แม้จะเพิ่งพาทีมบุกไปถล่ม ลูตัน ทาวน์ ถึงถิ่นในศึก คาราบาวคัพ เมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมาด้วยสกอร์ 3-0 แต่กับผลการแข่งขันในเกม พรีเมียร์ลีก นัดเปิดสนามที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จัดการอัตนิวิบาตกรรมปล่อยให้ คริสตัล พาเลซ บุกเข้ามากระชาก 3 คะแนนได้แบบไม่ต้องเปลืองแรง 3-1 นั้นได้เป็นการจุดไฟโหมกระแสคำวิจารณ์ไปยังผู้เป็นกุนซืออย่าง โอเล กุนนาร์ โซลชา เป็นที่เรียบร้อย
ไม่ทราบเหมือนกันว่านายใหญ่ ปีศาจแดง โดนแคมเปญ ‘โซลชาเอ้าท์’ เป็นรอบที่เท่าไหร่ รู้แต่ว่าสถานการณ์ของ แมนฯ ยูไนเต็ด กำลังวนลูปกลับมาสู่ช่วงดำดิ่งอีกรอบจากผลงานเปิดหัวที่ทำเอา ‘เด็กผี’ อับอายขายหน้าขนาดนี้
ว่ากันถึงเกมกับ พาเลซ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมากันก่อน ความพ่ายแพ้ในเกมนี้ที่เกิดจากความผิดพลาดส่วนบุคคลของ วิคตอร์ ลินเดเลิฟ กองหลังจากสวีเดนที่มีส่วนร่วมทั้ง 3 ประตู ซึ่งจะว่าไปแล้วเกมรับถือเป็นจุดอ่อนของ เร้ดเดวิลส์ มาอย่างยาวนาน
เรื่องนี้ไม่ใช่ว่า โซลชา จะไม่รู้ มิเช่นนั้นเขาคงไม่บอกให้ เอ็ด วู้ดเวิร์ด ไปคว้าตัว อารอน วาน-บิสซาก้า และ แฮร์รี แม็คไกวร์ มาเสริมทัพเมื่อซีซันที่แล้ว แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไปมันพิสูจน์แล้วว่า แค่ 2 คนนี้ยังไม่พอที่จะขันแนวรับให้เหนียวแน่นได้
การเสีย 3 ประตูชนิดที่ไม่น่าเสียกับ คริสตัล พาเลซ คือเครื่องพิสูจน์ได้เป็นอย่างดี
นอกจากนั้นยังมีประเด็นเรื่องรูปแบบการเล่นที่ โซลชา วางให้ลูกทีมซึ่งก็มาในแนวทางเดิม ๆ คือเน้นการครองบอล ออกบอลช้า เน้นความแน่นอน แต่ไร้ซึ่งการสร้างสรรค์ และทะลุทะลวง พอเจอคู่แข่งตั้งรับลึกก็มักจะมีปัญหาทุกครั้ง แถมการรับมือกับเกมสวนกลับยังเข้าขั้นแย่ถึงแย่มากที่สุด
ทุกอย่างสะท้อนออกมาในเกมนี้ไล่ไปตั้งแต่แดนหน้าที่ไร้การประสานงาน การทะลุทะลวง และการจบสกอร์ที่เฉียบขาด กองกลางที่ไม่สามารถสร้างสรรค์เกมได้ และกองหลังที่พร้อมแสดงความผิดพลาดตลอดเวลา
เมื่อภาพรวมออกมาเช่นนี้ จึงไม่แปลกที่ทัวร์จะลงที่ โอเล กุนนาร์ โซลชา ผู้เป็นกุนซืออีกระลอก
มิวายที่เจ้าตัวจะโดนแซวเรื่องปฏิกิริยาข้างสนามระหว่างเกม ภาพการนั่งนิ่งเงียบอยู่เกือบทั้งเกม ไม่มีการออกมากระตุ้นลูกทีมแม้ตกเป็นฝ่ายตามหลัง ยิ่งตอนโดนจุดโทษยิ่งได้เห็นอาการของความสิ้นหวังเหมือนยอมรับสภาพ ไม่มีโวยวาย หรือแสดงออกซึ่งความแข็งกร้าว ทำตัวเหมือนไม่ได้เล่นในบ้านตัวเอง
สภาพเชนนี้เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับกุนซือชั้นยอดรายอื่น ๆ อย่าง เยอร์เก้น คล็อปป์ เป๊ป กวาร์ดิโอลา โชเซ มูรินโญ หรือ คาร์โล อันเชล็อตติ ยิ่งทำให้รู้สึกว่าออร่าของ โซลชา ยังไม่เปล่งปลั่งพอ หรือหากจะเทียบกับบรรดากุนซือมือใหม่พอ ๆ กันอย่าง มิเกล อาร์เตต้า และ แฟรงค์ แลมพาร์ด ก็ดูเหมือนว่าอาจจะดูด้อยกว่านิด ๆ ด้วยซ้ำ
เรียกได้ว่าแค่บอลแพ้นัดเดียวทำ ‘เด็กผี’ แทบจะถอดใจไปโดยทันที
อย่างไรก็ตามนี่เป็นเพียงเกมแรกของฤดูกาล ยังไม่อาจจะไปตัดสินว่ามันคือผลงานในภาพรวมของทีมได้ เพราะพวกเขายังมีอีก 37 เกมให้แก้ตัว และที่สำคัญคือเวลาในตลาดซื้อขายก็ยังพอจะเหลือให้ได้หานักเตะใหม่มาเยียวยา
ถามว่าถ้าซื้อนักเตะใหม่มาเพิ่มแล้วจะดีขึ้นหรือไม่ อันนี้ไม่มีใครรู้ แต่ดีกว่าที่ไม่ขยับหรือทำอะไรเลยในขณะที่ทีมในระดับเดียวกันต่างเสริมทัพกันอย่างสนุกสนาน
ชัดเจนมาตั้งแต่ต้นว่า โซลชา ต้องการผู้เล่นอีก 3 ตำแหน่งเพื่อเสริมทัพให้สมบูรณ์แบบทั้ง ปีกขวา แบ็คซ้าย และ เซ็นเตอร์แบ็ค ซึ่งผลการแข่งขันกับ คริสตัล พาเลซ ยิ่งเป็นสิ่งที่ตอกย้ำให้เห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องรีบดำเนินการในเรื่องนี้โดยเร็วที่สุด
แดเนียล เจมส์ ลุค ชอว์ และ วิคตอร์ ลินเดเลิฟ ยังไม่ใช่ผู้ที่จะมาตอบโจทย์ให้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด การได้นักเตะมีระดับและใช้งานได้เลยจึงเป็นสิ่งที่ทีม ปีศาจแดง ต้องมองหา ชื่อของ เจดอน ซานโช อเล็กซ์ เตลเลส ดักกลาส คอสต้า อิวาน เปริซิช และใครต่อใครอีกหลายคนจึงยังคงวนเวียนตามหน้าสื่อในช่วงนี้
เด็กผีทั้งหลายอย่าลืมว่าเมื่อซีซันที่แล้วผลงานของทีมก็ลุ่ม ๆ ดอน ๆ เมื่อช่วงต้นซีซัน แต่พอคว้าตัว บรูโน แฟร์นันเดส เข้ามาช่วงตลาดหน้าหนาว ดาวเตะโปรตุกีสกลายเป็นจิ๊กซอว์สำคัญที่ช่วยให้ทีมพุ่งแซงคว้าอันดับ 3 ได้โควต้าไปเล่น ยูฟา แชมเป้ยนส์ลีก ตามเป้าหมาย
ดังนั้นการเสริมทัพในช่วงเวลาที่เหลือจึงเป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด กลับมาอยู่ในร่องในรอยอีกครั้ง เพราะเชื่อว่านักเตะที่มีอยู่ในทีมขณะนี้อาจจะลุ้นหนักในการทำผลงานติด 1 ใน 4 ของลีกเมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่าง เชลซี ท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์ อาร์เซนอล รวมทั้ง เอฟเวอร์ตัน
ซึ่งระยะเวลาต่อจากนี้ โซลชา และ เอ็ด วู้ดเวิร์ด ต้องทำงานกันอย่างหนักเพื่อเรียกศรัทธาคืนจากแฟนบอล อย่าปล่อยให้พวกเขาทำได้เพียงนั่งทำใจและมองทีมอื่นพุ่งทะยานแซงหน้าไปแบบไม่เห็นฝุ่น
คงต้องช่วยกันลุ้นว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะคว้าสตาร์รายใดมาเสริมทัพในช่วงที่เหลือ ขอที่พร้อมใช้งานลงเล่นได้ทันทีก็น่าจะทำให้ใจชื้นมากขึ้น ซึ่งเวลาของนายใหญ่ไวกิ้งก็ยังพอมี
แต่ถ้าทำทุกอย่างแล้วยังไม่มีอะไรดีขึ้น เมาริซิโอ โปเช็ตติโน ยังว่างงานอยู่ ลองคุยดูคงไม่เสียหาย