ประตูจาก เซร์คิโอ อเกวโร และ ริยาด มาห์เรซ ช่วยให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เก็บ 3 คะแนนเต็มในการพบกับ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด หลังเอาชนะด้วยสกอร็ 2-0 ในศึก พรีเมียร์ลีก ที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
เกมเริ่มต้นด้วยการส่งบอลสู่ก้นตาข่ายได้ก่อนของ ลิส มุสเซ็ต จากจังหวะสวนกลับเร็วของพลพรรค ดาบคู่ ทว่าการพิจารณาจาก VAR ตัดสินให้หัวหอก เชฟฟิลด์ ล้ำหน้าไปเพียงนิดเดียวเท่านั้นทำให้จังหวะดังกล่าวไม่เป็นระตู
โมเมนตัมตกเป็นของ เรือใบสีฟ้า ที่ครองบอลได้มากกว่าหลังจากนั้นแต่พวกเขาไม่สามารถสร้างโอกาสถนัดถนี่ได้มากนักก่อนที่จะจบครึ่งแรกแบบไร้สกอร์
ครึ่งหลังเริ่มต้นมาได้เพียง 7 นาทีทัพ ซิตีเซนส์ ก็เป็นฝ่ายออกนำ 1-0 เมื่อทีมเยือนเสียบอลในแดนของตนเองจากจังหวะที่ผู้ตัดสินขวางทางการเล่นของ จอห์น เฟล็ค ทำให้บอลไปถึง เดวิน เดอ บรอยน์ ก่อนที่มิดฟิลด์ เบลเจี้ยน จะแทงทะลุช่องให้กับ อเกวโร ได้หลุดเข้าไปล่อเป้าในกรอบเขตโทษไม่พลาด
เดอ บรอยน์ เจ้าเก่ามาพังประตู 2-0 ให้ทีมในนาทีที่ 82 จากการทำชิ่งกับ ริยาด มาห์เรซ ก่อนที่ เคดีบี จะได้ซัดเลียดในกรอบเขตโทษหักข้อด้วยขวาชนิดที่ ดีน เฮนเดอร์สัน ได้แต่ป้องกันด้วยสายตาและจบเกมไปด้วยสกอร์ดังกล่าว
แมนเชสเตอร์ ซิตี้
ประเด็นหลังเกม
เรือใบสีฟ้า ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องเก็บชัยชนะทุกเกมที่เหลือในศึก พรีเมียร์ลีก หากหวังที่จะไล่บี้ ลิเวอร์พูล เพื่อแย่งแชมป์มาครองแต่พวกเขากลับออกสตาร์ทอย่างตะกุกตะกักในเกมนี้
เคลาดิโอ บราโบ, โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ และ เอริค การ์เซีย ถูกส่งออกสตาร์ทกับวันที่ เอแดร์ซอน และ แบงฌาแม็ง เมนดี้ ติดโทษแบน ขณะที่ นิโกลาส์ โอตาเมนดี้ ถูกโรเตชันพักแข้ง
ในเกมที่บรรดาแข้งตัวรุกลูกทีมของ เป๊บ กวาร์ดิโอลา ต่างไม่สามารถสร้างจุดเปลี่ยนที่สำคัญให้กับทีมได้ เควิน เดอ บรอยน์ ก็สวมบทบาทฮีโร่แอสซิสต์ 1 และพังประตูอีก 1 ลูกช่วยให้สถานการณ์ไล่ตามที่ง หงส์แดง และ เลสเตอร์ ซิตี้ ไม่เลวร้ายไปกว่านี้
คะแนนนักเตะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้
11 ผู้เล่นตัวจริง: บราโบ (6); วอล์คเกอร์ (6), การ์เซีย (8), แฟร์นันดินโญ (6), ซินเชนโก้ (7); เดอ บรอยน์ (8), โรดรี (6), แบร์นาโด้ (5); มาห์เรซ (7), อเกวโร (6), สเตอร์ลิง (6)
ตัวสำรอง: กุนโดกัน (6), โฟเด้น (6)
คีย์แมน – เอริค การ์เซีย
ด้วยสไตล์การเล่นของ แมนฯ ซิตี้ ที่บอลมักอยู่นการครอบครองของพวกเขาก็มักทำให้แนวรับไม่ได้ถูกกดดันมากนักนอกจากจังหวะการถูกสวนกลับเร็วโดยคู่แข่งที่มักเป็นหมัดน็อคแดนหลังของทัพ ซิตีเซนส์
ในเกมที่ เอริค การ์เซีย เจ้าหนูวัยเพียง 18 ปีถูกส่งลงประเดิมสนามออกสตาร์ทเป็นตัวจริงในศึก พรีเมียร์ลีก เป็นนัดแรกกับบทบาทเซ็นเตอร์แบ็ค แข้งวัยกระเตาะสามารถเค้นฟอร์มบัญชาแนวรับของทีมเคียงข้างกับ แฟร์นันดินโญ ได้อย่างมั่นใจและเป็นหนึ่งในคีย์แมนสำคัญช่วยให้ทีมสามารถเก็บชัยชนะได้ในเกมนี้