ลิเวอร์พูล vs แมนเชสเตอร์ ซิตี้ : พรีวิว พรีเมียร์ลีก, วัน+เวลาการแข่งขัน, ถ่ายทอดสด


ข้อมูลการแข่งขัน


การแข่งขัน ฟุตบอล พรีเมียร์ลีกอังกฤษ 2019/20 นัดที่ 12
วันแข่งขัน วันอาทิตย์ที่ 10 พฤศจิกายน 2019
เวลาแข่งขัน 23.30 น. ตามเวลาประเทศไทย
คู่แข่งขัน ​ลิเวอร์พูล vs ​แมนเชสเตอร์ ซิตี้
สนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด
ถ่ายทอดสด True Premier Football HD1 (600)

ความพร้อมทั้ง 2 ทีม


ลิเวอร์พูล

อเล็กซ์ อ็อกซ์เหลด-แชมเบอร์เลน มีลุ้นได้ออกสตาร์ทเป็นหนึ่งใน 11 ผู้เล่นตัวจริงเมื่อทำผลงานให้กับ หงส์แดง ได้อย่างยอดเยี่ยมในช่วงไม่กี่เกมหลังสุดแทนที่ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ที่ถูกดร็อปตั้งแต่เกมเมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมาจากอาการป่วยหาก เฮนโด้ ไม่สามารถหายได้ทันโดยจะมี ฟาบินโญ ประจำการเป็นหนึ่งในมิดฟิลด์

คาดการณ์ว่า เดยัน ลอฟเรน จะได้กลับมาประสานงานคู่กับ เวอร์จิล ฟาน ไดค์ ในตำแหน่งปราการหลังตัวกลางอีกครั้งแทนที่ โจ โกเมซ ขณะที่ โจเอล มาติป ยังคงมีปัญหาอาการบาดเจ็บที่เข่า

คาดการณ์ 11 ตัวจริง : 4-3-3

ผู้รักษาประตู อลิสซอน
กองหลัง อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, ลอฟเรน, ฟาน ไดค์, โรเบิร์ตสัน
กองกลาง เฮนเดอร์สัน, ฟาบินโญ, ไวนัลดุม
กองหน้า ซาลาห์, ฟิร์มิโน, มาเน

 

​​แมนเชสเตอร์ ซิตี้

ทัพ เรือใบสีฟ้า ยังคงต้องรอเช็คความฟิต เอแดร์ซอน จนถึงนาทีสุดท้ายหลังเจ้าตัวได้รับบาดเจ็บจนต้องถูกเปลี่ยนตัวออกตั้งแต่ต้นครึ่งหลังในเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมาโดยมี เคลาดิโอ บราโบ เป็นมือกาวแบ็คอัพ

ดาบิด ซิลบา ยังคงเดี้ยงหมดสิทธิ์ลงช่วยทีมเช่นเดียวกับ เลรอย ซาเน, ไอเมอริค ลาปอร์ต, โรดริโก้ และ โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ โดยคาดว่า เป๊บ กวาร์ดิโอลา จะจัดทีมในชุดใกล้เคียงกับเกมที่เสมอกับ อตาลันต้า 1-1 โดยมี เซร์คิโอ อเกวโร, จอห์น สโตนส์ และ ไคล์ วอล์คเกอร์ ที่เป็นตัวสำรองในเกมก่อนอาจได้หมุนเวียนกลับมาเป็นตัวจริงอีกครั้ง

คาดการณ์ 11 ตัวจริง : 4-3-3

ผู้รักษาประตู บราโบ
กองหลัง วอล์คเกอร์, สโตนส์, แฟร์นันดินโญ, เมนดี้
กองกลาง เดอ บรอยน์, กุนโดกัน, แบร์นาโด้
กองหน้า มาห์เรซ, อเกวโร, สเตอร์ลิง

ผลงาน 5 นัดหลังสุด


ลิเวอร์พูล (ชนะ 5 เสมอ 0 แพ้ 0)

6 พฤศจิกายน แชมเปี้ยนส์ลีก ลิเวอร์พูล 2 : 1 เกงค์ ชนะ
2 พฤศจิกายน พรีเมียร์ลีก แอสตัน วิลลา 1 : 2 ลิเวอร์พูล ชนะ
31 ตุลาคม คาราบาว คัพ ลิเวอร์พูล 6 : 5(5 : 5) อาร์เซนอล ชนะ
27 ตุลาคม พรีเมียร์ลีก ลิเวอร์พูล 2 : 1 สเปอร์ส ชนะ
24 ตุลาคม แชมเปี้ยนส์ลีก เกงค์ 1 : 4 ลิเวอร์พูล ชนะ

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (ชนะ 4 เสมอ 1 แพ้ 0)

7 พฤศจิกายน แชมเปี้ยนส์ลีก อตาลันต้า 1 : 1 แมนฯ ซิตี้ เสมอ
2 พฤศจิกายน พรีเมียร์ลีก แมนฯ ซิตี้ 2 : 1 เซาแธมป์ตัน ชนะ
30 ตุลาคม คาราบาว คัพ แมนฯ ซิตี้ 3 : 1 เซาแธมป์ตัน ชนะ
26 ตุลาคม พรีเมียร์ลีก แมนฯ ซิตี้ 3 : 0 แอสตัน วิลลา ชนะ
23 ตุลาคม แชมเปี้ยนส์ลีก แมนฯ ซิตี้ 5 : 1 อตาลันต้า ชนะ

เฮดทูเฮด (ลิเวอร์พูล ชนะ 2 เสมอ 1 แมนฯ ซิตี้ ชนะ 2)

4 สิงหาคม 2019 แชมเปี้ยนส์ลีก ลิเวอร์พูล 1 : 2(1 : 1) แมนฯ ซิตี้
4 มกราคม 2019 พรีเมียร์ลีก แมนฯ ซิตี้ 2 : 1 ลิเวอร์พูล
7 ตุลาคม 2018 พรีเมียร์ลีก ลิเวอร์พูล 0 : 0 แมนฯ ซิตี้
26 กันยายน 2018 ไอซีซี แมนฯ ซิตี้ 1 : 2 ลิเวอร์พูล
11 เมษายน 2018 แชมเปี้ยนส์ลีก แมนฯ ซิตี้ 1 : 2 ลิเวอร์พูล


สถิติจาก OPTA ที่น่าสนใจ


  • ลิเวอร์พูล ปราชัยต่อ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในเกมเหย้าบนเวที พรีเมียร์ลีก เพียงแค่ 1 นัดเท่านั้นจาก 28 เกมหลังสุด (สกอร์ 1-2 ตั้งแต่พฤษภาคม 2003) และไร้พ่ายใน แอนฟิลด์ รายการนี้ต่อ เรือใบสีฟ้า 16 แมตช์ติดต่อกัน

  • หลังจากที่ ซิตี้ ปราชัยต่อทัพ เร้ดแมชีน 4 นัดติดต่อกันระหว่างปี 2015-2016 หลังจากนั้นพวกเขาแพ้ต่อ หงส์แดง แค่เพียง 1 นัดเท่านั้นจากการพบกัน 5 ครั้งหลังสุดในรายการนี้ (ชนะ 2 เสมอ 2)

  • แมนฯ ซิตี้ ไร้ชัยในเกมเยือน ลิเวอร์พูล ใน พรีเมียร์ลีก 16 เกมหลังสุดเข้าไปแล้ว นับเป็นสถิติที่ยาวนานที่สุดของพวกเขาต่อคู่แข่งทั้งหมดในรายการนี้

  • เดอะเร้ดส์ เป็นทีมที่สามารถคว่ำแชมป์เก่า พรีเมียร์ลีก ได้มากที่สุดในรายการนี้ (21 ครั้ง) และยังไม่เคยปราชัยต่ออดีตแชมป์เลยนับตั้งแต่ธันวาคม 2007 (0-1 ต่อ แมนฯ ยูไนเต็ด) เก็บชัยชนะได้ 6 นัดและเสมอ 5

  • นับเป็นครั้งที่ 35 ในประวัติศาสตร์ พรีเมียร์ลีก ที่แชมป์เก่าโคจรมาพบกับจ่าฝูงในขณะนั้น โดยต่างฝ่ายต่างเก็บชัยชนะได้เท่ากันที่ 9 นัด (เสมอ 16) โดยครั้งล่าสุดที่เกิดขึ้นคือมกราคม 2019 ซึ่ง แมนฯ ซิตี้ สามารถเอาชนะ ลิเวอร์พูล ได้ 2-1 ในเกมดังกล่าว

  • หงส์แดง เพิ่งจะปราชัยในลีกเพียงแค่ 1 นัดจาก 50 เกมหลังสุด (ชนะ 41 เสมอ 8 แพ้ 1) โดยความพ่ายแพ้ดังกล่าวเกิดขึ้นในเกมกับ ซิตี้ เมื่อเดือนมกราคม และลูกทีมของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ยังไร้พ่ายในเกมลีก 28 นัดหลังสุดอีกด้วย

  • ลิเวอร์พูล เป็นทีมเดียวในลีกที่สามารถเก็บชัยชนะได้ถึง 10 เกมจาก 11 เกมแรกของลีกและพวกเขายังเป็นฝ่ายคว้าชัยในลีก 2 นัดหลังสุดได้แม้ว่าจะเสียประตูไปก่อนก็ตาม ทว่า หงส์แดง ยังไม่เคยคัมแบ็คจากการตามหลังได้ 3 เกมติดต่อกันมาก่อนในประวัติศาสตร์ พรีเมียร์ลีก

  • พลพรรค ซิตีเซนส์ เก็บชัยชนะ 11 เกมจากทั้งหมด 12 นัดเยือนหลังสุด พ่ายแพ้เพียงนัดเดียวต่อ นอริช (2-3) เท่านั้นโดยซัดได้ถึง 30 ประตูคิดเป็นค่าเฉลี่ย 2.5 ลูกต่อเกม

  • ลูกทีมของ เป๊บ กวาร์ดิโอลา ไม่สามารถยิงประตูได้ในเกมเยือน พรีเมียร์ลีก เพียง 6 นัดจากทั้งหมด 62 แมตช์เท่านั้น โดย 3 ใน 6 เกมดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเจอกับทีมจาก เมอร์ซีย์ไซด์ (2 นัดกับ ลิเวอร์พูล และ 1 นัดกับ เอฟเวอร์ตัน) ขณะที่อีก 3 เกมเกิดขึ้นเมื่อเจอกับทีมจาก ลอนดอน (สเปอร์ส, คริสตัล พาเลซ และ เชลซี)

  • แม้ว่าทัพ เร้ดแมชีน จะยิงประตูใน พรีเมียร์ลีก ได้ต่อเนื่องยาวนานที่สุดเป็นอันดับที่ 2 ในประวัติศาสตร์ (45 เกม) แต่พวกเขาเสียประตูทุกนัดในเกมเหย้าบนลีก 5 นัดหลังสุด

  • เป๊บ กวาร์ดิโอลา มีสถิติปราชัยต่อ เยอร์เก้น คล็อปป์ มากที่สุดในเส้นทางผู้จัดการทีมเมื่อรวมการพบกันทุกรายการที่ 7 นัด