เก็บตกประเด็นร้อนหลังเกม คาราบาว คัพ ปืนใหญ่ เฉือนชนะจุดโทษ เมื่อคืนที่ผ่านมา

Joe Willock
Liverpool v Arsenal – Carabao Cup Fourth Round | Laurence Griffiths/Getty Images

การแข่งขัน : ฟุตบอล คาราบาว คัพ รอบที่ 4
วันแข่งขัน : คืนวันพฤหัสบดีที่ 1 ตุลาคม 2020
เวลาแข่งขัน : 01.45 น. ตามเวลาประเทศไทย
คู่แข่งขัน : ลิเวอร์พูล (4) 0-0 (5) อาร์เซนอล
สนาม : แอนฟิลด์

อาร์เซนอล บุกมาเฉือนชนะจุดโทษ ลิเวอร์พูล 5-4 หลังจากเสมอกันในเวลาปกติ 0-0 ทำให้จบเกม ปืนใหญ่ ทะลุเข้าสู่รอบที่ 5 ต่อไป ส่วน หงส์แดง จอดป้ายในรายการ คาราบาว คัพ ที่รอบ 4 ในฤดูกาลนี้

เริ่มเกมในครึ่งเวลาแรกทั้งสองทีมพยายามตั้งเกมบุกของตัวเอง แต่เป็นทีมเยือนที่มีลุ้นก่อนจากจังหวะต่อบอลเข้าเขตโทษ ซาก้า จ่ายต่อให้ เอ็นเคเทียห์ มีโอกาสโล่ง ๆ แต่เจ้าตัวกลับเลือกจะเลี้ยงหลบ อาเดรียน แต่ไม่ผ่าน จึงพลาดโอกาสทองในการจบสกอร์ไป

เจ้าบ้านมามีจังหวะลุ้นบ้างในนาทีที่ 11 โจต้า หลุดเข้าเขตโทษก่อนจ่ายต่อให้ กรูยิช ได้ยิงโล่ง ๆ แต่กลับหลุดกรอบออกไป

ช่วงครึ่งชั่วโมงแรก เกมค่อนข้างสูสีแต่ส่วนมากจะสู้กันบริเวณกลางสนามเป็นส่วนใหญ่และแทบหาจังหวะจบสกอร์ที่มีลุ้นประตูกันไม่ได้เลย

กระทั่งช่วงท้ายครึ่งแรกเจ้าบ้านมาได้จังหวะลุ้นสองครั้งติดต่อกันจากลูกโหม่งของ โจต้า ที่ไปติดเซฟ เลโน ก่อนที่ มินามิโนะ จะตามมาซ้ำจ่อ ๆ แต่กลับชนคานไปอย่างน่าเสียดาย

ทำให้จบ 45 นาทีแรก เสมอกันอยู่ 0-0

เริ่มเกมในครึ่งเวลาหลัง ทั้งสองทีมต่างฝ่ายต่างทำเกมบุกเข้าใส่กัน โดยเป็นเจ้าบ้านที่ได้ลุ้นก่อนในนาทีที่ 52 จากลูกเตะมุมที่เปิดเข้ามาให้ กรูยิช โหม่งตั้งมาถึง ฟาน ไดจ์ค จิ้มต่อที่ระยะประมาณ 6 หลา แต่ เลโน ยังบินมาปัดออกไปได้

นาทีที่ 60 เจ้าถิ่นได้ลุ้นอีกครั้งจากลูกยิงไกลนอกกรอบของ มาร์โก กรูยิช แต่เป็นอีกครั้งที่ เลโน ยังปฏิเสธเอาไว้ได้

ไม่กี่นาทีต่อมา หงส์แดง ได้โอกาสลุ้น 2 ครั้งติดจากลูกยิงของ โจต้า และลูกโหม่งของ กรูยิช แต่สองสองครั้งยังคงไม่ผ่านมือ เลโน ไปได้

ด้านผู้มาเยือนเองก็มีลุ้นบ้างจากจังหวะเปิดของ เปเป้ ไปให้ โฮลดิง ได้ขึ้นโขกเต็ม ๆ แต่ยังไปติดเซฟของ อาเดรียน เช่นกัน

ท้ายเกมทั้งสองฝ่ายไม่สามารถทำประตูกันเพิ่มได้ทำให้จบ 90 นาที เสมอกัน 0-0 ต้องตัดสินด้วยการดวลจุดโทษ

⚽ มิลเนอร์
ลากาเซ็ตต์ ⚽
⚽ ไวจ์นัลดุม
เซดริก ⚽
⚽ มินามิโนะ
เอลเนนี ❌
❌ โอริกี
เมตแลนด์-ไนล์ส ⚽
⚽ โจนส์
เปเป้ ⚽
❌ วิลสัน
วิลล็อค ⚽

คะแนนผู้เล่นของทั้งสองทีม

ลิเวอร์พูล: อาเดรียน(7), เนโก้(6.5), ฟาน ไดค์(6.5), วิลเลียมส์(6.5), มิลเนอร์(7), กรูยิช(7.5), โจนส์(6.5), วิลสัน(6), มินามิโนะ(6.5), ซาลาห์(6), โจต้า(7)

ตัวสำรอง: โกเมซ(6), โอริกี(5.5), ไวจ์นัลดุม(6)

อาร์เซนอล: เลโน(8), เซดริก(6.5), โฮลดิ้ง(6.5), กาเบรียล(6.5), โคลาซินาค(7), เซบาญอส(6.5), ชาก้า(6.5), วิลล็อค(6.5), เปเป้(6.5), ซาก้า(6), เอ็นเคเทียห์(6)

ตัวสำรอง: เอลเนนี(5.5), เมตแลนด์-ไนล์ส(5.5), ลากาเซ็ตต์(5.5)

แมน ออฟ เดอะแมทช์ – แบรนด์ เลโน

7 รอบ คือจำนวนครั้งที่นายทวารชาวเยอรมันรายนี้เซฟช่วยทีมเอาไว้ได้ในเวลาปกติ 90 นาที แถมยังทำได้อีก 2 ครั้งสำคัญในช่วงการดวลจุดโทษชี้ขาด แบกทีมปืนใหญ่ ทะลุเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายไปได้อย่างหวุดหวิดชนิดที่ โดยเจ้าบ้านโหมบุกเข้าใส่ทั้งเกม ซึ่งก็อย่างที่ทราบกันดีว่าเกมระดับท็อปแบบนี้ แม้คุณจะเหนือกว่า แต่เมื่อใดที่คุณไม่แน่นอนพอจะปิดเกมได้ คุณก็ยากที่จะจบด้วยการเป็นผู้ชนะในที่สุด

ประเด็นหลังเกม

ปืนใหญ่ เจองานหนักต่อเนื่อง ต้องต้อนรับการมาเยือน เรือใบสีฟ้า ในรอบต่อไป
หลังจากชัยชนะอันแสนหืดจับชนิดที่ต้องยื้อมาจนถึงการดวลจุดโทษในค่ำคืนนี้ พลพรรคเดอะกันเนอร์ส ยังคงต้องพบศึกหนักอย่างต่อเนื่องด้วยการจับฉลากไปพบกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย แต่อย่างไรก็ตามถึงตอนนี้แล้วคงต้องบอกว่าทีมของ มิเกล อาร์เตต้า เองก็พร้อมที่จะเข้าปะทะกับทุกทีมเช่นเดียวกัน ด้วยความมั่นใจที่เพิ่มขึ้นมาพอสมควรจากชัยชนะในเกมนี้ และแถมล่าสุดพวกเขายังพึ่งจะเอาชนะทีมของนายเก่าอย่าง เป๊ป กวาร์ดิโอลา มาได้ในศึก เอฟเอ คัพ ปลายฤดูกาลที่ผ่านมา จึงน่าจะสามารถบอกไว้ ณ ตรงนี้ได้เลยว่าเกมหน้า “มันส์หยด” อย่างแน่นอน

ส่วนด้าน ลิเวอร์พูล ที่ต้องผิดหวังไปในวันนี้ คงต้องทำใจและมองถึงข้อดีที่ว่าพวกเขาจะได้ทุ่มเทให้กับฟุตบอลอีกหลายรายการที่ต้องลงเตะในปีนี้ต่อไป ซึ่งวันนี้คงจะไปโทษใครไม่ได้นอกจากตัวพวกเขาเองจริง ๆ เพราะถ้าหากเฉียบขาดกันมากกว่านี้อีกหน่อย คงจะมีอย่างน้อย 2-3 ประตูไปแล้วก็เป็นได้

Cedric Soares, Harry Wilson