การแข่งขัน | ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ 2019/20 |
วันแข่งขัน | วันเสาร์ที่ 30 พฤศจิกายน 2019 |
เวลาแข่งขัน | 22.00 น. ตามเวลาประเทศไทย |
ผลการแข่งขัน | เชลซี 0-1 เวสต์แฮม |
สนาม | สแตมฟอร์ด บริดจ์ |
ประเด็นร้อนหลังเกม
ครึ่งแรก – ครึ่งหลัง หนังคนละม้วน
เกมนี้ในช่วงครึ่งเวลาแรก พลพรรคสิงโตน้ำเงินคราม ดูจะเป็นฝ่ายครองเกมเอาไว้ได้ดีกว่า แม้จะหาจังหวะเข้าทำ จังหวะจบสกอร์ ได้ค่อนข้างน้อย แต่ภาพรวมการเข้าทำยังถือว่ามีโอกาสได้ลุ้นประตูอยู่บ้าง น่าเสียดายที่โอกาสจบสกอร์ยังไม่เฉียบขาดพอ จนกระทั่ง…
เริ่มเกมในครึ่งเวลาหลัง ผู้เล่น เวสต์แฮม ดูจะมีความกระตือรือร้นมากขึ้น ขยันวิ่งไล่บอล รวมถึงเปิดเกมบุกเข้าใส่ทางเจ้าถิ่นมากกว่าในช่วงครึ่งเวลาแรก จนมาได้ประตูขึ้นนำเร็วตั้งแต่ช่วงต้นครึ่งหลัง นั่นทำให้พวกเขาเล่นได้ง่านขึ้นกว่าเดิมมาก ส่วนทางด้านเจ้าถิ่น พอเสียประตูก็พยายามเปิดเกมบุกเข้าใส่อย่างหนัก แต่กลับไม่สามารถทำอะไรแนวรับของ ทีมขุนค้อนได้เลยแม้แต่น้อย เรียกได้ว่าโอกาสจบสกอร์แทบไม่มีให้เห็นเลยตลอดทั้ง 45 นาทีหลัง แถมยังโดนลูกโต้กลับของทีมเยือนเล่นงานซะจนเกือบเสียประตูที่สอง แต่ยังดีที่ VAR มาช่วยทีมไว้ได้
เวลาของ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ในทีมของ แฟรงค์ แลมพาร์ด
วันนี้เนื่องจากหัวหอกตัวเก่งของ สิงห์บลู อย่าง แทมมี อับราฮัม มีอาการบาดเจ็บที่บริเวณสะโพก ทำให้หลายคนคาดว่า มิชี บัทชัวยี จะได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงกับเขาบ้างเสียที แต่กลับผิดคาด ที่กลายเป็น โอลิวิเยร์ ชิรูด์ กองหน้าตัวเก๋าได้รับโอกาสลงเล่นแทน ซึ่งก่อนเกมแฟน ๆ เชลซี ก็คงแอบหวังเอาไว้ว่า เจ้าตัวจะมีทีเด็ดจากลูกกลางอากาศ หรือไม่ก็สามารถพักบอล เก็บบอลในแดนหน้า ใช้ความแข็งแกร่งสร้างสรรค์เกมให้กับทีมได้
แต่แล้ว ทุกคนก็ต้องผิดหวังไปตาม ๆ กัน กับฟอร์มการเล่นของ หัวหอกชาวฝรั่งเศส รายนี้ เพราะว่าเจ้าตัวแทบไม่มีโอกาสได้บอลเลยตลอด 70 นาทีที่อยู่ในสนาม แถมพอมีโอกาสได้จบสกอร์แบบเหน่ง ๆ เจ้าตัวก็กลับพลาดโอกาสทองไป ซึ่งหากดูจากฟอร์มในวันนี้แล้ว ชิรูด์ แทบจะไม่เข้ากับแผนการเล่นของของ แฟรงค์ แลมพาร์ด เลยแม้แต่น้อย แต่ยังพอจะมีเวลาพิสูจน์ตัวเองอยู่บ้างในช่วงที่ แทมมี เจ็บไป หากเจ้าตัวสามารถพิสูจน์ได้ว่ายังมีไฟเพชรฆาตอยู่ในตัว เป็นไปได้ว่า อนาคตของเขากับ เชลซี อาจจะลุกโชนขึ้นมาอีกครั้งก็เป็นได้
อันดับ 5-6-7 ไล่ตามมาแล้ว
จากความปราชัยในลีก 2 เกมติดต่อกันนี้ ทำให้ พลพรรคสิงโตน้ำเงินคราม ยังคงจอดอยู่ที่ 26 คะแนนเท่าเดิม ซึ่งแม้จะยังรั้งอันดับ 4 ในตาราง แต่ต้องบอกเลยว่าสถานการณ์ของพวกเขา จะนิ่งนอนใจไม่ได้อีกต่อไป เพราะทีมอันดับที่ 5 ในขณะนี้คือ ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ ของ อดีตนายเก่าอย่าง โชเซ มูรินโญ ที่เก็บชัยชนะรวดหลังจากเปลี้ยนกุนซือมา จนทำให้ระยะห่างของทั้งสองทีมตอนนี้ลดลงเหลือเพียง 6 คะแนนเรียบร้อยแล้ว นี่ยังไม่นับ วูล์ฟ และ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ที่มี 19 และ 18 คะแนนตามลำดับ แถมยังแข่งน้อยกว่าอีก 1 นัด ที่ยังคงไล่จี้มาติด ๆ ทำให้ ณ ตอนนี้ แฟรงค์ แลมพาร์ด จำเป็นต้องเรียกฟอร์มเก่งของทีมกลับมาให้เร็วที่สุด ก่อนที่พื้นที่ ท็อป 4 จะหลุดลอยจากกำมือพวกเขาไป