ข้อมูลการแข่งขัน
การแข่งขัน : ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ 2019/20
วันแข่งขัน : คืนวันพุธที่ 24 มิถุนายน 2020
เวลาแข่งขัน : 00.00 น. ตามเวลาประเทศไทย
ผลการแข่งขัน : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3-0 เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด
สนาม : โอลด์ แทรฟฟอร์ด
เกมนี้ต้องบอกเลยว่า เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ไม่มีอะไรจะมาต่อกรกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้เลย ทั้งรูปเกม โอกาสเข้าทำ และที่สำคัญคือสกอร์ที่ออกมาตอนจบ ทุกอย่างเห็นได้อย่างชัดเจนถึงความแตกต่างของทั้งสองทีมในวันนี้
โดยทางฝั่ง ปีศาจแดง ทุกคนทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดี ช่วยกันเล่น ช่วยกันต่อบอล แม้ว่า เด เคอา จะยืนเหงาอยู่บ้าง แต่เจ้าตัวก็ไม่มีจังหวะออกบอลพลาดให้เห็นเลยในเกมวันนี้ แต่กลับกันทางฝั่ง เชฟฯ ยูไนเต็ด เอง พวกเขาไม่สามารถตั้งเกมของตัวเองได้เลย แนวรุกก็จบไม่ได้ แนวรับก็ดูจะมีช่องให้เจาะค่อนข้างเยอะ จึงทำให้สุดท้าย ผลการแข่งขันมันออกมาอย่างที่ทุกคนเห็นในวันนี้
เกมนี้เป็นอีกหนึ่งนัดที่ เชฟฯ ยูไนเต็ด พ่ายแพ้อย่างหมดรูปให้กับคู่แข่ง ทั้งที่ก่อนพักเบรกทีมของ คริส ไวลเดอร์ เป็นทีมที่แพ้ยากสุด ๆ แม้แต่ทีมใหญ่ยังเสียท่ามาแล้วนักต่อนัก
แต่พอกลับมาในครั้งนี้ พลพรรคดาบคู่ พึ่งจะเก็บได้เพียง 1 คะแนนจาก 3 เกม แถมเสียไปแล้วถึง 6 ลูกและยังทำประตูคู่แข่งไม่ได้เลย ที่สำคัญคือฟอร์มการเล่นของพวกเขาจากที่เคยเหนียวแน่น กลับดูอ่อนปวกเปียกไปหมด ตั้งแต่เกมกับ แอสตัน วิลลา ที่เสมอ 0-0 ในเกมแรก พวกเขาก็โดน วิลลา บุกใส่แทบทั้งเกม ต่อมาเกมที่พ่ายให้กับ นิวคาสเซิล 3-0 ก็ดันมาโดนใบแดงตั้งแต่ช่วงกลางเกม ทำให้ทีมเสียเปรียบอยู่เกือบ 40 นาทีเต็ม และในเกมวันนี้ที่พวกเขาโดน ปีศาจแดง คุมเกมซะอยู่หมัดชนิดที่เรียกว่าไม่มีอะไรไปสู้ได้เลย
เกมนี้ โอเล กุนนาร์ โซลชา ตัดสินใจส่ง พอล ป็อกบา ลงเล่นนเป็นตัวจริงคู่กับ บรูโน เฟอร์นันเดซ เป็นเกมแรก ซึ่งต้องบอกว่าฟอร์มของกองกลางทีมชาติฝรั่งเศสรายนี้ค่อนข้างโดดเด่น แถมยังสร้างโอกาสให้เพื่อนร่วมทีมได้หลายต่อหลายครั้ง แต่สิ่งที่ดูจะเปลี่ยนไปในเกมนี้คือ…
การมี ป็อกบา คอยคุมเกมอยู่กลางสนามนั้น กลับทำให้บทบาทของ บรูโน ลดน้อยลงไปอย่างชัดเจน จากเดิมที่เจ้าตัวเรียกได้ว่าเป็น เดอะแบก ทำทุกอย่างตั้งแต่เชื่อมเกมจากกองหลังไปจนถึงการทำประตู แต่ในวันนี้แข้งชาวโปรตุเกสมีหน้าที่แค่เพียงคอยสร้างสรรค์เกมอยู่หน้าเขตโทษฝั่งตรงข้ามเท่านั้น จริงอยู่การมีทั้งสองคนในสนามช่วยให้ทีมคว้า 3 คะแนนในวันนี้ แต่การที่ทั้งคู่แทบจะทำหน้าที่เหมือน ๆ กัน มันจึงทำให้คนใดคนหนึ่งอาจต้องยอมลดบทบาทลงจากที่เคยโดดเด่น ก็เป็นได้…
3 ประตูของ อ็องโตนี มาร์กซิยาล ในวันนี้ เป็นแฮททริกครั้งที่ 33 ที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำได้ในนับตั้งแต่ลีกสูงสุดเปลี่ยนมาใช้ชื่อ พรีเมียร์ลีก แต่ที่ตลกร้ายคือมันห่างจากครั้งที่ 31-32 ถึง 7 ปีเต็ม เพราะสองครั้งหลังสุดที่พวกเขาทำได้ต้องย้อนกลับไปถึงฤดูกาล 2012/13 ในเกมที่เปิดบ้านเอาชนะ นอริช 4-0 โดย ชินจิ คากาวะ และถัดมาอีกไม่ถืงหนึ่งเดือนหลังจากนั้นในเกมที่ถล่ม แอสตัน วิลลา 3-0 ด้วยผลงานของ โรบิน ฟาน เพอร์ซีย์
แถมแฮททริกของ มาร์กซิยาล ในวันนี้ยังนับเป็นครั้งแรกหลังจาก เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน วางมือไปอีกด้วย !