[FEATURE] ผู้จัดการทีมฟุตบอลยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล #49 : วิค บัคกิงแฮม ชายผู้ค้นพบ โยฮัน ครัฟฟ์

วิค บัคกิงแฮม เป็นผู้จัดการทีมอันดับที่ 49 ในการจัดอันดับ ผู้จัดการทีมฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลของเรา ผู้อ่านสามารถติดตาม 11 ผู้เล่นยอดเยี่ยมภายใต้การคุมทีมของ บัคกิงแฮม ได้ ​ที่นี่


เราเชื่อว่า 99 เปอร์เซ็นต์ของผู้ที่อ่านบทความนี้อยู่ไม่เคยได้ยินชื่อของ วิค บัคกิงแฮม มาก่อน ซึ่งไม่น่าแปลกใจนักเมื่อพิจาณาว่าชายชาว ลอนดอน ที่เกิดไปในปี 1915 นั้นค่อนข้างห่างไกลจากพงศาวดารลูกหนังยุคใหม่ แต่เขาเป็นกุนซือคนหนึ่งที่ทำให้ฟุตบอลในภาคพื้นยุโรปกลายมาเป็นอย่างที่เราเห็นทุกวันนี้

Vic Buckingham

หนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ บัคกิงแฮม กลายเป็นส่วนสำคัญในประวัติศาสตร์ของโลกฟุตบอล และเปลี่ยนแปลงมันไปตลอดกาลคือก้านค้นพบตำนานนักเตะเทวดาอย่าง โยฮัน ครัฟฟ์


เกียรติยศ

เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน เอฟเอ คัพ (1954), คอมมูนิตี้ ชิลด์ (1954)
อาแจ็กซ์ เอเรดิวิซี (1959-60)
บาร์เซโลนา โคปา เดล เรย์ (1971)

ตามเหตุผลที่กล่าวไปข้างต้น หากไม่มี บัคกิงแฮม แล้วล่ะก็โลกลูกหนังคงไร้ซึ่ง ครัฟฟ์ ซึ่งส่งผลให้ไร้ โททัลฟุตบอล และศิษย์เอกของนักเตะเทวดาอย่าง เป๊บ กวาร์ดิโอลา

เมล็ดพันธ์แห่งความก้าวหน้า และปรัชญาที่แตกต่างไปจากขนบเดิมของ บัคกิงแฮม ถูกหว่านลงไปในฟุตบอลยุโรปนับตั้งแต่ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 และมีอิทธิพลจวบจนถึงปัจจุบัน

ตำนานกุนซือชาว อังกฤษ เบื่อหน่ายต่อฟุตบอลสไตล์เตะโด่งสาดยาวจากหลังไปหน้าเพื่อให้กองหน้าร่างยักษ์ตามเก็บบอลเช่นเดียวกับเมนทอร์ของเขาอย่าง อาร์เธอร์ โรว์ และจัดการปรับรูปแบบการเล่นมาเน้นความสำคัญที่แผงมิดฟิลด์

บัคกิงแฮม แหกธรรมเนียมฟุตบอลแดนผู้ดีโดยการใช้รูปแบบการโจมตีอย่างใจเย็น เซ็ตบอลจากที่แนวรับต่อบอลตามช่องไปทะลุทะลวงคู่ต่อสู้ แม้มันจะเป็นการเข้าทำที่เห็นได้โดยทั่วไปในยุคนี้แต่หากเรานึกภาพตามว่าเขาเป็นคนที่นำรูปแบบการเล่นดังกล่าวไปใช้ตั้งแต่ทศวรรษที่ 50 นั้นเป็นเรื่องที่น่าทึ่งเกินคาดคิด

Danny Blanchflower,Johnny Haynes,Vic Buckingham

เจ้าตัวเริ่มต้นเส้นทางสายกุนซือหลังจากแขวนสตั๊ดในปี 1949 โดยเข้ารับตำแหน่งนายใหญ่แห่ง เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน ในปี 1953 ทัพ เดอะฮอว์ธอร์นส ในยุคนั้นนับว่าเป็นหนึ่งในสโมสรใหญ่ของศึก ดิวิชัน 1 เดิมบนลีกสูงสุด อังกฤษ

ให้หลังเพียง 1 ฤดูกาลจากนั้น บัคกิงแฮม พา แบ็กกี้ส์ ซิวแชมป์ เอฟเอ คัพ และเกือบจะกลายเป็นสโมสรแรกนับตั้งแต่ทศวรรษที่ 20 ที่สามารถคว้าดับเบิลแชมป์ได้

บัคกิงแฮม ตัดสินใจบอกลา เวสต์บรอมฯ ในปี 1959 ก่อนจะเริ่มต้นบทใหม่ในเส้นทางผู้จัดการทีมที่ต่างแดนกับ อาแจ็กซ์ ซึ่งมีสถานะเป็นเพียงทีมเล็กๆ ของ เนเธอร์แลนด์ ในช่วงเวลาดังกล่าว


บัคกิงแฮม เป็นคนค้นพบเด็กหนุ่มร่างเล็กพรสวรรค์ราวกับพระเจ้าประทาน ก่อนที่เด็กหนุ่มคนดังกล่าวจะกลายเป็นหนึ่งในตำนานตลอดกาลแห่งโลกฟุตบอล เด็กคนนั้นมีชื่อว่า โยฮัน ครัฟฟ์


ในบรรยากาศที่ฟุตบอลของ เนเธอร์แลนด์ ผ่อนคลายมากกว่า อังกฤษ บัคกิงแฮม พาทีม อาแจ็กซ์ ที่เต็มไปด้วยนักเตะอายุน้อยคว้าแชมป์ลีกสูงสุด ก่อนที่จะวางรากฐานให้พวกเขากลายเป็นหนึ่งในยอดทีมของ ยุโรป หลังจากนั้น

แต่ให้หลังเพียงรับงานที่ อาแจ็กซ์ เพียง 2 ปี ดูเหมือนว่าฟุตบอลที่เข้มข้นใน อังกฤษ เรียกร้องเขาให้กลับไปอีกครั้ง คราวนี้ เชฟฟิลด์ เวนส์เดย์ เป็นหมุดหมายต่อไปสำหรับ บัคกิงแฮม

ที่ ฮิลส์โบโรห์ เต็มไปด้วยความคาดหวังว่าทีมจะประสบความสำเร็จภายใต้ บัคกิงแฮม ในช่วงเวลาที่ บิล นิโคลสัน พา ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ครองความยิ่งใหญ่ท่ามกลางทีมอย่าง ​ลิเวอร์พูล, ​เอฟเวอร์ตัน และ ​แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และน่าเสียดายที่เขาไม่สามารถพา เวนส์เดย์ สมหวังได้อย่างใจ

เขาบอกลา เชฟฟิลด์ ในปี 1964 และหลังจากนั้นไม่นาน กลายเป็นผู้เล่น 3 คนในทีมถูกตั้งข้อกล่าวหาว่าพัวพันกับคดีล้มบอลที่เกิดขึ้นตั้งแต่ 2 ปีก่อนหน้านั้น

บัคกิงแฮม แสดงท่าทีปฎิเสธต่อการมีส่วนร่วมของการทุจริตดังกล่าว แม้จะไม่มีข้อพิสูจน์อย่างชัดเจนว่าเขาเป็นผู้บริสุทธ์แต่ชื่อเสียงของเจ้าตัวก็ถูกทำลายจนป่นปี้

เจ้าตัวรีเทิร์นสู่ อาแจ็กซ์ อีกคำรบเป็นเวลา 1 ฤดูกาลตามด้วยกลับสู่ อังกฤษ กับ ฟูแลม สโมสรที่ซึ่งเขาจัดการผ่องถ่ายบรรดานักเตะคีย์แมนออกจากทีมและเซ็นสัญญาเอาแข้งที่เขาเชื่อว่าจะพาทีมประสบความสำเร็จเข้ามาแทน แต่ท้ายที่สุดมันก็ไม่เกิดขึ้น

ให้หลัง 3 ปีที่ ฟูแลม บัคกิงแฮม ก็แยกทางกับพวกเขาก่อนที่ทีมจะตกชั้นในเวลาต่อมา และนั่นก็กลายเป็นทีมสุดท้ายใน อังกฤษ ที่เขาเป็นกุนซือ

อย่างไรก็ตามชื่อเสียงของเขายังเป็นที่เลื่องลือใน ยุโรป หลังจาก 1 ปีที่ กรีซ เจ้าตัวก็กลายเป็นกุนซือของ บาร์เซโลนา ในปี 1969 และเช่นเดียวกับวิธีการที่เขาใช้ใน อาแจ็กซ์ บัคกิงแฮม ได้เน้นการใช้งานนักเตะเยาวชนลูกหม้อของสโมสร พาทีมซิวแชมป์​ โคปา เดล เรย์ เหนือ บาเลนเซีย 4-3 ในฤดูกาล 1970/71 แมตช์ดังกล่าวกลายเป็นตำนานเล่าขานว่าเป็นนัดชิงชนะเลิศที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอล สเปน

สิ่งที่ บัคกิงแฮม ทำที่ คัมป์นู ราวกับเป็นการวางรากฐานให้ทัพ อาซูลกรานา ก่อนที่ ครัฟฟ์ จะก้าวเข้ามาสู่ทีมในปี 1973 และเปลี่ยนหน้าประวัติศาสตร์ของ บาร์ซา ไปตลอดกาล


ประวัติการคุมทีม

เปกาซัส 1950-51
แบรดฟอร์ด พาร์ค อเวนิว 1951-53
เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน 1953-59
อาแจ็กซ์ 1959-61 & 1964-65
เชฟฟิลด์ เวนส์เดย์ 1961-64
ฟูแลม 1965-68
เอธนิกอส พิราอุส 1968
บาร์เซโลนา 1969-71
เซบียา 1972
โอลิมเปียกอส 1975-76
โรดอส เอฟซี 1979-80

วิค บัคกิงแฮม นับว่าเป็นกุนซือที่มีส่วนสำคัญในการวางเสาเข็มให้กับสโมสรอย่าง อาแจ็กซ์ และ บาร์เซโลนา  กลายเป็นทีมที่ยิ่งใหญ่อย่างในทุกวันนี้กับการสร้างปรัชญา โททัลฟุตบอล และให้ความสำคัญกับการใช้ผู้เล่นเยาวชน โดยหนึ่งในศิษย์เอกของเขาอย่าง โยฮัน ครัฟฟ์ ก็ได้กลายมาเป็นตำนานทั้งในฐานะนักเตะและผู้จัดการทีม

การจากไปของเขาในวันที่ 26 มกราคม 1995 ไม่ได้มีการพูดถึงนักใน อังกฤษ ไม่ได้มีการยืนสงบนิ่งเพื่อไว้อาลัยหรือการจัดงานสำคัญเพื่อรำลึกถึงเกียรติคุณของเขาแต่อย่างใด ทว่าสิ่งที่ยังตราตรึงและไม่จางหายไปไหนคือตำนานที่เขาสร้างให้กับวงการฟุตบอลที่มันได้เปลี่ยนแปลงโลกลูกหนังไปตลอดกาล


ผู้จัดการทีมอันดับที่ 50: ​[FEATURE] ผู้จัดการทีมฟุตบอลยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล #50 : มาร์เซโล บิเอลซา