การแข่งขัน | ฟุตบอล เอฟเอ คัพ 2019/20 รอบที่ 4 |
วันแข่งขัน | คืนวันเสาร์ที่ 25 มกราคม 2020 |
เวลาแข่งขัน | 00.30 น. ตามเวลาประเทศไทย |
ผลการแข่งขัน | ฮัลล์ ซิตี้ 1-2 เชลซี |
สนาม | เคคอม สเตเดี้ยม |
ประเด็นร้อนหลังเกม
ความเป็นไปของเกม
เป็นเกมที่ สิงห์บลู ครองบอลบุกเข้าใส่ตามฟอร์ม และได้ประตูออกนำเร็วตั้งแต่นาทีที่ 6 จาก บัทชัวยี ที่ก็ดูจะมีโชคอยู่พอสมควร ซึ่งหลังจากนั้น เจ้าบ้าน ฮัลล์ ซิตี้ ก็แทบจะไม่สามารถสร้างความหนักใจอะไรให้กับเกมรับ เชลซี ได้เลย กระทั่งจบครึ่งแรก
แต่พอมาในครึ่งหลัง ฮัลล์ เปิดเกมบุกแบบกล้าได้กล้าเสียมากขึ้น ทำให่ พลพรรคสิงห์ไฮโซ ต้องยอมผ่อนเกมถอยลงมาตั้งรับพอสมควร แต่พวกเขาก็ยังมีทีเด็ดจากลูกฟรีคิกที่ บาร์คลีย์ เปิดไปเสาไกลให้ โทโมริ ขึ้นโหม่งโล่ง ๆ เข้าไป จากนั้นเกมดูเหมือนจะอยู่ในการควบคุมของ สิงโตน้ำเงินคราม ทั้งหมด แต่แล้วลูกฟรีคิกของ โกรซิคกี้ ที่ปั่นแฉลบกำแพงเข้าไปเป็นประตูตีตื้นนั้น ช่วยจุดประกายความหวังขึ้นมาให้เจ้าบ้านได้อีกครั้ง แต่สุดท้ายก็ทำไม่สำเร็จ ทำให้ เชลซี บุกมาคว้าชัย และผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายไปได้ตามคาด
เกมริมเส้นเงียบสงัด
วันนี้ต้องบอกเลยว่าเกมรุกริมเส้นทั้งสองฝั่งที่เป็นทีเด็ดของ เชลซี ในยุค แฟรงค์ แลมพาร์ด นั้น กลับเงียบหายไปดื้อ ๆ แทบจะตลอดทั้งเกม โดยเฉพาะปีกทั้งสองข้างอย่าง คัลลัม ฮัดสัน-โอดอย และ เปโดร ที่แทบจะไม่มีส่วนร่วมกับเกมเลยโดยเฉพาะในช่วงครึ่งแรก ทำให้ทีมจำเป็นต้องเปลี่ยนมาเน้นการเจาะตรงกลาง และจ่ายทะลุช่องเข้ากรอบเขตโทษแทน
แต่หลังจากการเปลี่ยน วิลเลียน ลงมาในนาทีที่ 67 แทนที่ โอดอย และ ขยับ เปโดร เข้ามาเล่นตรงกลางนั้น ดูเกมรุกของพวกเขาจะมีสีสันมากขึ้นในทันตา ทั้ง วิลเลียน และ เปโดร ผลัดกันสร้างสรรค์เกมรุกให้กับทีมในช่วงท้ายได้อย่างเข้าขา แม้จะไม่สามารถบวกสกอร์เพิ่มให้กับทีมได้ก็ตาม
เส้นทางสู่แชมป์แรก ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ
ฟุตบอลถ้วย เอฟเอ คัพ นี้ ดูเหมือนจะเป็นอีกรายการที่ แฟรงค์ แลมพาร์ด ต้องการจะนำมาประดับโปรไฟล์ตัวเองเป็นรายการแรกให้ได้อยู่เหมือนกัน
แต่ต้องบอกเลยว่ารอบ 16 ทีม นั้น ณ ขณะนี้ ทีมใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทีมระดับ บิ๊ก 6 ยังอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา ไม่เพียงแค่นั้นเกมนี้เราได้เห็นแล้วว่า แม้จะเป็นแค่ทีมเล็ก ๆ แต่พวกเขาก็พร้อมจะสู้ตายถวายหัวเช่นกัน จึงแทบจะเรียกได้ว่าเส้นทางต่อจากนี้จะไม่มีเกมไหนที่ง่ายสำหรับพวกเขาเลยก็ว่าได้ เพราะฉนั้นทีมของ ป๋าแลมพ์ จะต้องเน้นเต็มที่ไม่ว่าคู่แข่งจะเป็นใคร หากต้องการคว้าแชมป์รายการนี้ที่ดูจะมีความเป็นไปได้มากที่สุดในบรรดาทุกถ้วยที่ยังมีลุ้นอยู่ในซีซั่นนี้ของ ทัพสิงโตน้ำเงินคราม