การแข่งขัน : ฟุตบอล พรีเมียร์ลีกอังกฤษ 2020/21
วันแข่งขัน : วันเสาร์ที่ 24 ตุลาคม 2020
เวลาแข่งขัน : 23.30 น. ตามเวลาประเทศไทย
คู่แข่ง : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 0-0 เชลซี
สนาม : โอลด์ แทรฟฟอร์ด
วันนี้ทั้งสองทีมปรับหมากในการเล่นมาพอสมควรจากเมื่อเกมกลางสัปดาห์ แต่ที่สังเกตได้ชัดเจนอย่างหนึ่งคือตัวผู้เล่นที่ เชลซี มาในระบบหลัง 3 ตัว รวมถึง แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ส่งทั้ง เฟร็ด และ แมคโทมิเนย์ ลงมาไล่บอลในแดนกลางแทนที่จะเป็น ป็อกบา หรือ ฟาน เดอ เบ็ค ที่เล่นเกมรุกได้ดีกว่า อีกทั้งแท็คติกต่างฝ่ายต่างเล่นค่อนข้างเซฟตัวเอง ผลัดกันถอยลงมารับต่ำในแดนตัวเองโดยเฉพาะในครึ่งเวลาแรก ทำให้การขึ้นเกมทำได้ค่อนข้างยากลำบาก แบ็คก็เติมไม่สุด แผงหลังไม่ดันขึ้นสูง ทำให้เกมที่หลายคนคาดว่าคงจะเปิดแลกกันอย่างสนุกดูกร่อยลงไปพอสมควรเลยทีเดียว
เกมนี้เป็นอีกวันที่ ดอนนี ฟาน เดอ เบ็ค มิดฟิลด์ตัวใหม่ป้ายแดงของ แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ได้รับโอกาสให้ลงมาแสดงฝีเท้าเลยแม้แต่วินาทีเดียว แถมเกมเมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมาเจ้าตัวยังได้ลงเล่นไปเพียงแค่ 2 นาทีเท่านั้น นั่นหมายความว่าตั้งแต่เจ้าตัวย้ายมามีเพียงฟุตบอลถ้วย คาราบาว คัพ ที่พบกับ ไบรท์ตัน เพียงนัดเดียวเท่านั้นที่ได้ลงเล่นเต็ม 90 นาที…
หลายคนอาจมองว่า เดอ เบ็ค เป็นนักเตะใหม่อาจยังต้องใช้เวลาในการปรับตัวให้เข้ากับทีม แต่จากที่ดูตั้งแต่ย้ายมา บอกได้เลยว่าฝีเท้าของเขานั้นก็ดูไม่เป็นรอง ป็อกบา เท่าใดนัก แต่ไม่ว่าทีมจะตกอยู่ในสถานการณ์ใดก็ดูเหมือนว่า โอเล กุนนาร์ โซลชา จะมองข้ามและเลือกที่จะไม่ใช้งานกองกลางชาวฮอลแลนด์รายนี้เลย หรือว่าเขาจะไม่ใช่คนที่ น้าโอเล ต้องการมาตั้งแต่ต้น ?
แม้วันนี้ ปีศาจแดง จะสร้างสรรค์โอกาสเข้าทำได้ไม่มากนัก แต่พวกเขาก็พอจะมีจังหวะได้ยิงแบบหวังผลอยู่บ้าง ทั้งจากลูกปั่นนอกกรอบของ มาต้า และ แรชฟอร์ด รวมถึงจังหวะที่ควรต้องได้ประตูสุด ๆ อย่างลูกหลุดเดี่ยวในครึ่งเวลาแรก ทั้งหมดกลับถูกนายทวารชาวเซเนกัลคนใหม่ของ สิงโตน้ำเงินคราม อย่าง เอดูอาร์ด เมนดี้ ปฏิเสธเอาไว้ได้ทั้งหมด ในขณะที่อีกฟาก ดาบิด เด เคอา ในวันนี้ยืนว่างตบยุงเล่นเพราะแทบไม่เจอการทดสอบใด ๆ เลยตลอด 90 นาที แม้ เมนดี้ จะยังมีจังหวะเหวอ ๆ อยู่บ้างเล็กน้อยจากจังหวะออกบอลชนิดที่เกือบเข้าประตูตัวเองไป แต่หากพูดถึงฟอร์มการเซฟนั้นบอกได้เลยว่าขอยกให้เป็น แมน ออฟ เดอะแมทช์ ในวันนี้เลยทีเดียว
นาทีที่ 58 โอเล กุนนาร์ โซลชา ตัดสินใจเปลี่ยนเอา แดน เจมส์ ที่ฟอร์มตกฮวบมาร่วมปีออกและตัดสินใจส่งกองหน้าตัวความหวังคนใหม่อย่าง เอดิสัน คาวานี ประเดิมสนามในฐานะตัวสำรองเป็นเกมแรก ซึ่งลงมาได้เพียงไม่กี่นาทีเจ้าตัวเกือบสร้างความฮือฮาด้วยการเกือบทำประตูได้ตั้งแต่สัมผัสแรก แต่น่าเสียดายที่บอลหลุดเสาออกไปนิดเดียว แต่หลังจากนั้นร่วมครึ่งชั่วโมง ต้องบอกเลยว่าเงียบกริบแทบจะหายไปจากเกมอย่างสิ้นเชิง
เห็นได้ชัดว่าแผนการของ โซลชา คือใช้ความเร็วความคล่องตัวของตัวรุกริมเส้นเล่นงานคู่แข่ง แต่การที่ คาวานี ไม่ได้มีจุดเด่นในด้านนั้น ก็น่าคิดว่าเขาจะสามารถปรับสไตล์การเล่นให้เข้ากับทีมได้อย่างไร เพราะเวลาของเจ้าตัวในถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด เหลืออีกไม่มากแล้วในการจะพิสูจน์ตัวเองว่ายังมีดีพอในการเล่นฟุตบอลระดับสูงต่อไป…
แต่ตั้งเปิดฤดูกาลมา แฟนเชลซี หลายคน เริ่มจะแสดงอาการผิดหวังต่อฟอร์มการเล่นของกองกลางค่าตัวสถิติสโมสรอย่าง ไค ฮาเวิร์ตซ์ ซึ่งถึงตอนนี้มีเพียงเกม คาราบาว คัพ ที่พบกับ บาร์สลีย์ นัดเดียวที่ดูจะโดดเด่น แต่ก็ยังดูไม่มีแววจะเป็น “เดอะแบก” คนต่อไปที่แฟน ๆ จะฝากความหวังเอาไว้ได้อยู่ดี
โดยจุดเด่น ๆ ที่พอจะเห็นได้คือการหาพื้นที่ว่างในการเข้าทำรวมถึงการจบสกอร์ที่ค่อนข้างเฉียบขาด แต่ดูแล้วสิ่งเหล่านั้นแทบไม่ถูกหยิบเอามาใช้เลยเมื่อต้องถอยลงมายืนต่ำ ๆ แถมข้อเสียที่เห็นชัดมากคือสไตล์ที่ดูเหยาะแยะ เก้งก้าง ไม่แข็งแกร่ง ล้มง่าย รวมถึงไม่ค่อยจะขยันวิ่งไล่บอลเท่าใดนัก มันจึงเริ่มเกิดเป็นคำถามคาใจขึ้นมาว่า ตกลงแล้วจะยังสามารถคาดหวังความยอดเยี่ยมของเขาเหมือนสมัยที่ยังเล่นใน บุนเดสลีกา ได้หรือไม่ หรือสุดท้ายเขาก็เป็นได้แค่ตัวรุกธรรมดา ๆ ที่ไม่มีอะไรโดดเด่นแถมสวนทางกับค่าตัวที่จ่ายไปอย่างสิ้นเชิง