้เป็นครั้งที่สองในรอบ 4 ฤดูกาลหลัง ซึ่งครั้งล่าสุดที่พวกเขาทำได้ในปี 2016/17 จบด้วยการคว้าแชมป์มาครองได้ในที่สุด

เอฟซี โคเปนเฮเก้น มีสถิติที่แย่เมื่อต้องพบเจอกับทีมจากอังกฤษ ซึ่งพวกเขาเอาชนะได้เพียงเกมเดียวจากทั้งหมด 11 นัด (เสมอ 4 แพ้ 6) อีกทั้งยิงประตูคู่แข้งไม่ได้ถึง 5 เกมด้วยกัน

แมนฯ ยูไนเต็ด ภายใต้การคุมที่ของ โอเล กุนนาร์ โซลชา สามารถเก็บคลีนชีทได้ถึง 8 จาก 11 นัด (73%) ในรายการนี้ ซึ่งถึงว่าเป็นสถิติที่ดีที่สุดในบรรดากุนซือทุนคนของสโมสรที่เคยคุมทีมมาเล่นในถ้วยใบนี้ 11 เกมแรก

ในฤดูกาล 2019/20 นี้ บรูโน เฟอร์นันเดส ยิงจุดโทษไม่พลาดเลยแม้แต่ประตูเดียว (13 ประตู) โดยเป็นการยิงให้ สปอร์ติง ลิสบอน 6 ประตู และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 7 ประตูด้วยกัน

จุดโทษในเกมนี้ของ ปีศาจแดง นับเป็นลูกที่ 21 ที่พวกเขาได้ในฤดูกาลนี้หากนับรวมทุกรายการ ซึ่งจัดว่ามากกว่าทุกทีมในยุโรปซีซั่นนี้เลยทีเดียว

หากนับตั้งแต่ปี 2017/18 บรูโน เฟอร์นันเดส นับเป็นผู้เล่นที่มีส่วนกับการทำประตูในรายการนี้มากที่สุด (21 ครั้ง – ยิง 13 แอสซิสต์ 8)

คาร์ล โยฮัน จอห์นสัน ผู้รักษาประตูของ เอฟซี โคเปนเฮเก้น เซฟไปมากถึง 13 ครั้งในเกมนี้ ซึ่งมากที่สุดนับแต่ฟุตบอลรายการนี้เปลี่ยนชื่อมาเป็น ยูโรปาลีก เมื่อปี 2009/10

เส้นตาย แมนฯ ยูไนเต็ด-ซานโช, ลิเวอร์พูล จ่อปิดดีล ซิมิคัส : สรุปข่าวซื้อขายนักเตะประจำวันที 9 สิงหาคม

Jadon Sancho, Willain, Kostas Tsimikas
Jadon Sancho, Willain, Kostas Tsimikas

สรุปทุกประเด็นข่าวที่สำคัญในแวดวงฟุตบอลที่เกิดขึ้นในรอบวันของ ลิเวอร์พูลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, และบรรดาบิ๊กทีมในศึก ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษข่าวซื้อขายนักเตะ และวงการฟุตบอลทั่วโลก

ติดตามบทความสรุปข่าวย้อนหลังได้ที่ : ลิเวอร์พูล เปิดเจรจาหอก แซมบ้า, แมนฯ ยูไนเต็ด กับ 3 เป้าหมายถัดจาก ซานโช: สรุปข่าวซื้อขายนักเตะประจำวันที 8 สิงหาคม

วิลเลียน สตาร์ชาว บราซิล วัย 32 ปีเปิดเผยจดหมายเปิดผนึกถึงสาวก สโมสรฟุตบอลเชลซีแห่งศึก ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ยืนยันว่าจะบอกลาต้นสังกัดใน ตลาดซื้อขายนักเตะ ซัมเมอร์นี้หลังหมดสัญญากับสโมสร

วิลเลียน ที่เพิ่งพลาดการลงเล่นให้กับทัพ สิงห์บลู ในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้ายเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมากลายเป็นแข้งฟรีเอเยนต์เป็นที่เรียบร้อยเมื่อสัญญาของเจ้าตัวกับต้นสังกัดสิ้นสุดลงโดยมี อาร์เซนอล เป็นทีมเต็งที่จะคว้าตัวเขาไปร่วมทัพ

แองเจิล โกเมส มิดฟิลด์วัย 19 ปีชาว อังกฤษ เปิดตัวกับ ลีลล์ ใน ลีกเอิง อย่างเป็นทางการแบบไร้ค่าตัวหลังเจ้าตัวหมดสัญญากับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยที่ ลีลล์ ส่งตัวแข้งรายนี้ให้กับ เบาวิสต้า ทีมในลีกสูงสุด โปรตุเกส ยืมตัวไปใช้งานจนจบฤดูกาลหน้า

โบคา จูเนียร์ส บรรลุข้อตกลงต่อสัญญา คาร์ลอส เตเบซ​ กองหน้าชาว อาร์เจนตินา วัย 36 ปีออกไปจนถึงปี 2021 อย่างเป็นทางการ

สปอร์ต สื่อใน สเปน รายงานว่า ฟิลิปเป้ คูตินดญ เพลย์เมคเกอร์ทีมชาติ บราซิล วัย 28 ปีสังกัด บาร์เซโลนา ที่อยู่ภายใต้สัญญายืมตัวกับ บาเยิร์น มิวนิค จะตัดสินใจในอนาคตค้าแข้งของตนเองเมื่อการแข่งขันศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาลนี้สิ้นสุดลงท่ามกลางข่าวลือหนาหูกับ อาร์เซนอล ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา

ทันเครดี้ พัลเมรี ผู้สื่อข่าว บีอินสปอตส์ ชาว อิตาลี รายงานว่า เบนฟิก้า ได้บรรลุข้อตกลงคว้าตัว เอดินสัน คาวานี กองหน้าทีมชาติ อุรุวัย จาก ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ภายใต้สัญญามูลค่า 9 ล้านยูโรต่อปีหรือราว 173,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์เป็นที่เรียบร้อยหลังเจ้าตัวหมดสัญญากับต้นสังกัด เปแอสเช

รายงานจาก ลิเวอร์พูลเอ็คโค สื่อท้องถิ่นเปิดเผยว่า โอลิมเปียกอส ได้ตอบรับข้อเสนอมูลค่า 11.75 ล้านปอนด์ของ ลิเวอร์พูล ในดีล คอนสแตนตินอส ซิมิคัส เป็นที่เรียบร้อยโดยเหลือเพียงการเจรจาเงื่อนไขในสัญญากับตัวนักเตะเพียงเท่านั้น

สื่อดังกล่าวชี้ว่า หงส์แดง ตัดสินใจเดินหน้าในดีลแบ็คซ้ายทีมชาติ กรีซ วัย 24 ปีหลังจากที่ นอริช ซิตี้ เรียกค่าตัว จามาล ลูอิส สูงแตะหลัก 20 ล้านปอนด์และไม่มีทีท่าที่จะตอบรับการเจรจาลดมูลค่าดังกล่าวลง

คิกเกอร์ สื่อใน เยอรมนี เปิดเผยว่า บอร์ดบริหารของ ลิเวอร์พูล แสดงท่าทีต่อ เยอร์เก้น คล็อปป์ นายใหญ่ของ หงส์แดง ว่าจำเป็นที่จะต้องขาย นาบี เกอิต้า มิดฟิลด์ทีมชาติ กินี วัย 26 ปีออกจากรัง แอนฟิลด์ เสียก่อนหากหวังที่จะให้เดินหน้าคว้าตัว ติอาโก้ อัลคันทารา จาก บาเยิร์น มิวนิค มาร่วมทัพ

ขณะที่ คริสเตียน ฟอล์ค จากสำนักข่าว บิลด์ ใน เมืองเบียร์ แสดงความคิดเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า ติอาโก้ เป็นเป้าหมายลำดับต้นๆ ของ คล็อปป์ เช่นเดียวกับ แวร์เนอร์ แต่ด้วยมูลค่าสูงถึง 27 ล้านปอนด์ที่ทัพ เสือใต้ ประเมินราคาไว้ทำให้ดีลดังกล่าวยังไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด

รายงานจาก เดลีเมล สื่อใน อังกฤษ เปิดเผยว่า ลิเวอร์พูล เตรียมที่จะปล่อยตัว เบน วูดเบิร์น มิดฟิลด์ตัวรุกชาว อังกฤษ ออกจากทีมด้วยสัญญายืมตัวในฤดูกาลหน้ากับ ฟอร์ทูนา ดุสเซลดอร์ฟ ที่เพิ่งตกชั้นจาก บุนเดสลีกา ในซีซันนี้

โดย วูดเบิร์น ได้ลงเล่นให้กับ อ็อกซ์ฟอร์ด ในลีกวันสำหรับฤดูกาล 2019/20 ภายใต้สัญญายืมตัว ทำได้ 2 ประตูจากการลงเล่นทั้งหมด 16 นัดเมื่อรวมทุกรายการ

บิลด์ สื่อใน เยอรมนี รายงานว่า โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เตรียมที่จะยื่นสัญญาฉบับใหม่พร้อมขึ้นค่าเหนื่อยให้กับ เจดอน ซานโช วันเดอร์คิดทีมชาติ อังกฤษ วัย 20 ปีหากการเจรจาระหว่างพวกเขากับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่คืบหน้า หลังจากที่ ดอร์ทมุนด์ ขีดเส้นตายให้กับ ปีศาจแดง ไว้ในวันที่ 10 สิงหาคมกับมูลค่าสูงถึง 100 ล้านปอนด์

ขณะที่ คิกเกอร์ สื่อเมืองเบียร์อีกสำนักชี้ว่า ซานโช พร้อมที่จะทุ่มเทให้กับ เสือเหลือง ต่อไป 100 เปอร์เซ็นต์เช่นเดิมหากดีลกับ ปีศาจแดง ไม่เกิดขึ้น

เดลีสตาร์ สื่อใน อังกฤษ รายงานว่า แมนฯ ยูไนเต็ด เล็งที่จะคว้าตัว อเล็กซ์ เมเร็ต นายทวารวัย 23 ปีทีมชาติ อิตาลี สังกัด นาโปลี ไปร่วมทัพหากมือกาวเบอร์หนึ่งของทีมอย่าง ดาบิด เด เคอา หรือนายประตูอนาคตไกล ดีน เฮนเดอร์สัน ตัดสินใจย้ายออกจากรัง โอลด์ แทรฟฟอร์ด ถาวร

[Match Report] สิงห์บลู หมดท่า ! บาเยิร์น ย้ำแค้นสอย เชลซี 4-1 สกอร์รวม 7-1 ฉลุย 8 ทีม แชมเปี้ยนส์ลีก

Robert Lewandowski
FC Bayern Muenchen v Chelsea FC – UEFA Champions League Round of 16: Second Leg | Matthias Hangst/Getty Images

ข้อมูลการแข่งขัน
การแข่งขัน – ฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 2019/20 รอบ 16 ทีมสุดท้ายนัดที่สอง
วันแข่งขัน – คืนวันเสาร์ที่ 8 สิงหาคม 2020
ผลการแข่งขัน – บาเยิร์น มิวนิค (7) 4-1 (1) เชลซี
สนาม – อัลอิอันซ์ อารีนา

บาเยิร์น มิวนิค ฉลุยเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายของศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก หลังย้ำแค้น เชลซี ที่ อัลลิอันซ์ อารีนา ด้วยสกอร์ 4-1 (สกอร์รวม 7-1) โดยจะได้ดวลกับ บาร์เซโลนา ที่คว่ำ นาโปลี 3-1 (สกอร์รวม 4-2) ได้ในคืนเดียวกัน

เกมออกสตาร์ทด้วยการขึ้นนำอย่างรวดเร็วของทัพ เสือใต้ ตั้งแต่นาทีที่ 10 เมื่อการพิจารณาจาก VAR ตัดสินให้ วิลลี กาบาเยโร ทำฟาวล์ใส่ โรเบิร์ต เลเวานดอสฟกี้ ในจังหวะหลุดเดี่ยว ก่อนที่กาวยิงทีมชาติ โปแลนด์ จะลุกขึ้นมาสังหารไม่พลาด

ให้หลังจากนั้น 14 นาที เจ้าถิ่นหนีห่างเป็น 2-0 เมื่อ เลวานดอฟสกี้ แทงทะลุช่องให้ อิวาน เปริซิช หลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษฝั่งขวา ก่อนจะยิงผ่านมือของ คาบาเยโร บอลไปซุกที่ก้นตาข่าย

ฝั่ง สิงห์บลู โต้ตอบทันควันอีกเพียงไม่กี่อีดใจถัดมา โดยเป็น คัลลัม ฮัดสัน-โอดอย ฉวยโอกาสยิงไกลจากนอกกรอบเขตโทษ บอลพุ่งเสียบมุมชนิดที่ มานูเอล นอยเออร์ หมดสิทธิ์เซฟ ทว่าถูก VAR จับล้ำหน้าปฎิเสธการได้ประตู

อย่างไรก็ตาม ก่อนจบครึ่งแรกไม่กี่อีดใจ สิงโตน้ำเงินคราม ก็ไล่ตามมาเป็น 2-1 จากจังหวะเก็บตกของ แทมมี อับราฮัม ในช็อตที่ นอยเออร์ ปัดบอลส้มหล่นมาที่เท้าของเจ้าตัวก่อนสังหารในระยะเผาขนไม่พลาดและจบครึ่งแรกด้วยสกอร์ดังกล่าว

เกมในช่วงต้นครึ่งหลังเป็นลูกทีมของ แฟรงค์ แลมพาร์ด ที่กระตือรือล้นมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด พาบอลทำเกมรุกวูบวาบหลายต่อหลายครั้งทว่าไม่สามารถสร้างโอกาสอย่างถนัดถนี่ได้ ก่อนที่โมเมนตัมของเกมจะค่อยๆ เอนไปทาง บาเยิร์น กระทั่งพวกเขามาได้ประตู 3-1 ในนาทีที่ 76 จากช็อตทะยานแท็ปอินในกรอบของ โตลิสโซ ตามด้วยประตูปิดท้าย 4-1 นาทีที่ 84 โดย เลวานดอสฟกี้

รายชื่อผู้เล่นของทั้ง 2 ทีม
บาเยิร์น มิวนิค : นอยเออร์, คิมมิช, บัวเต็ง, อลาบา, เดวีส์, โกเร็ทซ์ก้า, ติอาโก้, นาบรี, มึลเลอร์, เปริซิช, เลวานดอฟสกี้
ตัวสำรอง : อุลไรช์, ฮอปป์มันน์, โอดริโอโซลา, ซูเล, มาร์ติเนซ, คูตินโญ, คุยซานซ์, แอร์น็องด์เดซ, โตลิสโซ, ทิลล์แมน, มูเซียลา, อาร์เรย์-เอ็มไบ

เชลซี : คาบาเยโร, เจมส์, ซูมา, คริสเตนเซน, เอเมอร์สัน, ก็องเต้, โควาชิช, บาร์คลีย์, ฮัดสัน-โอดอย, อับราฮัม,​ เมาท์
ตัวสำรอง : เคปา, คัมมิง, รือดิเกอร์, โทโมรี, ซิเมว, มาทเซน, บาเต้, ลอว์เรนซ์, ชิรูด์, บาทชัวยี, โบรอา

เก็บตกประเด็นร้อนหลังเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย

Manchester City v Real Madrid - UEFA Champions League Round of 16: Second Leg
Manchester City v Real Madrid – UEFA Champions League Round of 16: Second Leg | Pool/Getty Images

ข้อมูลการแข่งขัน
การแข่งขัน – ฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 2019/20 รอบ 16 ทีมสุดท้ายนัดที่สอง
วันแข่งขัน – คืนวันศุกร์ที่ 7 สิงหาคม 2020
เวลาแข่งขัน – 02.00 น. ตามเวลาประเทศไทย
ผลการแข่งขัน – แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (4) 2-1 (2) เรอัล มาดริด
สนาม – เอติฮัด สเตเดี้ยม

หากจะหาแพะในเกมวันนี้ที่ทำให้ เรอัล มาดริด ต้องพ่ายแพ้กลับไป คงหนีไม่พ้น ราฟาเอล วาราน กองหลังดีกรีทีมชาติฝรั่งเศสชุดแชมป์โลกปี 2018 ที่ว่ากันว่าเป็นหนึ่งในเซ็นเตอร์แบ็คที่ดีที่สุดในโลกคนหนึ่ง ณ ปัจจุบัน

แต่วันนี้เจ้าตัวกลับมอบโชค 2 ชั้นให้กับ เรือใบสีฟ้า โดยในครึ่งแรกเขาทำลั่นเสียบอลในกรอบเขตโทษและโดน เชซุส ฉกบอลไปได้ก่อนจะจ่ายให้ ราฮีม ยิงง่าย ๆ เข้าไป ซึ่งยังไม่จบเพียงแค่นั้นเพราะในช่วงครึ่งเวลาหลัง เจ้าตัวได้จัดการแจกทองอีกครั้ง คราวนี้เป็นการโหม่งคืนหลังสั้นเกินไป และเป็น เชซุส เจ้าเก่าที่ถึงบอลก่อนและยิงสวนตัว กูร์ตัวส์ เข้าไปนิ่ม ๆ นั่นจึงทำให้ แฟน ๆ เรือใบสีฟ้า ถึงกับพากันมอบรางวัล แมน ออฟ เดอะแมทช์ ในค่ำคืนนี้ให้เขากลับบ้านไปเชยชมเลยทีเดียว

เกมนี้ เป๊ป กวาร์ดิโอลา ตัดสินใจเรียกใช้งาน ไคล์ วอร์คเกอร์ ในตำแหน่งแบ็คขวา และ ชูเอา คันเซโล ทางฝั่งซ้าย ซึ่งทั้งสองคนสามารถโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมในวันนี้ ทั้งในเกมรับ ที่สามารถจัดการรับมือกับเหล่าผู้เล่นริมเส้นสุดอันตรายทั้งสองฝั่งของ ราชันชุดขาว ได้ค่อนข้างดี โดยเฉพาะ วอร์คเกอร์ ที่สามารถเก็บ เอเดน อาซาร์ เข้ากระเป๋าไปได้อย่างอยู่หมัด ส่วนเกมรุกทั้งสองคนก็มีจังหวะลุยพาบอลขึ้นไปข้างหน้าสวย ๆ ให้เห็นหลายครั้ง ซึ่งทางด้าน คันเซโล เองก็มีจังหวะได้จบจนเกือบเปลี่ยนเป็นประตูให้ทีมได้อยู่เหมือนกัน

หากใครได้มีโอกาสรับชมเกมในวันนี้ จะเห็นได้ว่า เอเดน อาซาร์ นอกจากช่วงต้นเกมแล้วก็แทบจะไม่มีบทบาทร่วมกับทีมอีกเลย ซึ่งนี่ก็ไม่ใช้นัดแรกที่เป็นแบบนี้ เพราะตลอดฤดูกาลที่ผ่านมากับ ราชันชุดขาว บ่อยครั้งที่เจ้าตัวได้โอกาสลงสนามแต่ก็ไม่สามารถสร้างอิมแพคใดหรือความแตกต่างใด ๆ ให้กับเกมได้

ซึ่งข้อแตกต่างที่ชัดเจนสมัยที่เขาเล่นให้กับ เชลซี นั่นคือ ที่ เดอะ บริดจ์ อาซาร์ ถูกยกให้เป็นทุกอย่างของทีม โดยเฉพาะปีท้าย ๆ กับ สิงห์บลู ที่เจ้าตัวรับหน้าที่เป็นตัวฟรี จะยิง จะจ่าย จะโชว์อะไรได้เต็มที่ไม่ต้องมีกั๊ก แตกต่างกับที่ เบอร์นาเบว การที่ เรอัล มาดริด เป็นศูนย์รวมของซุเปอร์สตาร์นั่นทำให้บทบาทของเขาแตกต่างไปโดยสิ้นเชิง ทั้งรูปแบบการเล่นที่ต้องเน้นความเป็นทีมเวิร์คมากขึ้น รวมถึงอาการบาดเจ็บที่รุมเร้าตลอดทั้งปีที่ผ่านมา มันส่งผลถึงความมั่นใจในการลากเลื้อยของเจ้าตัวที่ดูจะลดลงกว่าเมื่อก่อนมาก ก็คงต้องมาลุ้นกันว่าปีที่สองของเขากับทีมนั้น จะสามารถคืนฟอร์มเก่งและเรียกความเชื่อมั่นกลับมาได้หรือไม่

ต้องบอกว่าผิดคาดเล็ก ๆ อยู่เหมือนกัน ที่คู่แข่งของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในรอบ 8 ทีมสุดท้ายนั้น ไม่ใช่ ยูเวนตุส ที่มีซุเปอร์สตาร์อย่าง คริสเตียโน โรนัลโด เป็นตัวชูโรง แต่กลับเป็น โอลิมปิก ลียง ทีมม้ามึดจากลีกเอิง ที่สามารถโค่นทัพม้าลายด้วยสกอร์รวม 2 นัดที่ 2-2 แต่มีอเวย์โกลที่ดีกว่า

ซึ่งถ้าจะบอกว่าเป็นงานที่สบายกว่าการเจอ ยูเว่ ก็คงพูดได้ไม่เต็มปากนัก เพราะฟุตบอลระดับนี้ยิ่งโดยเฉพาะรอบ 8 ทีมสุดท้าย ไม่ว่าทีมใดที่เข้ามาถึงรอบนี้ได้ย่อมไม่ธรรมดาแน่ ๆ อยู่แล้ว แถมพวกเขายังมีดีพอจะผ่าน ทีมม้าลาย มาได้ ที่สำคัญที่สุด รอบต่อ ๆ ไปจะเล่นกับแบบนัดเดียวรู้ผลเพราะงั้นอะไรก็เกิดขึ้นได้ หากประมาทแม้แต่นิดเดียว ต่อให้ เรือใบ เป็นถึงเต็งหนึ่ง ก็อาจจะพบจุดจบแบบเดียวกับ ยูเวนตุส ก็เป็นได้…

[RANKING] อันดับ 1 สั่นคลอน ! TOP 6 นักเตะที่ทำแอสซิสต์ได้มากที่สุดใน พรีเมียร์ลีก 1 ฤดูกาล

Thierry Henry of Arsenal
Thierry Henry of Arsenal | Ben Radford/Getty Images

นอกจากสถิติการยิงประตูแล้วการแอสซิสต์ในกีฬาฟุตบอลก็เป็นหนึ่งในสถิติที่แฟนๆ ให้ความสนใจ และแต่ละยุคแต่ละสมัยก็จะมีสุดยอดเพลย์เมคเกอร์ที่ทำมันได้อย่างเป็นกอบเป็นกำเสมอๆ

ในวันนี้เราจะพาทุกท่านไปดูว่ามีนักเตะคนไหนใน พรีเมียร์ลีก ที่สามารถแอสซิสต์ให้เพื่อนทำประตูได้มากที่สุดใน 1 ฤดูกาลกันบ้าง

แลมพาร์ด คือนักเตะที่ยิงประตูได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ เชลซี แต่เขาเองก็มีดีไม่แพ้กันในเรื่องการแอสซิสต์ให้เพื่อนยิง

โดยฤดูกาล 2004/05 แลมพาร์ด เป็นหัวใจสำคัญของ เชลซี ด้วยการยิงไป 13 ประตูและแอสซิสต์อีก 18 ลูกช่วยให้ทีมได้แชมป์ลีกสูงสุดครั้งแรกในรอบ 50 ปี

หลังจาก แลมพาร์ด ทำได้ 18 แอสซิสต์ใน พรีเมียร์ลีก 1 ฤดูกาล อีก 10 ปีต่อมารุ่นน้องในทีม เชลซี อย่าง ฟาเบรกาส ก็สามารถวัดรอยเท้ารุ่นพี่ได้สำเร็จ

แม้จะเป็นฤดูกาลแรกของ เชสก์ กับ เชลซี แต่การที่เขาคุ้นเคยกับลีกอังกฤษเป็นอย่างดีทำให้สามารถช่วยสนับสนุนแผงเกมรุกทำให้ทีมคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ไปอีกสมัย

แม้จะพาแค่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จบอันดับ 3 ในฤดูกาลนั้น แต่ฟอร์มของ เดอ บรอยน์ ก็ถือว่าโดดเด่นเป็นอย่างมากกับกุนซือใหม่อย่าง เป๊ป กวาร์ดิโอลา

นักเตะทีมชาติเบลเยียมยังคงเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างสรรค์เกมของ เรือใบสีฟ้า จนถึงปัจจุบันและยังสามารถทำลายสถิติของตัวเองในฤดูกาลที่เพิ่งจบไปด้วย

โอซิล ย้ายมาอยู่ อาร์เซนอล ตั้งแต่ปี 2013 และก็มีฟอร์มที่ขึ้นๆ ลงๆ อยู่ตลอด แต่ช่วงที่ดีที่สุดของเขาก็คงจะเป็นในฤดูกาล 2015/16

แต่หลังจากนั้นกราฟชีวิตนักบอลของ โอซิล ก็ตกลงมาเรื่อยๆ และฤดูกาลหน้า อาร์เซนอล ก็มีแวววาจะขายเขาเพื่อลดค่าใช้จ่ายจากค่าเหนื่อยอันมหาศาลด้วย

เดอ บรอยน์ เพิ่งทำสถิติแอสซิสต์ได้มากที่สุดใน พรีเมียร์ลีก 1 ฤดูกาลเมื่อฤดูกาลที่เพิ่งจบไปนี่เอง ซึ่งก็เป็นที่น่าเสียดายที่อีกเพียง 1 ครั้งก็จะทำลายมันได้แล้ว

แข้งทีมชาติฮอลแลนด์ถือว่าเป็นยอดเพลย์เมคเกอร์แห่งยุคที่สามารถจ่ายบอลให้เพื่อนได้แม่นเหมือนจับวาง และตอนนี้เขาก็ทำสถิติเป็นคนที่แอสซิสต์ได้มากสุดในพรีเมียร์ลีก 3 ฤดูกาลแล้ว

ถือว่าเป็นหนึ่งในฤดูกาลสุดพิเศษของ อองรี เพราะนอกจากจะพาทีมได้ดับเบิลแชมป์ในประเทศแล้วเขายังยิงไปได้ถึง 24 ประตูและ 20 แอสซิสต์ในลีกด้วย

โดยสถิติของ อองรี อยู่ยงคงกระพันไร้ผู้เทียบเคียงกว่า 16 ปี ก่อนที่ เควิน เดอ บรอยน์ จะขึ้นมาสวมมงกุฏร่วมในฤดูกาลที่เพิ่งจบไปนั่นเอง

ซีอีโอเสือเหลือง ปัด ซานโช ซบ แมนฯ ยูไนเต็ด, นอริช ปัดดีล ลิเวอร์พูล: สรุปข่าวซื้อขายนักเตะประจำวันที่ 6 สิงหาคม

สรุปทุกประเด็นข่าวที่สำคัญในแวดวงฟุตบอลที่เกิดขึ้นในรอบวันของ ลิเวอร์พูลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, และบรรดาบิ๊กทีมในศึก ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษข่าวซื้อขายนักเตะ และวงการฟุตบอลทั่วโลก

ติดตามบทความสรุปข่าวย้อนหลังได้ที่ : แมนฯ ยูไนเต็ด-ซานโช ยังห่างไกล, แมนฯ ซิตี้ ซิว เฟร์ราน ตอร์เรส : สรุปข่าวซื้อขายนักเตะประจำวันนี้ 5 สิงหาคม

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยอดทีมใน พรีเมียร์ลีก จัดการเปิดตัวนักเตะใหม่อีกหนึ่งรายนั่นคือ นาธาน อาเก้ เซ็นเตอร์แบ็ควัย 25 ปีจาก บอร์นมัธ เป็นที่เรียบร้อย โดยปราการหลังเลือดกังหันลมรายนี้มีค่าตัวอยู่ที่ราว 41 ล้านปอนด์ และจะเซ็นสัญญาในถิ่น เอติฮัด สเตเดี้ยม ไปจนถึงปี 2025 ด้วยกัน

สโมสรบาร์เซโลนา ประกาศปล่อยตัว อาร์ดา ตูราน มิดฟิลด์เลือดตุรกีวัย 33 ปีให้กับ กาลาตาซาราย ทีมที่เจ้าตัวแจ้งเกิดสมัยยังเป็นดาวรุ่งแบบไร้ค่าตัวเรียบร้อยแล้ว โดยอดีตกองกลางของ แอตเลติโก มาดริด ย้ายมารร่วมทีมเจ้าบุญทุ่มในปี 2015 แต่ไม่สามารถสอดแทรงขึ้นมาเป็นตัวจริงให้กับทีมได้ จนกระทั้งถูกปล่อยให้หลายสโมสรยืมตัวใช้งาน และเป็น กาลาตาซาราย ที่กระชากตัวไปร่วมทัพแบบถาวรในที่สุด

Sport Witness เปิดเผยว่า หลัวจากที่ ลิเวอร์พูล ยื่นข้อเสนอมูลค่าราว 10 ล้านยูโรให้กับ เรอัล เบติส พิจารณาเพื่อแลกกับตัว อาอิสซา มานดี้ กองหลังวัย 28 ปีนั้น ล่าสุดต้นสังกัดจากอันดาลูเซีย ได้เรียกค่าตัวเพื่อเป็น 12 ล้านยูโร ซึ่งตอนนี้ทาง หงส์แดง ยังไม่มีปฎิกิริยาใดใดกับข้อเรียกร้องนี้ แต่สื่อดังกล่าวเชื่อว่าทั้งสองทีมจะสามารถตกลงกันได้เพราะทาง เบติส เองก็ต้องการเงินมาเป็นทุนในการเสริมทัพช่วงหน้าร้อนนี้เช่นกัน

ดิ แอธเลติก สื่อของอังกฤษ รายงานว่า นอริช น้องใหม่แห่งศึก แชมเปี้ยนชิพ ฤดูกาลหน้า ได้ทำการปัดข้อเสนอแรกมูลค่ารวม 10 ล้านปอนด์ของ ลิเวอร์พูล ในการขอซื้อตัว จามาล ลูอิส แบ็คซ้ายวัย 22 ปีทีมชาติ ไอร์แลนด์เหนือ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมกับยืนยันว่าพวกเขาจะยอมปล่อยตัววันเดอร์คิดรายนี้ก็ต่อเมื่อได้ข้อเสนอที่ไม่ตำกว่า 20 ล้านปอนด์เท่านั้น

ดิ แอธเลติก สื่อดังของอังกฤษ เปิดเผยว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ทำการยกเลิกสัญญามูลค่า 500,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์กับ อเล็กซิส ซานเชซ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่อเปิดทางให้เจ้าตัวได้เซ็นสัญญาใหม่กับ อินเตอร์ มิลาน โดยทาง จูเซปเป มารอตต้า ประธานสโมสร งูใหญ่ ได้ออกมากล่าวกับสื่อว่าพวกเขาเตรียมจะเปิดตัวกับดาวเตะชาว ชิลี รายนี้ ในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า

Süddeutsche Zeitung หนังสือพิมพ์ในกรุงมิวนิค เปิดเผยว่า ฮันซ์-โยอาคิม วัตซ์เค ซีอีโอของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ออกมาชี้แจงถึงกรณีการย้ายทีมของ เจดอน ซานโช ว่า “จนถึงตอนนี้ยังไม่มีข้อตกลงใด ๆ ระหว่าง ดอร์ทมุนด์ และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทั้งนั้น นั่นทำให้ในสัปดาห์หน้าเขาจะกลับมาลงซ้อมกับเราตามปกติเพื่อเตรียมความพร้อมในฤดูกาลถัดไปที่กำลังจะเริ่ม ซึ่ง เจดอน เองก็เข้าใจถึงสถานการณ์ตรงนี้ดี”

BILD สื่อดังของ เยอรมัน เปิดเผยว่า แวร์เดอร์ เบรเมน ทีมดังในศึก บุนเดสลีกา มีความต้องการจะยืมตัว ตาฮิธ ชอง ปีกดาวรุ่งส่วนเกินของ แมชเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ซีซั่นก่อนไม่สามารถสอดแทรกขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ภายใต้การคุมทีมของ โอเล กุนนาร์ โซลชา ได้ โดยที่ตัวนักเตะเองก็มีความประสงค์ที่จะย้ายออกเพื่อหาโอกาสในการลงสนามเช่นเดียวกัน

ESPN เปิดเผยว่า เซร์จิโอ เรกิลอน แบ็คซ้ายดาวรุ่งของ เรอัล มาดริด ที่ถูกส่งตัวไปให้ เซบีญา ยืมตัวใช้งานในฤดูกาลที่ผ่านมาและทำผลงานได้น่าประทับใจนั้น ขณะนี้ทางต้นสังกัด ราชัน ชุดขาว กำลังอยู่ระหว่างการเจรจาเงื่อนไขในการซื้อขายแข้งรายนี้กับ เชลซี อยู่ และมีความเป็นไปได้มากพอสมควรที่ตัวนักเตะจะเลือกย้ายมาเล่นในอังกฤษฤดูกาลหน้า

Le10 Sport รายงานว่า วิลเลียน ปีกตัวเก๋าของ เชลซี ใกล้จะได้เป็นนักเตะใหม่ของ อาร์เซนอล เต็มที หลังจากสามารถบรรลุข้อตกลงที่ ปืนใหญ่ เสนอมาให้ พร้อมมอบสัญญา 3 ปีตามที่แข้งชาวบราซิลเลียนต้องการ โดยเจ้าตัวจะสามารถย้ายทีมได้แบบไร้ค่าตัวทันทีที่ภาระกิจกับ สิงห์บลู ในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก สิ้นสุดลง

เดลี มิร์เรอร์ รายงานว่า ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ ทีมดังในศึก พรีเมียร์ลีก เตรียมโดดร่วมวงล่าตัว ซาอิด เบนราห์มา ปีกชาว แอลจิเรีน วัย 24 ปีจากทีม เบรนท์ฟอร์ด ที่ฤดูกาลที่ผ่านมาโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมใน เดอะ แชมเแี้ยนชิพ ด้วยการทำไปได้ถึง 17 ประตูกับอีก 10 แอสซิสต์ให้กับทีม โดยสื่อดังกล่าวคาดว่าแข้งรายนี้จะมีค่าตัวที่ราว 16 ล้านปอนด์ ซึ่งก่อนหน้านั้นไม่นานมีข่าวว่า อาร์เซนอล ลิเวอร์พูล และ เชลซี กำลังให้ความสนใจในตัวเขาอยู่เช่นกัน

เจ้าสัวน้อย รีเทิร์น พรีเมียร์ลีก ! ฟูแลม คว่ำ เบรนท์ฟอร์ด ต่อเวลาพิเศษ 2-1 ศึก เพลย์ออฟ แชมเปี้ยนชิพ นัดชิงชนะเลิศ

Tom Cairney
Brentford v Fulham – Sky Bet Championship Play Off Final | Shaun Botterill/Getty Images

ฟูแลม ภายใต้การคุมทีมของ สก็อตต์ พาร์คเกอร์ คว้าตั๋วใบสุดท้ายเลื่อนชั้นสู่ศึก ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ตามหลัง ลีดส์ ยูไนเต็ด และ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน ในฐานะแชมป์เพลย์ออฟเมื่อเข่นเอาชนะ เบรนท์ฟอร์ด ในช่วงต่อเวลาพิเศษของนัดชิงชนะเลิศด้วยสกอร์ 2-1

โดยนับเป็นการคัมแบ็คสู่ลีกสูงสุดแดนผู้ดีอีกครั้งภายในฤดูกาลเดียวของทัพ เจ้าสัวน้อย หลังจากที่พวกเขาร่วงตกชั้นเมื่อจบซีซัน 2018/19

โดยเกมที่ เวมบลีย์ ยืดเยื้อจนถึงช่วงต่อเวลาพิเศษหลังเสมอใน 90 นาทีแบบไร้สกอร์ ก่อนที่ โจ ไบรอัน แบ็คซ้ายของ ฟูแลม จะฉวยโอกาสลักไก่ยิงข้ามตัว เดวิด รายา นายทวารของ เบรนท์ฟอร์ด จากระยะ 40 หลาเป็นประตูขึ้นนำในนาทีที่ 105 ตามด้วยการบวกสกอร์เป็น 2-0 ในนาทีที่ 117 จากจังหวะสวนกลับเร็วของทัพ เจ้าสัวน้อย และเป็น ไบรอัน คนเดิมที่มีชื่อบนสกอร์บอร์ด

เบรนท์ฟอร์ด ตีตื้นไล่มาเป็น 2-1 ในนาทีสุดท้ายของการต่อเวลาพิเศษด้วยลูกโหม่งจากระยะเผาขนของ เฮนริค ดัลส์การ์ด แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะตีเสมอได้และจบเกมไปด้วยสกอร์ดังกล่าวในที่สุด

โดย พาร์คเกอร์ กุนซือหนุ่มวัย 39 ปีที่รับช่วงคุมทีม ฟูแลม ต่อจาก เคลาดิโอ รานิเอรี เมื่อปี 2019 แต่ไม่สามารถพาทีมรอดพ้นจากการตกชั้นจากศึก พรีเมียร์ลีก ได้ในฤดูกาลดังกล่าว ก่อนที่เขาจะใช้เวลาเต็มซีซันกับทีมในปีนี้บนเวที แชมเปี้ยนชิพ กล่าวให้สัมภาษณ์หลังจบเกมว่า “พวกเราภาคภูมิใจถึงสิ่งที่เราทำได้ในเกมคืนนี้แต่ก็ยังมีส่วนที่ต้องปรับปรุง และนั่นคือสิ่งที่ทำให้ผมมีความสุข”

“ท่ามกลางนักเตะชั้นยอดและทุกอย่างที่คุณได้เห็น สิ่งที่ทำให้ผมดีใจก็คือได้เห็นบรรดากลุ่มนักเตะที่เคยมีปัญหาในด้านจิตวิทยาเมื่อปีก่อน เคยมีทัศนติและสภาพจิตใจที่ย่ำแย่ ผมนำทีมนี้ในทุกๆ วันที่ผ่านมา สิ่งที่ผมภูมิใจก็คือการได้ยืนอยู่ข้างสนามในวันนี้และได้เห็นทีมงัดผลงานอย่างที่ผมฝึกสอนพวกเขามาตลอด 12 เดือนที่ผ่านมา”

ผ่านดีกว่า ! บาร์นส์ ชี้การได้ ธิอาโก จะสร้างผลเสียมากกว่าผลดีให้ ลิเวอร์พูล

Thiago Alcantara
Bayer 04 Leverkusen v FC Bayern Muenchen – DFB Cup Final | Alexander Hassenstein/Getty Images

จอห์น บาร์นส์ ตำนานนักเตะ ลิเวอร์พูล เชื่อว่าหากทีมรักคว้าตัว ธิอาโก อัลคันทารา จาก บาเยิร์น มิวนิค มาจริงก็อาจจะมีปัญหาตามมาได้

ธิอาโก ตกเป็นข่าวอย่างหนักกับ ลิเวอร์พูล ในช่วงหลังซึ่งเขาเองก็ขึ้นชื่อเป็นอย่างมากในเรื่องของเทคนิคและการสร้างสรรค์เกมรุกให้กับทีม

“กับการที่มีสุดยอดกองกลางจึงทำให้ ลิเวอร์พูล นั้นมีแต้มเยอะมากๆ กว่าทีมอื่น” บาร์นส์ กล่าว “การมีฟูลแบ็คคอยเติมเกมรุกพร้อมกับกองหน้าสามตัวจึงทำให้พวกเขาต้องมีกองกลางที่ทำงานหนักสามคนเช่นกันเพื่อป้องกันเกมรับ”

“หากคุณเพิ่มกองกลางตัวสร้างสรรค์เกมขึ้นมาอีกตัวแล้วฟูลแบ็คและกองหน้ายังเล่นแบบเดิมบางทีพวกเขาอาจจะเสียประตูมากขึ้นก็ได้”

“แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มีกองกลางตัวทำเกมมากมายแต่ ลิเวอร์พูล กลับมีแต้มมากกว่าพวกเขาเป็น 20 คะแนน ดังนั้นผมว่าเราควรหาคนที่ทำงานอย่างหนักเพื่อทีมเข้ามาดีกว่า”