การแข่งขันฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 2019/20 รอบแบ่งกลุ่ม
คืนวันอังคารที่ 5 พฤศจิกายน 2019
เวลาแข่งขัน 03.00 น. ตามเวลาประเทศไทย
ผลการแข่งขัน ลิเวอร์พูล 2-1 เกงค์
สนามแอนฟิลด์
4. ซ้อมใหญ่ หงส์แดง
นับว่าเป็นเกมที่พลพรรค ลิเวอร์พูล เล่นราวกับซ้อมใหญ่โดยเฉพาะในครึ่งเวลาแรกเมื่อพวกเขาเป็นฝ่ายครองเกมได้ฝ่ายเดียวและดาหน้าเซ็ตบอลเข้าทำอย่างต่อเนื่องกระทั่งมาได้ประตูขึ้นนำจาก จินี ไวนัลดุม ตั้งแต่นาทีที่ 14 ของเกม
ประตูเบิกร่องยิ่งทำให้ หงส์แดง เล่นด้วยความมั่นใจยิ่งขึ้นกว่าเดิม บอลถูกถ่ายสลับซ้ายทีขวาทีพร้อมกับการดาหน้าเติมขึ้นไปมีส่วนกับเกมรุกของบรรดานักเตะในแดนกลางและฟูลแบ็คสองข้างโดยที่เกมสวนกลับของ เกงค์ ไร้ประสิทธิภาพอย่างสิ้นเชิง
โอกาสยิงประตูครั้งแรกของทีมเยือนมาเกิดขึ้นเอาในนาทีที่ 41 จากการโหม่งลูกเตะมุมของ ซามาตตา และโชคร้ายสำหรับ เร้ดแมชีน ที่มันกลายเป็นประตู หลังจากนั้นโมเมนตัมเอนเอียงไปที่ทีมจาก เบลเยียม กระทั่งจบครึ่งแรก
ครึ่งหลังรูปเกมยังคงเป็นไปในรูปแบบเดิมแต่ดูบรรดาลูกทีมของ เยอร์เก้น คล็อปป์ จะเผชิญหน้ากับความกดดันมากขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อยจากสกอร์ที่เท่ากัน อย่างไรก็ตาม ประตูของ อเล็กซ์ อ็อกซ์เหลด-แชมเบอร์เลน ในนาทีที่ 53 ก็มาปลดล็อคให้กับพวกเขาอีกครั้ง ทว่าเจ้าถิ่นไม่สามารถรักษาระดับความดุดันเอาไว้ได้ตลอดรอดฝั่งรวมกับพลาดโอกาสทองที่จะทำให้สกอร์หนีไปเป็น 3-1 อีกมากมายหลังจากนั้นจึงทำให้ เกงค์ เกือบจะคัมแบ็คกลับมาได้ในช่วงท้ายเกม เคราะห์ดีที่ อลิสซอน เบ็คเกอร์ ซูเปอร์เซฟลูกยิงจากการหลุดเดี่ยวของ เฮย์เนน ไว้ได้อย่างน่าเหลือเชื่อ
3. ฟูลแบ็คยังคงร้อนแรง
ด้วยการที่มีเกมสำคัญกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในศึก พรีเมียร์ลีก รออยู่ในสุดสัปดาห์นี้ทำให้ เยอร์เก้น คล็อปป์ จำเป็นต้องโรเตชันทีมบางส่วน หนึ่งในนั้นคือ เจมส์ มิลเนอร์ ที่ได้ลงประจำการที่แบ็คซ้ายแทน แอนดี้ โรเบิร์ตสัน โดยมี เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ทำหน้าที่ที่แบ็คขวาเช่นเดิม
เจ้าหนู เทรนท์ ยังคงโดดเด่นเหมือนเช่นเคยกับการเติมเกมรุกและการครอสที่กราบขวา แต่ที่น่าประทับยิ่งกว่านั้นก็คือ มิลเนอร์ ในวัย 33 ปีที่เล่นได้อย่างวูบวาบที่ริมเส้นฝั่งซ้าย ความหวือหวาแบบ โรเบิร์ตสัน ถูกทดแทนด้วยความเข้าใจเกมเมื่อ น้ามิล สามารถสอดประสานกับทั้งแดนกลางและแดนหน้าได้อย่างลงตัว
2. ดิอ็อกซ์ พร้อมสอดแทรกแดนกลาง
หลังจากได้รับบาดเจ็บหนักจนต้องพักยาวเมื่อซีซันที่ผ่านมาก่อนที่จะกลับมามีส่วนร่วมกับทีมได้อย่างเต็มๆ อีกครั้งในฤดูกาล 2019/20 จนถึงเวลานี้ อเล็กซ์ อ็อกซ์เหลด-แชมเบอร์เลน มีส่วนร่วมกับการได้ประตูของทีมไปแล้ว 5 ครั้ง (4 ประตู 1 แอสซิสต์) จากการลงสนาม 13 นัดเมื่อรวมทุกรายการ (ตัวจริง 7 นัดและสำรอง 6 นัด)
ดิอ็อกซ์ ถูกจับไปเล่นที่กราบซ้ายรวมทั้งเคลื่อนที่ประสานงานกับเพื่อนร่วมทีมที่แดนกลาง ด้วยความคล่องแคล่วที่มีทำให้ดาวเตะชาว อังกฤษ โดดเด่นยามโฉบขึ้นไปยังพื้นที่ว่างเพื่อมีส่วนร่วมกับเกมรุกกระทั่งเป็นที่มาของการได้ประตูชัยของทีมในครึ่งหลัง
1. ทางข้างหน้าของ หงส์แดง
เยอร์เก้น คล็อปป์ วางเดิมพันโรเตชันบรรดานักเตะตัวหลักทั้ง แอนดี้ โรเบิร์ตสัน, ซาดิโอ มาเน และ โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน ไว้ที่ข้างสนามเมื่อมีเกมซูเปอร์บิ๊กแมตช์กับ แมนฯ ซิตี้ รออยู่ และเดิมพันดังกล่าวของกุนซือเฮฟวีเมทัล ก็เป็นผลดีกับ หงส์แดง เมื่อลูกทีมชุดผสมสามารถเอาตัวรอดในเกมกับ เกงค์ ได้สำเร็จแม้จะมีจังหวะหวาดเสียวให้เห็นอยู่บ้างประปราย
จากนี้ คล็อปป์ ก็เหลือเพียงการวางแท็คติกโฟกัสกับเกมดวล เรือใบสีฟ้า อย่างเต็มที่ซึ่งน่าจะเป็นหนึ่งในจุดเปลี่ยนเส้นทางลุ้นแชมป์ พรีเมียร์ลีก ซีซันนี้ของทั้ง 2 ทีมก่อนที่ เร้ดแมชีน จะตะลุยโปรแกรมหฤโหดทั้งในลีก, คาราบาว คัพ, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก และคิวเตะชิงแชมป์สโมสรโลก ในเดือนธันวาคมนี้