สูตรสำคัญ ! มูรินโญ เผยเคล็ดลับพา สเปอร์ส เข้าชิง ลีกคัพ สำเร็จ

โชเซ มูรินโญ นายใหญ่ของ ท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์ กล่าวถึงเคล็ดลับสำคัญที่สามารถพาทีมเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศฟุตบอล คาราบาวคัพ ได้เป็นทีมแรกหลังเอาชนะ เบรนท์ฟอร์ด ไปได้เมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา ตามรายงานจาก โฟร์โฟร์ทู

ไก่เดือยทอง ได้ประตูจาก มุสซา ซิสโซโก้ และ ซน เฮือง-มิน ในขณะที่ทีมจาก เดอะแชมเปี้ยนชิพ ต้องเหลือผู้เล่นเพียง 10 คน จบเกม สเปอร์ส เอาชนะไปได้ 2-0 เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศที่สนาม เวมบลีย์ ได้สำเร็จ

มูรินโญ ให้สัมภาษณ์หลังจบเกมว่า “ผมย้ายมาอังกฤษเมื่อปี 2004 และจำได้ว่าในตอนนั้นผมต้องเรียนรู้ถึงความสำคัญของฟุตบอลถ้วยของที่นี่และจริงจังกับมัน”

“ถ้าถามว่ามีเคล็ดลับอะไร มันก็คือความจริงจังและการให้ความเคารพในสิ่งที่สโมสรในอังกฤษเป็นและสิ่งสโมสรที่อยู่ในดิวิชันที่ต่ำกว่าเป็น และไม่ต้องแปลกใจที่เห็นทีมที่มีศักยภาพน้อยกว่าจะเล่นในเกมใหญ่ด้วยความจริงจังและเต็มไปด้วยแรงกระตุ้น เหมือนอย่างที่เราเจอกับ เชลซี ในรอบ 4 ที่ผ่านมา”

“ถ้าคุณเห็นทีมที่เป็นแชมป์ที่ผ่านมา คุณจะรู้เลยว่ามีแต่ทีมใหญ่ทั้งนั้นที่ต้องการเป็นแชมป์ถ้วยนี้ ทีมไหนคือทีมสุดท้ายที่เป็นแชมป์ที่ไม่ได้มาจากท็อปโฟร์ สอวนซี? ผมจำได้ว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็เป็นแชมป์หลายสมัย, เชลซี, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ได้แชมป์หลลายครั้ง ลิเวอร์พูล ก็เข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ รวมทั้ง อาร์เซนอล ด้วย”

“ทีมใหญ่ ๆ สนใจถ้วยนี้กันทั้งนั้น ไม่ต้องสงสัยเรื่องนี้เลย” มูรินโญ กล่าว

มาไกลเท่านี้ก็ดีเหลือเกิน ! กุนซือ เบรนฟอร์ด ปลื้มลูกทีมสู้กับ สเปอร์ส ได้อย่างสูสี

โทมัส แฟรงค์ ผู้จัดการทีม เบรนท์ฟอร์ด ออกมายอมรับหลังเกมว่ารู้สึกผิดหวังที่ต้องตกรอบรองชนะเลิศ คาราบาว คัพ เพราะส่วนตัวมองว่าลูกทีมสู้กับคู่แข่งได้อย่างสูสีมากเหลือเกิน

เส้นทางสู่ถ้วยแชมป์ คาราบาว คัพ ของทีมจาก แชมเปี้ยนชิพ ต้องจบลงด้วยน้ำมือของ ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ ด้วยประตูของ มุสซา ซิสโซโก้ และ เฮ์อง มิน-ซน หลังจากที่พวกเขาผ่านมาถึงรอบรองชนะเลิศได้ด้วยการเอาชนะทีมจาก พรีเมียร์ลีก ถึง 4 หนด้วยกัน

“ผมผิดหวังเสมอเวลาทีมเราแพ้ แม้เราจะไม่ได้ปราชัยให้ใครมาสักพักแล้วแต่ก็ต้องยอมรับว่ารู้สึกปวดใจไม่น้อยเลย”

“และแน่นอนว่าเมื่อมองถึงผลงานในสนามผมว่าเราสร้างโอกาสได้และเรามีลุ้นที่จะไปได้ถึงรอบชิง ผมคิดว่าเรามี 70 นาทีที่สู้ได้อย่างสูสีกับทีมระดับท็อปอย่าง ท็อตแนม โดยเฉพาะลูกตีเสมอที่ถูก VAR ริบคืนไป ก่อนที่เราจะมาโดนประตู 2-0 ที่บอกว่ามันจบแล้วสำหรับ เบรนท์ฟอร์ด”

เทรนต์ ออกทะเล-แนวรุกฟอร์มหลุด ! ชำแหละประเด็นร้อนหลังเกม เซาต์แธมป์ตัน 1-0 ลิเวอร์พูล

การแข่งขัน : ฟุตบอล พรีเมียร์ลีกอังกฤษ 2020/21
วันแข่งขัน : คืนวันเสาร์ที่ 4 มกราคม 2020
เวลาแข่งขัน : 03.00 น. ตามเวลาประเทศไทย
ผลการแข่งขัน : เซาต์แธมป์ตัน 1-0 ลิเวอร์พูล
สนาม : เซนต์ แมรีส์ สเตเดี้ยม

1. ฟอร์ม 3 ประสานเริ่มน่าเป็นห่วง

หลังเกมถล่ม คริสตัล พาเลซ มาแบบเละเทะ ทีมของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ก็ไม่ชนะใครมาถึง 3 นัดติดกัน โดยแบ่งเป็นเสมอเสีย 2 และแพ้ อีก 1 ในเกมนี้ ซึ่งปัญหาที่เห็นได้ชัดเลยคือเรื่องของการจบสกอร์ที่เหล่าแนวรุกดูจะโดนสากเข้าสิงกันถ้วนหน้าจนไม่สามารถหาโอกาสดีๆในการจบสกอร์ได้เลย นอกจากนี้พวกเขายังต้องใช้เวลากว่า 75 นาทีถึงจะมีโอกาสยิงเข้ากรอบครั้งแรกและครั้งเดียวของเกม

2. ตำแหน่งใหม่ของ เฮนเดอร์สัน?

แม้จะมีผู้เล่นในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็คอย่าง รีส์ วิลเลียมส์ และ นาธาเนียล ฟิลิปส์ ให้เลือกใช้งานแต่ คล็อปป์ กลับมาแปลกจับกัปตันทีม จอร์แดน เฮนเดอร์สัน มายืนจับคู่กับ ฟาบินโญ ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่ได้ทำผิดพลาดอะไรจนน่าเกลียดแถมยังมีจังหวะวางบอลยาวจากแนวรับให้เห็นอยู่บ้าง

3. เทรนต์ กู่ไม่กลับ

ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าเจ้าหนูแบ็คขวาเจ้าของรางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมเมื่อฤดูกาลก่อนตอนนี้กำลังฟอร์มตกอย่างหนักจนไม่สามารถเล่นได้ตามมาตรฐานของตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเกมนี้ที่เขาทำบอลเสียไปเกือบ 40 หน การเปิดบอลที่แม่นยำก็ไม่มีให้เห็น จนต้องถูกเปลี่ยนตัวเองในช่วงครึ่งหลัง

4. ตำแหน่งจ่าฝูงเริ่มสั่นคลอน

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ ยูไนเต็ด กำลังฟอร์มเข้าฝักสวนทางกับ ลิเวอร์พูล ที่พลาดท่าทำแต้มหล่นกระจัดกระจาย โดยในเกมต่อไปพวกเขาจะต้องพบกับ แอสตัน วิลลา ใน FA คัพ ก่อนที่จะเป็นศึกแดงเดือดกับอริตลอดกาลที่ในตอนนี้มีตำแหน่งจ่าฝูงเป็นเดิมพัน

[Match Report] สิงห์บลู ยังห่างชั้น ! เชลซี เปิดบ้านพ่าย แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยับเยิน เกม พรีเมียร์ลีก เมื่อคืนวาน

การแข่งขัน : ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ 2020/21
วันแข่งขัน : วันอาทิตย์ที่ 3 มกราคม 2020
เวลาแข่งขัน : 23:30 น. ตามเวลาประเทศไทย
คู่แข่งขันขัน : เชลซี 1-3 แมนเชสเตอร์ ซิตี้
สนาม : สแตมฟอร์ด บริดจ์

เชลซี สู้ไม่ได้ เปิดบ้านพ่าย แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-3 โดยทีมเยือนได้ประตูออกนำก่อน 0-3 จาก อิลคาย กุนโดกัน นาทีที่ 18 ฟิล โฟเด้น นาทีที่ 21 และ เควิน เดอ บรอยน์ นาทีที่ 34 ส่วนเจ้าบ้านมาตีไข่แตกได้สำเร็จจาก คัลลัม ฮัดสัน โอดอย นาทีที่ 90+2 ทำให้จบเกม สิงห์บลู พ่ายคาบ้านไปแบบขาดลอยส่งให้ เรือใบสีฟ้า ทะยานขึ้นสู่อันดับ 5 เป็นที่เรียบร้อย

เริ่มเกมในครึ่งเวลาแรก ดูจะเป็นเจ้าถิ่นที่ทำได้ดีกว่าเล็กน้อยในช่วงต้นเกม แต่ยังคงหาจังหวะจบสกอร์ที่มีลุ้นเป็นประตูกันไม่ได้เลยตลอด 10 นาทีแรก

กระทั่งนาทีที่ 15 ทีมเยือนมีลุ้นจากจังหวะหลุดเดียวของ เดอ บรอยน์ แต่เจ้าตัวยิงหลุดเสาออกไป

แต่แล้วนาทีที่ 18 เรือใบสีฟ้า ออกนำ 0-1 จากจังหวะที่ โฟเด้น จ่ายต่อให้ กุนโดกัน ขยับหลอกก่อนซัดด้วยขวาเข้าไปอย่างสุดสวย

2 นาทีต่อจากนั้นผู้มาเยือนได้ประตูที่ 2 จากการหลุดขึ้นมาจากซ้ายของ เดอ บรอยน์ ก่อนจ่ายเข้ากลางให้ โฟเด้น ยิงเบียดเสาแรกเข้าไป

หลังจากนั้นยังคงเป็น แมนฯ ซิตี้ ที่เป็นฝ่ายครองบอลบุกได้มากกว่า

นาทีที่ 26 คันเซโล มีโอกาสได้วอลเล่ในกรอบเขตโทษ แต่เหินข้ามคานชนิดไม่ได้ลุ้นมากนัก

นาทีที่ 34 ทีมเยือนนำห่าง 0-3 จากจังหวะหลุดเดี่ยวของ สเตอร์ลิง ก่อนเจ้าตัวจะยิงไปชนเสามาเข้าทาง เดอ บรอยน์ ซ้ำจ่อ ๆ เข้าไป

ช่วงท้ายครึ่งแรกยังคงเป็นผู้มาเยือนที่ทำได้ดีกว่าและเกือบได้ประตูที่สี่จากจังหวะไขว้หน้าปากประตูของ กุนโดกัน แต่บอลหลุดเสาออกไปนิดเดียวเท่านั้น

ทำให้จบ 45 นาทีแรก แมนฯ ซิตี้ บุกมานำ 0-3

เริ่มเกมในครึ่งเวลาหลังทีมเยือนยังคงกดดันสูงถึงหน้าปากประตูของเจ้าถิ่นจนเสียบอลกลางสนามบ่อยครั้ง

นาทีที่ 50 ผู้มาเยือนมีลุ้นจากจังหวะยิงนอกกรอบของ ซินเชนโก้ แต่ เมนดี้ ยังบินมารับเอาไว้ได้

3 นาทีต่อจากนั้น เรือใบสีฟ้า มีลุ้นอีกครั้งจากจังหวะโหม่งจ่อ ๆ ของ โรดรี้ แต่ยังคงไปติดเซฟของ เมนดี้ เช่นเคย

นาทีที่ 58 สิงห์บลู มาลุ้นบ้างจากจังหวะลากลุยเดี่ยวของ โควาชิช ก่อนเลือกยิงไกลบอลหลุดเสาออกไป

จากนั้นเป็นทีมเยือนที่เน้นการครองบอล ชนิดที่เจ้าบ้านแทบจะหาบอลไม่เจอ

กระทั่งช่วงท้ายเกมทีมเยือนถอยลงมาตั้งรับปล่อยให้เจ้าบ้านได้ครองบอลมากขึ้น แต่ก็ยังหาจังหวะจบแทบไม่ได้

ช่วงทดเวลานาทีสุดท้าย เจ้าถิ่น มาตีไข่แตกได้สำเร็จจากจังหวะที่ ฮาเวิร์ตซ์ เปิดเข้ากลางมาให้ โอดอย ชาร์จจ่อ ๆ เข้าไป

ทำให้จบ 90 นาที เชลซี เปิดบ้นพ่าย แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปอย่างขาดลอย 1-3

รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม

[ข่าวซื้อขาย] หงส์ต้องเร็ว ! 3 ทีม พรีเมียร์ลีก เอาด้วยแจม ลิเวอร์พูล ดีล โอซาน คาบัค

คริสตัล พาเลซ ตกเป็นข่าวแสดงความสนใจที่จะคว้าตัว โอซาน คาบัค ปราการหลังทีมชาติ ตุรกี สังกัด ชาลเก้ ในศึก บุนเดสลีกา หลังจากที่ก่อนหน้านี้เจ้าตัวเป็นเป้าหมายของทั้ง ลิเวอร์พูล และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพื่อนร่วมศึก ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ

รายงานจาก เดลีเมล ระบุว่า ชาลเก้ ได้ตั้งค่าตัว คาบัค ไว้ที่ราย 25 ล้านปอนด์เป็นเงื่อนไขในการปล่อยตัวเซ็นเตอร์แบ็ควัย 20 ปีรายนี้ออกจากทีม

ทัพ ปราสาทเรือนแก้ว ภายใต้การคุมทีมของ รอย​​ ฮ็อดจ์สัน แสดงท่าทีพร้อมที่จะปล่อยตัว เจมส์ ทอมกิ้นส์ และ มามาดู ซาโก้ ออกจากทีมในช่วงโค้งสุดท้ายของสัญญากับสโมสรเพื่อนำเงินที่ได้ไปดึงตัว คาบัค ร่วมทัพ

การดึงตัวปราการหลังดาวรุ่ง ชาลเก้ รายนี้ไปร่วมทัพยังสามารถทำให้ พาเลซ ลดค่าเฉลี่ยอายุของนักเตะในทีมได้เมื่อพวกเขามีทั้ง สก็อตต์ แดนน์ ในวัย 33 ปี ขณะที่ แกรี เคฮิลล์ ก็มีอายุ 35 ปีเข้าไปแล้ว

ทั้งนี้ ดิ อีเกิ้ลส์ รักษาคลีนชีทใน พรีเมียร์ลีก ไปได้แค่ 1 เกมเท่านั้นหลังผ่านการแข่งขันไปแล้ว 17 นัด นับว่าน้อยที่สุดในลีกสูงสุดแดนผู้ดี

กรีลิช ป็อกบา โชว์คราส ! เก็บตกประเด็นร้อนหลังเกม พรีเมียร์ลีก แมนฯ ยูไนเต็ด เชือด แอสตัน วิลลา เมื่อคืนวาน

การแข่งขัน : ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ 2020/21
วันแข่งขัน : คืนวันศุกร์ที่ 1 มกราคม 2020
เวลาแข่งขัน : 03.00 น. ตามเวลาประเทศไทย
คู่แข่ง : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2-1 แอสตัน วิลลา
สนาม : โอลด์ แทรฟฟอร์ด

เกมนี้ตลอด 90 นาทีแม้ แมนฯ ยูไนเต็ด จะเป็นฝ่ายหาจังหวะจบสกอร์ได้ชัดเจนกว่า แต่สำหรับทีมเยือน แอสตัน วิลลา พวกเขาเองก็ทำได้ดีไม่แพ้กันทั้งการครองบอลและการสร้างสรรค์เกมรุก จนทำให้ต่างฝ่ายต่างมีช่วงเวลาที่บุกอัดใส่คู่แข่งสลับกันไปมาดูแล้วลุ้นสนุกเพลินตา โดยต้องบอกว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะมาได้เพราะความเฉียบขาดที่มีมากกว่าบวกกับโชคเล็กน้อยที่พวกเขามาได้จุดโทษช่วยให้ทีมคว้าชัยกลับออกมาได้ในเกมวันนี้

วันนี้ผลงานของ พอล ป็อกบา ดูจะละเอียดขึ้นกว่าก่อนพอสมควร แถมยังมีบทบาทร่วมกับเกมค่อนข้างมากทั้งรุกและรับ ซึ่งนัดนี้ต้องยอมรับเลยว่าเจ้าตัวมีฟอร์มการเล่นที่สามารถกลบบารมีของ บรูโน ไปได้อย่างไม่มีข้อกังขา แม้ว่าเพลย์เมกเกอร์ชาวโปรตุเกสจะทำประตูได้ก็ตาม

เช่นเดียวกับทีมเยือนที่ยังคงใช้งาน แจ็ค กรีลิช เป็นหัวใจสำคัญในการสร้างสรรค์เกมรุก แม้วันนี้เขาจะถูกผู้เล่น ปีศาจแดง ไล่ตัดเกมชนิดที่ล้มลุกคลุกคลานตลอด 90 นาที แต่หลายครั้งที่เจ้าตัวยังใช้ความสามารถเฉพาะตัวเอาตัวรอดไปได้ จนในที่สุดก็ทำได้ 1 แอสซิสต์จากประตูตีเสมอให้กับทีม สิงห์ผงาด อีกด้วย

จาก 3 คะแนนเหนือ แอสตัน วิลลา ในเกมวันนี้ ทำให้ พลพรรคปีศาจแดง ขยับขึ้นมามี 33 คะแนน จากการลงเล่น 16 เกม เทียบเท่าจ่าฝูงอย่าง ลิเวอร์พูล ที่สะดุดเสมอมาในนัดล่าสุด แต่ ทัพเร้ดเดวิลส์ มีผลต่างประตูได้เสียน้อยกว่า 8 ลูกด้วยกัน

อย่างไรก็ดีด้วยสถาณการณ์ ณ เวลานี้หากจะบอกว่า “แมนฯ ยูไนเต็ด กลายเป็นทีมเต็งที่มีลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก อย่างเต็มตัว” คงดูจะไม่เป็นการพูดจาโอเวอร์เกินไปเสียแล้ว…

[FEATURE] ยิงกันสนั่นทุ่ง ! 10 เกมที่มีการยิงประตูแบบถล่มทลายเกิดคาดที่สุดแห่งปี 2020

ในช่วงตลอดปี 2020 มีหลายๆ เกมในวงการลูกหนังโลกที่ยิงประตูกันแบบถล่มทลายไปเลย ไม่ว่าจะเป็นในระดับสโมสร หรือในระดับทีมชาติด้วย แต่มีอยู่ 10 เกมที่น่าจะอยู่ในความทรงจำของแฟนบอลทั่วโลก เพราะเป็นเกมที่จบลงแบบระทึกโลกด้วยสกอร์มโหฬาร และมีผลการแข่งขันที่ผิดคาดแบบยิงกันสนั่นทุ่งดังต่อไปนี้เลย

1. บาร์เซโลน่า แพ้ บาเยิร์น มิวนิค 2-8

เริ่มจากเกมระดับสโมสรยุโรป นั้นก็คือ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก นัดที่ “เสือใต้” บาเยิร์น มิวนิค เป็นฝ่ายไล่ถล่ม “เจ้าบุญทุ่ม” บาร์เซโลน่า แบบขาดลอยถึง 8-2 ในรอบ 8 ทีมสุดท้ายของฤดูกาล 2019/2020 ซึ่งแข่งกันในสนามกลางที่เอสตาดิโอ ดา ลุซ กรุงลิสบอน ประเทศโปรตุเกส เมื่อวันที่ 14 สิงหาคมนั่นเอง ก่อนที่ทีมยักษ์ใหญ่แห่งศึกบุนเดสลีกาจะกรุยทางไปยึดบัลลังก์ “เจ้าสโมสรยุโรป” ได้สำเร็จ

2. เรอัล มาดริด แพ้ ชักตาร์ โดเน็คทส์ 2-3

บทความที่เกี่ยวข้อง

แมนฯ ยูไนเต็ด มีลุ้นทาบจ่าฝูง! เก็บตกทุกประเด็นร้อนหลัง ลิเวอร์พูล แบ่งแต้ม นิวคาสเซิ่ล แบบไร้สกอร์

Chatchawal Chatsuwanvilai

Dec 31, 2020

[FEATURE] ดร็อกบา รอหน่อย! 2 แนวรุก ลิเวอร์พูล ผู้ไล่ล่ายอดดาวยิงกาฬทวีปใน พรีเมียร์ลีก

Chatchawal Chatsuwanvilai

Dec 29, 2020

[Match Report] ปีศาจแดง ทะยานรองจ่าฝูง พรีเมียร์ลีก ! แรชฟอร์ด ซัดโทน แมนฯ ยูไนเต็ด เฉือนหวิว วูล์ฟส

Tomorn Nuanprasert

Dec 30, 2020

แมนฯ ยูไนเต็ด ทะยานรองจ่าฝูงจี้ ลิเวอร์พูล ! เก็บตกทุกประเด็นร้อนหลัง ผีแดง เบียดซิวชัยเหนือ วูล์ฟส

Tomorn Nuanprasert

Dec 30, 2020

ส่วนอีกเกมในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก คือนัดที่ “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด ทำผลงานในนัดประเดิมสนามรอบแบ่งกลุ่มฤดูกาล 2020/2021 ได้แบบน่าผิดหวัง เพราะพลาดท่าแพ้ ชักตาร์ โดเน็คทส์ คารังเอสตาดิโอ อัลเฟรโด้ ดิ สเตฟาโน่ แบบพลิกล็อก 2-3 เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม แต่สุดท้ายยังสามารถเอาตัวรอดจากการผ่านเข้ารอบได้แบบหืดจับ

3. แมนฯ ยูไนเต็ด แพ้ สเปอร์ส 1-6

นอกจากนี้ยังมีเกมฟาดแข้งในลีกระดับชั้นยุโรปมีอยู่หลายเกมเลย โดยเฉพาะในศึก พรีเมียร์ลีก มีถึง 4 เกมเลยด้วย ซึ่งเกิดในช่วงฤดูกาล 2020/2021 ทั้งหมดเลย เริ่มจาก “ปีศาจแดง” แมนฯ ยูไนเต็ด พลาดท่าแพ้ สเปอร์ส คาถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด แบบยับเยินถึง 1-6 ในวันที่ 4 ตุลาคม

4. แอสตัน วิลล่า ชนะ ลิเวอร์พูล 7-2

ขณะที่ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล บุกไปโดน “สิงห์ผงาด” แอสตัน วิลล่า สอนบอลที่วิลล่า ปาร์ค ด้วยสกอร์แบบขาดลอยถึง 2-7 ในวันเดียวกันกับที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ปราชัยคารังให้กับ สเปอร์ส แบบย่อยยับเลย แต่ทั้งสองทีมดังกล่าวสามารถแก้ตัวด้วยการไล่ถล่มคู่แข่งด้วยสกอร์มโหฬารได้เหมือนกัน

5. คริสตัล พาเลซ แพ้ ลิเวอร์พูล 0-7

นอกจากนี้ ลิเวอร์พูล ยังสามารถบุกไปถล่ม คริสตัล พาเลซ ถึงเซลเฮิร์สท ปาร์ค แบบเหนือชั้นกว่าเยอะถึง 7-0 เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม แม้จะเจอปัญหานักเตะได้รับบาดเจ็บหลายคนเลย โดยเฉพาะในแนวรับที่เดี้ยงกันเพียบ แต่แนวรุกยังสามารถถล่มตาข่ายคู่แข่งได้แบบเป็นกอบเป็นกำ ทำให้ ลิเวอร์พูล ได้กลับคืนสู่ตำแหน่งจ่าฝูงอีกครั้งหนึ่งด้วย

6. แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะ ลีดส์ ยูไนเต็ด 6-2

ขณะที่ แมนฯ ยูไนเต็ด สามารถเปิดรังโอลด์ แทรฟฟอร์ด ไล่ต้อน “ยูงทอง” ลีดส์ ยูไนเต็ด แบบผิดคาดถึง 6-2 เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม ทั้งๆ ที่ถูกคาดหมายเอาไว้ว่าจะเป็นเกมที่สูสีกัน เพราะมีเรื่องของศักดิ์ศรีค่ำคออยู่ตั้งแต่สมัยอดีต หรือที่เรียกกันว่า “สงครามดอกกุหลาบ” ซึ่งได้โคจรกลับมาเจอกันเป็นครั้งแรกในรอบ 16 ปีเลยทีเดียว

7. ฮอฟเฟ่นไฮม์ ชนะ บาเยิร์น มิวนิค 4-1

สำหรับ ศึกบุนเดสลีกา เยอรมนี มีอยู่หนึ่งแมทช์ที่ยิงกันเยอะ และมีผลการแข่งขันที่ออกมาแบบช็อกโลกอยู่หนึ่งเกม ซึ่งเกิดในช่วงฤดูกาล 2020/2021 นั่นก็คือนัดที่ บาเยิร์น มิวนิค บุกไปแพ้ ฮอฟเฟ่นไฮม์ ที่ปรีซีโร่ อารีน่า แบบพลิกล็อก 1-4 และทำให้ “เสือใต้” ต้องหยุดสถิติไร้พ่ายจากการลงเล่นในทุกรายการตั้งแต่เมื่อช่วงซีซั่นก่อนเอาไว้ที่ 32 เกม

8. เวนโล่ แพ้ อาแจ๊กซ์ อัมสเตอร์ดัม 0-13

ด้านลีกสูงสุดของฮอลแลนด์ นั้นก็คือ ศึกเอเรดิวิซี่ มีส่งเข้าประกวดด้วยหนึ่งเกมจากฤดูกาลนี้ โดยเป็นนัดที่ อาแจ๊กซ์ อัมสเตอร์ดัม บุกไปถล่ม เวนโล่ ถึงเดอ โคล แบบเละเทะ 13-0 เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม และเป็นสถิติยิงประตูชนะคู่แข่งได้แบบขาดลอยที่สุดของสโมสรอีกต่างหาก

9. สเปน ชนะ เยอรมนี 6-0

ปิดท้ายด้วยเกมระดับชาติอีก 2 คู่ เริ่มจาก ศึกยูฟ่า เนชั่นส์ลีก นัดที่ “กระทิงดุ” สเปน เปิดรังเอสตาดิโอ เด ลา คาร์ตูฆ่า ไล่ถล่ม “อินทรีเหล็ก” เยอรมนี ด้วยสกอร์ครึ่งโหลถึง 6-0 เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน ทำให้อดีตแชมป์ฟุตบอลโลก 4 สมัยต้องชวดผ่านเข้าไปเล่นรอบสุดท้าย เพราะปราชัยในเกมสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่มนั่นเอง

10. เอกวาดอร์ ชนะ โคลอมเบีย 6-1

ส่วนอีกเกมเป็นในศึกฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนอเมริกาใต้ นัดที่ โคลอมเบีย อีกหนึ่งชาติระดับหัวแถวของดินแดนละติน บุกไปพลาดท่าแพ้ เอกวาดอร์ ที่เอสตาดิโอ โรดริโก้ ปาซ เดลกาโด้ แบบขาดลอยถึง 1-6 เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน ส่งผลให้ คาร์ลอส กีรอซ กุนซือจอมเก๋าชาวโปรตุกีสต้องถูกไล่ออกจากตำแหน่งในช่วงหลังจบเกมทันที

ป๋าไม่ชอบสิ่งนี้ ! อดีตแข้งเชื่อ เซอร์ อเล็กซ์ จะไม่ถูกใจไสตล์ของ บรูโน แฟร์นันเดส

โอเวน ฮากรีฟ อดีตกองกลางของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เชื่อว่าสไตล์การเล่นของ บรูโน แฟร์นันเดส อาจจะไม่ถูกใจ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เท่าไหร่นักหากได้ร่วมงานกัน ตามรายงานจาก goal.com

แม้ว่ามิดฟิลด์โปรตุกีสจะโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นในเกม พรีเมียร์ลีก นัดล่าสุดที่เสมอ เลสเตอร์ ซิตี้ 2-2 ด้วยการทำ 1 ประตูและ 1 แอสซิสต์ แต่เจ้าตัวมีส่วนทำให้ทีมโดนตีเสมอ 1-1 ในช่วงครึ่งแรกจากการเสียบอลในแดนตัวเอง

ฮากรีฟ ซึ่งเคยค้าแข้งในยุคของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เชื่อว่าหากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นในยุคของเขาอาจจะทำให้ท่านเซอร์ไม่พอใจก็เป็นได้

“แฟร์นันเดส บางครั้งคุณก็เป็นนักเตะที่ยอดเยี่ยม แต่อย่าเล่นเสียงในแดนตัวเองแบบนั้น เขาโชคดีที่ โอเล คือผู้จัดการทีมที่ใจดีเพราะผมสามารถจินตนาการได้เลยว่าคุณจะโดน เซอร์ อเล็กซ์ พูดอะไรหากว่าคุณเสียบอลในแดนตัวเองแบบนั้น”

[OPINION] เพื่อการันตีแชมป์ 2 สมัยซ้อน ! 5 สิ่งที่ ลิเวอร์พูล ควรทำในตลาดหน้าหนาวนี้

ใช่ๆ เรารู้พวกเขาเป็นจ่าฝูงอยู่แต่ก็ต้องยอมรับเลยว่าการแข่งขันของทั้ง 19 ทีม พรีเมียร์ลีก (ไม่นับ เชฟฟิลด์ แล้วกันนะ) ในฤดูกาลนี้มันช่างเข้มข้นเสียเหลือเกิน เราสามารถเห็น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แพ้ ท็อตแนม 1-6 และ ลิเวอร์พูล แพ้ แอสตัน วิลลา ในสัปดาห์เดียวกัน หรือแม้กระทั่ง อาร์เซนอล ที่ไม่ชนะใครมาเกือบ 2 เดือน เอาชนะ เชลซี ของ แฟรงค์ แลมพาร์ด ไปได้ถึง 3-1 เพราะฉะนั้นในขณะที่ยังเหลืออีกกว่า 20 นัดทุกอย่างก็อาจพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือไปได้อีกเช่นกันสำหรับทีมของ เยอร์เก้น คล็อปป์ หากเขาไม่รีบแก้ปัญหาที่กำลังจะเริ่มถาโถมเข้ามาในเร็ววันนี้ และนี่คือ 5 ข้อเสนอแนะที่เกิดจากความเห็นส่วนตัวของพวกเราทีม 90min ต่อกุนซือชาว เยอรมัน มากประสบการณ์ที่คว้าแชมป์มามากมายตลอดหลายปีในอาชีพของเขา

ชื่อของ ไวจ์นัลดุม อาจจะไม่ได้ปรากฎอยู่บนพาดหัวข่าวบ่อยเท่ากับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ หรือ ดิเอโก้ โชต้า แต่แฟน ลิเวอร์พูล ตัวจริงจะรู้ดีว่าแข้งชาว ดัตช์ คนนี้มีความสำคัญต่อทีมแค่ไหน โดยเฉพาะอย่างยิ่งยามผู้เล่นคนอื่นพากันกอดคอเข้าโรงหมอไปกันหมดก็มี ไวจ์นัลดุม นี่แหละที่คอยยืมเป็นตัวหลักประคองทีมเอาไว้ได้ซึ่งข่าวร้ายก็คือสัญญาของเจ้าตัวกำลังจะหมดลงในซัมเมอร์หน้านี้แล้วและ บาร์เซโลนา เองก็กำลังวางแผนที่จะข้าเจรจาดึงอดีตกองกลาง นิวคาสเซิล มายังถิ่น คัมป์ นู อยู่แบบไร้ค่าตัว…เร่งมือหน่อยสิบอร์ด

ฟาบินโญ และ มาติป สามารถก้าวมาทดแทนการขาดหายไปของ เวอร์จิล ฟานไดจ์ค ได้เป็นอย่างดี แต่สำหรับดาวรุ่งตัวสำรองอย่าง รีส์ วิลเลียมส์ และ แนท ฟิลลิปส์ ก็ยังรักษาฟอร์มการเล่นให้สม่ำเสมอไม่ได้ ดังนั้นการหาตัวแทนมาอีกสักคนสำหรับการเป็นตัวสแตนบายระยะยาวจึงเป็นสิ่งที่ หงส์แดง ต้องทำเป็นอันดับต้นๆเลยก็ว่าได้

ค่อนข้างแน่ชัดแล้วว่า ดาวิด อลาบา ไม่ต้องการจะอยู่ บาเยิร์น มิวนิค ต่อ โดยเขาสามารถเริ่มเจรจาหาสโมสรใหม่ได้เลยในวันที่ 1 มกราคมนี้ ดังนั้นเมื่อ ฟาน ไดจ์ค กลับมาในฤดูกาลหน้า การได้ผนึกกำลังคู่กับ อลาบา คงไม่ต่างอะไรจากการเปลี่ยน แอนฟิลด์ เป็นดั่งป้อมปราการ เลย

ดาวรุ่งวัย 17 ปีกำลังโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นกับ แบล็คเบิร์น ใน แชมเปี้ยนชิพ หลังยิงไปแล้ว 4 ประตู กับอีก 4 แอสสิสต์ ใน 14 เกมการแข่งขัน และในสถานการณ์ที่ผู้เล่นแนวรุกอย่าง โชต้า เพิ่งจะบาดเจ็บไป การนำเจ้าหนูรายนี้กลับมาเป็นแบ็คอัพก็ดูจะเป็นทางออกที่ไม่เลวเลย

คงไม่มีแฟน ลิเวอร์พูล คนไหนที่จะลืมชื่อของ โอริกี้ ลงได้ จากลูกยิงใส่ บาร์เซโลนา และการลงมาทำประตูสำคัญๆอยู่บ่อยๆ แต่ก็ต้องยอมรับว่ากองหน้าชาว เบลเยียม ไม่เหมาะสมกับแทคติกของ คล็อปป์ มาตั้งแต่แรกและในช่วงนี้ที่เขากำลังได้รับความสนใจจากหลายๆทีมจึงเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการปล่อยเขาพ้นทีมเพื่อแลกกับเงินที่จะสามารถเอาไปเสริมทัพได้ตำแหน่งอื่นๆ

ไม่ต้องย้ายแล้ว ! ซลาตัน ยันชัด เอซี มิลาน คือบ้านที่แท้จริงของตัวเอง

ซลาตัน อิบราฮิโมวิช สไตรเกอร์ระดับพระเจ้าชาวสวีเดน ยืนยันว่าการได้ใช้ชีวิตและเล่นฟุตบอลกับ เอซี มิลาน ทำให้ตนรู้สึกแฮปปี้และมีความผ่อนคลายเหมือนอยู่บ้านของตัวเองเลยทีเดียว

“ถึงผมจะเคยย้ายไปค้าแข้งกับหลายสโมสรทั่วทวีปยุโรป แต่ก็มีความรักและเคารพให้ทุกทีมจากใจจริง เพราะพวกเราต่างมีความทรงจำดี ๆ ร่วมกัน เพียงแค่รู้สึกว่า เอซี มิลาน พิเศษกว่ามาก ๆ ก็เท่านั้นเอง” อิบรา กล่าวกับ Gazzetta Dello Sport

“หลายคนอาจไม่เชื่อว่าผมตื่นเช้ามากเพื่อเดินทางไปยังสนามฝึกซ้อม มิลาเนลโล ทุกวันและก็ใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นเรื่อย ๆ โดยไม่เคยรู้สึกอยากรีบกลับบ้านเหมือนคนอื่น ๆ เลยเพราะนี่แหละคือบ้านที่แท้จริงของผม ซึ่งรู้สึกแบบนี้ตั้งแต่ปี 2010 ที่ย้ายมาครั้งแรกแล้วด้วยซ้ำ”

“การได้ร่วมงานกับเหล่าผู้บริหารอย่าง กัลเลียนี, แบร์ลุสโคนี, ผู้จัดการทีม, สต๊าฟฟ์โค้ชทุกคน รวมถึงเพื่อนนักเตะในแต่ละรุ่น คือความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมเป็นธรรมชาติมากสุดแล้วสำหรับผม”

“มีแค่ไม่กี่ที่หรอกที่พอใช้ชีวิตอยู่แล้วสามารถเป็นตัวของตัวเองได้เต็มที่ ขณะเดียวกัน เอซี มิลาน ก็เป็นหนึ่งในสโมสรที่มีประวัติศาสตร์ยิ่งใหญ่สุดของโลกด้วยเช่นกัน นั่นคือเหตุผลว่าทำไมผมถึงมีความสุขเหลือเกิน”