[Player Ratings] ฟิร์มิโน ฮีโร่-โจนส์ โดดเด่น ! ตัดเกรดแข้ง ลิเวอร์พูล เกมเชือด สเปอร์ส 2-1

การแข่งขัน : ฟุตบอล พรีเมียร์ลีกอังกฤษ 2020/21
วันแข่งขัน : คืนวันพุธที่ 16 ธันวาคม 2020
เวลาแข่งขัน : 01.00 น. ตามเวลาประเทศไทย
ผลการแข่งขัน : ลิเวอร์พูล 2-1 ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์
สนาม : แอนฟิลด์

คะแนนนักเตะ ลิเวอร์พูล
อลิสซอน เบ็คเกอร์ – 6/10
แทบไม่เจอกับงานยากนักกระทั่งเสียประตูจากลูกหลุดเดี่ยวของ ซน ฮึง-มิน มีช็อตหวาดเสียวในครึ่งหลังเมื่อถูก แฮร์รี เคน ตัดบอลได้ที่หน้าปากประตู

เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ – 8/10
รับมือกับ สตีเวน เบิร์กไวน์ และ เคน ได้ดี มีส่วนร่วมกับการเติมเกมรุกที่กราบขวาอย่างต่อเนื่อง

รีส วิลเลียมส์ – 7/10
ออกสตาร์ทด้วยการประจำการที่แนวรับอย่างมั่นใจ เจอกับงานยากอยู่บ้างในครึ่งหลังแต่สามารถเอาตัวรอดได้ดี

ฟาบินโญ – 7/10
เป็นผู้นำในแดนหลังดวลกับ เคน ได้ถึงพริกถึงขิง

แอนดี้ โรเบิร์ตสัน – 8/10
วูบวาบกับการเติมเกมรุกที่กราบซ้าย ได้แอสซิสต์เมื่อเปิดลูกเตะมุมให้ โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน โขกพังประตูชัย

จอร์แดน เฮนเดอร์สัน – 8/10
ขับเคลื่อนเกมแดนกลางของ หงส์แดง ยืนประจำการหน้าคู่เซ็นเตอร์แบ็คคอยหยุดความพยายามในการสวนกลับของ สเปอร์ส

จินี ไวนัลดุม – 8/10
ประคองเกมในครึ่งแรกก่อนที่จะเคลื่อนที่มีส่วนร่วมในพื้นที่สุดท้ายมากขึ้นในครึ่งหลังเมื่อทีมเป็นฝ่ายครองบอลบุกเข้าใส่

เคอร์ติส โจนส์ – 9/10
เล่นอย่างมั่นใจเกินวัย โดดเด่นกับพาบอลเข้าไปยังพื้นที่สุดท้ายด้วยตนเองจนเป็นที่มาของการได้ประตูขึ้นนำโดย โมฮาเหม็ด ซาลาห์

โมฮาเหม็ด ซาลาห์ – 7/10
วูบวาบที่ริมเส้นฝั่งขวาก่อนจะสังหารประตูเบิกร่อง ถูกประกบติดต่อเนื่องตลอดทั้งเกมแต่ก็ยังสร้างปัญหาให้กับแนวรับของ ไก่เดือยทอง ได้ดี

โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน – 8/10
มีส่วนร่วมกับการเซ็ตเกมจากแดนกลาง มีโอกาสยิงทดสอบ อูโก้ ยอริส ในครึ่งแรก 2 ครั้งก่อนจะโหม่งพังประตูชัยอย่างเด็ดขาดในช่วงท้ายเกม

ซาดิโอ มาเน – 7/10
เกือบจะมีชื่อบนสกอร์บอร์ดเมื่อซัดไปชนคานอย่างจัง

วูล์ฟแฮมป์ตัน 2-1 เชลซี : เก็บตกประเด็นร้อนหลังเกม พรีเมียร์ลีก สิงห์บลู พ่ายชวดขึ้นจ่าฝูง

การแข่งขัน : ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ 2020/21
วันแข่งขัน : คืนวันอังคารที่ 15 ธันวาคม 2020
เวลาแข่งขัน : 01.00 น. ตามเวลาประเทศไทย
คู่แข่ง : วูล์ฟแฮมป์ตัน 2-1 เชลซี
สนาม : โมลินิวซ์ กราวน์ด

ก่อนเกมนี้ เชลซี มีโอกาสขึ้นไปรั้งจ่าฝูง พรีเมียร์ลีก ได้อีกครั้งเหมือนอย่างสถานการณ์ในช่วงก่อนนัดที่แล้ว แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องคว้าชัยให้ได้เท่านั้น เพื่อจะได้แซงหน้า สเปอร์ส กับ ลิเวอร์พูล ที่มี 25 คะแนนเท่ากัน ทว่า “สิงโตน้ำเงินคราม” กลับพลาดท่าแพ้เป็นนัดที่ 2 ติดต่อกัน หลังจากที่เพิ่งบุกไปพ่าย เอฟเวอร์ตัน 0-1 มาหมาดๆ จึงชวดขยับขึ้นไปรั้งอันดับ 1 บนหัวตารางคะแนนอีกครั้ง เพราะยังอยู่อันดับ 5 แข่ง 13 นัด มี 22 แต้ม ตามหลัง 2 ทีมนำอยู่ 3 คะแนนด้วย และลงแข่งมากกว่าหนึ่งเกมด้วย

แม้จะเริ่มต้นฤดูกาลนี้ด้วยการนั่งเป็นตัวสำรอง แต่เมื่อได้รับโอกาสลงสนามเป็นกองหน้าตัวเป้าแทน แทมมี่ อับราฮัม หลังจากนั้น โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ได้จัดการถลุงตาข่ายแบบต่อเนื่อง และจัดการสอยประตูขึ้นนำ วูล์ฟแฮมป์ตัน ทั้งๆ ที่เป็นการยิงตรงกรอบเป็นครั้งแรกในเกมนี้ด้วย ทำให้ดาวเตะทีมชาติฝรั่งเศสทำผลงานได้สมราคาหัวหอกตัวจริงของ เชลซี โดยรั้งตำแหน่งดาวซัลโวประจำทีมจากการลงเล่นในทุกรายการไปแล้วทั้งหมด 8 ลูก

ในทีมอุดมไปด้วยผู้เล่นชาวต่างชาติอยู่แล้ว โดยเฉพาะพวกพ่อค้าแข้งจากโปรตุเกส ทำให้ วูล์ฟแฮมป์ตัน ไม่คิดจะพึ่งพาเรื่องการยิงประตูจากฝีเท้าของนักเตะอังกฤษเลย หลังจากที่ เปโดร เนโต้ แนวรุกชาวโปรตุกีสยิงประตูตีเสมอได้สำเร็จ ทำให้ “หมาป่า” ได้ 83 ลูกหลังสุดในศึก พรีเมียร์ลีก จากนักเตะต่างชาติทั้งหมดเลย (ไม่นับลูกที่ทำเข้าประตูตัวเอง) และกำลังเดินตามรอยเท้าของ “ปืนใหญ่” อาร์เซนอล เพียงทีมเดียวเท่านั้น ซึ่งเคยสร้างสถิตินี้เอาไว้ในช่วงระหว่างเดือนตุลาคม 2005 ถึงกุมภาพันธ์ 2008 ด้วยจำนวนมากถึง 171 ประตูเลยทีเดียว

พรีวิวพรีเมียร์ลีก, วัน+เวลาการแข่งขัน, คาดการณ์ 11 ผู้เล่นตัวจริง และถ่ายทอดสด

การแข่งขัน : ฟุตบอล พรีเมียร์ลีกอังกฤษ 2020/21
วันแข่งขัน : คืนวันอังคารที่ 15 ธันวาคม 2020
เวลาแข่งขัน : 01.00 น. ตามเวลาประเทศไทย
คู่แข่ง : วูล์ฟแฮมป์ตัน พบ เชลซี
สนาม : โมลินิวซ์ สเตเดี้ยม
ถ่ายทอดสด : True Premier Football HD 1

ความพร้อมของทั้งสองทีม

วูล์ฟแฮมป์ตัน

ผลงานค่อนข้างย่ำแย่ในช่วงหลังด้วยการแพ้รวดมาแล้ว 2 นัดติดต่อกัน โดยเกมล่าสุดเพิ่งจะเปิดบ้านพ่ายให้กับ แอสตัน วิลลา ไป 0-1 เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาทำให้ตอนนี้ร่วงลงไปอยู่อันดับที่ 13 ของตารางเป็นที่เรียบร้อย โดยวันอังคารนี้ทีมของ นูโน ซานโต ยังคงต้องพบกับศึกหนักด้วยการเปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของ เชลซี ทีมอันดับ 5 คาดว่า ทัพหมาป่า จะยังใช้แทคติคเดิมคือเน้นตั้งรับอย่างรัดกุมและอาศัยบอลยาวบวกกับความเร็วของแนวรุกในการสวนกลับเล่นงานทีมเยือนจากลอนดอนในเกมวันนี้

สภาพทีมก่อนลงแข่ง ทีมของ จะไม่สามารถใช้งาน ราอูล ฆิเมเนซ กองหน้าตัวเก่งที่บาดเจ็บกระโหลกศีรษะร้าวในเกมที่พบกับ อาร์เซนอล ได้แน่นอนแล้ว รวมถึง จอนนี อ็อตโต้ ที่ยังมีอาการบาดเจ็บหัวเข่าและ ชูเอา มูตินโญ ก็ยังติดโทษแบนจากการโดนใบแดงในเกมที่ผ่านมา

คาดการณ์ 11 ผู้เล่นตัวจริง
ผู้รักษาประตู – ปาทริซิโอ
กองหลัง – มาร์กัล, โบลี, โคอาดี้, เซเมโด้
กองกลาง – เดนด็องเคอร์, เนเวส, ตราโอเร, เนโต้, โพเดนซ์
กองกน้า – ซิลวา

เชลซี

สิงโตน้ำเงินคราม ทีมอันดับ 5 ของตารางทำผลงานได้ไม่ดีเช่นกันในช่วงหลัง โดยเกมล่าสุดพึ่งจะบุกไปพ่าย เอฟเวอร์ตัน 1-0 เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่วนด้านเกมในวันอังคารนี้ทีมของ แฟรงค์ แลมพาร์ด มีคิวต้องบุกไปเยือน วูล์ฟแฮมป์ตัน ที่ผลงานในช่วงหลังก็ย่ำแย่ไม่แพ้กัน ต้องมาลุ้นกันว่า พลพรรคสิงห์บลู จะสามารถเจาะแนวรับอันแข็งแกร่งของเจ้าบ้านได้หรือไม่ แต่พวกเขาต้องระวังความเร็วของผู้เล่นริมเส้นทั้งสองข้างเอาไว้ให้ดีหากต้องการทำแต้มไล่จี้จ่าฝูงต่อไปในช่วงปลายปีนี้

สภาพทีมก่อนลงทำการแข่งขัน จะยังไม่สามารถใช้งาน ฮาคิม ซิเยค และ คัลลัม ฮัดสัน โอดอย ที่ยังมีปัญหาอาการบาดเจ็บหมดสิทธิลงสนามช่วยทีมในเกมนี้แน่นอนแล้ว

คาดการณ์ 11 ผู้เล่นตัวจริง
ผู้รักษาประตู – เมนดี้
กองกลัง – เจมส์, ซิลวา, ซูมา, ชิลเวลล์
กองกลาง – ก็องเต้, ฮาเวิร์ตซ์, เมานท์
กองหน้า – แวร์เนอร์, อับราฮัม, พูลิซิช

ผลงาน 5 นัดหลังสุดของทั้ง 2 ทีม

วูล์ฟแฮมป์ตัน – ชนะ 1 เสมอ 1 แพ้ 3
12 ธันวาคม พรีเมียร์ลีก – วูล์ฟส 0-1 วิลลา
7 ธันวาคม พรีเมียร์ลีก – ลิเวอร์พูล 4-0 วูล์ฟส
30 พฤศจิกายน พรีเมียร์ลีก – อาร์เซนอล 1-2 วูล์ฟส
24 พฤศจิกายน พรีเมียร์ลีก – วูล์ฟส 1-1 เซาแธมป์ตัน
8 พฤศจิกายน พรีเมียร์ลีก – เลสเตอร์ 1-0 วูล์ฟส

เชลซี – ชนะ 2 เสมอ 2 แพ้ 1

13 ธันวาคม พรีเมียร์ลีก – เอฟเวอร์ตัน 0-1 เชลซี

9 ธันวาคม แชมเปี้ยนส์ลีก – เชลซี 1-1 คราสโนดาร์

6 ธันวาคม พรีเมียร์ลีก – เชลซี 3-1 ลีดส์

3 ธันวาคม แชมเปี้ยนส์ลีก – เซบีญา 0-4 เชลซี

29 พฤศจิกายน พรีเมียร์ลีก – เชลซี 0-0 สเปอร์ส

เฮดทูเฮท – เชลซี ชนะ 3 เสมอ 1 วูล์ฟแฮมป์ตัน ชนะ 1

26/07/20 พรีเมียร์ลีก – เชลซี 2-0 วูล์ฟแฮมป์ตัน
14/09/19 พรีเมียร์ลีก – วูล์ฟแฮมป์ตัน 2-5 เชลซี

10/03/19 พรีเมียร์ลีก – เชลซี 1-1 วูล์ฟแฮมป์ตัน

06/12/18 พรีเมียร์ลีก – วูล์ฟแฮมป์ตัน 2-1 เชลซี

19/02/17 เอฟเอ คัพ – วูล์ฟแฮมป์ตัน 0-2 เชลซี

[OPINION] 5 นักเตะ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่อาจหมดอนาคตและย้ายออกเดือนมกราคม

นับจากวันนี้ไปอีกราว 2 สัปดาห์เศษ ตลาดซื้อขายนักเตะ ของฟุตบอลลีกยุโรปก็จะเปิดฉากขึ้นอีกครั้ง ซึ่งต้องบอกว่าน่าสนใจมากถึงมากที่สุด เพราะอาจมีนักเตะดาวดังระดับโลกย้ายทีมในช่วงนี้ก็เป็นได้

และทีมหนึ่งที่มีฐานแฟนบอลเยอะมากสุดในโลก แถมคอลูกหนังทั้งวงการยังให้ความสนใจอีกด้วยว่าจะเกิดความเปลี่ยนแปลงอะไรขึ้นกับพวกเขาในช่วงหน้าหนาวนี้ก็คือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

อย่างไรก็ตาม เราขอยกยอดรายชื่อนักเตะที่ โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ อาจซื้อเข้ามาเพิ่มไว้เป็นโอกาสหน้า เพราะวันนี้จะมาคุยกันว่ามีใครบ้างที่ใกล้หมดอนาคตในถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด และพร้อมย้ายออกทันทีที่ตลาดเปิด

ย้อนกลับไปเมื่อราวเกือบสัปดาห์ก่อน มิโน ไรโอลา เอเยนต์อ้วนแสบผู้ดูแลผลประโยชน์ให้ พอล ป็อกบา ออกมาพูดต่อหน้าสื่อเองว่าลูกค้าคนสำคัญหมดใจให้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด และพร้อมย้ายออกแบบเร็วสุดเท่าที่จะเร็วได้

และคำพูดของ ไรโอลา ก็กลายเป็นกระแสใหญ่ที่สั่นสะเทือนไปทั่วทั้งวงการลูกหนัง โดยเฉพาะกับเหล่าสาวกปีศาจแดง ที่ก่นด่าขับไล่ไสส่งกันจนแทบโกลาหล

อย่างไรก็ตาม ล่าสุดดูเหมือน ปอล ป็อกบา จะออกมาลดกระแสด้วยการให้สัมภาษณ์ว่าเขาอยากทุ่มเทเพื่อพา ยูไนเต็ด ประสบความสำเร็จให้ได้อีกครั้ง แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าแฟน ๆ จะยังเชื่ออยู่ไหม เพราะมีเรื่องของฟอร์มการเล่นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย แต่ที่แน่ ๆ คือเดือนมกราคมนี้รู้กัน !!

ปราการหลังชาวอาร์เจนไตน์คนนี้ย้ายมาอยู่กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ตั้งแต่เมื่อปี 2014 ซึ่งเขาทำผลงานค่อนข้างโดดเด่นในช่วง 3 ฤดูกาลแรก แต่หลังได้รับบาดเจ็บรุนแรง ก็ไม่เคยเค้นฟอร์มเก่งสำเร็จอีกเลย

ย้อนกลับไปในเดือนมกราคมปีนี้ เขาถูกส่งกลับไปให้สโมสรแรกในชีวิตอย่าง เอสตูดิอันเต้ ยืมใช้งาน ซึ่งเล่นดี เล่นแกร่งจนหลายคนเชื่อว่า โรโฮ คนเก่าคนเดิมกำลังจะกลับมาทวงตำแหน่งในทัพปีศาจแดงคืนแน่นอน

แต่สุดท้ายก็ต้องตกเป็นตัวเลือกลำดับท้าย ๆ ในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็ค และยังไม่ได้ลงเล่นเลยแม้แต่นัดเดียวสำหรับฤดูกาลนี้ ฉะนั้นตลาดหน้าหนาวคงย้ายออกหมื่นล้านเปอร์เซ็นต์

อดีตนายทวารทีมชาติอาร์เจนตินาคนนี้ เคยได้รับฉายาเท่ ๆ ว่า ผู้รักษาประตูมือสองที่เก่งสุดในโลก เพราะฝีมือของเขาช่วงก่อนย้ายมา แมนฯ ยูไนเต็ด จะบอกว่า “เวิร์ลคลาส” ก็คงไม่ผิดนัก

แต่ถึงกระนั้น โรเมโร ก็อดทนรอคอยโอกาสด้วยความเป็นมืออาชีพอยู่บนม้านั่งสำรองให้ทัพปีศาจแดงนานถึง 5 ปีแล้ว แถมยังไม่เคยบ่นน้อยใจในโชคชะตาของตัวเองให้ใครได้ยินเลยแม้แต่ครั้งเดียว

อย่างไรก็ตาม ล่าสุดดูเหมือนว่าอนาคตของเขากับ ยูไนเต็ด จะปิดฉากลงโดยสิ้นเชิงเพราะการมาของ ดีน เฮนเดอร์สัน จนทำให้ตัดสินใจได้เด็ดขาดว่ายังไงก็ต้องย้ายทีมในเดือนมกราคมนี้แน่นอน

โจนส์ เป็นนักเตะคนสุดท้ายของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เคยผ่านการค้าแข้งให้สุดยอดบรมกุนซือ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เพราะเขาเซ็นสัญญาย้ายมาที่นี่เมื่อปี 2011 พร้อมฉายาที่สื่อตั้งให้ว่า “กองหลังวันเดอร์คิด”

“เมื่อวันเวลาผ่านไป โจนส์ ที่เติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ กลับไม่สามารถยกระดับฝีเท้าให้สูงได้เท่าความคาดหวัง แถมยิ่งแย่ลงเรื่อย ๆ จนแฟน ๆ ไม่กล้าฝากความหวังเอาไว้ที่เขาอีกต่อไป

เช่นเดียวกันกับ โรโฮ ที่เราพูดถึงไปเมื่อกี้แทบจะถอดแบบกันเด๊ะ ๆ เพราะปราการหลังหน้าเหวอยังไม่ได้รับโอกาสให้ลงสนามเลยแม้แต่นัดเดียวในฤดูกาลนี้ และถึงเจ้าไม่อยากย้ายออก แต่เชื่อเถอะว่า โซลชาร์ ขายทิ้งชัวร์

เจ้าบีนบีน พาตัวเองเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวปีศาจแดงตั้งแต่ปี 2000 หรือสมัยอายุแค่ 8 ขวบเท่านั้น และก็พัฒนาฝีเท้าสูงขึ้นต่อเนื่องจนกระทั่งเปิดตัวกับทีมชุดใหญ่ได้สำเร็จเมื่อฤดูกาล 2014-15

ถึงแม้ผู้ตัดสายสะดือให้ ลินการ์ด จะเป็น หลุยส์ ฟาน กัล ไม่ใช่ เซอร์อเล็กซ์ ตามที่วาดฝันไว้ แต่เขาก็ไม่เคยลดละความพยายามและทุ่มเททำงานหนักอย่างมีวินัยเรื่อยมา

อย่างไรก็ตาม สำหรับสโมสรชั้นนำของโลกอย่าง แมนฯ ยูไนเต็ด แค่นักเตะทุ่มเท มีวินัยในการเล่น-การซ้อมแค่นั้นถือว่ายังไม่พอ เพราะต้องมาพร้อมคุณภาพที่เหมาะสมด้วย ซึ่งหลังจากได้รับยศ “มหาเทพ” ลินการ์ด ก็ถดถอยลงเรื่อย ๆ จนกลายเป็นไม่มีประโยชน์ใด ๆ แล้ว ฉะนั้นน่าจะโดนปล่อยในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าค่อนข้างชัวร์

เอฟเวอร์ตัน 1-0 เชลซี : เก็บตกทุกประเด็นร้อนหลังเกม

การแข่งขัน : ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ 2020/21
วันแข่งขัน : คืนวันเสาร์ที่ 12 ธันวาคม 2020
เวลาแข่งขัน : 03.00 น. ตามเวลาประเทศไทย
คู่แข่ง :เอฟเวอร์ตัน 1-0 เชลซี
สนาม : กูดิสัน พาร์ค
ถ่ายทอดสด : True Premier Football HD 1

1. คู่หู เยอรมัน ยังไม่แผลงฤทธิ์

ในเกมนี้เราได้เห็นแล้วว่าการขาดตัวเลือกในริมเส้นส่งผลอย่างไรบ้างกับ เชลซี เพราะทั้ง ไค ฮาเวิร์ต ที่ในเกมนี้เล่นเป็น ปีกขวา และ ติโม แวร์เนอร์ ต่างก็ทำได้ไม่ดีทั้งคู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผู้คนต่างพากันรอคอยที่จะเห็นโอกาสการประสานงานกันของทั้งคู่ที่ดูจะไม่เกิดขึ้นเสียที

2. ไม่มี ฮาเมส ไม่ใช่ปัญหา

ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ เอฟเวอร์ตัน จะทำผลงานได้ไม่ดียาม ริชาร์ลิซอน ไม่ได้อยู่บนสนาม เพราะเขาทั้งรวดเร็ว, แข็งแกร่ง และทักษะดีเลิศ จนในเกมนี้ เชลซี ต้องโหมผู้เล่นเกมรับไปรอจัดการกับเขาคนเดียว ซึ่งก็ทำให้ คัลเวิร์ต-เลวิน ได้โอกาสหาช่องให้ตัวเองอยู่บ่อยๆจนสามารถเรียกจุดโทษให้ทีมได้ถึง 2 ครั้ง (ครั้งนึงล้ำหน้า)

3. ปีของ เจมส์

คงจะไม่ผิดอะไรถ้า ณ จุดนี้เราจะยก รีซ เจมส์ ขึ้นมาเทียบกับ เทรนต์ ของ ลิเวอร์พูล เพราะทั้งคู่ต่างก็มีฟอร์มการเล่นที่สม่ำเสมอและเป็นแบ็คประเภทที่เล่นเกมบุกได้โดดเด่นมากโดยเฉพาะลูกเปิดที่มักจะเข้าไปถึงพื้นที่อันตรายได้เสมอ ในเกมนี้ก็เป็นอีกครั้งที่ เจมส์ ทำอันตรายได้จากกราบขวา แต่กลับเป็นเพื่อนร่วมทีมของเขาที่ไม่สามารถใช้ประโยชน์จากโอกาสที่เจ้าหนูชาว อังกฤษ รายนี้ป้อนมาให้ได้เลย

สิงห์ยิ้ม ! อันเชล็อตติ ยัน ฮาเมส เจ็บจนอดลงเล่นเกม เอฟเวอร์ตัน vs เชลซี

คาร์โล อันเชล็อตติ ผู้จัดการทีม เอฟเวอร์ตัน ยืนยันด้วยตัวเองแล้ววา ฮาเมส โรดริเกวซ เพลย์เมคเกอร์คนสำคัญจะไม่ได้ลงเล่นเกมบิ๊กแมตช์กับ เชลซี เพราะสภาพร่างกายไม่ฟิตพอนั่นเอง

“เป็นเรื่องจริงที่ ฮาเมส จะไม่ได้ลงเล่นในเกมเจอ เชลซี เพราะเขาได้รับบาดเจ็บมาจากนัดเสมอ เบิร์นลีย์ เมื่อสัปดาห์ก่อน” กุนซือพี่แจ้ กล่าวผ่านงานแถลงข่าว

“แน่นอนว่ามันไม่ได้ร้ายแรงอะไร แต่ก็ส่งผลให้เขาไม่สามารถลงฝึกซ้อมได้เลยตลอดทั้งสัปดาห์ ฉะนั้นเพื่อเป็นการลดความเสี่ยงและแน่ใจว่าจะกลับมาได้ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ผมจำเป็นต้องตัดชื่อเขาออกจากเกมนี้”

“ทั้งตัวผม ทั้งฮาเมส รวมถึงทีมแพทย์กำลังทำงานร่วมกันอย่างหนัก เพื่อให้กลับมาฟิตสมบูรณ์โดยเร็วที่สุด และถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด เขาจะได้เล่นในเกมเจอ เลสเตอร์ ซิตี้ กลางสัปดาห์แน่นอน”

อยู่หรือย้าย ! อาร์เตตา ยอมรับ จะตัดสินอนาคตของ ซาลิบา ในเร็ว ๆ นี้

มิเกล อาร์เตตา ผู้จัดการทีม อาร์เซนอล ยืนยันว่ากำลังจะตัดสินใจเลือกเส้นทางชีวิตให้กองหลังดาวรุ่งผู้มีอนาคตไกลอย่าง วิลเลียม ซาลิบา ในเร็ว ๆ นี้ หลังมีข่าวย้ายทีมหนาหูขึ้นเรื่อย ๆ ตลอดสัปดาห์

เซ็นเตอร์แบ็ควัย 19 เซ็นสัญญาย้ายมาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวปืนใหญ่ตั้งแต่เมื่อฤดูกาลก่อน แต่ถูกส่งตัวกลับไปให้ต้นสังกัดเดิมอย่าง แซงต์-เอเตียน ยืมใช้งาน 1 ปี ซึ่งเจ้าตัวก็ทำผลงานยอดเยี่ยมจนได้รับคำชมจากสื่อฝรั่งเศสอย่างมหาศาล

และหลังจากกลับมารายงานตัวที่ เอมิเรตส์ ช่วงก่อนเปิดซีซั่น 2020-21 เขาก็ถูกคาดหวังว่าจะได้ก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในตัวหลัก เพราะเมื่อวัดจากฟอร์มแล้วถือว่าดีกว่าทุกคนในทีมชุดใหญ่ แต่น่าเสียดายที่จนถึงตอนนี้กลับไม่ได้รับโอกาสอย่างจริงจัง แถมถูกตัดชื่อออกจากทีมชุดลุยศึก ยูโรปาลีก ไปแบบน่าผิดหวังอีกด้วย

นั่นคือสาเหตุที่ทำให้เด็กหนุ่มผู้มีพรสวรรค์สูงเริ่มคิดหาทางย้ายออกด้วยวิธียืมตัวอีกครั้ง เพราะหากโดนดองต่อไปเรื่อย ๆ อาจส่งผลเสียต่อการพัฒนาฝีเท้า ซึ่งทาง แซงต์-เอเตียน แสดงออกชัดเจนว่าอยากได้ตัวกลับไปอยู่ด้วยอีกครั้งหนึ่ง

“แน่นอนว่าอนาคตของ ซาลิบา เป็นหนึ่งในเรื่องที่สโมสรต้องปรึกษาหาทางออกให้ได้โดยเร็วที่สุด และผมเชื่อว่ามันจะจบลงด้วยดีสำหรับทุกฝ่าย รับประกันเลย” อาร์เตตา กล่าวอย่างจริงจัง

[OPINION] “สไตล์หรือความสำเร็จ” อะไรคือสิ่งที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องการ

หลังการตกรอบ ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เสียงก่นด่าและคำถามต่าง ๆ ก็ตามมาไม่ขาดสาย ซึ่งแน่นอนว่าทัวร์ทั้งหมดพากันไปลงที่ โอเล กุนนาร์ โซลชา ผู้เป็นกุนซือแต่เพียงผู้เดียว

จริง ๆ แล้วทีม ปีศาจแดง ไม่ได้กดดันอะไรมากเท่ากับ อาร์เบ ไลป์ซิก เพราะพวกเขาขอแค่ผลเสมอก็จะลอยลำเข้ารอบแบบแบเบอร์ แต่ด้วยความคิดมากของคนเป็นผู้จัดการทีมผลการแข่งขันจึงออกมาแบบนี้

โซลชา โดนวิจารณ์อย่างหนักเรื่องการจัดตัวผู้เล่น ทั้ง ๆ ที่ในเกม พรีเมียร์ลีก 3 นัดหลังสุดพวกเขาสามารถเก็บ 9 คะแนนเต็มจากการเล่นในระบบกองหลัง 4 คน แต่เมื่อคืนวันอังคารกลับส่งแนวรับลงถึง 5 รายโดยใช้ระบบวิงแบ็คเข้ามาช่วยในการทำเกม

ผลที่ออกมาคือทีมเล่นไม่เป็นทรงเพราะมีนักเตะในเกมรุกน้อยเกินไป เหมือนว่าพวกเขาต้องการแค่ผลเสมอ ซึ่งการเล่นแบบนี้ถามโค้ชทั่วโลกก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่ามันยากยิ่งกว่าเล่นเพื่อชัยชนะเสียอีก

เมื่อกลายเป็นความเสียหายระดับหลายสิบล้านปอนด์ เสียงเรียกร้องเรื่องการปลดกุนซือจึงดังขึ้นอีกครั้งตามธรรมเนียม

เรื่องผู้จัดการทีมคนใหม่ของ แมนฯ ยูไนเต็ด เชื่อว่าเด็กผีหลายคนคงเบื่อเต็มทน เพราะเดี๋ยวอีกไม่กี่นัด โซลชา ก็กลับมาทำผลงานได้ดี ประเด็นนี้ก็จะหายไป ก่อนที่จะกลับมาพูดถึงกันอีกครั้งเมื่อทีมทำผลงานได้ห่วยแตกอีกครั้ง

บางคนเรียกมันว่า “ลูปนรก” ซึ่งมีความหมายถึงความไม่คงเส้นคงวาของแข้ง ปีศาจแดง

อย่างไรก็ตามเมื่อพูดถึงตัวเต็งนายใหญ่คนใหม่ในถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด ชื่อของ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน และ มัสซิมิลิอาโน อัลเลกรี คือ 2 แคนดิเดตที่ตีคู่กันมาตลอดนับตั้งแต่ช่วงเปิดฤดูกาล ซึ่งเสียงส่วนใหญ่ชอบไปทางอดีตกุนซือ ท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์ เพราะทรงบอลดูตื่นเต้นเร้าใจเข้ากับความต้องการของแฟนบอลมากกว่าความน่าเบื่อแบบ คาเตนัคโช ของ อัลเลกรี

ซึ่งสไตล์การเล่นแบบตื่นเต้นเร้าใจที่ว่านี่แหละที่ โซลชา เองก็พยายามที่จะสร้างให้กับทีมของเขา เพียงแต่ตอนนี้มันไม่ค่อยเป็นรูปเป็นร่างเท่าไหร่นัก

เหตุที่เด็กผีส่วนใหญ่ชอบ โปเช็ตติโน นั่นเป็นเพราะพวกเขายังยึดติดกับฟุตบอลเดินหน้าแล้วฆ่ามัน ซึ่งสิ่งนี้ถูกปลูกฝังมาตลอด 26 ปีในยุคของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน พร้อมด้วยความสำเร็จล้นตู้โชว์ทั้งแชมป์ พรีเมียร์ลีก 13 สมัย, ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก อีก 2 สมัย รวมทั้งแชมป์บอลถ้วยอื่น ๆ อีกมากมาย

จึงไม่น่าแปลกใจที่เมื่อหมดยุคของป๋าเฟอร์กี้แฟนบอลก็ยังคงโหยหาสไตล์การเล่นแบบนี้ ซึ่งหารู้ไม่ว่ามันกลายเป็นหอกที่กลับมาทิ่มแทงสโมสรอย่างไม่รู้ตัว

ขนาด 2 กุนซือดังระดับโลกยังโดนเล่นงานมาแล้วทั้ง หลุยส์ ฟาน กัล และ โชเซ มูรินโญ ซึ่งทั้งคู่ใช่ว่าจะไม่มีถ้วยติดไม้ติดมือ หากแต่ระบบและรูปแบบการเล่นมันไม่ถูกใจสาวกอสูรแดงซักเท่าไหร่ จึงทำให้อายุการทำงานของแต่ละคนอยู่ได้ไม่เกิน 3 ปี

แฟนบอลจึงมองว่าฟุตบอลในแบบของ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน จึงน่าจะเป็นคำตอบสุดท้ายที่สาวกอสูรแดงตามหามานาน เพราะพวกเขาเห็นได้ดอกผลมาแล้วที่ ท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์

พอช เข้ามาคุม สเปอร์ส์ เมื่อปี 2014 พร้อมด้วยการเล่นเกมรุกอันเร้าใจ เขาสร้างทีมที่เดินหน้าลุยเพื่อเอาประตูตลอด 90 นาที ปั้น แฮร์รี เคน และ ซน เฮือง-มิน ให้โลกได้รู้จักและใช้เวลาแค่ 2 ซีซันก็พาทีมเข้าไปเล่นใน ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก ได้สำเร็จ ก่อนจะยกระดับตัวเองให้กลายเป็น “ท็อปโฟร์” ได้ติดต่อกัน 4 ฤดูกาลและคว้ารองแชมป์ได้ 1 ครั้ง รวมทั้งการเป็นรองแชมป์ ลีกคัพ อีก 1 สมัย ซึ่งทำให้เจ้าตัวกลายเป็นหนึ่งในกุนซือรุ่นใหม่ที่ได้รับการจับตามองโดยทันที

อย่างไรก็ตามสิ่งที่นายใหญ่อาร์เจนไตน์สร้างเอาไว้ที่นอร์ธลอนดอนนั้น เมื่อเทียบกับความคาดหวังมหาศาลที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด ถือว่าล้มเหลวโดยสิ้นเชิง

พูดกันง่าย ๆ ว่าเขายังไม่ประสบความสำเร็จอะไรเป็นชิ้นเป็นอันในการเป็นกุนซือ

หันมาดูอีกหนึ่งแคนดิเดตที่หลายคนร้องยี้อย่าง มัสซิมิลิอาโน อัลเลกรี ความโชกโชนใน กัลโช เซเรีย อา นั้นไม่ต้องพูดกันเยอะ เขาคือกุนซือคนสุดท้ายที่ทำ เอซี มิลาน ได้แชมป์ลีกเมื่อปี 2011 จากนั้นนำ ยูเวนตุส คั่วแชมป์ กัลโช ติดต่อกัน 5 สมัย แชมป์ โคปาอิตาเลีย 4 สมัย รวมทั้งพาทีมเข้าชิงชนะเลิศ ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก มาแล้ว 2 สมัย

ฟุตบอลสไตล์ อัลเลกรี คือบอลเน้นแท็คติกและผลการแข่งขันเป็นหลัก ไม่เน้นความสวยงามและการต่อบอลมากมายหลายจังหวะ แต่ใช้ประโยชน์จากความผิดพลาดของคู่แข่งและรู้จักปิดเกมเพื่อผลลัพธ์ หรือพูดง่าย ๆ ว่านายใหญ่อิตาเลียนรายนี้เป็นประเภท “เขี้ยวลากดิน”

แม้หลายคนจะมองว่าฟุตบอลอิตาลีตอนนี้ไม่ได้น่าเกรงขามเหมือนในช่วงยุค 90 แล้วก็ตาม แต่ต้องยอมรับกันว่าฝีไม้ลายมือของกุนซือหลายคนที่มาจากแดนมักกะโรนีนั้นยังคงได้รับการยอมรับอยู่เสมอ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อหันมาดูแนวทางในการบริหารงานของบอร์ดบริหารทีม ปีศาจแดง ในช่วงที่ผ่านมา พวกเขาก็มี “ลูปนรก” ของตัวเองเช่นกัน กล่าวคือ ในปีแรกยอมทุ่มซื้อนักเตะใหม่หลังจากที่เมื่อตั้งกุนซือคนใหม่ หลังจากนั้นปีต่อมาก็ทำให้เรื่องช้อปปิ้งเป็นเรื่องที่ยากขึ้น ก่อนที่จะจัดการปลดผู้จัดการทีมหลังผลงานตกต่ำในช่วงปลายฤดูกาล จากนั้นก็ตั้งคนใหม่เข้ามาและบอร์ดก็จัดการทุ่มเงินซื้อนักเตะใหม่ให้วนไปแบบนี้ ซึ่งจะว่าไปแล้วข้อจำกัดแบบนี้ก็เหมาะกับทั้ง โปเช็ตติโน และ อัลเลกรี เพียงแต่รายหลังมีความสำเร็จเป็นรูปธรรมมากกว่า

ดังนั้นถ้าบอร์ดบริหารกำลังคิดถึงเรื่องการเปลี่ยนตัวผู้จัดการทีม สิ่งแรกที่จะต้องตัดสินใจก็คือ พวกเขาต้องการอะไรมากกว่ากันระหว่างสไตล์การเล่นอันดุดันเร้าใจกับความสำเร็จที่จับต้องได้ เพราะอย่าลืมว่าในโลกฟุตบอลยุคปัจจุบันที่มีเจ้าเชื้อโคโรนาปะปนอยู่ด้วยนั้น ยิ่งใช้เวลาหมดไปกับการสร้างทีมมากเท่าไหร่ ก็เท่ากับเป็นการเสี่ยงต่อการสูญเสียเงินหลายสิบล้านปอนด์มากเท่านั้น ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าไอ้ที่ลงทุนไปมันจะให้ผลตอบแทนกลับมาคุ้มค่าหรือไม่

ในทางกลับกันหากเน้นไปที่ความสำเร็จ ถึงแม้ว่าฟอร์มการเล่นหรือสไตล์การทำทีมอาจจะไม่ถูกใจแฟนบอล แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือเม็ดเงินมหาศาลที่สามารถนำไปต่อยอดสร้างความยิ่งใหญ่ให้กับทีมได้อีกหลายปี

หรือหาก โซลชา ยังไม่อยากโดนไล่ออกในตอนนี้ก็ลองเปลี่ยนแนวทางการทำทีมที่อาจจะไม่เร้าใจแต่เน้นผลการแข่งขันมากขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าอาจจะโดนวิจารณ์ในช่วงแรก แต่ถ้ามีถ้วยติดไม้ติดมือขึ้นมา เสียงเหล่านั้นก็คงจะเงียบหายกันไปเอง

FBL-EUR-C1-LEIPZIG-MAN UTD

เก็บตกประเด็นร้อนหลังเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ปีศาจแดง ถูกถีบร่วง ยูโรปา

การแข่งขัน : ฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกรอบแบ่งกลุ่ม 2020/21
วันแข่งขัน : คืนวันอังคารที่ 8 ธันวาคม 2020
เวลาแข่งขัน : 03.00 น. ตามเวลาประเทศไทย
คู่แข่ง : แอร์เบ ไลป์ซิก 3-2 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
สนาม : เร้ดบูลล์ อารีนา
ถ่ายทอดสด : beIN Sports Connect

ในฤดูกาลนี้เราเห็น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เครื่องร้อนช้าถูกออกนำไปก่อนอยู่หลายต่อหลายเกมก่อนที่พวกเขาจะพลิกแซงคว้า 3 แต้มมาได้แแต่หลังจบเกมนี้ โอเล คงต้องเริ่มหาทางออกใหม่เสียแล้ว เพราะการพลิกกลับมาจากการถูกออกนำไปก่อนทุกเกมคงเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้จริงๆ

จริงอยู่ที่ ปีศาจแดง ต้องการเพียงแต้มเดียวก็จะการันตีการเข้ารอบ แต่การจัดแผนมาเพื่อเน้นรับเต็มที่มันดูจะเป็นวิถีทางที่ผิดพลาด เพราะแผนหลัง 5 นี้ พวกเขาไม่ได้ใช้มาเกือบ 2 เดือนแล้ว (20 ตุลาคม) จึงไม่น่าแปลกใจที่เราจะเห็นผู้เล่นในแนวรับของ ยูไนเต็ด เล่นกันแบบสะเปะสะปะพอสมควรในเกมนี้

การร่วงลงไปเล่นใน ยูโรปา ลีก หมายถึงการต้องเลื่อนมาเล่นในคืนวันพฤหัสแทนด้วย ซึ่งจะทำให้ช่องว่างระหว่างการแข่งขันของพวกเขาน้อยลงไปอีกและอาจจะส่งผลต่อความล้าของผู้เล่นไม่มากก็น้อย

หนึ่งในความผิดพลาดจากเกมที่ ไลป์ซิก บุกไปแพ้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในเกมแรกคือการที่พวกเขาไม่กล้าเล่นเต็มที่และเน้นเกมรับจนเปิดช่องว่างให้ ปีศาจแดง บุกใส่ได้อย่างเมามันส์ แต่ในนัดนี้ จูเลียน นาเกิลส์มัน กุนซือวัย 33 ปี มองเห็นถึงจุดอ่อนของลูกทีมในเกมก่อนหน้าและมีการปรับแผนการเล่นจนสามารถทำให้ทีมเยือนถึงกับเล่นผิดฟอร์มไปเลย

[OPINION] ศึกตัดสิน ! 5 เกมชี้ชะตาทีมใหญ่ใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม ฤดูกาลนี้

ศึก ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก นัดสุดท้ายรอบแบ่งกลุ่มในซีซันนี้ถือว่าได้ลุ้นกันหลายทีม โดยเฉพาะทีมระดับบิ๊กที่ดูเหมือนว่าหลังการจับฉลากแบ่งกลุ่ม พวกเขาจะเข้ารอบต่อไปแบบแบเบอร์ แต่ท้ายที่สุดเมื่อลงสนามจริงก็ต้องมาลุ้นกันชนิดที่จะพลาดไม่ได้

และนี่คือ 5 เกมที่จะตัดสินชะตาในการเข้าสู่รอบน็อคเอ้าท์ของบรรดายักษ์ใหญ่เหล่านั้น

1. เร้ดบูล ซัลซ์บวร์ก – แอตเลติโก้ มาดริด (กลุ่ม เอ)

กลุ่มนี้ บาเยิร์น มิวนิค ลอยลำเข้ารอบไปก่อนเพื่อน ๆ ด้วยการลงเล่น 5 นัดมี 13 คะแนนทิ้งให้ แอตเลติโก้ มาดริด ที่มี 6 คะแนนต้องมาลุ้นในเกมสุดท้ายกับ เร้ดบูล ซัลซ์บวร์ก ซึ่งก็พอจะมีหวังจากการมี 4 แต้มและได้เล่นในบ้าน แต่ก็ใช่ว่าจะได้เปรียบเสียทีเดียวเพราะสถิติในถิ่นของพวกเขานั้นหนักไปทางย่ำแย่ ยังไม่ชนะใครเลยในรอบแบ่งกลุ่ม โดน โลโคโมทิฟ มอสโก บุกมายิง 1-3 และพ่าย เสือใต้ แบบหมดรูป 2-6

ดังนั้นเกมนี้จึงน่าจะเข้าทาง ตราหมี พอสมควรเพราะ ดิเอโก้ ซิมิโอเน เก่งในเรื่องของการเล่นเกมโต้กลับและพวกเขามีประสบการณ์ในการเจอความกดดันแบบนี้มากกว่า

2. อินเตอร์ มิลาน – ชัคตาร์ โดเน็ตส์ (กลุ่ม บี)

อินเตอร์ ของ อันโตนิโอ คอนเต้ ต้องดิ้นรนอย่างหนักในการเข้ารอบน็อคเอ้าท์จากการมีแค่ 5 คะแนนจาก 5 นัด อมบ๊วยอยู่ท้ายตาราง แม้ว่าจะประเดิมด้วยการเอาชนะ โบรุสเซีย มึนเชนกลัดบัค ในเกมเยือน แต่หลังจากนั้นอีก 4 เกมก็ไม่ชนะใครเลยเก็บเพิ่มได้เพียง 2 คะแนนเท่านั้น ทำให้พวกเขาต้องมาลุ้นเข้ารอบในนัดสุดท้าย ซึ่งต้องเจอกับ ชัคตาร์ โดเน็ตส์ ที่หักปากกาเซีียนด้วยการก้าวขึ้นมามีลุ้นเข้ารอบด้วยการมี 7 คะแนนรั้งอันดับ 2 ของตารางอยู่ในตอนนี้

งูใหญ่ ต้องการชัยชนะและต้องไปลุ้นให้ กลัดบัค เอาชนะ เรอัล มาดริด ให้ได้ พวกเขาจึงจะได้เขารอบ 16 ทีมสุดท้าย ในขณะที่ทีมจากยูเครนขอเพียงเสมอก็จะตีตั๋วสูงรอบน็อคเอ้าท์ ซึ่งก็มีโอกาสสูงที่จะทำได้สำเร็จเพราะฟอร์มของขุนพล เนรัซซูรี ในรายการนี้ถือว่าล้มลุกคลุกคลานพอสมควร โดยเฉพาะเกมในบ้านที่ยังไม่ชนะใครเลย

3. เรอัล มาดริด – โบรุสเซีย มึนเชนกลัดบัค (กลุ่ม บี)

อีกคู่ในกลุ่ม บี ที่ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่แค่เกมชี้ชะตาของ เรอัล มาดริด ซึ่งมี 7 คะแนนจาก 5 นัดเท่านั้น แต่รวมถึงยังเป็นการตัดสินอนาคตของ ซีเนดีน ซีดาน ด้วย เพราะสถานการณ์ในตอนนี้ทีมของ ซิซู ต้องการ 3 แต้มเน้น ๆ เพื่อการันตีการเข้าสู่รอบต่อไป แต่ถ้าหลุดเสมอก็ต้องลุ้นให้ ชัคต้าร์ โดเน็ตส์ พ่าย อินเตอร์  ด้วย

ส่วน โบรุสเซีย มึนเชนกลัดบัค สถานการณ์ดูง่ายกว่าเพราะพวกเขาขอเพียงแต้มเดียวในเกมนี้ก็จะเข้าสู่รอบน็อคเอ้าท์ได้สำเร็จ โดยที่ไม่ต้องไปลุ้นอะไรกับใครให้วุ่นวาย แต่หากแพ้ขึ้นมาก็ไม่ต้องลุ้นเหมือนกัน เพราะยังไงก็ตกรอบอยู่ดี

4. อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม- อตาลันต้า (กลุ่ม ดี)

จากความพ่ายแพ้ต่อ ลิเวอร์พูล ในเกมล่าสุดทำให้ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม มีเพียง 7 คะแนนจาก 5 นัด แต่พวกเขาก็ยังพอได้หายใจหายคอจากผลอีกคู่ที่ มิดทิลแลนด์ ทำเซอร์ไพรส์บุกไปเสมอ อตาลันต้า ได้ถึงแบร์กาโมส่งผลให้ทั้งสองทีมต้องมาลุ้นเข้ารอบในเกมสุดท้าย

เกมนี้ไม่ต้องคิดอะไรให้ซับซ้อนเหมือนเกมของกลุ่มอื่น ทีมจากฮอลแลนด์ต้องการ 3 คะแนน ส่วน อตาลันต้า ขอแค่ไม่แพ้ก็จะการันตีการเข้ารอบน็อคเอ้าท์ ซึ่งเมื่อดูจากผลเสมอ 2-2 ในแม็ตช์ที่เคยเจอกันที่อิตาลีก็ยากจะคาดเดาว่าเกมนี้จะออกมาในรูปแบบไหน

5. อาร์เบ ไลป์ซิก – แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (กลุ่ม เอช)

เป็นกลุ่มที่สูสีที่สุดในรอบแบ่งกลุ่มเพราะทั้ง ปารีส แซง-แชร์กแมง, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ ไลป์ซิก ต่างมี 9 คะแนนเท่ากันจากการลงสนาม 5 นัด ซึ่งงานหนักตกมาอยู่ที่ทีมจากเยอรมนีที่ต้องลุ้นหลายต่อหากไม่สามารถเก็บ 3 คะแนนได้ ถ้าพวกเขาเสมอก็ต้องลุ้นให้ เปแอชเช รถผ้าป่าคว่ำหน้าวัดพ่ายทีมจากตุรกีคาบ้านตัวเองจึงจะได้ไปเล่นรอบต่อไป

ส่วนทีม ปีศาจแดง นั้นไม่ต้องลุ้นอะไรมากขอแค่ไม่แพ้ในเกมนี้พวกเขาก็จะเข้ารอบน็อคเอ้าท์โดยทันทีเนื่องจากเฮดทูเฮดดีกว่ารองจ่าฝูง บุนเดสลีกา จากการที่เคยเอาชนะมาได้ 5-0 ในเกมที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด เมื่อปลายเดือนตุลาคม