เก็บตกทุกประเด็นร้อนหลังความพ่ายแพ้ของ สิงโตคำราม ในศึก ยูฟ่า เนชั่นลีก เมื่อคืนที่ผ่านมา

Jack Grealish, Youri Tielemans
Belgium v England – UEFA Nations League | John Berry/Getty Images

การแข่งขัน : ยูฟ่า เนชันส์ลีก ลีกเอ
วันแข่งขัน : คืนวันอาทิตย์ที่ 15 พฤศจิกายน 2020
เวลาแข่งขัน : 02.45 น.
คู่แข่งขัน : ทีมชาติเบลเยียม 2-0 ทีมชาติอังกฤษ
สนาม : คิง พาวเวอร์ (เบลเยียม)

ทีมชาติอังกฤษ บุกพ่าย ทีมชาติเบลเยียม 2-0 โดยเจ้าบ้านได้สองประตูในช่วงครึ่งแรกจาก ยูริ ติเลอม็องส์ นาทีที่ 10 และ ดรีส เมอร์เทนส์ นาทีที่ 24 ทำให้จบเกม เบลเยียม คว้า 3 คะแนนนำโด่งเป็นจ่าฝูงของกลุ่มต่อไป ส่วน อังกฤษ รั้งอันดับที่ 3 มีแต้มห่างจากอันดับ 1 ถึง 5 แต้ม หมดโอกาสเข้าสู่รอบเพลย์ออฟไปเป็นที่เรียบร้อยแม้จะเหลือโปรแกรมอีกหนึ่งนัดก็ตาม

เริ่มเกมในครึ่งแรกเป็นเจ้าบ้านที่ครงเกมบุกได้ชัดเจนกว่า และมาได้ประตูออกนำก่อนจากจังหวะตัดบอลได้ในแดนกลาง  ลูกากู จ่ายต่อให้ ติเลอม็องส์ ยิงไกลนอกกรอบ บอลแฉลบ มิ้งส์ เบียดเสาเข้าไป

จากนั้น 2 นาที ทีมเยือนได้ลุ้นบ่างจากลูกโหม่งของ เคน บอลผ่านมือ กูร์ตัวส์ ไปแล้วแต่ ลูกากู ยังตามมาโขกออกจากเส้นได้ทัน

แต่แล้วนาทีที่ 24 เจ้าถิ่นมาได้ประตูที่ 2 จากจังหวะฟรีคิกและเป็น เมอร์เทนส์ ที่ปั่นด้วยขวาบอลโค้งเสียบหน้าต่างเข้าไป

หลังจากตามหลังสองประตู ผู้มาเยือนพยายามเร่งเกมบุกมากขึ้น แต่ยังทำได้แค่เกือบเท่านั้นโดยเฉพาะจากลูกชาร์จจ่อ ๆ ของ เมานท์ ที่บอลเหินข้ามคานออกไปอย่างน่าเสียดาย

ท้ายครึ่งแรก อังกฤษ มีลุ้นอีกครั้งจากจังหวะหลุดเข้าเขตโทษของ เคน แต่ยังยิงไปติดเซฟของ กูร์ตัวส์ ที่ออกมาปิดมุมได้ทัน

ทำให้จบ 45 นาทีแรก เบลเยี่ยม ออกนำ 2-0

เริ่มเกมในครึ่งเวลาหลัง ยังคงเป็นทีมเยือนที่พยายามบุกเข้าใส่อย่างหนักหวังเอาประตูคืนให้ได้ ส่วนเจ้าบ้านถอยลงมาเน้นเกมรับและรอโอกาสในการโต้กลับ

นาทีที่ 57 ทีมเยือนมีโอกาสได้จบบริเวณหน้ากรอบเขตโทษแต่ เคน ยังคงยิงไปติดเซฟของ กูร์ตัวส์ อีกครั้ง

ด้านเจ้าถิ่นเกือบมาได้ประตูที่ 3 จากนาทีที่ 76 จากจังหวะชาร์จจ่อ ๆ ของ ลูกากู แต่ พิคฟอร์ด ยังเซฟเอาไว้ได้

ช่วยท้าย ทีมเยือนเป็นฝ่ายเปิดเกมบุกอยู่แทบจะฝ่ายเดียว แต่ยังไม่สามารถหาจังหวะจบสกอร์ที่มีลุ้นได้ และกลับเป็นเจ้าบ้านที่เกือบได้ประตูปิดกล่องจากการสวนกลับแต่ ลูกากู ยังจบได้ไม่คมพอ

ช่วงเวลาทีเหลือทำอะไรกันไม่ได้ทำให้จบ 90 นาที เบลเยียม เปิดบ้านอัด อังกฤษ ไป 2-0

คะแนนผู้เล่นของทั้งสองทีม

อังกฤษ : พิคฟอร์ด(6), วอล์เกอร์(6), ทริปเปียร์(6), ดายเอร์(6), มิ้งส์(6), ชิลเวลล์(5), ไรซ์(6), เมานท์(5.5), กรีลิช(7), เฮนเดอร์สัน(5.5), เคน(7)

ตัวสำรอง : ซานโช(5), วิงค์ส(5), ซาก้า(5.5), คาลเวิร์ต เลวิน(5)

เบลเยี่ยม : กูร์ตัวส์(6.5), อัลเดอร์ไวล์เรลด์(7), ดีนาเยอร์(7), แฟร์ตองเก้น(6.5), มูนิเยร์(6.5), วิทเซล(7), ติเลอม็องส์(7.5), อาซาร์(6.5), เดอ บรอยน์(7), เมอร์เทนส์(7), ลูกากู(7.5)

ตัวสำรอง : ปราท(5)

แมน ออฟ เดอะแมทช์ – โรเมลู ลูกากู

แม้อดีตหัวหอกของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รายนี้ จะไม่มีชื่อเป็นผู้ทำสกอร์ แต่อย่างไรก็ตามเขายังมี 1 แอสซิสต์ติดตัว ยิ่งไปกว่านั้นยังมีจังหวะสะกัดบอลที่สำคัญสุด ๆ ด้วยการกระโดดมาโหม่งลูกโขกของ แฮร์รี เคน ออกจากเส้นประตูไปได้ มิฉะนั้นทีมคงถูกตีเสมอเป็นที่เรียบร้อยและรูปเกมอาจไม่ออกมาอย่างที่เห็นกันนี้ อีกทั้งตลอดทั้งเกมเจ้าตัวก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ามีความอันตรายในแดนหน้าขนาดไหน ทั้งความเร็ว ความแข็งแกร่ง แถมยังเก็บบอลและพักบอลได้ จนสามารถสร้างปัญหาให้กับแผงหลัง อังกฤษ ได้เป็นอย่างดีตลอด 90 นาทีที่อยู่ในสนาม

ประเด็นร้อนหลังเกม

อังกฤษ ไร้ความเฉียบขาดในเกมรุก

วันนี้ต้องยอมรับจริง ๆ ว่า ทัพสิงโตคำราม เล่นได้ค่อนข้างผิดฟอร์มแตกต่างจากเกมอุ่นเครื่องที่เอาชนะ ไอร์แลนด์ มาได้เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมาลิบลับ โดยเฉพาะแนวรุกที่วันนี้ดูจะมีแค่ แฮร์รี เคน และ แจ็ค กรีลิช สองคนนี้เท่านั้นที่ดูพอสร้างความหนักใจให้เกมรับเจ้าถิ่นได้ ส่วนคนอื่น ๆ แทบไม่มีบทบาทกับเกมมากนัก อีกทั้งรูปแบบการเข้าทำยังค่อนข้างแข็งทื่อไร้ไอเดียสร้างสรรค์ โดยเน้นขึ้นเกมจากริมเส้นเป็นหลักซึ่งเห็นได้ชัดว่าไม่ได้ผลแต่พวกเขาก็ไม่มีไม้เด็ดอื่น ๆ มาเปลี่ยนเกมเลย ที่สำคัญการจบสกอร์ในวันนี้ยังทำได้ค่อนข้างย่ำแย่ทั้งจังหวะโอเพนเพลย์รวมถึงลูกฟรีคิกจุดที่อันตราย ๆ ก็ยังไม่สามารถสร้างความกดดันให้กับเจ้าบ้านได้ และนั่นเองเป็นเหตุผลที่ทำให้ พลพรรคทรีไลออน พลาดท่าพ่ายกลับไปในที่สุด

Harry Kane, Jason Denayer, Thibaut Courtois