เบลเยียม ได้โอกาสล้างอายจากศึก ยูโร 2016 ด้วยการเอาชนะ เวลส์ ไป 3-1 แม้จะถูกออกนำไปก่อนจากประตูของ แฮร์รี วิลสัน แต่ลูกยิงไกลของ เควิน เดอ บรอยน์ และลูกโหม่งของ ธอร์แกน อาซาร์ ก็ช่วยพลิกสถานการณ์เอาไว้ได้ตั้งแต่ในครึ่งเวลาแรก ทำให้เกมกลับหัวก่อนครึ่งเวลา ก่อนที่ โรเมลู ลูกากู จะสังหารจุดโทษไม่พลาดในนาทีที่ 73 เพื่อปิดเกมไว้แต่เพียงเท่านั้น
ไม่ต่างกันมากนักสำหรับ สาธารณรัฐไอร์แลนด์ ที่ลงเอยด้วยความพ่ายแพ้เช่นกันหลังจากได้โอกาสออกนำไปก่อนในเกมกับ เซอร์เบีย ที่ต้องยกความดีความชอบให้กับ มิโตรวิช ที่แม้จะไม่ค่อยได้โอกาสมากนักใน พรีเมียร์ลีก แต่เขาสามารถยิงไปได้ 2 ประตูจากการถูกส่งลงมาเป็นตัวสำรอง
ผลการแข่งขันที่น่าจะช็อคหลายฝ่ายไม่น้อยเลยคือการที่ เนเธอร์แลนด์ ปราชัยต่อ ตุรกี 4-2 กับเกมที่น่าตื่นเต้นใน อิสตันบูล โดยหัวหอกวัยเก๋า บูรัค ยิลมาซ กับแฮตทริคของเขาเป็นดั่งฝันร้ายให้กับการประเดิมโปรแกรมนี้ของเหล่าชาว ดัตช์ ในขณะที่ ดอนนี ฟาน เดอ เบ็ค ก็ยังคงต้องประจำอยู่บนม้านั่งสำรองไปก่อนไม่ต่างจากสถานการณ์ที่ แมนฯ ยูไนเต็ด เลย
อีกเรื่องน่าปวดหัวของ อาร์เซนอล เมื่อ มาร์ติน โอเดการ์ด ได้รับบาดเจ็บบริเวณข้อเท้าในช่วงครึ่งเวลาในเกมที่ นอร์เวย์ ชนะ ยิบรอลตาร์ ไปแบบไม่ยากเย็นอะไรด้วยสกอร์ 3-0
อองตวน กรีซมันน์ ขยับไปทาบสถิติของ ดาวิด เทรเซเกต์ ในฐานะผู้ทำประตูสูงสุดตลอดกาลอันดับ 4 ของฝรั่งเศส กับประตูระดับนานาชาติลูกที่ 34 ของเขา ในเกมที่จบลงด้วยความน่าผิดหวังด้วยการเสมอ 1-1 กับ ยูเครน
โทมัส ซูเช็ค จาก เวสต์แฮม ทำเพอร์เฟ็คท์แฮตทริกที่น่าประทับใจช่วยให้ สาธารณรัฐเช็ก เอาชนะ เอสโตเนีย 6-2
กลุ่ม A
โปรตุเกส 1-0 อาเซอร์ไบจาน
เซอร์เบีย 3-2 สาธารณรัฐไอร์แลนด์
กลุ่ม D
ฟินแลนด์ 2-2 บอสเนีย
ฝรั่งเศส 1-1 ยูเครน
กลุ่ม E
เบลเยี่ยม 3-1 เวลส์
เอสโตเนีย 2-6 สาธารณรัฐเช็ก
กลุ่ม G
ตุรกี 4-2 เนเธอร์แลนด์
ยิบรอลตาร์ 0-3 นอร์เวย์
ลัตเวีย 1-2 มอนเตเนโกร
กลุ่ม H
ไซปรัส 0-0 สโลวาเกีย
มอลตา 1-3 รัสเซีย
สโลวีเนีย 1-0 โครเอเชีย