แฟนบอล ลิเวอร์พูล น่าจะเคยได้ยินชื่อ ‘สไปซ์บอย’ มาบ้าง แต่บางคนโดยเฉพาะที่ไม่ทันช่วงยุค 90 อาจจะทำหน้างงว่านี่คือชื่อวงบอยด์แบนด์หรืออย่างไร?
เกือบถูกต้องแล้วเมื่อชื่อ ‘สไปซ์บอย’ เป็นการล้อเลียนชื่อจาก ‘สไปซ์เกิร์ล’ วงเกิร์ลกรุ๊ปชื่อดังของอังกฤษในตอนนั้นที่ภายหลังหนึ่งในสมาชิกอย่าง วิคตอเรีย อดัมส์ ได้กลายมาเป็นภรรยาของ เดวิด เบ็คแฮม ด้วย
สไปซ์บอยประกอบไปด้วยนักเตะอย่าง ร็อบบี ฟาวเลอร์, สตีฟ แม็คมานามาน, เจสัน แม็คอาเทียร์ และ เจมี เรดแนปป์ แต่หากจะผนวก จอห์น สเกล, ฟิล บาปป์, เดวิด เจมส์ หรือแม้กระทั่ง สแตน คอลลีมอร์ และ พอล อินซ์ ก็ไม่ถือว่าผิดอะไร
ฉายานี้ไม่ใช่นักเตะคิดขึ้นมาเองแน่นอนแต่เริ่มต้นจากสื่ออย่าง เดลีย์เมล์ ที่ได้ตั้งให้เริ่มจากที่ ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ กับ เอ็มม่า บันตัน หนึ่งในสมาชิกสไปซ์เกิร์ลมีข่าวว่าได้กุ๊กกิ๊กกัน
กอปรกับการที่นักเตะ ลิเวอร์พูล ในตอนนั้นต่างมีหน้าตาที่หล่อเหลาพร้อมยังเชื่อว่ามีพฤติกรรมรักสนุกเป็นเพลย์บอยควงหญิงไม่ซ้ำหน้าจึงทำให้สื่อกระพือมันเข้าไปใหญ่
แม้ว่า ฟาวเลอร์ และหลายๆ คนจะไม่ชอบกับฉายาและที่มาของมันแต่ครั้งหนึ่งพวกเขาก็ทำในสิ่งที่ตอกย้ำกับภาพพจน์นี้เข้าเต็มๆ ในเกมรอบชิงชนะเลิศ เอฟเอคัพ 2016
ก่อนเกมแข้ง หงส์แดง ได้ลงสนามด้วยการใส่สูทสีขาวของอาร์มานีผูกไทสีขาวสลับแดงดูหรูหราราวกลับออกมาจากนิตยสาร
แน่นอนว่ามันเป็นอะไรที่เรียกเสียงฮือฮาเป็นอย่างมากและคงจะหล่อไปกว่านี้หากสุดท้ายไม่มาแป๊กแพ้ต่อ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยสกอร์ 0-1 ไปเสียก่อน
พูดถึงความสำเร็จของ ลิเวอร์พูล ยุค สไปซ์บอย นี้ก็มีเพียงแชมป์ลีกคัพที่ตอนนั้นเรียกว่าโคคาโคล่าคัพเพียงถ้วยเดียว หรือหากจะเรียกกันว่าถ้วยมิคกี้เมาส์ตามแฟนบอลหลายๆ ท่านก็แล้วแต่ศรัทธา
มาดูผลงานในลีกก็อย่างที่รู้ๆ เมื่อจบได้แค่อันดับ 6 ในปี 1993, อันดับ 8 ในปี 1994 ขณะที่ดีสุดก็เป็นอันดับ 3 เท่านั้นเมื่อปี 1996 และ 1998 ขณะที่ทีมคู่แค้นอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลับเป็นแชมป์แล้วเป็นแชมป์อีก
เรียกได้ว่าร่อแร่มานานพอสมควรก่อนที่ สไปซ์บอย จะวงแตกในปี 1998 ตอนที่ ลิเวอร์พูล ตั้ง เฌอร์ราร์ด อูลิเยอร์ เข้ามาคุมทีม
กุนซือตาโปนชาวฝรั่งเศสรายนี้ขึ้นชื่อเรื่องของระเบียบวินัยและความเฮี้ยบ และเหมือนภารกิจที่เขาได้คือการกู้ภาพลักษณ์ของ ลิเวอร์พูล กลับมา จึงได้ปัดกวาดนักเตะที่จัดอยู่ในสไปซ์บอยออกไปหลายต่อหลายคนจนหมดยุคนี้ในที่สุด