[OPINION] วิเคราะห์ความเป็นไป วันสุดท้ายของตลาดซื้อขายนักเตะ “บิ๊ก 6” พรีเมียร์ลีก

เหลืออีกไม่ถึง 24 ชั่วโมงแล้วสำหรับตลาดซื้อขายนักเตะช่วงซัมเมอร์ของ พรีเมียร์ลีกอังกฤษ ที่กำลังจะปิดตัวลงในเวลา ตี 5 ของเช้าวันอังคารที่จะถึงนี้ ซึ่งหลังจากนั้นจะมีช่วงเวลาอีกราว 2 สัปดาห์ถึงวันที่ 16 ตุลาคม ที่สามารถทำการซื้อขายภายในเกาะอังกฤษได้ แต่สำหรับทีมจากลีกสูงสุด จะทำการซื้อขายหรือแลกเปลี่ยนนักเตะได้เฉพาะกับสโมสรในระดับที่ต่ำกว่าเท่านั้น (ไม่สามารถซื้อ-ขายระหว่างทีมใน พรีเมียร์ลีก ได้)

เพราะงั้นวันนี้เราลองมาวิเคราะห์ถึงระยะเวลาที่เหลืออีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าว่า เหล่าบรรดาทีมบิ๊ก 6 พรีเมียร์ลีก จะมีการขยับขยายอะไรอะไรในช่วงโค้งสุดท้ายอีกบ้าง รวมถึงความเป็นไปได้ในแต่ดีลที่อาจเกิดขึ้น จะมีใครกันบ้างนั้น ไปดูกัน…

ไก่เดือยทอง ดูจะเริ่มเงียบหายไปจากตลาดซื้อขายในแล้วนี้ หลังจากพวกเขาสามารถคว้าตัวแข้งดังเข้าสู่ทีมตามที่ต้องการทั้ง เซร์คิโอ เรกิลอน คาร์ลอส เวนิซิอุส ปิแอร์ ฮอจ์ยเบิร์ก แมตต์ โดเฮอร์ตี้ หรือแม้แต่สตาร์ดังอย่าง แกเร็ธ เบล ทำให้ ณ ปัจจุบันดูเหมือนว่าจะเหลือแต่ต้องปล่อยนักเตะที่เป็นส่วนเกินของ โชเซ มูรินโญ ออกจากทีมเท่านั้น

โดยคนที่มีความเป็นไปได้คือ เดเล อัลลี เพลย์เมกเกอร์ตัวเก่ง ที่ดูเหมือนว่า เฮียมู จะไม่ถูกใจเท่าใดนัก และมีข่าวว่า ปารีส แซงต์ แชร์กแมง และ เรอัล มาดริด กำลังให้ความสนใจ ส่วนอีกหนึ่งรายคือ ไรอัน เซสเซยอง ปีกดาวรุ่งส่วนเกินของทีมก็มีโอกาสจะย้ายไปเล่นใน เยอรมัน โดยมี แฮร์ธา เบอร์ลิน และ ฮอฟเฟนไฮม์ ที่ตามจีบอยู่ในช่วงโค้งสุดท้ายนี้

ซัมเมอร์นี้ เรือใบสีฟ้า คว้าตัวเซ็นเตอร์แบ็คที่ว่ากันว่าเป็นปัญหาของทีมในฤดูกาลก่อนมาเพิ่มถึง 2 รายด้วยกันทั้ง นาธาน อาเก้ และ รูเบน ดิอาส แต่ก็ต้องแลกกับการปล่อยตัว โอตาเมนดี้ ปราการหลังตัวเก๋าของทีมออกไป ซึ่งก็มีแววว่ากองหลังชาวอาร์เจนตินารายนี้อาจไม่ใช่คนสุดท้ายที่จะย้ายออกจากถิ่น เอติฮัด เพราะ เอริค การ์เซีย ที่มีข่าวลืออย่างหนักกับ บาร์เซโลนา ก็มีโอกาสเลือกจะย้ายออกจากทีมในช่วงซัมเมอร์นี้เช่นกันหากทั้งสองทีมสามารถตกลงค่าตัวกันได้

ส่วนด้านการเสริมทัพดูเหมือนว่าตำแหน่งที่ทีมกำลังมองหาในวันสุดท้ายของตลาดก็คือแบ็คซ้ายที่ตอนนี้ เบนฌาแม็ง เมนดี้ ตัวหลักของทีมยังทำผลงานได้ไม่เข้าตาเท่าใดนัก ซึ่งพวกเขาก็มีข่าวว่ากำลังจับตามองไปที่ นิโกลาส ทาเกลียฟิโก้ ของ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม รวมถึง อเล็กซ์ เทลเลส ที่มีข่าวว่าเตรียมจะปาดหน้า ปีศาจแดง คว้าตัวมาร่วมทีมอยู่เหมือนกัน

ตอนนี้ดูเหมือนว่า ดีแคลน ไรซ์ จะเป็นเป้าหมายสุดท้ายของ แฟรงค์ แลมพาร์ด ช่วงซัมเมอร์นี้ โดย สิงห์บลู มีข่าวว่าเตรียมจะทุ่มเงินอีกราว 50 ล้านปอนด์ยื่นข้อเสนอให้ทีม ขุนค้อน พิจารณาในวันสุดท้ายของตลาดนักเตะ

แต่หากพูดถึงการระบายนักเตะออกจากทีมดูเหมือนรายชื่อบรรดาแข้งส่วนเกินของ ทัพสิงโตน้ำเงินคราม จะยาวเป็นหางว่าวเลยทีเดียวตั้งแต่ มาร์กอส อลอนโซ และ วิเตอร์ โมเซส ที่ อินเตอร์ มิลาน สนใจจะดึงตัวไปร่วมทีม ด้าน อันโตนิโอ รือดิเกอร์ เป็นอีกหนึ่งรายที่มีข่าวกับหลายทีมอย่าง สเปอร์ส ปารีส แซงต์ แชร์กแมง เอซี มิลาน และ บาร์เซโลนา รายต่อมาคือ ติมูเอ บากาโยโก ที่มีโอกาสย้ายออกจากทีมสูงในวันสุดท้ายนี้และมี เปแอสเช กำลังสนใจจะยืมตัวไปใช้งาน ปิดท้ายที่ รูเบน ลอฟตัส ชีค ที่มีข่าวว่า เวสต์แฮม และ เซาแธมป์ตัน จับตามองอนาคตอยู่..

อันที่จริงแล้วยังมียังมี จอร์จินโญ ที่กำลังพัวพันกับทั้ง อาร์เซนอล และ ปารีส อยู่ อีกทั้ง คัลลัม ฮัดสัน โอดอย ที่ยังคงเป็นมหากาพย์กับ บาเยิร์น มิวนิค ไม่เว้นแม้แต่วันสุดท้ายของตลาดเช่นกัน

คว้า 3 แข้งใหม่มาร่วมทีมได้ในช่วงซัมเมอร์นี้ ทั้ง คอสตาส ซิมิคาส ติอาโก้ อัลคันทารา และ ดิโอโก้ โจต้า ซึ่งก็เหมือนกับว่าจะเพียงพอแล้วสำหรับขุมกำลังของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ในซีซั่นนี้

แต่สำหรับการปล่อยนักเตะออกจากทีมดูเหมือนว่าพวกเขาจะยังต้องลุ้นอยู่อีกพอสมควรทั้ง แฮร์รี วิลสัน ที่กำลังมีข่าวว่า เบิร์นลีย์ กำลังตามจีบอย่างไม่ลดละ รวมถึงกองกลางดาวรุ่งอย่าง มาร์โก้ กรูยิช ที่อาจจะย้ายกลับไปเล่นใน บุนเดสลีกา อีกครั้ง และรายสุดท้ายคือ เซอร์ดาน ชากิรี ตัวรุกส่วนเกินของทีมที่ ลาซิโอ และ เซบีญา สนใจจะดึงตัวไปเสริมทัพในช่วงโค้งสุดท้ายนี้

ทีม ปืนใหญ่ เสริมทัพเข้ามาเพียงไม่กี่รายเท่านั้นในช่วงซัมเมอร์นี้ได้แก่ กาเบรียล กองหลังที่ดึงตัวมาจาก ลีลล์ และ อเล็กซ์ รูนาร์สสัน นายด่านชาวไอซ์แลนด์จาก ดิฌง ที่เข้ามาเป็นมือสองแทน เอมี มาร์ติเนซ ที่ย้ายออกจากทีมไป แต่ดูเหมือนว่า มิเกล อาร์เตต้า ยังคงมีเป้าหมายเสริมทัพในใจช่วงโค้งสุดท้ายนี้อยู่ ทั้ง ฮุสเซม อาอูอาร์ เพลย์เมกเกอร์ชาวฝรั่งเศสของ โอลิมปิก ลียง และสองกองกลางอย่าง จอร์จินโญ ของ เชลซี และ โธมัส ปาร์เตย์ จาก แอตเลติโก มาดริด ที่ตกเป็นข่าวเชื่องโยงกันมาอย่างยาวนาน รวมถึงล่าสุดมีชื่อของ วิลฟรีด ซาฮา กลับมาพัวพันกับทีมอีกครั้งในช่วงวันสุดท้ายของตลาดซื้อขาย

ส่วนด้านนักเตะส่วนเกินอย่าง เมซุต เออซิล ที่ดูเหมือนจะหมดอนาคตกับทีมไปเรียบร้อยแล้วนั้นก็มีข่าวกับหลายทีมในตุรกีอยู่ เช่นเดียวกับ มัตเตโอ เกนดูซี กองกลางดาวรุ่งของทีมที่กำลังอยู่ในสายตาของ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง และ โอลิมปิก มาร์กเซย รายสุดท้ายคือ วิลเลียม ซาลิบา กองหลังยังบลัดที่ แรนส์ ทีมในลีกเอิงสนใจจะยืมตัวไปใช้งานในฤดูกาลนี้

ดูจะเป็นทีมที่แฟน ๆ ปวดหัวกับการตลาดในช่วงซัมเมอร์นี้มากที่สุดทีมหนึ่งเลยก็ว่าได้ ทั้งที่มีข่าวกับนักเตะดังมากมายแต่สุดท้ายกลับคว้าน้ำเหลวทั้ง เจดอน ซานโช ที่จนถึงตอนนี้ยังคงลือกันว่า ปีศาจแดง ยังคงตามอ้อน โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ให้ยอมปล่อยตัวก่อนตลาดปิด แต่ก็ยังมีทางเลือกอื่น ๆ ทั้ง อุสมาน เดมเบเล ของ บาร์เซโลนา ที่มีแผนจะยืมตัวมาทดลองใช้ เช่นเดียวกับ อาหมัด ตราโอเร ดาวรุ่งฝีเท้าดีจากทีม อตาลันต้า นอกจากนี้ยังตกเป็นข่าวว่าใกล้จะได้ตัว เอดิสัน คาวานี กองหน้าตัวเก๋าแบบไร้ค่าตัวแล้ว ส่วนอีกรายคือ อเล็กซ์ เทลเลส ที่กลายเป็นมหากาพย์ในช่ววงโค้งสุดท้ายและมีข่าวลือว่า ปีศาจแดง อาจรอเซ็นฟรีช่วงต้นปี แต่ก็นะ… ถ้ารอของฟรีอะไรจะมาการันตีว่านักเตะจะเลือก แมนฯ ยูไนเต็ด ?

ด้านนักเตะที่จะย้ายออกมีอยู่รายหลายด้วยกันหลังจากล่าสุด ดิเอโก้ ดาโลต์ ถูกส่งให้ เอซี มิลาน ยืมตัวเป็นที่เรียบร้อย เริ่มจาก คริส สมอลลิง เป็นอีกรายที่ค่อนข้างแน่นอนว่าจะย้ายออกจากทีมอยู่ที่ว่าเมื่อใหร่เท่านั้น แดน เจมส์ ก็เป็นอีกหนึ่งคนที่มีข่าวว่าหลายทีมกลางตารางสนใจจะยืมตัวไปใช้งานเพราะดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะเล่นไม่เข้าตานายใหญ่อย่าง โอเล กุนนาร์ โซลชา เท่าใดนัก เช่นเดียวกับ เซร์คิโอ โรเมโร นายทวารมือสามของทีมที่ล่าสุดเป็น บาเลนเซีย กำลังให้ความสนใจจะคว้าตัวไปร่วมทีมก่อนตลาดจะปิดตัวลงนั่นเอง

แอสตัน วิลลา พบ ลิเวอร์พูล : พรีวิว พรีเมียร์ลีก, วัน+เวลาการแข่งขัน, ถ่ายทอดสด

Aston Villa vs Liverpool : Premier League 2020/21

ข้อมูลการแข่งขัน

การแข่งขัน : ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ 2020/21
วันแข่งขัน : วันอาทิตย์ที่ 4 ตุลาคม 2020
เวลาแข่งขัน : 01.15 น. ตามเวลาประเทศไทย
คู่แข่ง : แอสตัน วิลลา พบ ลิเวอร์พูล
สนาม : วิลลา พาร์ค

ความพร้อมของทั้งสองทีม

แอสตัน วิลลา

ทีมของ ดีน สมิธ ทำผลงานในลีกได้อย่างยอดเยี่ยมใน 2 เกมแรกด้วยการชนะรวดมาทั้งหมดยิงได้ 4 แถมยังไม่เสียเลยแม้แต่ประตูเดียว ซึ่งสาเหตุหนึ่งอาจเป็นเพราะพวกเขายังคงทุ่มทุนเสริมทัพดึงนักเตะชื่อดังหลายรายเข้ามาร่วมทีมทั้ง เอมี มาร์ติเนซ นายด่านจอมเซฟจาก อาร์เซนอล โอลลี วัตกินส์ หัวหอกตัวใหม่ค่าตัวสถิติสโมสร และล่าสุดคือ รอสส์ บารค์ลีย์ กองกลางจาก เชลซี อย่างไรก็ตามเกมวันอาทิตย์นี้พวกเขาจะต้องเจอกับบททดสอบสำคัญด้วยการเปิดบ้านต้อนรับแชมป์เก่า ลิเวอร์พูล คาดว่า ทัพสิงห์ผงาด จะมาในแผนการเล่นที่แพ็คเกมรับให้แน่นหนารัดกุมและอาศัยความสามารถเฉพาะตัวของ กรีลิช และ วัตกินส์ ในการทำเกมสวนกลับ

ความพร้อมก่อนเกม จะยังไม่สามารถใช้งาน ทอม ฮีตัน และ เวสลีย์ ในเกมนี้ได้เป็นที่แน่นอนแล้ว ส่วนรายของ ยอร์น อังเคลส์ และ คอร์ทนีย์ ฮาวส์ ยังคงต้องรอเช็คความฟิตก่อนเกมจะเริ่มอีกครั้ง

คาดการณ์ 11 ผู้เล่นตัวจริง

ผู้รักษาประตู : มาร์ติเนซ

กองหลัง : แคช, คอนชา, มิงส์, ทาร์เกตต์

กองกลาง : แม็คกินน์, ลุยซ์, ฮูริฮาน
กองหน้า : เทรเซเกต์, วัตกินส์, กรีลิช

ลิเวอร์พูล

พึ่งจะอกหักตกรอบในศึก คาราบาว คัพ มาหมาด ๆ เมื่อกลางสัปดาห์ด้วยการเปิดบ้านพ่ายจุดโทษให้กับ อาร์เซนอล ไป แต่ในเกมลีกทีมของ เยอร์เก้น คล็อปป์ จัดว่ายังแรงไม่ตกสามารถคว้าชัยมาได้ 3 นัดรวด โดยสัปดาห์นี้พวกเขามีคิวลงเล่นนัดปิดท้ายด้วยการบุกไปเยือน วิลลา พาร์ค รังเหย้าของทีม แอสตัน วิลลา ที่ฟอร์มกำลังร้อนแรงไม่แพ้กันแถมในเกมลีกยังไม่เสียประตูเลยแม้แต่ลูกเดียว คาดว่าเกมนี้ คล็อปป์ จะเปลี่ยนมาใช้ทีมชุดที่ดีที่สุดลงสนามอีกครั้งเพื่อเรียกความมั่นใจกลับคืนมา ซึ่งก็ต้องดูกันว่าแนวรุกของ หงส์แดง จะมีที่เด็ดมากพอที่จะสามารถเจาะตาข่ายประเดิมประตูแรกให้กับเจ้าถิ่นในฤดูกาลนี้ได้หรือไม่

ความพร้อมก่อนเกมจะยังไม่สามารถใช้งาน อเล็กซ์ อ็อกซ์เหลด เชมเบอร์เลน ในเกมวันนี้ได้ เช่นเดียวกับ โจเอล มาติป และ คอสตาส ซิมิคาส เนื่องจากยังมีอาการบาดเจ็บอยู่ทั้งหมด ส่วนในรายของ ติอาโก้ อัลคันทารา และ ซาดิโอ มาเน ที่ถูกตรวจพบเชื้อ โควิด-19 จึงต้องเข้ารับบการกักตัว ทำให้หมดสิทธิลงเล่นในเกมนี้แน่นอนแล้วเช่นกัน

คาดการณ์ 11 ผู้เล่นตัวจริง

ผู้รักษาประตู : อลิสซอน

กองหลัง : อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โกเมซ, ฟาน ไดค์, โรเบิร์ตสัน

กองกลาง : ไวนัลดุม, ฟาบินโญ, เกอิต้า

กองหน้า : ซาลาห์, ฟิร์มิโน, โจต้า

ผลงาน 5 นัดหลังสุดของทั้ง 2 ทีม

ลิเวอร์พูล – ชนะ 4 เสมอ 0 แพ้ 1
02/10/20 คาราบาว คัพ – ลิเวอร์พูล (4)1-1(5) อาร์เซนอล
29/09/20 พรีเมียร์ลีก – ลิเวอร์พูล 3-1 อาร์เซนอล
25/09/20 คาราบาว คัพ – ลินคอล์น 2-7 ลิเวอร์พูล
20/09/20 พรีเมียร์ลีก – เชลซี 0-2 ลิเวอร์พูล
12/09/20 พรีเมียร์ลีก – ลิเวอร์พูล 4-3 ลีดส์

แอสตัน วิลลา – ชนะ 4 เสมอ 0 แพ้ 1
02/10/20 คาราบาว คัพ – วิลลา 0-1 สโต๊ค
28/09/20 พรีเมียร์ลีก – ฟูแลม 0-3 วิลลา
25/09/20 คาราบาว คัพ – บริสตอล ซิตี้ 0-3 วิลลา
22/09/20 พรีเมียร์ลีก – วิลลา 1-0 เชฟฯ ยูไนเต็ด
16/09/20 คาราบาว คัพ – เบอร์ตัน 1-3 วิลลา

เฮดทูเฮด – แอสตัน วิลลา ชนะ 1 เสมอ 0 ลิเวอร์พูล ชนะ 4
05/07/20 พรีเมียร์ลีก – ลิเวอร์พูล 2-0 แอสตัน วิลลา
18/12/19 คาราบาว คัพ – แอสตัน วิลลา 5-0 ลิเวอร์พูล
02/11/19 พรีเมียร์ลีก – แอสตัน วิลลา 1-2 ลิเวอร์พูล
14/02/16 พรีเมียร์ลีก – แอสตัน วิลลา 0-6 ลิเวอร์พูล
26/09/15 พรีเมียร์ลีก – ลิเวอร์พูล 3-2 แอสตัน วิลลา

OFFICIAL ! อันเดรียส เปเรย์รา บอกลา แมนฯ ยูไนเต็ด ซบตัก ลาซิโอ ภายใต้สัญญายืมตัวพ่วงซื้อขาด

Andreas Pereirra อันเดรียส เปเรย์รา
Andreas Pereirra อันเดรียส เปเรย์รา

อันเดรียส เปเรย์รา มิดฟิลด์ชาว บราซิล วัย 24 ปีบรรลุข้อตกลงย้ายจาก สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แห่งศึก ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ร่วมทัพ ลาซิโอ อย่างเป็นทางการภายใต้สัญญายืมตัวจนจบฤดูกาลนี้พ่วงออปชันซื้อขาดมูลค่า 24.5 ล้านปอนด์

เปเรย์รา ที่มีสถานะเป็นตัวเลือกลำดับรองของ โอเล กุนนาร์​ โซลชา ตั้งแต่ก่อนหน้านี้ถูกจำกัดโอกาสในการลงเล่นยิ่งไปกว่าเดิมเมื่อ แมนฯ ยูไนเต็ด ซิวตัว ดอนนี ฟาน เดอ เบค มาจาก อาแจ็กซ์ ใน ตลาดซื้อขายนักเตะ ซัมเมอร์นี้

โดย เปเรย์รา ได้ลงเล่นให้กับ ปีศาจแดง ไปทั้งสิ้น 75 นัดเมื่อรวมทุกรายการ ทำได้ 4 ประตูนับตั้งแต่ทะลุขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ได้ตั้งแต่ปี 2015 ก่อนที่จะกลายเป็นตัวหลักให้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ในช่วงครึ่งแรกของฤดูกาล 2019/20 ภายใต้การคุมทีมของ โอเล กุนนาร์​ โซลชา และเสียตำแหน่งให้กับ บรูโน ในที่สุด

ทั้งนี้ นับตั้งแต่การแข่งขันฟุตบอลอาชีพยุโรปกลับมาฟาดแข้งอีกครั้งมิถุนายนที่ผ่านมา เปเรย์รา ลงเล่นไปเพียง 36 นาทีเท่านั้นใน พรีเมียร์ลีก

เก็บตกประเด็นร้อนหลังเกม คาราบาว คัพ ปืนใหญ่ เฉือนชนะจุดโทษ เมื่อคืนที่ผ่านมา

Joe Willock
Liverpool v Arsenal – Carabao Cup Fourth Round | Laurence Griffiths/Getty Images

การแข่งขัน : ฟุตบอล คาราบาว คัพ รอบที่ 4
วันแข่งขัน : คืนวันพฤหัสบดีที่ 1 ตุลาคม 2020
เวลาแข่งขัน : 01.45 น. ตามเวลาประเทศไทย
คู่แข่งขัน : ลิเวอร์พูล (4) 0-0 (5) อาร์เซนอล
สนาม : แอนฟิลด์

อาร์เซนอล บุกมาเฉือนชนะจุดโทษ ลิเวอร์พูล 5-4 หลังจากเสมอกันในเวลาปกติ 0-0 ทำให้จบเกม ปืนใหญ่ ทะลุเข้าสู่รอบที่ 5 ต่อไป ส่วน หงส์แดง จอดป้ายในรายการ คาราบาว คัพ ที่รอบ 4 ในฤดูกาลนี้

เริ่มเกมในครึ่งเวลาแรกทั้งสองทีมพยายามตั้งเกมบุกของตัวเอง แต่เป็นทีมเยือนที่มีลุ้นก่อนจากจังหวะต่อบอลเข้าเขตโทษ ซาก้า จ่ายต่อให้ เอ็นเคเทียห์ มีโอกาสโล่ง ๆ แต่เจ้าตัวกลับเลือกจะเลี้ยงหลบ อาเดรียน แต่ไม่ผ่าน จึงพลาดโอกาสทองในการจบสกอร์ไป

เจ้าบ้านมามีจังหวะลุ้นบ้างในนาทีที่ 11 โจต้า หลุดเข้าเขตโทษก่อนจ่ายต่อให้ กรูยิช ได้ยิงโล่ง ๆ แต่กลับหลุดกรอบออกไป

ช่วงครึ่งชั่วโมงแรก เกมค่อนข้างสูสีแต่ส่วนมากจะสู้กันบริเวณกลางสนามเป็นส่วนใหญ่และแทบหาจังหวะจบสกอร์ที่มีลุ้นประตูกันไม่ได้เลย

กระทั่งช่วงท้ายครึ่งแรกเจ้าบ้านมาได้จังหวะลุ้นสองครั้งติดต่อกันจากลูกโหม่งของ โจต้า ที่ไปติดเซฟ เลโน ก่อนที่ มินามิโนะ จะตามมาซ้ำจ่อ ๆ แต่กลับชนคานไปอย่างน่าเสียดาย

ทำให้จบ 45 นาทีแรก เสมอกันอยู่ 0-0

เริ่มเกมในครึ่งเวลาหลัง ทั้งสองทีมต่างฝ่ายต่างทำเกมบุกเข้าใส่กัน โดยเป็นเจ้าบ้านที่ได้ลุ้นก่อนในนาทีที่ 52 จากลูกเตะมุมที่เปิดเข้ามาให้ กรูยิช โหม่งตั้งมาถึง ฟาน ไดจ์ค จิ้มต่อที่ระยะประมาณ 6 หลา แต่ เลโน ยังบินมาปัดออกไปได้

นาทีที่ 60 เจ้าถิ่นได้ลุ้นอีกครั้งจากลูกยิงไกลนอกกรอบของ มาร์โก กรูยิช แต่เป็นอีกครั้งที่ เลโน ยังปฏิเสธเอาไว้ได้

ไม่กี่นาทีต่อมา หงส์แดง ได้โอกาสลุ้น 2 ครั้งติดจากลูกยิงของ โจต้า และลูกโหม่งของ กรูยิช แต่สองสองครั้งยังคงไม่ผ่านมือ เลโน ไปได้

ด้านผู้มาเยือนเองก็มีลุ้นบ้างจากจังหวะเปิดของ เปเป้ ไปให้ โฮลดิง ได้ขึ้นโขกเต็ม ๆ แต่ยังไปติดเซฟของ อาเดรียน เช่นกัน

ท้ายเกมทั้งสองฝ่ายไม่สามารถทำประตูกันเพิ่มได้ทำให้จบ 90 นาที เสมอกัน 0-0 ต้องตัดสินด้วยการดวลจุดโทษ

⚽ มิลเนอร์
ลากาเซ็ตต์ ⚽
⚽ ไวจ์นัลดุม
เซดริก ⚽
⚽ มินามิโนะ
เอลเนนี ❌
❌ โอริกี
เมตแลนด์-ไนล์ส ⚽
⚽ โจนส์
เปเป้ ⚽
❌ วิลสัน
วิลล็อค ⚽

คะแนนผู้เล่นของทั้งสองทีม

ลิเวอร์พูล: อาเดรียน(7), เนโก้(6.5), ฟาน ไดค์(6.5), วิลเลียมส์(6.5), มิลเนอร์(7), กรูยิช(7.5), โจนส์(6.5), วิลสัน(6), มินามิโนะ(6.5), ซาลาห์(6), โจต้า(7)

ตัวสำรอง: โกเมซ(6), โอริกี(5.5), ไวจ์นัลดุม(6)

อาร์เซนอล: เลโน(8), เซดริก(6.5), โฮลดิ้ง(6.5), กาเบรียล(6.5), โคลาซินาค(7), เซบาญอส(6.5), ชาก้า(6.5), วิลล็อค(6.5), เปเป้(6.5), ซาก้า(6), เอ็นเคเทียห์(6)

ตัวสำรอง: เอลเนนี(5.5), เมตแลนด์-ไนล์ส(5.5), ลากาเซ็ตต์(5.5)

แมน ออฟ เดอะแมทช์ – แบรนด์ เลโน

7 รอบ คือจำนวนครั้งที่นายทวารชาวเยอรมันรายนี้เซฟช่วยทีมเอาไว้ได้ในเวลาปกติ 90 นาที แถมยังทำได้อีก 2 ครั้งสำคัญในช่วงการดวลจุดโทษชี้ขาด แบกทีมปืนใหญ่ ทะลุเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายไปได้อย่างหวุดหวิดชนิดที่ โดยเจ้าบ้านโหมบุกเข้าใส่ทั้งเกม ซึ่งก็อย่างที่ทราบกันดีว่าเกมระดับท็อปแบบนี้ แม้คุณจะเหนือกว่า แต่เมื่อใดที่คุณไม่แน่นอนพอจะปิดเกมได้ คุณก็ยากที่จะจบด้วยการเป็นผู้ชนะในที่สุด

ประเด็นหลังเกม

ปืนใหญ่ เจองานหนักต่อเนื่อง ต้องต้อนรับการมาเยือน เรือใบสีฟ้า ในรอบต่อไป
หลังจากชัยชนะอันแสนหืดจับชนิดที่ต้องยื้อมาจนถึงการดวลจุดโทษในค่ำคืนนี้ พลพรรคเดอะกันเนอร์ส ยังคงต้องพบศึกหนักอย่างต่อเนื่องด้วยการจับฉลากไปพบกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย แต่อย่างไรก็ตามถึงตอนนี้แล้วคงต้องบอกว่าทีมของ มิเกล อาร์เตต้า เองก็พร้อมที่จะเข้าปะทะกับทุกทีมเช่นเดียวกัน ด้วยความมั่นใจที่เพิ่มขึ้นมาพอสมควรจากชัยชนะในเกมนี้ และแถมล่าสุดพวกเขายังพึ่งจะเอาชนะทีมของนายเก่าอย่าง เป๊ป กวาร์ดิโอลา มาได้ในศึก เอฟเอ คัพ ปลายฤดูกาลที่ผ่านมา จึงน่าจะสามารถบอกไว้ ณ ตรงนี้ได้เลยว่าเกมหน้า “มันส์หยด” อย่างแน่นอน

ส่วนด้าน ลิเวอร์พูล ที่ต้องผิดหวังไปในวันนี้ คงต้องทำใจและมองถึงข้อดีที่ว่าพวกเขาจะได้ทุ่มเทให้กับฟุตบอลอีกหลายรายการที่ต้องลงเตะในปีนี้ต่อไป ซึ่งวันนี้คงจะไปโทษใครไม่ได้นอกจากตัวพวกเขาเองจริง ๆ เพราะถ้าหากเฉียบขาดกันมากกว่านี้อีกหน่อย คงจะมีอย่างน้อย 2-3 ประตูไปแล้วก็เป็นได้

Cedric Soares, Harry Wilson

ก็ผมเห็น ! คีน ชม ลิเวอร์พูล เล่นเหมือนเครื่องจักรแต่ยังมีลูกเหวอ

Alexandre Lacazette
Liverpool v Arsenal – Premier League | Laurence Griffiths/Getty Images

รอย คีน กูรูฝีปากกล้ากล่าวถึงฟอร์มการเล่นของ ลิเวอร์พูล ในเกมที่เปิดบ้านเอาชนะ อาร์เซนอล ในศึก พรีเมียร์ลีก นัดที่ 3 ไปได้ 3-1 ว่า แม้จะเก็บ 3 คะแนนได้แต่แชมป์เก่าก็ยังมีจังหวะผิดพลาดให้เห็น ตามรายงานจาก สกายสปอร์ต

เดอะกันเนอร์ส ได้ประตูออกนำชนิดส้มหล่นจากความผิดพลาดของ แอนดี้ โรเบิร์ตสัน ทำให้บอลไปเข้าทาง อเล็กซองดร์ ลากาแซ็ตต์ ยิงขึ้นนำไปก่อนในช่วงกลางครึ่งแรก ก่อนที่ ซาดิโอ มาเน ร็อบโบ้ และ ดิโอโก้ โจต้า จะช่วยกันยิงรวดเดียว 3 ประตูพลิกกลับมาเอาชนะไปได้

คีน ได้กล่าวถึงฟอร์มโดยรวมของ ลิเวอร์พูล ว่า “นี่เป็นค่ำคืนที่ดี่ของพวกเขา ไม่ต้องมีข้อสงสัยเลย ลิเวอร์พูล เเป็นทีมที่ดีกว่าอย่างแน่นอน พวกเขาสมควรที่จะได้รับชัยชนะ ลิเวอร์พูล เล่นอย่างกับเครื่องจักร”

“พวกเขาเป็นทีมที่มีคุณภาพอันยอดเยี่ยม พวกเขาคือหนึ่งในทีมที่ฟิตที่สุด พวกเขาทำได้สามประตูอีกครั้ง มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะยิงประตูได้ขนาดนี้ และยิง 4 ประตูมาแล้วในเกมเจอกับ ลีดส์ แต่ก็ยังมีจังหวะที่สะเพร่าอยู่บ้างครั้งสองครั้งในเกม” อดีตกองกลาง ปีศาจแดง กล่าว

เก็บตกประเด็นร้อนหลังเกม คาราบาว คัพ ไก่ เฉือนจุดโทษ สิงห์ เมื่อคืนที่ผ่านมา

Mason Mount
Tottenham Hotspur v Chelsea – Carabao Cup Fourth Round | Visionhaus/Getty Images

การแข่งขัน : ฟุตบอล คาราบาว คัพ รอบที่ 4
วันแข่งขัน : คืนวันพุธที่ 23 กันยายน 2020
เวลาแข่งขัน : 01.45 น. ตามเวลาประเทศไทย
ผลการแข่งขัน : ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ (5) 1-1 (4) เชลซี
สนาม : ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ สเตเดี้ยม

ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ เฉือนชนะจุดโทษ เชลซี หวุดหวิด 5-4 หลังเสมอกันในเวลา 1-1 โดย สิงห์บลู ออกนำก่อนจาก ติโม แวร์เนอร์ นาทีที่ 19 ส่วน ไก่เดือยทอง มาตีเสมอได้ในช่วงทายเกมจาก เอริค ลาเมลา นาทีที่ 84 ก่อนจะต้องไปดวลจุดโทษและ เมสัน เมานท์ สังหารพลาด ทำให้ สเปอร์ส เอาชนะไปในการดวลจุดโทษ 5-4 ผ่านเข้าสู่รอบต่อไปได้สำเร็จ

เริ่มเกมในครึ่งเวลาแรกเป็นทีมเยือนที่เป็นฝ่ายครองบอลบุกเข้าใส่ ส่วนเจ้าบ้านถอยลงมารับต่ำและรอโอกาสในการสวนกลับ

10 นาทีแรกบอลส่วนใหญ่อยู่บริเวณกลางสนาม และยังไม่สามารถหาจังหวะจบสกอร์กันได้ทั้งสองฝั่ง

นาทีที่ 16 ทีมเยือน ได้โอกาสลุ้นจากจังหวะที่ ทันกันก้า สะกัดบอลพลาดไปเข้าทาง โอดอย แต่ยังคงยิงไปตรงตัว ยอริส

แต่แล้ว 3 นาทีต่อจากนั้น เชลซี ออกนำ 0-1 จากจังหวะที่ อัซปิลิกวยต้า เปิดย้อนกลับมาหน้ากรอบเขตโทษให้ แวร์เนอร์ มีเวลาบรรจงซัดเบียดเสาเข้าไป

นาทีที่ 23 สเปอร์ส มีโอกาสลุ้นบ้างจากจังหวะที่ ซูมา เสียบอลหน้าเขตโทษและเป็น เกดสัน ที่ตัดบอลไปได้ แต่สุดท้าย ซูมา และ เมนดี้ ยังช่วยกันเคลียร์ออกไปได้ทัน

หลังผ่านครึ่งชั่วโมงเจ้าถิ่นดูจะครองบอลบุกได้มากขึ้น และได้โอกาสลุ้นอีกครั้งจาก ลาเมลา แต่ยังยิงไปติดเซฟของ เมนดี้

ช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีมแทบจะไม่มีจังหวะจบสกอร์กันเพิ่ม ทำให้จบ 45 นาทีแรก เชลซี บุกมานำ 0-1

เริ่มเกมในครึ่งเวลาหลัง เจ้าถิ่นดูจะเริ่มเปิดเกมบุกมากขึ้น และมีโอกาสลุ้นตั้งแต่ช่วง 5 นาทีแรกจากลูกยิงของ เบิร์จไวน์ และ เรกิลอน แต่ยังคงไปติดเซฟของ เมนดี้

จากนั้น เจ้าบ้านครองบอลได้มากกว่าชัดเจน แต่ยังหาจังหวะเข้าทำได้ไม่มากนัก

ด้านผู้มาเยือนเองมีโอกาสที่ใกล้เคียงอีกครั้งในนาทีที่ 72 จาก ติโม แวร์เนอร์ ที่ได้ลองส่องในกรอบเขตโทษแต่ยังไปติดเซฟของ ยอริส

ไม่กี่นาทีต่อจากนั้น สิงห์บลู ได้ลุ้นอีกครั้งจากจังหวะลุยเดี่ยวของ โอดอย แต่กลับยิงข้ามคานออกไปอย่างน่าเสียดาย

แต่แล้วนาทีที่ 83 เจ้าบ้านมาตีเสมอ 1-1 ได้สำเร็จจากจังหวะโยนเข้ามาลุ้นของ เรกิลอน และเป็น ลาเมลา ที่เก็บบอลได้ก่อนยิงจ่อ ๆ เข้าไป

ทำให้จบ 90 นาทีเสมอกันไป 1-1 ต้องไปตัดสินกันด้วยการดวลจุดโทษชี้ขาด

⚽ เอริค ดายเออร์
แทมมี อับราฮัม ⚽
⚽ เอริค ลาเมลา
เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า ⚽
⚽ ปิแอร์ ฮอยจ์เบิร์ก
จอร์จินโญ ⚽
⚽ ลูคัส มูรา
เอเมอร์สัน ⚽
⚽ แฮร์รี เคน
เมสัน เมานท์ ❌

คะแนนผู้เล่นทั้งสองทีม

ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ : ยอริส(6.5), ออริเยร์(6.5), อัลเดอร์ไวเรลด์(7), ดายเออร์(7.5), ทันกันก้า(6), เรกิลอน(6.5), เกดสัน(6), ซิสโซโก้(6.5), เอ็นดอมเบเล(6.5), ลาเมลา(7.5), เบิร์กไวน์(6)

ตัวสำรอง : ฮอจ์ยเบิร์ก(6), ลูคัส(5.5), เคน(5.5)

เชลซี : เมนดี้(7), อัซปิลิกวยต้า(7), โทโมรี(7), ซูมา(6.5), ชิลเวลล์(6.5), จอร์จินโญ(6.5), เมานท์(6.5), โควาชิช(6.5), โอดอย(6.5), แวร์เนอร์(6.5), ชิรูด์(6)

ตัวสำรอง : ก็องเต้(5.5), เอเมอร์สัน(5), อับราฮัม(5.5)

แมน ออฟ เดอะแมทช์ – เอริค ดายเออร์

กองหลังเลือดผู้ดีของ ไก่เดือยทอง วันนี้โชว์ฟอร์มในเกมรับได้ค่อนข้างโดดเด่น โดยเฉพาะในครึ่งเวลาแรกที่ทีมถูกคู่แข่งโหมบุกเข้าใส่อย่างหนัก ซึ่งเจ้าตัวมีจังหวะป้องกันและสะกัดบอลสวย ๆ ให้เห็นหลายครั้ง แถมยังมีจังหวะไฮไลท์ในครึ่งหลังที่อยู่ ๆ เจ้าตัวก็วิ่งออกจากสนามไปแบบดื้อ ๆ จนทำให้ โชเซ มูรินโญ ถึงกับหัวเสียและเดินเข้าไปตาม แต่แล้วหลังจบเกมเจ้าตัวได้ออกมากล่าวว่า เขาแค่ทนไม่ไหวและวิ่งไปเข้าห้องน้ำเท่านั้น

ประเด็นหลังเกม

แบ็คซ้ายทั้งสองทีมเป็นบ่อ
เกมนี้ เชลซี ตัดสินใจส่ง เบน ชิลเวลล์ ที่พึ่งจะฟิตกลับมา ลงเล่นเป็นตัวจริงราว 66 นาทีก่อนจะส่ง เอเมอร์สัน ลงมาเล่นแทน ซึ่งต้องบอกว่านี่เป็นจุดเปลี่ยนหนึ่งที่ทำให้ สิงห์บลู พ่ายแพ้ในวันนี้เลยก็ว่าได้ เพราะหลังจากที่ ชิลเวลล์ ออกไป เกมรับทางกราบซ้ายของพวกเขาก็ถูกโจมดีอย่างหนักโดยเฉพาะประตูตีเสมอท้ายเกมที่ เอเมอร์สัน พลาดเต็ม ๆ ทั้งหลุดตำแหน่ง ทั้งประกบตัวไม่ดี สะกัดบอลพลาด จึงทำให้ ลาเมลา ได้ยิงจ่อ ๆ เข้าไปในที่สุด

เช่นเดียวกับเจ้าบ้านที่ใช้ เซร์คิโอ เรกิลอน แบ็คซ้ายจอมบุกคนใหม่ที่พึ่งจะย้ายมาจาก เรอัล มาดริด แน่นอนว่าเกมรุก แบ็คเลือดกระทิงดุรายนี้ทำได้อย่างยอดเยี่ยมไร้ที่ติแถมมี 1 แอสซิสต์ติดตัว แต่สำหรับเกมรับดูเหมือนว่าเจ้าตัวยังต้องปรับอีกพอสมควร เพราะดูจะมีปัญหาในการรับมือเกมรุกริมเส้นฝั่งขวาของผู้มาเยือนโดยเฉพาะในครึ่งเวลาแรก แถมประตูที่ทีมเสียไปนั้น ก็เป็นเขาที่ทำพลาดถึง 2 จังหวะซ้อน ตั้งแต่จับบอลลั่นจนโดนโฉบเอาบอลไป และการพยายามวิ่งมาสไลด์เพื่อแก้ตัว แต่กลับเข้าพรวดจน อัซปิลิกวยต้า มีเวลาบรรจงเปิดไปให้ แวร์เนอร์ สังหารเข้าไปนั่นเอง

พรีวิว คาราบาว คัพ รอบที่ 4, วัน+เวลาการแข่งขัน, ถ่ายทอดสด

Tottenham vs Chelsea : Carabao Cup 2020/21
Tottenham vs Chelsea : Carabao Cup 2020/21

การแข่งขัน : ฟุตบอล คาราบาว คัพ รอบที่ 4
วันแข่งขัน : คืนวันพุธที่ 23 กันยายน 2020
เวลาแข่งขัน : 01.45 น. ตามเวลาประเทศไทย
คู่แข่ง : ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ พบ เชลซี
สนาม : ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ สเตเดี้ยม
ถ่ายทอดสด : สกายสปอร์ตส

ความพร้อมของทั้งสองทีม

สเปอร์ส

ทีมของ โชเซ มูรินโญ สะดุดเสมอในนัดล่าสุดกับ นิวคาสเซิล 1-1 แบบน่าเสียดายชนิดที่โดนยิงตีเสมอนาทีสุดท้ายเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยวันอังคารนี้พวกเขามีคิวลงเล่นศึก คาราบาว คัพ รอบ 4 และต้องพบกับงานหนักในเกมลอนดอนดาร์บี้ด้วยการเปิดบ้านต้อนรับ เชลซี ที่ฟอร์มดูจะยังไม่ต่อเนื่องเท่าใดนัก คาดว่าเกมนี้ เฮียมู จะสลับมาใช้งานผู้เล่นตัวสำรองผสมกับทีมชุดใหญ่ในการลงฟาดแข้งกับสโมสรเก่าของเขาในคืนวันนี้

ความพร้อมก่อนเกม จะยังไม่สามารถใช้งาน แกเร็ธ เบล มุสซา ซิสโซโก้ จาเฟ็ด ทันกันก้า และ ซน เฮืองมิน ที่ยังมีปัญหาเรื่องความฟิตและอาการบาดเจ็บอยู่ได้ในเกมวันนี้

คาดการณ์ 11 ผู้เล่นตัวจริง
ผู้รักษาประตู – ยอริส
กองหลัง – เรกิลอน, อัลเดอร์ไวเรลด์, ซานเชซ, ออริเยร์
กองกลาง – อัลลี, เอ็นดอมเบเล, เกดสัน
กองหน้า – ลาเมลา, เคน, เบิร์กไวจ์น

เชลซี

ทีมของ แฟรงค์ แลมพาร์ด พึ่งจะพลาดท่าเสมอกับ เวสต์บรอมวิช อัลเบียน 3-3 มาชนิดที่ถูกนำห่างไปก่อนถึงสามประตู แต่อย่างไรก็ตามในรายการนี้ สิงโตน้ำเงินคราม ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในเกมรอบที่ 3 ที่ผ่านมาด้วยการอัด บาร์นสลีย์ ขาดลอยถึง 6-0 โดยในรอบที่ 4 พวกเขาจะต้องเจอของแข็งอย่าง สเปอร์ส ในคืนวันอังคารนี้ คาดว่า แลมพาร์ด จะยังคงเน้นผลการแข่งขันในนัดนี้เพื่อเรียกความมั่นใจกลับมา รูปเกมจึงน่าจะออกมาค่อนข้างสูสีและวัดกันที่ความเฉียบขาดในการเข้าทำว่าใครจะแน่นอนกว่ากันเป็นตัวตัดสินผลแพ้ชนะ

สภาพทีมก่อนลงทำการแข่งขัน จะยังคงไม่สามารถเรียกใช้นักเตะตัวหลักอย่าง บิลลี กิลมอร์ คริสเตียน พูลิซิช และ ฮาคิม ซิเยค ในเกมนี้ ส่วน เอดูอาร์ด เมนดี้ นายทวารคนใหม่ต้องมาลุ้นกันว่า แฟรงค์ แลมพาร์ด จะใส่ชื่อมาเป็นหนึ่งในขุนพลคืนวันนี้หรือไม่

คาดการณ์ 11 ผู้เล่นตัวจริง
ผู้รักษาประตู – เคปา
กองกลัง – อัซปิลิกวยต้า, ซารร์, รือดิเกอร์, เอเมอร์สัน
กองกลาง – ลอฟตัส ชีค, จอร์จินโญ, บาร์คลีย์
กองหน้า – โอดอย, ชิรูด์, เมานท์

ผลงาน 5 นัดหลังสุดของทั้ง 2 ทีม

เชลซี – ชนะ 2 เสมอ 2 แพ้ 1
26/09/20 พรีเมียร์ลีก – เวสต์บรอม 3-3 เชลซี
24/09/20 คาราบาว คัพ – เชลซี 6-0 บาร์นสลีย์
20/09/20 พรีเมียร์ลีก – เชลซี 0-2 ลิเวอร์พูล
15/09/20 พรีเมียร์ลีก – ไบรท์ตัน 1-3 เชลซี
29/08/20 กระชับมิตร – ไบรท์ตัน 1-1 เชลซี

สเปอร์ส – ชนะ 4 เสมอ 1 แพ้ 0
27/09/20 พรีเมียร์ลีก – สเปอร์ส 1-1 นิวคาสเซิล
25/09/20 ยูโรปาลีก – ชเคนดิยา 1-3 สเปอร์ส
23/09/20 คาราบาว คัพ – เลย์ตัน โอเลียนท์ แพ้บาย สเปอร์ส
20/09/20 พรีเมียร์ลีก – เซาแธมป์ตัน 2-5 สเปอร์ส
17/09/20 ยูโรปาลีก – พลอฟดิฟ 1-2 สเปอร์ส

เฮดทูเฮท – สเปอร์ส ชนะ 1 เสมอ 0 เชลซี ชนะ 4
22/02/20 พรีเมียร์ลีก – เชลซี 2-1 สเปอร์ส
22/12/19 พรีเมียร์ลีก – สเปอร์ส 0-2 เชลซี
28/02/19 พรีเมียร์ลีก – เชลซี 2-0 สเปอร์ส
25/01/19 คาราบาว คัพ – เชลซี 2-1 สเปอร์ส
09/01/19 คาราบาว คัพ – สเปอร์ส 1-0 เชลซี

แมนฯ ยูไนเต็ด แจมล่าหอก นาโปลี, คืบหน้า ลิเวอร์พูล พัวพัน เอ็มบัปเป้ : สรุปข่าวซื้อขายนักเตะประจำวันที 27 กันยายน

สรุปทุกประเด็นข่าวที่สำคัญในแวดวงฟุตบอลที่เกิดขึ้นในรอบวันของ ลิเวอร์พูลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, และบรรดาบิ๊กทีมในศึก ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษข่าวซื้อขายนักเตะ และวงการฟุตบอลทั่วโลก

ติดตามบทความสรุปข่าวย้อนหลังได้ที่ : ลิเวอร์พูล ชวดสตาร์ บาร์ซ่า, แมนฯ ยูไนเต็ด เล็งปล่อย 2 แข้งก่อนตลาดปิด : สรุปข่าวซื้อขายนักเตะประจำวันที 26 กันยายน

ฟาบริซิโอ โรมาโน ผู้สื่อข่าวชื่อดังรายงานว่า บาร์เซโลนา ใกล้จะคว้าตัว เซอร์จิโน เดสท์ แบ็คดาวรุ่งชาวสหรัฐอเมริกาของ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม มาร่วมทีมด้วยค่าตัวราว 23 ล้านยูโรแล้ว โดยแบ็คขวาวัย 19 ปีรายนี้จะเข้าสู่กระบวนการตรวจร่างกายภายในสัปดาห์นี้และจะเซ็นสัญญาในถิ่น คัมป์ นู ถึงปี 2025 ด้วยกัน

MundoNapoli ตีข่าวว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นทีมล่าสุดที่กำลังให้ความสนใจในตัว อาร์คาดิอุสซ์ มิลิค หัวหอกชาวโปแลนด์ของ นาโปลี และได้ทำการพูดคุยเบื้องต้นอย่างไม่เป็นทางการเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการนำตัวกองหน้ารายนี้มาถล่มประตูที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด เรียบร้อยแล้ว โดย ปีศาจแดง จะมีคู่แข่งอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ ฟูแลม และ แอร์เบ ไลป์ซิก ในการล่าลายเซ็นศูนย์หน้าวัย 26 ปีรายนี้

หลังจากช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา L’Equipe รายงานว่า ลิเวอร์พูล ยังคงตามจีบซุเปอร์สตาร์อย่าง คิเลียน เอ็มบัปเป้ ให้ตัดสินใจย้ายมาค้าแข้งในถิ่น แอนฟิลด์ ซัมเมอร์หน้า แต่ล่าสุด El Chiringuito สื่อสัญชาติสเปน เปิดเผยว่าวันเดอร์คิดเลือดน้ำหอมรายนี้สนใจจะย้ายมาค้าแข้งที่ ลาลีกา กับ เรอัล มาดริด มากกว่าการโยกมาเล่นใน พรีเมียร์ลีก ในซีซั่นหน้า

สกายสปอร์ต สื่อกีฬาชื่อดังตีข่าวว่า จอร์จ เชซุส โค้ชของ เบนฟิก้า เชื่อว่า รูเบน ดิอาส กองหลังตัวเก่งชาวโปรตุเกส ได้ลงเ่นนัดสุดท้ายให้กับสโมสรไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา เซ็นเตอร์แบ็ครายนี้ตกเป็นข่าวพัวพันกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่เตรียมจะส่งตัว นิโกลาส โอตาเมนดี้ เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของข้อเสนอในครั้งนี้

RMC Sport รายงานว่า โอลิมปิก ลียง ทีมดังแห่งลีกเอิงฝรั่งเศส ยังคงยืนยันค่าตัวของ ฮุสเซม อาอูอาร์ เพลย์เมกเกอร์ตัวเก่งของพวกเขาที่ 50 ล้านยูโร หลังจากที่ล่าสุดได้ทำการปฏิเสธข้อเสนอของ อาร์เซนอล ที่ยื่นมามูลค่าราว 36 ล้านยูโรเมื่อสัปดาห์ก่อนลงเป็นที่เรียบร้อย

เดอะ ซัน สื่อจอมแฉของอังกฤษ ตีข่าวว่า เชลซี มั่นใจว่าจะคว้าตัว ดีแคลน ไรซ์ ตัวรับดีกรีทีมชาติอังกฤษของ เวตส์แฮม มาร่วมทีมได้ก่อนที่ตลาดซื้อขายนักเตะจะปิดตัวลง หลังจากล่าสุด ทัพขุนค้อน ดูเหมือนกำลังประสบปัญหาด้านการเงินอยู่ในปัจจุบัน โดยสื่อดังกล่าวชี้ว่า สิงห์บลู เตรียมจะยื่นข้อเสนอที่ราว 40 ล้านปอนด์ล่อใจคู่แข่งร่วมเมืองให้ยอมปล่อยตัว ไรซ์ ในช่วงโค้งสุดท้ายของตลาดซัมเมอร์นี้

สกายสปอร์ต รายงานว่า ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ ยังคงเดินหน้าเจรจากับ อินเตอร์ มิลาน เพื่อสอบถามความเป็นไปได้ในการคว้าตัว มิลาน สคริเนียร์ ปราการหลังตัวเก่งชาวสโลวาเกียอยู่ แม่ว่าผู้บริหารของทีม งูใหญ่ จะออกมาบอกว่าพวกเขาจะไม่ยอมปล่อยตัวเซ็นเตอร์แบ็ควัย 25 ปีรายนี้ออกจากทีมโดดเด็ดขาด

[Player Ratings] ซิลวา-อลอนโซ สอบตก ! ตัดเกรดแข้ง เชลซี เกมบุกไล่ตีเสมอ เวสต์บรอมวิช หืดจับ 3-3

Mateo Kovacic, Thiago Silva
West Bromwich Albion v Chelsea – Premier League | Malcolm Couzens/Getty Images

การแข่งขัน : ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ฤดูกาล 2020/21
วันแข่งขัน : วันเสาร์ที่ 26 กันยายน 2020
เวลาแข่งขัน : 23:30 น. ตามเวลาประเทศไทย
ผลการแข่งขัน : เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน 3-3 เชลซี
สนาม : เดอะฮอวร์ธอร์นส

คะแนนนนักเตะ เชลซี

วิลลี กาบาเยโร – 5/10
แทบไม่มีจังหวะเซฟสวย ๆ ให้เห็นในเกมวันนี้ แถมทั้ง 3 ประตูที่เสียไปก็ไม่สามารถช่วยเซฟหรือป้องกันอะไรได้เลย

รีซ เจมส์ – 6/10
เกมรับยังคงเป็นจุดอ่อนของเจ้าตัวเช่นเดียวกับในเกมนี้ ้ส่วนเกมรุกมีโอกาสได้โยนจากริมเส้นฝั่งขวาบ่อยครั้ง แต่ยังแทบไม่เข้าเป้าหรือสร้างความกดดันให้กับแนวรับเจ้าบ้านได้มากนัก

ติอาโก้ ซิลวา – 5/10
ประเดิมสนามใน พรีเมียร์ลีก เป็นนัดแรกยังคงมีจุดผิดพลาดให้เห็นอยู่พอสมควรเหมือนในเกม คาราบาว คัพ กลางสัปดาห์ แต่โชคร้ายที่วันนี้ความผิดพลาดของเขาส่งผลร้ายแรงจนทำให้ทีมเสียประตูในช่วงครึ่งเวลาแรก

อันเดรส คริสเตนเซน – 6.5/10
วันนี้จัดว่าทำหน้าที่ในเกมรับได้ดีระดับหนึ่ง แม้จะเสียถึง 3 ประตูก็ตาม ส่วนในครึ่งหลังมีโอกาสดันขึ้นสูงช่วยเกมรุกในแดนกลางหลายครั้ง

มาร์กอส อลอนโซ – 4.5/10
ผลงานต้องบอกว่าย่ำแย่โดยเฉพาะเกมรับ มีส่วนสำคัญในการทำให้ทีมเสียประตู แถมยังมีปัญหากับการรับมือกับความเร็วของผู้เล่นกราบขวาของเจ้าถิ่นพอสมควร

เอ็นโกโล ก็องเต้ – 6.5/10
เป็นอีกเกมที่กองกลางชาวฝรั่งเศสรายนี้ วิ่งพล่านไปทั่วสนามตลอด 90 นาที แม้จะช่วยไล่บอลตัดเกมในแดนกลางได้ดี แต่ก็เช่นเคยที่เกมรุกเจ้าตัวมักจะทำได้ไม่ดีนักเมื่อมีโอกาส

มาเตโอ โควาชิช – 5.5/10
ดูจะเจองานหนักในแดนกลางช่วงครึ่งแรก แต่ก็ดูจะมีความพยายามจะช่วยทำเกม แต่น่าเสียดายที่ถูกเปลี่ยนตัวออกตั้งแต่ช่วงพักครึ่งเวลา

ไค ฮาเวิร์ตซ์ – 6/10
ทำได้ 1 แอสซิสต์จากการเล่นวันทูกับ คัลลัม ฮัดสัน โอดอย หลุดเข้าไปยิง แต่ฟอร์มโดยรวมยังคงไม่มีอะไรโดดเด่นมากนัก

เมสัน เมานท์ – 7.5/10
ยิง 1 ประตูจากลูกยิงไกลสุดสวยช่วยจุดประกายความหวังให้กับทีม แถมยังมีส่วนกับประตูที่ 3 ด้วยการเป็นคนยิงอัดเขามาก่อนที่ จอห์สตัน จะปัดมาเข้าทาง แทมมี ซ้ำเข้าไป ส่วนฟอร์มโดยรวมในวันนี้จัดว่ามีส่วนกับเกมรุกมากพอสมควรตลอด 90 นาทีที่อยู่ในสนาม

ติโม แวร์เนอร์ – 6/10
ยังคงต้องมองหาประตูแรกในอังกฤษต่อไป ส่วนเกมนี้พอจะมีโอกาสได้เล่นกับบอลอยู่บ้างแต่มักจะไม่ได้อยู่ในพื้นที่เขาทำ จะมีก็แต่จังหวะที่ เมานท์ จ่ายใส่พานมาให้ในครึ่งแรก แต่เจ้าตัวซัดไปชนคานกระเด้งออกหลังไป

แทมมี อับราฮัม – 6.5/10
ได้รับโอกาสเป็นตัวจริงในวันนี้ แม้จะเป็นผู้ยิงตีเสมอให้กับทีม แต่ก็จัดว่าใช้โอกาสเปลืองพอสมควร เพราะก่อนหน้านั้นในครึ่งแรกเจ้าตัวมีโอกาสจ่อ ๆ อย่างน้อย 2 ครั้งที่ได้ลุ้นประตูแต่ก็ทำพลาดไปทั้งหมด

ตัวสำรอง

เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า (ลงสนามนาทีที่ 46) – 6/10
ลงมาทำหน้าที่แทน อลอนโซ แต่ยังไม่เจองานหนักมากนักเพราะครึ่งหลังเจ้าบ้านถอยลงไปตั้งรับเสียเป็นส่วนใหญ่

คัลลัม ฮัดสัน โอดอย (ลงสนามนาทีที่ 46) – 6.5/10
ลงมามีบทบาทกับเกมพอสมควร เป็นผู้ยิงประตูที่ 2 ให้กับทีม แต่ภาพรวมยังสร้างอิมแพคให้ทีมได้ไม่มากนัก ทั้งจังหวะเปิดบอลและจังหวะเข้าทำ

โอลิวิเยร์ ชิรูด์ (ลงสนามนาทีที่ 73) – 5.5/10
ยังมีโอกาสได้เล่นกับบอลไม่มากนักในช่วงเวลาที่เหลือ

[OPINION] ตลาดซัมเมอร์ที่เหลืออยู่ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ โอเล กุนนาร์ โซลชา…

FBL-ENG-LCUP-LUTON-MANU
FBL-ENG-LCUP-LUTON-MANU | CATHERINE IVILL/Getty Images

แม้จะเพิ่งพาทีมบุกไปถล่ม ลูตัน ทาวน์ ถึงถิ่นในศึก คาราบาวคัพ เมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมาด้วยสกอร์ 3-0 แต่กับผลการแข่งขันในเกม พรีเมียร์ลีก นัดเปิดสนามที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จัดการอัตนิวิบาตกรรมปล่อยให้ คริสตัล พาเลซ บุกเข้ามากระชาก 3 คะแนนได้แบบไม่ต้องเปลืองแรง 3-1 นั้นได้เป็นการจุดไฟโหมกระแสคำวิจารณ์ไปยังผู้เป็นกุนซืออย่าง โอเล กุนนาร์ โซลชา เป็นที่เรียบร้อย

ไม่ทราบเหมือนกันว่านายใหญ่ ปีศาจแดง โดนแคมเปญ ‘โซลชาเอ้าท์’ เป็นรอบที่เท่าไหร่ รู้แต่ว่าสถานการณ์ของ แมนฯ ยูไนเต็ด กำลังวนลูปกลับมาสู่ช่วงดำดิ่งอีกรอบจากผลงานเปิดหัวที่ทำเอา ‘เด็กผี’ อับอายขายหน้าขนาดนี้

ว่ากันถึงเกมกับ พาเลซ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมากันก่อน ความพ่ายแพ้ในเกมนี้ที่เกิดจากความผิดพลาดส่วนบุคคลของ วิคตอร์ ลินเดเลิฟ กองหลังจากสวีเดนที่มีส่วนร่วมทั้ง 3 ประตู ซึ่งจะว่าไปแล้วเกมรับถือเป็นจุดอ่อนของ เร้ดเดวิลส์ มาอย่างยาวนาน

เรื่องนี้ไม่ใช่ว่า โซลชา จะไม่รู้ มิเช่นนั้นเขาคงไม่บอกให้ เอ็ด วู้ดเวิร์ด ไปคว้าตัว อารอน วาน-บิสซาก้า และ แฮร์รี แม็คไกวร์ มาเสริมทัพเมื่อซีซันที่แล้ว แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไปมันพิสูจน์แล้วว่า แค่ 2 คนนี้ยังไม่พอที่จะขันแนวรับให้เหนียวแน่นได้

การเสีย 3 ประตูชนิดที่ไม่น่าเสียกับ คริสตัล พาเลซ คือเครื่องพิสูจน์ได้เป็นอย่างดี

นอกจากนั้นยังมีประเด็นเรื่องรูปแบบการเล่นที่ โซลชา วางให้ลูกทีมซึ่งก็มาในแนวทางเดิม ๆ คือเน้นการครองบอล ออกบอลช้า เน้นความแน่นอน แต่ไร้ซึ่งการสร้างสรรค์ และทะลุทะลวง พอเจอคู่แข่งตั้งรับลึกก็มักจะมีปัญหาทุกครั้ง แถมการรับมือกับเกมสวนกลับยังเข้าขั้นแย่ถึงแย่มากที่สุด

ทุกอย่างสะท้อนออกมาในเกมนี้ไล่ไปตั้งแต่แดนหน้าที่ไร้การประสานงาน การทะลุทะลวง และการจบสกอร์ที่เฉียบขาด กองกลางที่ไม่สามารถสร้างสรรค์เกมได้ และกองหลังที่พร้อมแสดงความผิดพลาดตลอดเวลา

เมื่อภาพรวมออกมาเช่นนี้ จึงไม่แปลกที่ทัวร์จะลงที่ โอเล กุนนาร์ โซลชา ผู้เป็นกุนซืออีกระลอก

มิวายที่เจ้าตัวจะโดนแซวเรื่องปฏิกิริยาข้างสนามระหว่างเกม ภาพการนั่งนิ่งเงียบอยู่เกือบทั้งเกม ไม่มีการออกมากระตุ้นลูกทีมแม้ตกเป็นฝ่ายตามหลัง ยิ่งตอนโดนจุดโทษยิ่งได้เห็นอาการของความสิ้นหวังเหมือนยอมรับสภาพ ไม่มีโวยวาย หรือแสดงออกซึ่งความแข็งกร้าว ทำตัวเหมือนไม่ได้เล่นในบ้านตัวเอง

สภาพเชนนี้เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับกุนซือชั้นยอดรายอื่น ๆ อย่าง เยอร์เก้น คล็อปป์ เป๊ป กวาร์ดิโอลา โชเซ มูรินโญ หรือ คาร์โล อันเชล็อตติ ยิ่งทำให้รู้สึกว่าออร่าของ โซลชา ยังไม่เปล่งปลั่งพอ หรือหากจะเทียบกับบรรดากุนซือมือใหม่พอ ๆ กันอย่าง มิเกล อาร์เตต้า และ แฟรงค์ แลมพาร์ด ก็ดูเหมือนว่าอาจจะดูด้อยกว่านิด ๆ ด้วยซ้ำ

เรียกได้ว่าแค่บอลแพ้นัดเดียวทำ ‘เด็กผี’ แทบจะถอดใจไปโดยทันที

อย่างไรก็ตามนี่เป็นเพียงเกมแรกของฤดูกาล ยังไม่อาจจะไปตัดสินว่ามันคือผลงานในภาพรวมของทีมได้ เพราะพวกเขายังมีอีก 37 เกมให้แก้ตัว และที่สำคัญคือเวลาในตลาดซื้อขายก็ยังพอจะเหลือให้ได้หานักเตะใหม่มาเยียวยา

ถามว่าถ้าซื้อนักเตะใหม่มาเพิ่มแล้วจะดีขึ้นหรือไม่ อันนี้ไม่มีใครรู้ แต่ดีกว่าที่ไม่ขยับหรือทำอะไรเลยในขณะที่ทีมในระดับเดียวกันต่างเสริมทัพกันอย่างสนุกสนาน

ชัดเจนมาตั้งแต่ต้นว่า โซลชา ต้องการผู้เล่นอีก 3 ตำแหน่งเพื่อเสริมทัพให้สมบูรณ์แบบทั้ง ปีกขวา แบ็คซ้าย และ เซ็นเตอร์แบ็ค ซึ่งผลการแข่งขันกับ คริสตัล พาเลซ ยิ่งเป็นสิ่งที่ตอกย้ำให้เห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องรีบดำเนินการในเรื่องนี้โดยเร็วที่สุด

แดเนียล เจมส์ ลุค ชอว์ และ วิคตอร์ ลินเดเลิฟ ยังไม่ใช่ผู้ที่จะมาตอบโจทย์ให้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด การได้นักเตะมีระดับและใช้งานได้เลยจึงเป็นสิ่งที่ทีม ปีศาจแดง ต้องมองหา ชื่อของ เจดอน ซานโช อเล็กซ์ เตลเลส ดักกลาส คอสต้า อิวาน เปริซิช และใครต่อใครอีกหลายคนจึงยังคงวนเวียนตามหน้าสื่อในช่วงนี้

เด็กผีทั้งหลายอย่าลืมว่าเมื่อซีซันที่แล้วผลงานของทีมก็ลุ่ม ๆ ดอน ๆ เมื่อช่วงต้นซีซัน แต่พอคว้าตัว บรูโน แฟร์นันเดส เข้ามาช่วงตลาดหน้าหนาว ดาวเตะโปรตุกีสกลายเป็นจิ๊กซอว์สำคัญที่ช่วยให้ทีมพุ่งแซงคว้าอันดับ 3 ได้โควต้าไปเล่น ยูฟา แชมเป้ยนส์ลีก ตามเป้าหมาย

ดังนั้นการเสริมทัพในช่วงเวลาที่เหลือจึงเป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด กลับมาอยู่ในร่องในรอยอีกครั้ง เพราะเชื่อว่านักเตะที่มีอยู่ในทีมขณะนี้อาจจะลุ้นหนักในการทำผลงานติด 1 ใน 4 ของลีกเมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่าง เชลซี ท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์ อาร์เซนอล รวมทั้ง เอฟเวอร์ตัน

ซึ่งระยะเวลาต่อจากนี้ โซลชา และ เอ็ด วู้ดเวิร์ด ต้องทำงานกันอย่างหนักเพื่อเรียกศรัทธาคืนจากแฟนบอล อย่าปล่อยให้พวกเขาทำได้เพียงนั่งทำใจและมองทีมอื่นพุ่งทะยานแซงหน้าไปแบบไม่เห็นฝุ่น

คงต้องช่วยกันลุ้นว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะคว้าสตาร์รายใดมาเสริมทัพในช่วงที่เหลือ ขอที่พร้อมใช้งานลงเล่นได้ทันทีก็น่าจะทำให้ใจชื้นมากขึ้น ซึ่งเวลาของนายใหญ่ไวกิ้งก็ยังพอมี

แต่ถ้าทำทุกอย่างแล้วยังไม่มีอะไรดีขึ้น เมาริซิโอ โปเช็ตติโน ยังว่างงานอยู่ ลองคุยดูคงไม่เสียหาย

Mauricio Pochettino