การแข่งขัน | ลาลีกาสเปน ฤดูกาล 2019/20 |
วันแข่งขัน | คืนวันอาทิตย์ที่ 1 มีนาคม 2020 |
เวลาแข่งขัน | 03.00 น. ตามเวลาประเทศไทย |
ผลการแข่งขัน | เรอัล มาดริด 2-0 บาร์เซโลนา |
สนาม | ซานติเอโก เบอร์นาเบว |
เรอัล มาดริด เป็ดบ้านอัด บาร์เซโลนา 2-0 โดยมาได้ประตูในช่วงครึ่งเวลาหลังทั้งหมดจาก วินิซิอุส จูเนียร์ นาทีที่ 71 และ มาเรียโน ดิอาซ นาทีที่ 90+3 จบเกม ราชันชุดขาว เปิดรังสอย เจ้าบุญทุ่ม 2-0 แซงขึ้นมาเป็นจ่าฝูงใน ลาลีกา ได้สำเร็จ
เริ่มเกมในครึ่งเวลาแรก ทั้งสองฝ่ายต่างพยายามตั้งเกมของตัวเองและเปิดเกมบุกเข้าใส่กัน แต่ยังคงหาจังหวะลุ้นประตูกันไม่ได้ในช่วง 10 นาทีแรก
เจ้าบ้านดูจะเป็นฝ่ายครองเกมบุกเข้าใส่ได้มากกว่าในช่วงต้น และมีจังหวะได้ลุ้นก่อนจากลูกยิงของ เบนเซมา และ โครส แต่บอลยังโด่งข้ามคานออกไปทั้งสองครั้ง
ด้านผู้มาเยือนกว่าจะตั้งเกมติดและหาจังหวะจบสกอร์ครั้งแรกได้ต้องรอจนผ่าน 20 นาทีแรกไปแล้ว โดยได้ลุ้นจากจังหวะต่อบอลเข้าเขตโทษและเป็น กรีซมันน์ ที่ได้ซัดเต็ม ๆ แต่บอลเหินข้ามคานออกไป
ผ่านครึ่งชั่วโมงแรกของเกม ทั้งสองฝ่ายต่างมีโอกาสเข้าทำพอ ๆ กันทั้งจากจังหวะยิงไกลของ โครส และจังหวะได้ยิงด้วยขวาของ เมสซี แต่ก็ยังไม่ดีพอที่จะเป็นประตูได้
โอกาสที่ไกลเคียงจะเป็นประตูมากที่สุดเป็นของทีมเยือนถึง 2 ครั้งในเวลาห่างกันไม่นาน จากจังหวะที่ อาร์ตู และ เมสซี หลุดเดียว แต่ยังยิงไปติดเซฟของ ธิโบต์ กูร์ตัวส์ ทั้งสองครั้ง
ซึ่งช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีมยังทำอะไรกันไม่ได้ จบ 45 นาทีแรกเสมอกันไปแบบไร้สกอร์ 0-0
เริ่มเกมในครึ่งหลังเป็นทีมเยือนที่ครองบอลได้มากกว่า แต่จังหวะที่ชัดเจนกลับเป็นของเจ้าถิ่น จากลูกปั่นนอกกรอบของ อิสโก้ บอลโค้งเตรียมจะเสียบใต้คาน แต่ แตร์-สเตเก้น ยังบินมาปัดออกไปได้
หลังจากนั้นเป็นเจ้าบ้านที่ครองบอลบุกบ้าง และได้โอกาสลุ้นอีกครั้งจาก อิสโก้ คนเดิม ที่โหม่งผ่านมือ สเตเก้น ไปแล้วแต่ ปิเก้ ยังมาเคลียร์บอลออกจากเส้นได้ทัน
กระทั่งนาทีที่ 71 ราชันชุดขาว ได้ประตูอกนำ 1-0 จากจังหวะหลุดเข้าเขตโทษของ วินิซิอุส จูเนียร์ ก่อนจะยิงไปแฉลบ ปิเก้ เปลี่ยนทางเข้าไป
ช่วงเวลาที่เหลือต่างฝ่ายต่างพยายามบุกเพื่อหวังเอาประตู แต่ก็ทำได้แค่เกือบเท่านั้น
แต่แล้วช่วงทดเวลาบาดเจ็บ เจ้าบ้านมาได้ประตูปิดกล่อง 2-0 จากจังหวะหลุดเดี่ยวของ มาเรียโน ดิอาซ ก่อนจะยิงสวนตัว สเตเก้น เข้าไป
ทำให้จบเกม เรอัล มาดริด เปิดบ้านเอาชนะ บาร์เซโลนา ไปได้ 2-0 เบียดขึ้นมาเป็นจ่าฝูงได้สำเร็จ
เรอัล มาดริด
คะแนนนักเตะ
11 ผู้เล่นตัวจริง : กูร์ตัวส์(8), คาบาฮาล(8), รามอส(7.5), วาราน(7), มาเซโล(7.5), กาเซมิโร(8), บัลบาเด้(7), โครส(7), อิสโก้(7.5), วินิซิอุส(7.5), เบนเซมา(7)
ตัวสำรอง : โมดริช(6), วาซเกวซ(6), ดิอาซ(6.5)
คีย์แมน – กาเซมิโร
เรียกได้ว่าปิดทองหลังพระอย่างแท้จริงสำหรับ มิดฟิลด์ตัวรับชาวบราซิล ที่วันนี้คอยไล่ประกบ ลิโอเนล เมสซี ซะจนอยู่หมัด แถมทักษะเบสิกในการเล่นกับบอลยังยอดเยี่ยม มีความเร็ว ความแข็งแกร่ง และเข้าปะทะได้อย่างไร้ที่ติ โดยเฉพาะในช่วงครึ่งหลังที่ทีมบีบพื้นที่สูง เจ้าตัวจะคอยวิ่งไล่บีบในแดนกลางตลอดเวลา แถมยังเก็บตกจังหวะสองได้บ่อยครั้ง
ประเด็นหลังเกม
การแก้เกมของ ซีดาน
เกมนี้เห็นได้ชัดเลยว่าครึ่งแรกและครึ่งหลังเป็นหนังคนละม้วนจริง ๆ โดยครึ่งแรก ราชัน ชุดขาว เปิดพื้นที่ให้ บาร์เซโลนา ได้เซ็ตบอลบุกค่อนข้างเยอะโดยพวกเขาถอยลงมาตั้งรับต่ำ นั่นทำให้ บาร์ซ่า สามารถหาจังหวะเข้าทำได้ค่อนข้างบ่อยและการสวนกลับเร็วจึงทำได้ค่อนข้างยาก
กระทั้ง 45 นาทีหลัง ซีดาน แก้เกมด้วยการสั่งให้ลูกทีมไล่บีบสูงตั้งแต่หน้าปากประตูของทีมเยือน และมันได้ผลอย่างยอดเยี่ยม เพราะทัพเจ้าบุญทุ่ม ไม่สามารถแก้เพลสได้เลย แถมยังเสียบอลในแดนตนเองบ่อยครั้ง ทำให้ ราชันชุดขาว หาโอกาสเข้าทำได้ชัดเจนมากขึ้นและเป็นที่มาของ 3 คะแนนอันล้ำค่าในเกมวันนี้
บาร์เซโลนา
คะแนนนักเตะ
11 ผู้เล่นตัวจริง : แตร์-สเตเก้น(7), เซเมโด้(7.5), ปิเก้(7.5), อุมติตี้(7), อัลบา(7), บุสเกต(7), เดอ ยอง(6.5), อาร์ตู(7), เมสซี(6.5), วิดัล(6), กรีซมันน์(6.5)
ตัวสำรอง : เบรธเวต(6), ราคิติช(5.5), ฟาติ(5.5)
คีย์แมน – ลิโอเนล เมสซี
เป็นอีกหนึ่งวันที่ “เมจิก แมน” แผลงฤทธิ์ไม่ออก ทั้งที่มีโอกาสหลุดเดียวแบบเหน่ง ๆ หลายครั้ง ซึ่งน่าจะทำได้ดีกว่านี้ แถมวันนี้ยังถูกผู้เล่นของเจ้าบ้านประกบติดหนึบ จนแทบจะไม่มีพื้นที่ให้เล่นเลย บอลมาปุ๊บถึงตัวปั๊บตลอด แถมวันนี้ยังดูไม่เข้าใจกับเพื่อนร่วมทีมเท่าใดนัก จังหวะการขยับ การให้บอล ยังดูขาด ๆ เกิน ๆ อยู่หลายครั้ง
ประเด็นหลังเกม
2 ประตูจากความโชคร้าย
จริงอยู่ที่เกมนี้ เรอัล มาดริด ดูจะเป็นฝ่ายที่มีจังหวะการเข้าทำค่อนข้างชัดเจนกว่า โดนเฉพาะในช่วงครึ่งเวลาหลัง แต่ต้องบอกว่า 2 ประตูที่ ราชันชุดขาว ได้มาในวันนี้นั้น มีโชคเป็นส่วนประกอบทั้งสองประตู
ประตูแรก จังหวะที่ วินิซิอุส หลุดเดียวเข้าไปชนิดที่มุมยิงเหลือไม่มากแล้ว แต่ ปิเก้ ดันเข้ามาบล็อค ทำให้บอลเปลี่ยนทางชนิดที่ สเตเก้น ได้แต้มองบอลลอยผ่านหน้าไป
ส่วนประตูที่สองในช่วงทดเวลาบาดเจ็บของ มาเรียโน ดิอาซ ก็เป็นการหลุดเดียวในลักษณะเดียวกัน ที่มุมปิดแทบจะไม่เหลือแล้ว แถมเจ้าตัวดูจะลื่นในจังหวะที่วางเท้ายิง ซึ่งกลับกลายเป็นดี เพราะทำให้บอลกระดอนกับพื้นเด้งข้ามแขนของ แตร์-สเตเก้น เข้าไปแบบดื้อ ๆ