ลีดส์ สนคว้า 2 หอก ลิเวอร์พูล, แมนฯ ยูไนเต็ด ยื่น 29 แลกแข้ง ม้าลาย : สรุปข่าวซื้อขายนักเตะประจำวันที่ 22 สิงหาคม

สรุปทุกประเด็นข่าวที่สำคัญในแวดวงฟุตบอลที่เกิดขึ้นในรอบวันของ ลิเวอร์พูลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, และบรรดาบิ๊กทีมในศึก ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษข่าวซื้อขายนักเตะ และวงการฟุตบอลทั่วโลก

ติดตามบทความสรุปข่าวย้อนหลังได้ที่ : ลิเวอร์พูล เตรียมปล่อย 10 แข้ง, ปารีส สนใจหลัง แมนฯ ยูไนเต็ด : สรุปข่าวซื้อขายนักเตะประจำวันที่ 21 สิงหาคม

เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ประกาศต่อสัญญากับ จอห์น อีแกน เซ็นเตอร์แบ็คตัวเก่งวัย 27 ปีออกไปอีก 4 ปีด้วยกัน หลังฤดูกาลที่ผ่านมาทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมจนพาทีมขึ้นมามีลุ้นพื้นที่ยุโรปได้ แต่สุดท้ายฟอร์มแผ่วลงไปทำให้พวกเขาจบซีซั่นในอันดับ 9 บนตาราง พรีเมียร์ลีก ทั่งที่พึ่งจะเลื่อนชั้นขึ้นมาได้เพียงปีเดียวเท่านั้น

ไบรท์ตัน ประกาศจับ ลูอิส ดังค์ ปราการหลังตัวเก่งวัย 28 ปีต่อสัญญากับทีมออกไปจนถึงปี 2025 เป็นที่เรียบร้อย โดยเซ็นเตอร์แบ็คเลือดผู้ดีรายนี้เคยตกเป็นข่าวย้ายทีมกับ เชลซี ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่สุดท้ายเจ้าตัวก็เลือกที่จะสยบทุกข่าวลือด้วยการเซ็นสัญญาอยู่กับ ทัพนกนางนวล ต่อไปในที่สุด

เดอะ เมโทร รายงานว่า ลีดส์ ยูไนเต็ด กำลังมีแผนจะคว้า 2 กองหน้าของ ลิเวอร์พูล ไปร่วมทัพในช่วงซัมเมอร์นี้นั่นคือ ไรอัน บริวสเตอร์ ดาวรุ่งวัย 20 ปีที่ถูก สวอนซี ยืมตัวไปใช้งานเมื่อฤดูกาลก่อน และ ดีวอค โอริกี้ กองหน้าตัวสำรองชาวเบลเยียม โดยด้าน บริวสเตอร์ ลีดส์ ต้องการที่จะยืมตัวใช้งาน 1 ฤดูกาล ส่วน โอริกี้ พวกเขาอาจตัดสินใจซื้อขาดหาก หงส์แดง ยอมปล่อยตัวด้วยราคาที่เหมาะสม

Corriere dello Sport สื่อของอิตาลี เปิดเผยว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ยื่นข้อเสนอมูลค่า 29 ล้านปอนด์ไปให้กับ ยูเวนตุส พิจารณาเพื่อแลกกับตัว ดักลาส คอสต้า เป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากที่พวกเขามีโอกาสสูงที่จะพลาดการเซ็นสัญญากับเป้าหมายหลักอย่าง เจดอน ซานโช ในช่วงซัมเมอร์นี้ ทำให้ ปีศาจแดง หันมาให้ความสนใจกับปีกความเร็วสูงชางบราซิลเลียนรายนี้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการเสริมทัพในฤดูกาลหน้า

เดลี เมล เปิดเผยว่า บาร์เซโลนา กำลังให้ความสนใจในตัว อังเคลินโญ แบ็คซ้ายชาวสเปน ที่ฤดูกาลที่ผ่านมาถูกส่งตัวไปให้กับ แอร์เบ ไลป์ซิก ยืมใช้งานและทำผลงานได้ค่อนข้างดีใน บุนเดสลีกา แถมยังพาต้นสังกัดทะลุไปถึงรอบ 4 ทีมสุดท้ายในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก อีกด้วย โดยสื่อดังกล่าวชี้ว่า ทีมเจ้าบุญทุ่ม เตรียมจะยื่นข้อเสนอมาให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พิจารณาที่ราว 26.5 ล้านปอนด์ด้วยกัน

อาร์เซนอล ประกาศแยกทางกับ เฟร็ดดี้ ลุงเบิร์ก อดีตผู้จัดการทีมชั่วคราวและสตาฟฟ์ทีมชุดเล็กเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่อให้เจ้าตัวเดินหน้าในงานสายกุนซืออย่างเต็มตัวหลังจากรับหน้าที่เป็นผู้ช่วยโค้ชให้กับ มิเกล อาร์เตต้า ตลอดช่วงฤดูกาลที่ผ่านมาในถิ่น เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม

เดลี เมล รางานว่า ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ กำลังให้ความสนใจในตัว ไอน์สลีย์ เมดแลนด์-ไนล์ส แข้งดาวรุ่งอเนกประสงค์ของ อาร์เซนอล เพื่อมาแทนที่ของ แชร์จ ออริเยร์ ที่มีท่าทีว่าจะย้ายไปร่วมทีม เอซี มิลาน ในช่วงซัมเมอร์นี้ โดยสื่อดังกล่าวคาดว่า ปืนใหญ่ จะต้้งค่าตัวแข้งรายนี้เอาไว้ที่ราว 20 ล้านปอนด์ด้วยกัน

เดลี สตาร์ รายงานว่า เชลซี กำลังให้ความสนใจในตัว ไมค์ แมญอง นายทวารวัย 25 ปีของ ลีลล์ เข้ามาเป็นทางเลือกในตำแหน่งผู้รักษาประตูในฤดูกาลหน้า ซึ่งก่อนหน้านี้ สิงโตน้ำเงินคราม เคยตกเป็นข่าวพัวพันกับ นิค โป๊ป และ แยน โอบลัค มาก่อน โดยล่าสุดเป็น แมญอง ประตูดาวรุ่งฝีมือดีที่เก็บไปได้ถึง 13 คลีนชีทกับต้นสังกัดเมื่อซีซั่นที่ผ่านมา

ดิ แอธเลติก เปิดเผยว่า เชลซี ใกล้จะบรรลุข้อตกลงในการคว้าตัว เบน ชิลเวลล์ มาร่วมทีมแล้วด้วยค่าตัวราว 50 ล้านปอนด์ โดยแบ็คซ้ายของ เลสเตอร์ ซิตี้ รายนี้ได้เข้ามาทำการตรวจเช็ดอาการบาดเจ็บกับ สิงโตน้ำเงินคราม เป็นที่เรียบร้อย แต่ดูเหมือนว่า สิงห์บลู จะกังวลเกี่ยวกับกำหนดการกลับมาฟิตพร้อมลงสนามของเจ้าตัวอยู่เช่นกัน

พรีวิว ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบชิงชนะเลิศ, วัน+เวลาการแข่งขัน, ถ่ายทอดสด

Bayern vs PSG : UEFA Champion League 2019/20 Final
Bayern vs PSG : UEFA Champion League 2019/20 Final

ข้อมูลการแข่งขัน
การแข่งขัน : ฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 2019/20 รอบชิงชนะเลิศ
วันแข่งขัน : คืนวันอาทิตย์ที่ 23 สิงหาคม
เวลาแข่งขัน : 02:00 น. ตามเวลาประเทศไทย
คู่แข่งขัน : ปารีส แซงต์ แชร์กแมง พบ บาเยิร์น มิวนิค
สนาม : เอสตาดิโอน ดา ลุซ
ถ่ายทอดสด : Goal.com Thailand, DAZN Thailand

ความพร้อมของทั้งสองทีม

ปารีส แซงต์ แชร์กแมง
ทีมแชมป์จากลีกเอิงฝรั่งเศส ทะลุเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศรายการนี้ได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร แต่ต้องบอกว่าในรอบที่ผ่านมา ๆ มาทีมของ โธมัส ทูเคิล ยังไม่เจอกับทีมระดับหัวแถวเลย ทั้งการผ่าน ดอร์ทมุนด์ ในรอบ 16 ทีม ต่อด้วย อตาลันต้า และ แอร์เบ ไลป์ซิก ในรอบที่ผ่านมา ซึ่งเกมนี้พวกเขาต้องพบกับเต็งหนึ่งของรายการอย่าง บาเยิร์น มิวนิค ที่ชั่วโมงนี้ดูจะแน่นทุกจุดจนแทบจะหาจุดอ่อนไม่ได้ ต้องมาดูกันว่า ยักษ์ใหญ่แดนน้ำหอมที่รอคอยเวลานี้มานานแสนนานจะมีทีเด็ดอะไรมารับมือกับความหน้าเกรงขามของทัพเสือใต้ในคืนวันอาทิตย์นี้

สภาพทีมก่องลงทำการแข่งขัน ยังคงต้องรอเช็กอาการของ เคย์เลอร์ นาบาส นายทวารมือหนึ่งของทีม ที่ยังมีอาการบาดเจ็บอยู่ว่าจะฟิตพร้อมลงสนามในเกมนี้หรือไม่

คาดการณ์ 11 ผู้เล่นตัวจริง
ผู้รักษาประตู – ริโก้
กองกลัง – แบร์นาต, ซิลวา, คิมแพมเบ้, เคห์เลอร์
กองกลาง – เอร์เรรา, มาร์ควินญอส, ปาราเดส
กองหน้า – ดิ มาเรีย, เนย์มาร์, เอ็มบัปเป้

บาเยิร์น มิวนิค
ฟอร์มกำลังร้อนแรงสุด ๆ สำหรับทีมของ ฮันส์ ดีเทอร์ ฟลิค ที่นอกจากจะคว้าแชมป์ บุนเดสลีกา และ เดเอ็ฟเบ โพคาล มาครองได้สมใจอยากแล้ว พวกเขายังทำสถิติชนะต่อเนื่องในทุกรายการมาถึง 20 เกมติดต่อกันอีกด้วย โดยในรายการนี้พวกเขาพึ่งจะถล่ม เชลซี บาร์เซโลนา และ โอลิมปิก ลียง มาได้อย่างยับเยินแทบทุกนัดจนมาถึงรอบชิงชนะเลิศ แต่แน่นอนการโคจรมาพบกับ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ก็ไม่ใช่งานง่ายเพราะการที่ทีมใดทะลุมาถึงรอบนี้ได้ย่อมไม่ธรรมดา ขึ้นอยู่กับว่า ทีมเสือใต้ ในวันอาทิตย์นี้จะยังสามารถรักษามาตรฐานอันยอดเยี่ยมของพวกเขาเอาไว้ได้หรือไม่ในเกมนี้

ความพร้อมก่อนเกม เสือใต้ จะมีนักเตะตัวหลักที่ยังบาดเจ็บอยู่เพียงรายเดียวเท่านั้นคือ เจโรม บัวเต็ง กองหลังตัวเก๋าของทีม ส่วนคนอื่น ๆ ฟิตพร้อมเป็นตัวเลือกในการลงสนามนัดนี้ทั้งหมด

คาดการณ์ 11 ผู้เล่นตัวจริง
ผู้รักษาประตู – นอยเออร์
กองกลัง – เดวีย์ส, อลาบา, ซุเล, คิมมิช
กองกลาง – กอเรทซ์ก้า, ติอาโก้, มุลเลอร์
กองหน้า – เปริซิช, เลวานดอฟสกี้, กนาบรี้

ผลงาน 5 นัดหลังสุดของทั้ง 2 ทีม

ปารีส – ชนะ 5 เสมอ 0 แพ้ 0
19/08/20 UCL – ไลป์ซิก 0-3 ปารีส
13/08/20 UCL – อตาลันต้า 1-2 ปารีส
06/08/20 FL – ปารีส 1-0 โซโชซ์
01/08/20 FC – ปารีส 1-0 ลียง
25/07/20 FLC – ปารีส 1-0 แซงต์ เอเตียน

บาเยิร์น มิวนิค – ชนะ 5 เสมอ 0 แพ้ 0
20/08/20 UCL – บาเยิร์น มิวนิค 3-0 ลียง
15/08/20 UCL – บาเยิร์น มิวนิค 8-2 บาร์เซโลนา
09/08/20 UCL – บาเยิร์น มิวนิค 4-1 เชลซี
31/07/20 FL – บาเยิร์น มิวนิค 1-0 มาร์กเซย
05/07/20 POK – เลเวอร์คูเซน 2-4 บาเยิร์น มิวนิค

เฮดทูเฮท – ปารีส ชนะ 2 เสมอ 0 บาเยิร์น มิวนิค ชนะ 3
21/07/18 FL – บาเยิร์น มิวนิค 3-1 ปารีส
06/12/17 UCL – บาเยิร์น มิวนิค 3-1 ปารีส
28/09/17 UCL – ปารีส 3-0 บาเยิร์น มิวนิค
19/10/00 UCL – บาเยิร์น มิวนิค 2-0 ปารีส
27/09/00 UCL – ปารีส 1-0 บาเยิร์น มิวนิค

(UCL= ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก / FC = เฟรชคัพ / FLC = เฟรนลีก คัพ / POK = เดเอฟเบ โพคาล / FL = กระชับมิตร)

สถิติที่น่าสนใจ

8 เกมที่ทั้งคู่เคยพบกัน เป็นการเจอกันในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่มทั้งหมด ซึ่ง ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ดูจะเป็นฝ่ายที่ทำได้ดีกว่าด้วยการเอาชนะไปได้ 5 ครั้ง และที่เหลืออีก 3 เกมเป็น บาเยิร์น มิวนิค ที่เอาชนะไปได้

เกมนี้จะเป็นนัดแรกที่ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ทะลุเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศรายการนี้ ซึ่ง 6 ทีมหลังสุดที่เข้าชิงเป็นครั้งแรกไม่เคยมีทีมใดคว้าแชมป์ได้เลย โดยทีมล่าสุดที่ทำได้คือ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ที่เข้าชิงครั้งแรกเมื่อปี 1997 และสามารถเอาชนะ ยูเวนตุส ไปได้ในปีนั้น

บาเยิร์น มิวนิค เข้าชิงในรายการนี้ได้ถึง 11 ครั้ง มากที่สุดเป็นอันดับสองรองจาก เรอัล มาดริด (16 ครั้ง) โดยพวกเขาเคยคว้าแชมป์มาได้ทั้งหมด 5 สมัย ซึ่งมากที่สุดเป็นอันดับ 4 รองจาก ลิเวอร์พูล (6 ครั้ง) เอซี มิลาน (7 ครั้ง) และ เรอัล มาดริด (13 ครั้ง)

เสือใต้ ยิงประตูใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาลนี้ไปแล้ว 42 ประตูจากทั้งหมด 10 เกมที่ลงเล่น มีเพียง บาร์เซโลนา เพียงทีมเดียวเท่านั้นที่เคยทำได้มากกว่า (45 ประตู) ในปี 1999/00 ซึ่งในปีนั้น เจ้าบุญทุ่ม ลงเล่นไปกว่า 16 เกม

นัดชิงชนะเลิศปีนี้ เป็นครั้งที่ 5 ที่มีทีมจากฝรั่งเศสเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศต่อจากปี 2004 ที่ โมนาโก ทำได้เป็นทีมล่าสุด ซึ่งจากทั้งหมด 5 ครั้งดังกล่าวมีเพียงครั้งเดียวที่ทีมจากเมืองน้ำหอมคว้าแชมป์ไปครองได้คือ โอลิมปิก มาร์กเซย ในปี 1993

หาก บาเยิร์น มิวนิค เอาชนะในเกมนี้ พวกเขาจะเป็นทีมแรกที่ทำสถิติเอาชนะคู่แข่งใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ได้ถึง 11 นัดติดต่อกัน

19 นัดที่ เนย์มาร์ ลงสนามในรายการนี้ให้กับ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ซึ่งเจ้าตัวมีส่วนกับการทำประตูไปแล้วถึง 23 ครั้ง (ยิง 14 แอสซิสต์ 9) หากเขายิงได้ในเกมนี้ จะทำสถิติเป็นนักเตะคนที่ 3 ในประวัติศาสตร์ที่ยิงประตูในรอบชิงชนะเลิศกับ 2 ทีมหลังจากเคยยิงให้ บาร์เซโลนา ในปี 2015 (คริสเตียโน โรนัลโด้ แมนฯ ยูไนเต็ด-เรอัล มาดริด / มาริโอ มานด์ซูคิช บาเยิร์น มิวนิค-ยูเวนตุส)

โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ทำสถิติยิงประตูในรายการนี้มาแล้ว 9 นัดติดต่อกัน มีเพียง คริสเตียโน โรนัลโด้ รายเดียวเท่านั้นที่เคยยิงต่อต่อกันได้มากกว่าเขา (11 เกมติดต่อกัน)

ฮัน ดีเทอร์ ฟลิค เป็นกุนซือรายที่ 6 ที่เคยทั้งคุมทีมและลงเล่นให้สโมสรเดียวกันในนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลรายการนี้ต่อจาก มิเกล มูโนซ (เรอัล มาดริด), วิเซนเต้ เดบอสเก้ (เรอัล มาดริด), คาร์โล อันเชล็อตติ (เอซี มิลาน), เป๊ป กวาร์ดิโอลา (บาร์เซโลนา) และ ซีเนดีน ซีดาน (เรอัล มาดริด)

บาร์เยิน มิวนิค เป็นทีมที่ โธมัส ทูเคิล นายใหญ่ของ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง เคยคุมทีมไปแพ้มากที่สุดในชีวิตการเป็นผู้จัดการทีม (9 ครั้ง)

โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ยิงประตูใน แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาลนี้ไปแล้ว 15 ลูก ตามหลังสถิติสูงสุดที่ คริสเตียโน โรนัลโด้ ทำเอาไว้ในปี 2013/14 เพียง 2 ประตูเท่านั้น (17 ลูก)

บาร์เซโลนา จ้องฉกกลาง ลิเวอร์พูล, แมนฯ ยูไนเต็ด ใกล้ปิดดีล เด็กบาร์ซ่า: สรุปข่าวซื้อขายนักเตะประจำวันที่ 20 สิงหาคม

สรุปทุกประเด็นข่าวที่สำคัญในแวดวงฟุตบอลที่เกิดขึ้นในรอบวันของ ลิเวอร์พูลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, และบรรดาบิ๊กทีมในศึก ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษข่าวซื้อขายนักเตะ และวงการฟุตบอลทั่วโลก

ติดตามบทความสรุปข่าวย้อนหลังได้ที่ : ปารีส หวังปาด ลิเวอร์พูล คว้า ติอาโก้, แมนฯ ยูไนเต็ด สน 2 แข้ง ม้าลาย : สรุปข่าวซื้อขายนักเตะประจำวันที่ 19 สิงหาคม

เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ประกาศเปิดตัวนายทวารคนใหม่ของสโมสรนั่นคือ อารอน แรมส์เดล ผู้รักษาประตูดาวรุ่งจาก บอร์นมัธ ด้วยค่าตัว 18.5 ล้านปอนด์ ที่ซีซั่นก่อนแม้จะไม่สามารถพาต้นสังกัดรอดพ้นจากการตกชั้นได้ แต่ผลงานส่วนตัวของเขานั้นจัดว่าโดดเด่นพอสมควรเลยทีเดียว โดยนายด่านวัย 22 ปีรายนี้จะเซ็นสัญญาในถิ่น บรามอล เลน ถึงปี 2024 ด้วยกัน

โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ทีมดังในศึก บุนเดสลีกา ประกาศเปิดตัว เรเนียร์ เชซุส ตัวรุกวัย 18 ปีด้วยสัญญายืมตัวจาก เรอัล มาดริด 2 ฤดูกาลด้วยกัน โดย ราชันชุดขาว เองก็พึ่งจะดึงตัวหนุ่มน้อยรายนี้มาจาก ฟลาแมงโก ด้วยค่าตัวสูงถึง 30 ล้านยูโรเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ประกาศต่อสัญญายืมตัว สกอตต์ คาร์สัน นายทวารมือสามวัย 34 ปีของทีม ที่ยืมตัวมาจาก ดาร์บี้ เคาน์ตี้ ตั้งแต่ซีซั่นก่อนออกไปอีก 1 ฤดูกาล

AD สื่อในฮอลแลนด์ รายงานว่า โรนัลด์ คูมัน นายใหญ่คนใหม่ของ บาร์เซโลนา มีแผนที่จะดึงตัว จีนี ไวจ์นัลดุม กองกลางตัวเก่งของ ลิเวอร์พูล ที่เหลือสัญญาในถิ่น แอนฟิลด์ อีกเพียง 1 ปี มาร่วมทีมให้ได้ ซึ่งตัวนักเตะเองก็มีความสนิทสนมคุ้นเคยกับ คูมัน เป็นอย่างดีในแคมป์ทีมชาติ โดยนายใหญ่เลือดกังหันลมรายนี้ มีแผนจะรอให้ถึงช่วงเดือนมกราคม ก่อนจะเซ็นสัญญามาร่วมทีมได้แบบไร้ค่าตัวในฤดูกาลหน้า

เอ็กซ์เพรส สื่อใหญ่เมืองผู้ดีรายงานว่า ยักษ์ใหญ่จาก กัลโช เซเรีย อา อย่าง ลาซิโอ กำลังให้ความสนใจในตัวของ เซอร์ดาน ชากิรี มิดฟิลด์ตัวรุกของทีม ลิเวอร์พูล หลังจากที่พวกเขาพลาดการได้ตัว ดาบิด ซิลบา ที่สุดท้ายตัดสินใจกลับไปค้าแข้งในบ้านเกิดกับ เรอัล โซเซียดาด เป็นที่เรียบร้อย
ทำให้มีข่าวว่าพวกเขาหันมาให้ความสนใจดาวเตะทีมชาติสวิสเซอร์แลนด์ของ หงส์แดง ที่แทบไม่มีบทบาทกับทีมเลยตลอดฤดูหกาลที่ผ่านมา

GOAL สื่อฟุตบอลชื่อดังตีข่าวว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เตรียมจะปิดดีลวันเดอร์คิดจาก ลามาเซีย มาร์ค ฆูราโด้ แบ็คดาวรุ่งวัย 16 ปี ที่มีข่าวว่าจะย้ายออกจากทีม บาร์เซโลนา ในช่วงซัมเมอร์นี้หลังจากปฏิเสธที่จะต่อสัญญากับยักษ์ใหญ่แห่ง ลาลีกา ออกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

เดอะ ซัน สื่อดังของอังกฤษรายงานว่าหลังจากเป็นที่แน่นอนแล้วว่า ดีน เฮนเดอร์สัน จะกลับแย่งชิงต่ำแหน่งตัวจริงในถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด ฤดูกาลหน้า ล่าสุดมีข่าวว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เตรียมจะยื่นสัญญาฉบับใหม่เป็นเวลา 4ปีให้กับอดีตนายทวารของ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด รายนี้พร้อมกับค่าเหนื่อยทีราว 1 แสนปอนด์ต่อสัปดาห์ด้วยกัน

ดิ แอธเลติค รายงานว่า สาเหตุที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชวดการเซ็นสัญญากับ เจดอน ซานโช ปีกตัวเก่งของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ในช่วงซัมเมอร์นี้ทั้งทีเตรียมจะคว้าตัวมาร่วมทีมหลัง ปีศาจแดง สามารถการันตีโควต้า แชมเปี้ยนส์ลีก ได้ นั่นเป็นเพราะ แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ประสงค์ที่จะจ่ายค่าตัวหลักร้อยล้านปอนด์ที่ เสือเหลือง ตั้งเอาไว้ ร่วมถึงค่าเหนื่อยที่มีข่าวลือว่านักเตะต้องการในระดับเดียวกับ อเล็กซิส ซาสเชซ อีกทั้งโบนัสที่ เอเยนต์ เรียกร้องประกอบการซื้อขายในครั้งนี้นั่นเอง

เดลี เทเลกราฟ เปิดเผยว่า แฟรงค์ แลมพาร์ด กุนซือหนุ่มของ เชลซี กำลังพิจารณาเกี่ยวกับการคว้าตัว ติอาโก้ ซิลวา กองหลังชาวบราซิลเลียนวัย 35 ปีที่กำลังจะหมดสัญญากับ ปารีส แซงต์ แชร์แมง หลังเสร็จสิ้นภารกิจในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบชิงชนะเลิศในคืนวันอาทิตย์นี้ เพื่อนำมาเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในเกมรับให้กับทีมที่ซีซั่นก่อนดูจะยังมีปัญหาอยู่พอสมควรนั่นเอง

เดลี มิร์เรอร์ รายงานว่า อาร์เซนอล ใกล้จะปิดดีล กาเบรียล กองหลังดาวรุ่งวัย 22 ปีของ ลีลล์ ทีมดังแห่งลีกเอิง ด้วยค่าตัวราว 25 ล้านยูโรด้วยกัน หลังเจ้าตัวได้ทำการปฏิเสธข้อเสนอจาก นาโปลี เป็นที่เรียบร้อย โดยสื่อดังกล่าวยังเผยอีกว่า แข้งชาวบราซิลเลียนรายนี้จะเซ็นสัญญาในถิ่น เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม เป็นเวลา 5 ปี และเตรียมจะบินมาเปิดตัวกับต้นสังกัดใหม่ในอีกไม่วันข้างหน้า แต่ทั้งนี้ก็ยังมี ปารีส แซงต์ แชร์กแมง และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่กำลังให้ความสนใจแข้งรายนี้อยู่เช่นกัน

เก็บตกทุกประเด็นร้อนศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เสือใต้ ทะลุเข้าชิงปะทะ ปารีส !

Robert Lewandowski
Olympique Lyonnais v Bayern Munich – UEFA Champions League Semi Final | Pool/Getty Images

ข้อมูลการแข่งขัน
การแข่งขัน : ฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 2019/20 รอบ 4 ทีมสุดท้าย
วันแข่งขัน : คืนวันพุธ 19 สิงหาคม
เวลาแข่งขัน : 02:00 น. ตามเวลาประเทศไทย
ผลการแข่งขัน : บาเยิร์น มิวนิค 3-0 โอลิมปิก ลียง
สนาม : เอสตาดิโอน โจเซ อัลวาเลด

บาเยิร์น มิวนิค เอาชนะ โอลิมปิก ลียง ไปได้สบาย ๆ 3-0 โดยได้ประตูจาก แซร์จ กนาบรี้ ในนาทีที่ 8, 33 และ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ มาโขกปิดท้ายในนาทีที่ 88 ทำให้จบเกม เสือใต้ ทะลุเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศไปพบกับ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง คืนวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้

เริ่มเกมในครึ่งเวลาแรก ทั้งสองทีมพยายามตั้งเกมบุกของตัวเองเข้าใส่คู่แข่ง แต่เป็น ลียง ที่ได้ลุ้นก่อนจากจังหวะหลุดเดี่ยวของ เดปาย แต่เจ้าตัวยิงหลุดกรอบออกไป

จากนั้น บาเยิร์น เป็นฝ่ายครองเกมบุกได้มากกว่า ส่วน โอลิมปิก ลียง ถอยมาตั้งรับและรอจังหวะสวนกลับ ซึ่งพวกเขาก็มีโอกาสใกล้เคียงอีกครั้งจาก อีคัมบี แต่เจ้าตัวยิงไปชนเสาอย่างน่าเสียดาย

แต่แล้วนาทีที่ 18 เสือใต้ ขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะลากเดี่ยวหน้ากรอบเขตโทษของ กนาบรี้ ก่อนจะซัดด้วยซ้ายเต็มแรงบอลพุ่งผ่านมือ โลเปส เข้าไป

จากนั้นนาทีที่ 33 บาเยิร์น มาได้ประตูที่ 2 จากจังหวะที่ เปริซิช หลุดขึ้นมาทางกราบซ้าย ก่อนตบเข้ากลางให้ เลวานดอฟสกี้ ยิงไปติดผู้รักษาประตูและเป็น กนาบรี้ ที่ตามมาซ้ำเข้าไป

ช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีมทำประตูกันเพิ่มไม่ได้ ทำให้จบ 45 นาทีแรก เสือใต้ ออกนำ 2-0

เริ่มเกมในครึ่งหลัง ลียง ดูจะพยายามเปิดเกมบุกมากขึ้น แต่โอกาสที่ใกล้เคียงแรกใน 45 หลังเป็นของ บาเยิร์น จากจังหวะหลุดเดี่ยวของ เปริซิช แต่ยังยิงไปติดเซฟของ โลเปส

ด้าน ลียง มีโอกาสลุ้นประตูตีไข่แตกจากจังหวะยิงจ่อ ๆ ของ อีคัมบี แต่ยังคงไม่ผ่านมือ นอยเออร์ เช่นกัน

ต่อมาทั้งสองทีมต่างผลัดกันรุก-รับแต่ยังหาจังหวะจบสกอร์กันได้ไม่ชัดเจนนัก

ช่วง 10 นาทีสุดท้าย เสือใต้ มีจังหวะส่งบอลเข้าประตูไปได้ จากลูกยิงของ คูตินโญ แต่ถูกจับล้ำหน้าไปเสียก่อน

แต่แล้วนาทีที่ 88 บาเยิร์น ขึ้นนำ 3-0 จากลูกฟรีคิก คิมมิช เปิดเข้ามาและเป็น เลวานดอฟสกี้ โหม่งเหน่ง ๆ เข้าไป

ทำให้จบ 90 นาที บาเยิร์น มิวนิค ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศไปพบกับ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง คืนวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้

คะแนนนักเตะทั้งสองทีม

บาเยิร์น มิวนิค : นอยเออร์(7), คิมมิช(8), บัวเต็ง(6.5), อลาบา(7), เดวีส์(7), โกเร็ทซ์ก้า(6.5), ติอาโก้(7.5), กนาบรี(8.5), มึลเลอร์(6.5), เปริซิช(6.5), เลวานดอฟสกี้(8)

ตัวสำรอง : ซูเล(6.5), คูตินโญ(6.5), โตลิสโซ(5.5), โกม็อง(6), ปาวาร์ด(5.5)

ลียง : โลเปส(7), มาร์เซโล(6.5), เดนาเยร์(6), มาร์แซล(6), ดูบอย์ส(6), อาอูอาร์(7), คาเกเรต์(6.5), บรูโน(5.5), คอร์เนต์(6.5), เดปาย(5.5), อีคัมบี(6)

ตัวสำรอง : เมนเดส(5.5), เตเต้(5.5), เดมเบเล​(6), อเดเลด(6), เชอร์กี้(5.5)

แมน ออฟ เดอะแมทช์ – แซร์จ กนาบรี้
เกมนี้ต้องยอมรับจริง ๆ ว่า บาเยิร์น มิวนิค เป็นฝ่ายเหนือกว่าชัดเจนแทบจะทุกด้าน น่าเสียดายที่ โอลิมปิก ลียง มีโอกาสในช่วงต้นเกมหลายครั้งแต่กลับทำไม่ได้ จนมาเจอกับทีเด็ดของปีกความเร็วสูงอย่าง แซร์จ กนาบรี้ ที่กด 2 ประตูในช่วงครึ่งแรกช่วยให้ บาเยิร์น เล่นง่ายกว่าเดิมมากในช่วงเวลาทีเหลือ ซึ่งประตูแรกนั้นต้องยกเครดิตให้กับเจ้าตัวไปเต็ม ๆ กับการลากเดี่ยวจนถึงระยะทำการหน้ากรอบเขตโทษก่อนซัดด้วยซ้ายอย่างเฉียบขาด บอลพุ่งแรงผ่านมือ โลเปส เข้าไปอย่าสวยสดงดงามเลยทีเดียว

สถิติหลังเกม

บาเยิร์น มิวนิค เป็นทีมที่เข้าชิงในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ได้ถึง 11 ครั้งรวมปีนี้ ซึ่งเป็นสถิติที่เทียบเท่ากับ เอซี มิลาน โดยเป็นรองเพียง เรอัล มาดริด ทีมเดียวเท่านั้น (16 ครั้ง)

โอลิมปิก ลียง ตกรอบ 4 ทีมสุดท้ายทั้ง 2 ครั้งที่เคยเข้ามาถึงรอบนี้ ซึ่งเป็นการแพ้ให้กับ บาเยิร์น มิวนิค ทั้งหมด (ปี 2009/10 ประตูรวมสองนัด 0-4)

บาเยิร์น เอาชนะคู่แข่งในรายการนี้มาได้ 10 เกมติดต่อกันแล้ว ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดเทียบเท่ากับที่พวกเขาเคยทำได้ในปี 2013 และ เรอัล มาดริด ที่ทำเอาไว้ในปี 2015

ทีมเสือใต้ ยิงประตูได้ถึง 42 ลูกแล้วใน แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาลนี้ มีเพียง บาร์เซโลนา ในปี 1999/00 ที่เคยทำสถิติยิงประตูได้มากกว่า (45 ประตู)

ประตูของ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ในเกมนี้ส่งผลให้เจ้าตัวเป็นนักเตะคนที่สองที่สามารถทำประตูได้ถึง 15 ลูกในรายการนี้เพียงซีซั่นเดียว ต่อจาก คริสเตียโน โรนัลโด้ ที่เคยทำได้ถึง 3 ครั้งในปี 2013/14 2015/16 และ 2017/18

อีกทั้งหัวหอกชาวโปแลนด์รายนี้ ยังยิงประตูได้ติดต่อกันในรายการนี้ถึง 9 เกม เทียบเท่ากับสถิติที่ รุด ฟาน นิสเตอรอย เคยทำเอาไว้ และเป็นรองเพียง คริสเตียโน โรนัลโด้ ที่ทำได้ถึง 11 นัดติดต่อกันในปี 2018

แซร์จ กนาบรี้ มีส่วนกับการทำประตูไปแล้วถึง 11 ครั้งใน แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาลนี้ (ยิง 9 แอสซิสต์ 2) เป็นรองเพียง เลวานดอฟสกี้ (20 ครั้ง) เพียงรายเดียวเท่านั้น

ดาวรุ่งของ โอลิมปิก ลียง รายาน เชอร์กี้ ทำสถิติกลายเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดที่ลงสนามในรอบน็อคเอาท์รายการนี้ (17 ปี 2 วัน)

เก็บตกทุกประเด็นร้อนหลังเกม แชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 4 ทีมสุดท้าย ปารีส ทะลุเข้าชิง

Neymar, Kevin Kampl
RB Leipzig v Paris Saint-Germain F.C – UEFA Champions League Semi Final | David Ramos/Getty Images

ข้อมูลการแข่งขัน

การแข่งขัน : ฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 2019/20 รอบ 4 ทีมสุดท้าย
วันแข่งขัน : คืนวันอังคาร 19 สิงหาคม
เวลาแข่งขัน : 02:00 น. ตามเวลาประเทศไทย
ผลการแข่งขัน : ปารีส แซงต์ แชร์กแมง 3-0 แอร์เบ ไลป์ซิก
สนาม : เอสตาดิโอน ดา ลุซ

ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ทำได้ ! เอาชนะ แอร์เบ ไลป์ซิก ไปอย่างขาดลอย 3-0 โดยได้ประตูจาก มาควินญอส นาทีที่ 12 อังเคล ดิ มาเรีย นาทีที่ 42 และ ฆวน แบร์นาท นาทีที่ 56 ทำให้จบเกม แปเอสเช ทะลุเข้ารอบชิงชนะเลิศเป็นครั้งแรก ไปรอพบกับผู้ชนะระหว่าง ลียง กับ บาเยิร์น มิวนิค วันพรุ่งนี้

เริ่มเกมในครึ่งเวลาแรก ทั้งสองทีมพยายามเปิดเกมบุกเข้าใส่กัน โดยเป็น ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ที่มีโอกาสใกล้เคียงจะได้ประตูถึงสองครั้งจากลูกหลุดเดี่ยวของ เนย์มาร์ ที่ยิงไปชนเสา และ ลูกยิงโล่ง ๆ ของ เอ็มบัปเป้ ที่เข้าประตูไปแล้ว แต่ถูกจับแฮนด์บอลไปก่อน

กระทั่งนาทีที่ 12 ยักษ์ใหญ่จากลีกเอิง ขึ้นนำ 1-0 ได้สำเร็จจากลูกตั้งเตะ ดิ มาเรีย เปิดมาให้ มาควินญอส โขกเต็ม ๆ เข้าไป

ด้าน ไลป์ซิก มีโอกาสใกล้เคียงจะได้ประตูตีเสมอจากการวิ่งเข้ามาชาร์จจ่อ ๆ ของ โพลเซน แต่บอลหลุดเสาออกไปนิดเดียวเท่านั้น

หลังผ่านครึ่งชั่วโมงแรก ปารีส เกือบได้ประตูที่สองจากจังหวะฟรีคิกที่ เนย์มาร์ ลักไก่หลอกยิงไกล แต่บอลพุ่งไปชนเสากระเด้งออกไปอย่างน่าเสียดาย

แต่แล้วก่อนหมดเวลาเพียง 3 นาที แปเอสเช มาได้ประตูออกนำ 2-0 จากจังหวะออกบอลพลาดของผูรักษาประตู เอร์เรรา ตัดบอลได้และจ่ายต่อให้ เนย์มาร์ สะกิดต่อให้ ดิ มาเรีย ยิงโล่ง ๆ เข้าไป

ทำให้จบ 45 นาทีแรก ปารีส ออกนำ 2-0

เริ่มเกมในครึ่งหลัง ไลป์ซิก พยายามเปิดเกมบุกมากขึ้นกว่าเดิมแต่ยังหาจังหวะลุ้นประตูที่ไกล้เคียงไม่ได้

จนนาทีที่ 56 ปารีส แซงต์ แชร์กแมง มาได้ประตูที่ 3 จากจังหวะตัดบอลได้ในแดนหลัง ก่อนที่ ดิ มาเรีย จะโยนเข้ามาลุ้นในกรอบเขตโทษและเป็น เบอร์นาท มีโหม่งโล่ง ๆ เข้าประตูไป

จากนั้น แปเอสเช พยายามเน้นครองบอลมากขึ้นและเกือบได้ประตูเพิ่มจาก เอ็มบัปเป้ ถึงสองครั้งแต่ยังไม่เฉียบขาดมากพอ

เช่นเดียวกับ ไลป์ซิก ที่ช่วงท้ายเกมพยายามเปิดเกมบุกเข้าใส่อย่างหนักแต่ก็แทบจะไม่มีจังหวะหวาดเสียวให้เห็นเลย

ทำให้จบ 90 นาที ปารีส แซงต์ แชร์กแมง เป็นทีมแรกที่เข้าไปรอในรอบชิงชนะเลิศ รอพบผู้ชนะระหว่าง โอลิมปิก ลียง และ บาเยิร์น มิวนิค คืนวันพรุ่งนี้

คะแนนผู้เล่นของทั้งสองทีม

แอร์เบ ไลป์ซิก : กูลาสชี(5.5), อังเจลิโน(6), มูคิเอเล(6), อูปาเมกาโน(6.5), คลอสเตอร์มันน์(6), ไลเมอร์(6), ซาบิตเซอร์(6.5), คัมเพิล(5.5), เอ็นคุนคู(5.5), โอลโม(5.5), โพลเซน(6.5)

ตัวสำรอง :  อดัมส์(6), ฟอร์สเบิร์ก(6.5), ฮาลส์เทนเบิร์ก(6), ออบัน(6), ชิค(6)

ปารีส : ริโก้(7), เคห์เรอร์(7.5), ซิลวา(7), คิมเพมเบ้(7.5), แบร์นาท(8), มาร์ควินญอส(8), ปาราเดส(7.5), เอร์เรรา(7.5), เนย์มาร์(8), ติ มาเรีย(8), เอ็มบัปเป้(7.5)

ตัวสำรอง :  แดรกซ์เลอร์(6), ชูโพ-โมเต็ง(5.5), ซาราเบีย(5.5), แวร์รัตติ(6)

แมน ออฟ เดอะแมทช์ – เนย์มาร์
แม้ในเกมนี้ อังเคล ดิ มาเรีย จะโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นทั้งยิงทั้งจ่ายช่วยให้ทีมเอาชนะไปได้ แต่หากใครได้ดูการถ่ายทอดสดจะเห็นได้เลยว่า คนที่เป็นผู้ขับเคลื่อนเกมให้กับ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ก็คือ เนย์มาร์ ซุเปอร์สตาร์ชาวบราซิล ที่วันนี้วิ่งพล่านไปทั่วสนาม แม้แต่เกมรับยังต้องลงไปช่วยล้วงบอล แถมยังเจอเกมหนักล้มลุกคลุกคลานมากเป็นพิเศษ น่าเสียดายที่วันนี้เจ้าตัวไม่สามารถเปลี่ยนโอกาสที่มีให้เป็นประตูได้ จะมีก็แต่เพียง 1 แอสซิสต์กับยิงชนเสาไป 2 ครั้ง ซึ่งนั่นก็เพียงพอจะส่งให้ต้นสังกัดเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศรายการนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสรได้สำเร็จ

สถิติหลังเกม

ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ทะลุเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศในรายการนี้เป็นครั้งแรก ซึ่งก่อนหน้านี้พวกเขาลงเล่นไปทั้งสิ้นกว่า 110 ทำลายสถิติจำนวนนัดที่ลงเล่นก่อนเข้าชิงที่ อาร์เซนอล เคยทำเอาไว้ 90 นัด (1971-2006) ลงไปได้

ปารีส จะเป็นทีมที่ 5 จากฝรั่งเศสที่เคยเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก โดยทีมล่าสุดที่ทำได้คือ โมนาโก (ปี 2003/04) ที่ในปีนั้นพวกเขาอกหักพ่ายให้กับ ปอร์โต้ ไปในที่สุด

แปเอสเช ยิงประตูติดต่อกันได้ในฟุตบอลยุโรปมาแล้ว 34 ประตูด้วยกัน ทำสถิติสูงสุดเทียบเท่ากับที่ เรอัล มาดริด ทำเอาไว้ในปี 2011-2014 ซึ่งเกมล่าสุดที่พวกเขายิงประตูไม่ได้ต้องย้อนกลับไปในปี 2016 ที่พ่ายให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 0-1

มาควินญอส ยิงประตูในรายการนี้ได้ 2 เกมติดต่อกันเป็นครั้งแรกนับจากปี 2013 ที่เจ้าตัวเคยทำได้ในการประเดิม 2 นัดแรกในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก

หากนับตั้งแต่วันที่ อังเคล ดิ มาเรีย ประเดิมสนามในรายการนี้ (กันยายน ปี 2007) เจ้าตัวทำแอสซิตส์ไปแล้วกว่า 27 ครั้ง มีเพียง คริสเตียโน โรนัลโด้ (32) และ ลิโอเนล เมสซี (32) ที่ทำได้มากกว่าเขาใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก

อีกทั้งปีกชาวอาเจนไตน์รายนี้ ยังทำสถิติไม่แพ้ใครติดต่อกันในทุกเกมที่เขายิงประตูได้ (17 เกม – ชนะ 15 เสมอ 2 แพ้ 0 ยิงได้ 21 ประตู) มากที่สุดเป็นอันดับ 4 รองจากจาก โม ซาลาห์ (18 เกม) กอนซาโล ฮิกวาอิน (21) และ แพทริค ไคลเวิร์ต (25)

เนย์มาร์ มีส่วนกับการทำประตูไปแล้วถึง 59 ครั้ง จากทั้งหมด 59 เกมที่เจ้าตัวลงเล่นใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก (35 ประตู 24 แอสซิตส์) โดยการลงเล่นให้กับ ปารัส แซงต์ แชร์กแมง เจ้าตัวทำไปได้ 23 ครั้ง จากการลงเล่นทั้งหมด 19 นัด (14 ประตู 9 แอสซิสต์)

อินเตอร์ มิลาน 5-0 ชัคตาร์ โดเน็ตสก์ : เก็บตกทุกประเด็นร้อนหลังเกม ยูโรปาลีก งูใหญ่จัดหนัก ทะลุเข้ารอบชิง

Lautaro Martinez
FC Internazionale v Shakhtar Donetsk – UEFA Europa League Semi Final | Lars Baron/Getty Images

ข้อมูลการแข่งขัน
การแข่งขัน : ฟุตบอลยูฟ่า ยูโรปาลีก 2019/20 รอบ 4 ทีมสุดท้าย
วันแข่งขัน : คืนวันจันทร์ที่ 17 สิงหาคม
เวลาแข่งขัน : 02:00 น. ตามเวลาประเทศไทย
ผลการแข่งขัน : อินเตอร์ มิลาน 5-0 ชัคตาร์ โดเน็ตสก์
สนาม : เมอร์กูร์ สเปียล์ อารีนา

อินเตอร์ มิลาน ฟอร์มดุ ไล่ถล่ม ชัคตาร์ โดเน็ตสก์ ขาดลอย 5-0 โดยได้ประตูจาก เลาตาโร มาร์ติเนซ 2 ลูกในนาทีที่ 19, 74 ดานิโล ดิ อัมโบรซิโอ นาทีที่ 64 และ โรเมลู ลูกากู สองประตูในนาทีที่ 78, 84 จบเกม งูใหญ่ ทะลุเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศไปพบกับ เซบีญา ในคืนวันศุกร์นี้เวลา 2.00 น

เริ่มเกมในครึ่งแรก ทั้งสองทีมต่างพยายามเปิดเกมบุกเข้าใส่กันแต่ดูจะเป็น อินเตอร์ ที่ทำได้ดีกว่าเล็กน้อย

นาทีที่ 19 งูใหญ่ ออกนำ 1-0 จากจังหวะกระชากขึ้นทางขวาของ นิโก บาเรลลา ก่อนจะเปิดเข้ากลางให้ เลาตูโร มาร์ติเนซ โหม้งจ่อ ๆ เข้าไป

หลังจากนั้น ชัคตาร์ พยายามเปิดเกมบุกเขาใส่อย่างหนักแต่ยังไม่สามารถเจาะแนวรับของ อินเตอร์ ได้

ส่วนด้าน ทีมงูใหญ่ ก็รอจังหวะผิดพลาดในแดนกลางของคู่แข่งและหาโอกาสในการโต้กลับแต่ก็ยังหาโอกาสลุ้นประตูเพิ่มไม่ได้

ทำให้จบ 45 นาทีแรก ยักษ์ใหญ่จาก เซเรีย อา นำอยู่ 1-0

เริ่มเกมในครึ่งหลัง อินเตอร์ ดูจะเปิดเกมบุกมากขึ้นและเกือบได้ประตูที่สองจากลูกยิงใกลของ มาร์ติเนซ แต่ยังไปติดเซฟของผู้รักษาประตู

ด้าน ชัคตาร์ โดเน็ตสก์ ก็เกือบตีเสมอได้จากลูกโหม่งจ่อ ๆ ของ จูเนียร์ โมราเอส แต่ ฮันดาโนวิช เซฟเอาไว้ได้อย่างเหลือเชื่อ

กระทั่งนาทีที่ 64 งูใหญ่ ได้ประตูนำห่าง 2-0 จากจังหวะเตะมุม โบรโซวิช เปิดโค้งมาให้ อัมโบรซิโอ ขึ้นโหม่งย้อนศรเข้าไป

10 นาทีต่อมา อินเตอร์ ได้ประตูที่ 3 จากจังหวะยิงหน้ากรอบเขตโทษของ มาร์ติเนซ คนเดิม บอลพุ่งเบียดเสาชนิดที่ เปียตอฟ หมดสิทธิเซฟ

จากนั้นนาทีที่ 78 ประตูที่ 4 ก็ตามมาจากจังหวะหลุดเดี่ยวเข้าเขตโทษของ ลูกากู ก่อนเจ้าตัวจะยิงเสียบเสาไกลลเข้าไป

ยังไม่จบเพียงแค่นั้น ลูกากู มาบวกประตูที่สองให้กับตัวเองให้ทีมนำห่าง 5-0 จากจังหวะกระชากเข้ากรอบเขตโทษก่อนจะซัดด้วยซ้ายเข้าไปในนาทีที่ 84

ทำให้จบเกม อินเตอร์ มิลาน เอาชนะไปได้อย่างถล่มทลาย 5-0 ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศไปพบกับ เซบีญา คืนวันศุกร์ 21 สิงหาคมนี้

คะแนนนักเตะทั้งสองทีม

อินเตอร์ : ฮันดาโนวิช(7), โกดิน(7.5), เดอ ไฟรจ์(7.5), บัสโตนี(7), ยัง(6.5), อัมโบรซิโอ(7.5), โบรโซวิช(7), บาเรลลา(7.5), กากลิอาร์ดินี(7), มาร์ติเนซ(9), ลูกากู(8.5)

ตัวสำรอง : บิราชี(6), โมเซส(5.5), อีริคเซน(5.5), เอสโพซิโต้(5.5), เซนซี(5.5)

ชัคตาร์ : เปียตอฟ(5), โดโด้(5.5), คริว์ตซอฟ(5), โคโชลาวา(5.5), มัตวิเยนโก้(6), สเตพาเนนโก้(5), แพทริค(5.5), อันโตนิโอ(5.5), มาร์ลอส(6), ไทสัน(6), โมราเอส(6)

ตัวสำรอง : โซโลมอน(5.5), โคโนปลิอันก้า(5)

แมน ออฟ เดอะแมทช์ – เลาตาโร มาร์ติเนซ
วันนี้ต้องยอมรับจริง ๆ หัวหอกเนื้อหอมชาวอาร์เจนไตน์โชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นสุด ๆ เรียกได้ว่าเป็นผู้แบกเกมรุกของ อินเตอร์ มิลาน เอาไว้บนบ่าเลยก็คงจะไม่ผิดนัก แถมทักษะในการเข้าทำ จบสกอร์ หรือแม้แต่การหาพื้นที่ดึงตัวประกบ ยังทำได้อย่างไร้ที่ติจนเป็นที่มาของ 2 ประตูกับอีก 1 แอสซิสต์ในเกมนี้ และด้วยฟอร์มที่ร้อนแรงดุดัน ณ ปัจจุบัน บอกได้คำเดียวว่า 100 ล้านก็คุ้ม !

สถิติหลังเกม

ชัยชนะ 5-0 ของ อินเตอร์ มิลาน ในเกมนี้ จัดว่าเป็นสกอร์ที่ขาดลอยที่สุดในประวัติศาสตร์รอบ 4 ทีมสุดท้านฟุตบอลรายการนี้

ความพ้ายแพ้ของ ชัคตาร์ โดเน็ตสก์ ในเกมนี้ จัดว่าเป็นการปราชัยที่ขาดลอยที่สุดนับตั้งแต่พวกเขาพ่ายให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 6-0 เมื่อปี 2018

อินเตอร์ ชนะคู่แข่งในรายการนี้มาแล้ว 5 นัดติดต่อกัน โดยครั้งล่าสุดที่พวกเขาชนะในฟุตบอลยุโรป 5 เกมติด ต้องย้อนกลับไปในปี 2010 ที่ฤดูกาลนั้นพวกเขาคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก มาครองได้สำเร็จ

เลาตาโร มาร์ติเนซ และ โรเมลู ลูกากู เป็นสองกองหน้าที่ยิงให้กับทีมได้เกิน 20 ประตูในหนึ่งฤดูกาล ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่มีหัวหอกที่สามารถยิงได้มากกว่า 20 ประตูถึง 2 คน นับจากที่ อาเดรียโน และ โอบาเฟมี มาร์ตินส์ ทำเอาไว้ล่าสุดในปี 2004/05

ดานิโล ดิ อัมโบรซิโอ ทำประตูให้กับทีมได้ถึง 3 ประตูใน 5 เกมหลังที่เขาได้ลงเล่นให้ อินเตอร์ มิลาน ซึ่งมากกว่า 58 เกมก่อนหน้านั้นที่เจ้าตัวทำได้เพียงแค่ 2 ประตูเท่านั้น

โรเมลู ลูกากู ทำสถิติเป็นนักเตะคนแรกในประวัติศาสตร์ฟุตบอลรายการนี้ ที่ยิงประตูได้ติดต่อกันถึง 10 เกมนับตั้งแต่สมัยที่ยังค้าแข้งอยู่กับ เอฟเวอร์ตัน ในปี 2014 เลยทีเดียว

นอกจากนั้น อดีตหัวหอกจาก แมนฯ ยูไนเต็ด รายนี้ ยังมีส่วนกับการทำประตูใน 10 เกมดังกล่าวไปถึง 18 ครั้งด้วยกัน (ยิง 14 จ่าย 4)

[Match Report] ผี ตกรอบ ! แมนฯ ยูไนเต็ด พ่าย เซบีญา 1-2 ตกรอบ 4 ทีมสุดท้าย ยูโรปาลีก เป็นที่เรียบร้อย

Marcus Rashford, Diego Carlos
Sevilla v Manchester United – UEFA Europa League Semi Final | James Williamson – AMA/Getty Images

ข้อมูลการแข่งขัน
การแข่งขัน : ฟุตบอลยูฟ่า ยูโรปาลีก 2019/20 รอบ 4 ทีมสุดท้าย
วันแข่งขัน : คืนวันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคม
เวลาแข่งขัน : 02:00 น. ตามเวลาประเทศไทย
ผลการแข่งขัน : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-2 เซบีญา
สนาม : รีนเอเนอร์จี สตาดิโอน ประเทศเยอนมนี

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พ่าย เซบีญา ไป 1-2 โดย ปีศาจแดง ได้ประตูนำก่อนจากจุดโทษของ บรูโน เฟอร์นันเดส ในนาทีที่ 9 ส่วน เซบีญา มายิงสองประตูรวดจาก ซูโซ นาทีที่ 26 และ ลุค เด ยอง นาทีที่ 78 ทำให้จบเกม แมนฯ ยูไนเต็ด หยุดเส้นทางในฟุตบอลรายการนี้เอาไว้ที่รอบ 4 ทีมสุดท้าย

เริ่มเกมในครึ่งแรกได้เพียง 8 นาที แนฯ ยูไนเต็ด มาได้ลูกจุดโทษจากจังหวะที่ แรชฟอร์ด ถูกทำฟาวล์ในกรอบเขตโทษ และเป็น บรูโน เฟอร์นันเดส ที่สังหารเข้าไปไม่พลาด

หลังจากได้ประตูขึ้นนำ ปีศาจแดง ดูจะถอยลงไปตั้งรับและรอโอกาสสวนกลับมากขึ้น ด้าน เซบีญา จึงเป็นฝ่ายครองบอลบุกเข้าใส่

กระทั่งนาทีที่ 26 ทีมดังจาก ลาลีกา ตีเสมอ 1-1 ได้สำเร็จจากจังหวะเปิดของ เรกิลอน มาให้ ซูโซ ซัดจ่อ ๆ เข้าไป

จากนั้นทั้งสองทีมพลัดกันมีโอกาสเข้าทำแต่ยังไม่สามารถเปลี่ยนให้เป็นประตูได้

จนจบ 45 นาทีแรก เสมอกันไป 1-1

เริ่มเกมในครึ่งหลังเป็น แมนฯ ยูไนเต็ด ที่เป็นฝ่ายบุกเข้าใส่อย่างหนัก และมีโอกาสลุ้นก่อนจากลูกหลุดเดี่ยวของ กรีนวูด แต่ยังยิงไปติดประรักษาประตูอย่างน่าเสียดาย

หลังจากนั้นไม่นาน ปีศาจแดง ได้ลุ้นหลายจังหวะติดต่อกัน แต่ผู้เล่น เซบีญา ยังช่วยกันป้องกันเอาไว้ได้อย่างหวุดหวิด

กระทั่งนาทีที่ 78 เซบีญา พลิกขึ้นนำ 2-1 จากจังหวะที่ 2 ตัวสำรองอย่าง มูเนีย หลุดมาทางกราบขวาก่อนจะเปิดเข้ามาให้ เด ยอง ซัดจ่อ ๆ เข้าไป

ช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีมทำประตูกันเพิ่มไม่ได้

จบเกม เซบีญา เอาชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด ไปได้ 2-1 เข้าไปรอชิงชนะเลิศพบกับผู้ชนะระหว่าง อินเตอร์ มิลาน กับ ชัคตาร์ โดเน็ตสก์ ที่มีคิวลงเตะกันในคืนวันพรุ่งนี้

รายชื่อผู้เล่นของทั้ง 2 ทีม

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด : เด เคอา, วาน บิสซาก้า, ลินเดเลิฟ, แม็คไกวร์, วิลเลียมส์, เฟร็ด, ป็อกบา, กรีนวูด, บรูโน, แรชฟอร์ด, มาร์กซิยาล

ตัวสำรอง : โรเมโร, แกรนท์, ไบญี, โฟซู เมนซาห์, มาติช, เจมส์, ลินการ์ด, มาต้า, แม็คโทมิเนย์, อิกาโล, เมนจี

เซบีญา : โบโน, นาบาส, คูเอนเด้, คาร์ลอส, เรกิลอน, เฟอร์นันโด, จอร์แดน, บาเนก้า, โอคัมโปส, ซูโซ, อัน เนสยรี

ตัวสำรอง : วาคลิค, ดิอาซ, โกเมซ, มูเนีย, กูเดลจ์, เอสกูเดโร, เด ยอง, โอลิเวียร์, วาซเกวซ, ลารา, กาเนโร, เปเรซ

เก็บตกความเป็นไปหลัง สเตอร์ลิง หมูหกทำ เรือใบ ปิ๋ว ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก

Raheem Sterling
Manchester City v Lyon – UEFA Champions League Quarter Final | Alex Livesey – Danehouse/Getty Images

ข้อมูลการแข่งขัน
การแข่งขัน : ฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 2019/20 รอบ 8 ทีมสุดท้าย
วันแข่งขัน : คืนวันเสาร์ที่ 15 สิงหาคม
ผลการแข่งขัน : แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-3 ลียง
สนาม : เอสตาดิโอน โจเซ อัลวาเลด

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กระเด็นตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เมื่อเป็นฝ่ายปราชัย ลียง 3-1 โดย ราฮีม สเตอร์ลิง พลาดโอกาสทองในการตามตีเสมอจากระยะเผาขนในช่วงท้าย ก่อนที่ทีมดังจาก ฝรั่งเศส จะรัวยิงจม เรือใบสีฟ้า อย่างเด็ดขาด

เกมออกสตาร์ทด้วยการครอบครองบอลที่เหนือกว่าของทัพ ซิตีเซนส์ อย่างที่พวกเขาทำได้ภายใต้การคุมทีมของ เป๊บ กวาร์ดิโอลา แม้นายใหญ่ชาว สเปน จะปรับทัพมาใช้รูปแบบการเล่น 3-5-2 ทว่าการดันแนวรับขึ้นสูงก็ทำให้ ลียง ฉวยโอกาสวางบอลข้ามไลน์หลุดเข้าไปล่อเป้าพังประตูเบิกร่อง 1-0 ในนาทีที่ 24

บอลวางยาวจาก มาร์แซล ที่แดนหลังของ ลียง ทำให้ อีคัมบี ได้หลุดเกือบมีโอกาสดวลกับ เอแดร์ซอน แต่ การ์เซีย ตามมาสไลด์ขวางได้ทัน อย่างไรก็ตาม แม็กซ์เวล คอร์เนต์ ที่วิ่งกวดตามขึ้นมาเก็บบอลจังหวะสองได้ที่บริเวณเส้นกรอบเขตโทษฝั่งซ้ายก่อนจะปั่นบอลหนีนายทวาร บราซิเลียน เข้าไปซุกที่ก้นประตู

ซิตี้ ต้องรอจนถึงนาทีที่ 69 กว่าจะได้ประตูตีเสมอ 1-1 โดยเป็นจังหวะที่ เควิน เดอ บรอยน์ เริ่มเซ็ตบอลที่กลางสนามก่อนจะไปถึง ราฮีม สเตอร์ลิง ได้หลุดไปสุดเส้นหลังและตบกลับมาให้ เคดีบี ที่แถวสองวิ่งเข้ามาแปเหน่งๆ

โมเมนตัมเอนเอียงเข้าทางลูกทีมของ เป๊บ กวาร์ดิโอลา หลังจากนั้น แต่แล้วความผิดพลาดจากการเซ็ตบอลที่กลางสนามของ ลาปอร์กต์ จะถูก มักเซนซ์ คาเกเรต์ ตัดบอลไปได้เข้าทาง ฮุสเซ็ม อาอูอาร์ งัดคิลเลอร์พาสให้ มุสซา เดมเบเล หลุดเดี่ยวเลี้ยงจี้เข้าไปยิงผ่านมือ เอแดร์ซอน เป็นประตู 2-1 ในนาทีที่ 79

โอกาสทองในการตีเสมอของ ซิตี้ มาถึงในนาทีที่ 86 เมื่อ กาเบรียล เชซุส ได้บอลในกรอบเขตโทษฝั่งขวาก่อนเปิดเลียดเข้ากลางให้ สเตอร์ลิง วิ่งเข้ามาแปในกรอบ 6 หลาโล่งๆ ทว่าดาวเตะทีมชาติ อังกฤษ ยิงโด่งข้ามคานออกไปอย่างไม่น่าเชื่อ และให้หลังจากนั้นเพียงไม่กี่อึดใจ ลียง ก็ยิงฝังเป็น 3-1 จากจังหวะที่ เดมเบเล ตามซ้ำลูกตะปบของ เอแดร์ซอน ในกรอบเขตโทษ และจบเกมไปด้วยสกอร์ดังกล่าว

คะแนนนักเตะของทั้ง 2 ทีม

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ : เอแดร์ซอน (3/10); วอล์คเกอร์ (5/10), แฟร์นันดินโญ (5/10), การ์เซีย (6/10), ลาปอร์กต์ (5/10), คันเซโล (6/10); โรดรีโก้ (5/10), กุนโดกัน (5/10), เดอ บรอยน์ (8/10); เชซุส (6/10), สเตอร์ลิง (6/10)

ตัวสำรอง : มาห์เรซ (6/10), ซิลบา (N/A)

ลียง : โลเปส (8/10); มาร์เซโล (8/10), เดนาเยร์ (8/10), มาร์แซล (8/10); ดูบอย์ส (7/10), อาอูอาร์ (9/10), คาเกเรต์ (8/10), กิมาเรส (8/10), คอร์เนต์ (8/10); เดปาย (7/10), อีคัมบี (7/10)

ตัวสำรอง : เมนเดส (7/10), เตเต้ (7/10), เดมเบเล​ (9/10), อเดเลด (7/10)

ประเด็นหลังเกม

เป็นที่เซอร์ไพรส์ไม่น้อยเมื่อ เป๊บ กวาร์ดิโอลา ตัดสินใจโยนแผนการเล่น 4-3-3 ที่บรรดาแข้ง แมนฯ ซิตี้ คุ้นเคยมาตลอดเพื่อออกสตาร์ด้วยรูปแบบ 3-5-2/3-4-3 โดยมี เควิน เดอ บรอยน์ คอยเติมสูงที่บริเวณฮาล์ฟสเปซฝั่งขวา แม้ทัพ ซิตีเซนส์ จะยังคงครอบครองบอลได้มากกว่า ลียง อย่างเห็นได้ชัดแต่การเคลื่อนที่และการกระสานงานของพวกเขาดูจะไม่ไหลลื่นอย่างเคย ขณะที่ตัวแปรอย่าง เคดีบี ที่ด้วยบทบาททำให้เจ้าตัวต้องลอยขึ้นสูงมักทำให้ลูกทีมของ เป๊บ ตกเป็นรองที่แดนกลาง เหลือเพียง โรดรีโก้ และ อิลคาย กุนโดกัน (2 ต่อ 3 แข้ง ลียง) สกรีนเกมรุกก่อนบอลจะไปถึงแนวรับเท่านั้น ก่อนที่การดันไลน์แนวรับขึ้นสูงของ ซิตี้ จะถูกลงโทษจากการเช็คกับดักล้ำหน้าพลาดทำให้เสียประตูไปก่อนตั้งแต่ครึ่งแรก

เป๊บ ใช้เวลาร่วม 1 ชั่วโมงในเกมที่ โชเซ อัลวาเลด ก่อนจะปรับมาใช้แท็คติกที่ลูกทีมถนัด เกมรุกของพวกเขาดูกระฉับกระเฉง ประสานงานกันอย่างลงตัวมากยิ่งขึ้นและมาได้ประตูตีเสมอจากบอลทะลุช่องให้ สเตอร์ลิง ถึงสุดเส้นหลังก่อนตบกลับให้ เคดีบี เข้าชาร์จที่แถวสองตามสูตร หากแต่เป็นความผิดพลาดจากการเซ็ตบอลจากไลน์แนวรับซึ่งดันสูงถึงครึ่งสนาม ประกอบกับวิสัยทัศน์ที่ยอดเยี่ยมของ ฮุสเซ็ม อาอูอาร์ รวมไปถึงการจบสกอร์ที่เด็ดขาดของ มุสซา เดมเบเล ก็ทำให้โมเมนตัมกลับไปอยู่ที่ ลียง อีกครั้ง ตามด้วยการยิงตอกฝาโลง 3-1 ของ เดมเบเล หลัง สเตอร์ลิง พลาดท่าทำหมูหกชวดประตูตีเสมออย่างไม่น่าเชื่อ

เก็บตกทุกประเด็นร้อนหลังเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เสือใต้ ถล่มยับไม่ไว้หน้า

Philippe Coutinho
Barcelona v Bayern Munich – UEFA Champions League Quarter Final | Pool/Getty Images

ข้อมูลการแข่งขัน
การแข่งขัน : ฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 2019/20 รอบ 8 ทีมสุดท้าย
วันแข่งขัน : คืนวันศุกร์ที่ 14 สิงหาคม
เวลาแข่งขัน : 02:00 น. ตามเวลาประเทศไทย
ผลการแข่งขัน : บาร์เซโลนา 2-8 บาเยิร์น มิวนิค
สนาม : เอสตาดิโอน ดา ลุซ

บาเยิร์น มิวนิค โชว์โหดถล่ม บาร์เซโลนา ไม่เลี้ยง 8-2 โดยได้ประตูจาก โธมัส มึลเลอร์ นาทีที่ 4, 31 อิวาน เปริซิช นาทีที่ 22 แซร์จ กนาบรี้ นาทีที่ 27 โจชัว คิมมิช นาทีที่ 63 โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ นาทีที่ 82 และ ฟิลิปเป้ คูตินโญ นาทีที่ 85, 89 ส่วน เจ้าบุญทุ่ม ได้สองประตูจาก การทำเข้าประตูตัวเองของ ดาวิด อลาบา นาทีที่ 7 และ หลุยส์ ซัวเรซ นาทีที่ 57 จบเกม เสือใต้ คว้าชัยอย่างท่วมท้นเข้ารอบ 4 ทีมสุดท้ายรอพบผู้ชนะระหว่าง โอลิมปิก ลียง กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คืนวันพรุ่งนี้

เริ่มเกมในครึ่งเวลาแรกทั้งสองฝ่ายต่างเปิดเกมบุกเข้าใส่กัน แต่แล้วนาทีที่ 4 บาเยิร์น ออกนำก่อน 0-1 จากจังหวะโต้กลับ เปริซิช หลุดมาทางขวาแล้วเปิดกลับมาหน้าเขตโทษให้กับ มึลเลอร์ ทำชิ่งกับ เลวานดอฟสกี้ ก่อนจะเป็น มึลเลอร์ ยิงผ่านมือ สเตเก้น เข้าไป

จากนั้นนาทีที่ 7 บาร์เซโลนา ตีเสมอ 1-1 ได้สำเร็จจากการจังหวะเปิดของ อัลบา แต่ อลาบา สะกัดผิดเหลี่ยมบอลกลับย้อยเข้าประตูตัวเอง

นาทีที่ 9 ยักษ์ใหญ่จาก ลาลีกา เกือบขึ้นนำถึงสองจังหวะติดต่อกันจากลูกยิงของ ซัวเรส ที่ไปติดเซฟ นอยเออร์ และลูกเปิดของ เมสซี ที่บอลพุ่งไปชนเสาอย่างน่าเสียดาย

กระทั่งนาทีที่ 22 บาเยิร์น ขึ้นนำ 2-1 อีกครั้งจากจังหวะตัดบอลได้หน้าเขตโทษ กนาบรี้ จ่ายต่อให้ เปริซิช ซัดเต็มข้อ สเตเก้น หมดสิทธิเซฟ

5 นาทีต่อมา เสือใต้ มาได้ลูกที่ 3 จากจังหวะยกบอลเข้าเขตโทษของ มึลเลอร์ ไปให้ กนาบรี้ หลุดเข้าไปยิงโล่ง ๆ

นาทีที่ 31 ยอดทีมจาก บุนเดสลีกา นำห่าง 4-1 จากจังหวะเปิดเข้ามาลุ้นของ คิมมิช และเป็น มึลเลอร์ ที่ชาร์จจ่อ ๆ เข้าไป

จากนั้นทั้งสองทีมทำประตูกันเพิ่มไม่ได้ทำให้จบ 45 นาทีแรก บาเยิร์น นำห่าง 4-1

เริ่มครึ่งเวลาหลัง เจ้าบุญทุ่ม พยายามเปิดเกมบุกหวังเอาประตูคืน แต่กลับเป็น เสือใต้ ที่หาจังหวะจบได้มากกว่าจากความผิดพลาด แถมยังมีจังหวะส่งบอลเข้าประตูไปได้แล้วจาก เลวานดอฟสกี้ แต่ถูกจับเป็นลูกล้ำหน้าไปก่อน

กระทั่งนาทีที่ 57 บาร์เซโลนา ได้ประตูไล่มาเป็น 4-2 จากจังหวะที่ อัลบา จ่ายตัดเข้ากลางให้ ซัวเรซ หลอกหนึ่งครั้งก่อนจะซัดเข้าไป

แต่แล้วนาทีที่ 63 บาเยิร์น นำห่างเป็น 5-2 จากจังหวะที่ เดวีย์ส ใช้ความสามารถเฉพาะตัวลากเดี่ยวเข้าเขตโทษ ก่อนตบกลับมาให้ คิมมิช แทปอินจ่อ ๆ เข้าไป

ช่วงท้ายเกม นาทีที่ 82 เสือใต้ มาได้ประตูที่ 6 จากลูกโหม่งจ่อ ๆ ของ เลวานดอฟสกี้

และจากนั้นอีกเพียง 3 นาที บาเยิร์น ได้ลูกที่ 7 จาก ฟิลิปเป้ คูตินโญ

ยังไม่จบแค่นั้น นาทีที่ 89 เสือใต้ ได้ประตูนำห่าง 8-2 จาก คูตินโญ คนเดิม

และจบ 90 นาที่ บาเยิร์น มิวนิค ถล่ม บาร์เซโลนา ไม่เลี้ยง 8-2 ผ่านเข้าสู่รอบ 4 ทีมสุดท้าย รอพบผู้ชนะระหว่าง แมนฯ ซิตี้ และ ลียง คืนวันพรุ่งนี้

คะแนนนักเตะทั้งสองทีม

บาร์เซโลนา : สเตเก้น(5), เซเมโด้(5.5), ปิเก้(5), ล็องเลต์(5.5), อัลบา(6.5), บุสเกตส์(5), เด ยอง(6), โรแบร์โต้(5), วิดัล(5), เมสซี(6.5), ซัวเรส(7)

ตัวสำรอง : กรีซมันน์(5.5), ฟาติ(6)

บาเยิร์น มิวนิค : นอยเออร์(7), คิมมิช(8.5), บัวเต็ง(7), อลาบา(7), เดวีย์ส(8.5), กอเรซก้า(7.5), ติอาโก้(8), เปริซิช(7.5), มึลเลอร์(9), กนาบรี้(7.5), เลวานดอฟสกี้(7.5)

ตัวสำรอง : โกม็อง(6.5), คูตินโญ(8), ซูเล(6), ลูคัส(5.5), โตลิสโซ(5.5)

แมน ออฟ เดอะแมทช์ – โธมัส มึลเลอร์

ต้องบอกว่าแก่แต่ยังเก๋าจริง ๆ สำหรับตัวรุกเลือดอินทรีเหล็กอย่าง โธมัส มึลเลอร์ ที่วันนี้ต้องบอกเลยว่าเจ้าตัวคือศูนย์กลางในเกมรุกของ บาเยิร์น มิวนิค โดยแท้ ทั้งค่อยต่อบอล เชื่อเกมจากกลางไปหน้า รวมถึงความขยันในการไล่บอลที่บอกเลยว่าวิ่งตลอดทั้งเกมไม่มีหมดจริง ๆ อีกทั้งยังมี 2 ประตูกับอีก 1 แอสซิสต์สุดสวยในเกมนี้ พาเสือใต้ เข้าไปนอนรอผู้ชนะระหว่าง เรือใบสีฟ้า และ โอลิมปิก ลียง ในรอบ 4 ทีมสุดท้ายก่อนเป็นที่เรียบร้อย

สถิติหลังเกม

บาเยิร์น มิวนิค สร้างประวัติศาสตร์เป็นทีมแรกที่สามารถยิงคู่แข่งในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบน็อคเอาท์ได้ถึง 8 ประตู

บาร์เซโลนา พ่ายคูแข่งด้วยช่องว่างถึง 6 ประตูเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่พ่ายให้กับ เอสปันญอล 6-0 เมื่อปี 1951

หากนับรวมปีนี้ บาเยิร์น เข้าสู่รอบ 4 ทีมสุดท้ายรายการนี้ได้มากถึง 12 ครั้งในประติศาสตร์สโมสร มีเพียง เรอัล มาดิรด ทีมเดียวเท่านั้นที่ทำได้มากกว่าพวกเขา (13 ครั้ง)

เจ้าบุญทุ่ม เสียถึง 8 ประตูเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่พ่ายต่อ เซบีญา 8-0 ในปี 1946

โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ เป็นนักเตะคนแรกที่ทำประตูใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ได้มากกว่า 8 นัดติดต่อกัน นับตั้งแต่ปี 2011 ที่ คริสเตียโน โรนัลโด้ เคยทำเอาไว้ที่ 11 เกมติดต่อกัน

บาร์เซโลนา ตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายรายการนี้เป็นครั้งที่ 4 จาก 5 ปีหลังสุด

ทัพเสือใต้ ทำสถิติชนะติดต่อกันทุกรายการ 19 เกม ซึ่งเป็นสถิติที่มากที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลเยอรมัน

ฮัน ดีเทอร์ ฟลิค เป็นกุนซือคนที่ 3 ในประวัติศาสตร์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ที่สามารถพาทีมเอาชนะคู่แข่งได้ใน 6 เกมแรกที่เข้ามาคุมทีม ถัดจาก ฟาบิโอ คาเปลโล ในปี 1992/93 และ หลุยส์ เฟอร์นันเดส ในปี 1994/95

บาร์เซโลนา พ่ายให้กับ บาเยิร์น มิวนิค ไปแล้วถึง 6 เกมในรายการนี้ ซึ่งมากที่สุดในบรรดาทุกทีมที่พวกเขาเคยพบมาเลยทีเดียว

โธมัส มึลเลอร์ ยิงไปแล้ว 6 ประตูใส่ บาร์เซโลนา ตลอดอาชีพการค้าแข้ง นั่นทำให้เขากลายเป็นนักเตะที่ยิงประตูใส่ทีมจากสเปนได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก

[ข่าวซื้อขาย] ตั้งตารอ ! ปูด ลิเวอร์พูล เดินหน้ายื่นเจรจาดีล ติอาโก้ อัลคันทารา อย่างเป็นทางการ

German DFB Pokal"FC Schalke 04 v Bayern Munchen"
German DFB Pokal”FC Schalke 04 v Bayern Munchen” | ANP Sport/Getty Images

สโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล แห่งศึก ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ตกเป็นข่าวเดินหน้าเจรจากับ บาเยิร์น มิวนิค ในดีลการคว้าตัว ติอาโก้ อัลคันทารา ใน ตลาดซื้อขายนักเตะ ซัมเมอร์นี้อย่างเป็นทางการเรียบร้อยตามการรายงานจาก บิลด์ สื่อใน เยอรมนี

โดยสื่อดังกล่าวรายงานว่าทัพ หงส์แดง ได้ติดต่อกับ ฮาซาน ซาลิฮามิดซิช ผู้อำนวยการกีฬาของทัพ เสือใต้ ถึงความเป็นไปได้ในการซิวมิดฟิลด์วัย 29 ปีชาว สเปน ร่วมรัง แอนฟิลด์ หลังจากที่เจ้าตัวแสดงความประสงค์ไม่ต้องการต่อสัญญากับ บาเยิร์น ออกไปภายใต้สัญญาฉบับปัจจุบันที่เหลืออยู่กับต้นสังกัดอีกเพียง 1 ปีเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม รายงานฉบับดังกล่าวยังชี้ว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้แสดงความสนใจในตัว ติอาโก้ ด้วยเช่นเดียวกันและพร้อมที่จะยื่นข้อเสนอในระดับเดียวกันกับที่ทัพ เสือใต้ ตั้งราคาเอาไว้ราว 30 ล้านยูโร และจะเป็นการหวนร่วมงานกับระหว่าง เป๊บ กวาร์ดิโอลา กับมิดฟิลด์เนื้อหอมรายนี้อีกครั้งหลังจากทั้งคู่เคยร่วมงานกันที่ บาเยิร์น มิวนิค มาแล้ว

ทั้งนี้ บิลด์ ชี้ว่าพลพรรค เร้ดแมชีน ยังไม่ได้ยื่นข้อเสนอที่เป็นตัวเลขอย่างเป็นทางการให้กับ บาเยิร์น พิจารณาแต่อย่างใด เพียงแต่เป็นการตั้งโต๊ะเปิดการเจรจาถึงความเป็นไปได้ในดีล ติอาโก้ เท่านั้น