ข้อมูลการแข่งขัน
การแข่งขัน : ฟุตบอล เอฟเอ คัพ 2019/20
วันแข่งขัน : วันอาทิตย์ที่ 2(7) มิถุนายน 2020
เวลาแข่งขัน : 22.00 น. ตามเวลาประเทศไทย
ผลการแข่งขัน : เลสเตอร์ ซิตี้ 0-1 เชลซี
สนาม : คิง พาวเวอร์ สเตเดี้ยม
ต้องบอกเลยว่าเกมนี้ เบรนเดน ร็อดเจอร์ส จัดทีมค่อนข้างที่จะเต็มกว่าเพื่อหวังพิชิต สิงโตน้ำเงินคราม ลงให้ได้ แถมด้วยเทคติคที่เน้นเกมบุกตามสไตล์ เลสเตอร์ ที่พวกเขาใช้มาตลอดในฤดูกาลนี้ มันจึงทำให้รูปเกมของ เดอะ ฟ็อกซ์ ในวันนี้ดูจะสามารถครองบอลบุกกดดันผู้มาเยือนได้อยู่แทบจะตลอดทั้งเกม
แต่อย่างไรก็ตาม… แม้ ทีมจิ้งจอกสยาม จะสร้างสรรค์โอกาสเข้าทำได้มากกว่าค่อนข้างชัดเจน แต่ความแตกต่างในเกมนี้คือความเฉียบขาดและความแน่นอน ที่วันนี้ แฟรงค์ แลมพาร์ด และลูกทีม ดูจะทำการบ้านกันมาเป็นอย่างดี ในการเน้นเกมรับให้แน่นหนา และใช้เกมสวนกลับเล่นงานแนวรับของเจ้าบ้านจนสุดท้ายก็เป็นฝ่ายคว้าชัยทะลุเข้าสู่รอบ 4 ทีมสุดท้ายได้สำร็จในที่สุด
เกมนี้ แฟรงค์ แลมพาร์ด ใช้โควต้าเปลี่ยนตัวในช่วงพักครึ่งเวลาถึง 3 รายด้วยกัน โดยเปลี่ยนเอา 3 ดาวรุ่งอย่าง บิลลี กิลมอร์ รีซ เจมส์ และ เมสัน เมานท์ ออกมาพัก และส่งตัวเก๋าอย่าง กัปตันเดฟ มาเตโต โควาชิช และผู้ยิงประตูชัยอย่าง รอสส์ บาร์คลีย์ ลงสนามไปแทน ซึ่งนั่นทำให้เห็นความเปลี่ยนแปลงค่อนข้างชัดเจนเลยทีเดียว ทั้งเกมรับที่ดูจะแน่นหนาขึ้น แถมเกมสวนกลับที่มี บาร์คลีย์ เป็นแกนกลางนั้น แม้จะดูน่าหงุดหงิดในหลายจังหวะ แต่โดยรวมก็ถือว่าทำได้ดีในระดับหนึ่งเลยทีเดียว โดยเฉพาะหลังจากทีมได้ประตูขึ้นนำ กระทั่งสุดท้ายจบด้วยชัยชนะจากประตูโทนของทีเด็ดจากม้านั่งสำรองในเกมวันนี้
แม้หากดูจากชื่อชั้นการต้องเผชิญหน้ากับ ปีศาจแดง ณ เวลานี้ อาจดูจะไม่หนักหนาเท่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่พวกเขาพึ่งจะเอาชนะมาได้ 2-1 เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา แต่ต้องบอกเลยว่าทีมของ โอเล กุนนาร์ โซลชา กลายเป็นของแสลงของ สิงห์บลู ในฤดูกาลนี้ไปเสียแล้ว เพราะ 3 นัดที่ทั้งสองทีมพบกันในเกมลีกซีซั่น 2019/20 และ คาราบาว คัพ เป็น แมนฯ ยูไนเต็ด ที่เอาชนะไปได้ทั้งหมด ราวกับว่า สิงห์ไฮโซ ดูจะแพ้ทาง พลพรรคเร้ดเดวิลส์ แบบเต็ม ๆ
ซึ่งก็ต้องมาดูกันแล้วว่า แลมพาร์ด จะลบอาถรรพ์นี้ลงได้หรือไม่ แถมนัดนี้จะเป็นการลงเล่นในสนามกลางอย่าง เวมบลีย์ ที่คาดว่าจะไม่มีใครได้เปรียบหรือเสียเปรียบอีกฝ่ายด้วย ฉนั้นห้ามพลาดเป็นอันขาด 19 กรกฎาคมนี้ รู้กัน