ลิเวอร์พูล vs เชลซี : พรีวิว ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ, วัน+เวลาการแข่งขัน, ถ่ายทอดสด


ข้อมูลการแข่งขัน


การแข่งขัน ฟุตบอล ​ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ 2019
วันแข่งขัน คืนวันพุธที่ 14 สิงหาคม 2019
เวลาแข่งขัน 02:00 น. ตามเวลาประเทศไทย
คู่แข่งขัน ​ลิเวอร์พูล vs ​เชลซี
สนาม โวด้าโฟน อารีนา, อิสตันบูล ประเทศ ตุรกี
ถ่ายทอดสด รอการยืนยันอย่างเป็นทางการ

ความพร้อมทั้ง 2 ทีม


ลิเวอร์พูล

อลิสซอน เบ็คเกอร์ นายทวารทีมชาติ บราซิล ของ หงส์แดง ได้รับบาดเจ็บที่กล้ามเนื้อน่องจากเกม พรีเมียร์ลีก เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาซึ่งจะทำให้เขาต้องพักยาวราว 8 สัปดาห์และจะไม่สามารถลงช่วยทีมในเกมนี้ได้อย่างแน่นอน โดยจะเป็นโอกาสของ อาเดรียน มือกาวที่ เร้ดแมชีน เพิ่งคว้าตัวเข้ามาใหม่

ซาดิโอ มาเน ฟิตพอที่จะลงเล่นเป้นตัวสำรองในเกมที่พวกเขาเอาชนะ นอริช 4-1 และคาดว่าเจ้าตัวจะได้ออกสตาร์ทในเกมนี้ อย่างไรก็ตามมีความเป็นไปได้สูงที่ เยอร์เก้น คล็อปป์ จะหมุนเวียนผู้เล่นโดยมี อเล็กซ์ อ็อกซ์เหลด-แชมเบอร์เลน, นาบี เกอิต้า, โจเอล มาติป และ เจมส์ มิลเนอร์ จะได้ลงโชว์ฟอร์มในเกมที่ อิสตันบูล

คาดการณ์ 11 ตัวจริง : 4-3-3

ผู้รักษาประตู อาเดรียน
กองหลัง อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, มาติป, ฟาน ไดค์, โรเบิร์ตสัน
กองกลาง มิลเนอร์, ฟาบินโญ, เฮนเดอร์สัน
กองหน้า ซาลาห์, ฟิร์มิโน, มาเน

เชลซี

คาดการณ์ว่า แฟรงค์ แลมพาร์ด กุนซือ สิงห์บลู ได้ตั้งธงจะโรเตชันผู้เล่นในเกมนี้แต่จากความพ่ายแพ้ยับเยินต่อ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 4-0 เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมาทำให้ซูเปอร์แฟรงค์ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบในการจะหมุนเวียนแข้งหลัก

โดย เอ็นโกโล ก็องเต้ ฟิตที่จะลงเล่นเป็นตัวสำรองในเกมปราชัยต่อ ปีศาจแดง และเจ้าตัวน่าจะได้ออกสตาร์ทในเกมนี้เช่นเดียวกับ คริสเตียน พูลิซิช ขณะที่ วิลเลียน ไม่มีชื่อในเกมดังกล่าวแต่ดาวเตะทีมชาติ บราซิล ไม่น่าจะมีปัญหาในการเป็นหนึ่งใน 11 จริงที่ อิสตันบูล เช่นเดียวกัน

อย่างไรก็ตาม ความผิดพลาดของ เคิร์ท ซูมา อาจทำให้เจ้าตัวถูกดร็อปในเกมดวล หงส์แดง โดย เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า กับ ฟิกาโย โทโมรี และ อันเดรียส คริสเตนเซน เป็น 3 ตัวเลือกในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็คเมื่อ อันโตนิโอ รือดิเกอร์ ยังคงพักรักษาตัวจากอาการบาดเจ็บ

คาดการณ์ 11 ตัวจริง : 4-2-3-1

ผู้รักษาประตู อาร์ริซาบาลากา
กองหลัง อัซปิลิกวยต้า, ซูมา, คริสเตนเซน, อลอนโซ
กองกลาง ก็องเต้, จอร์จินโญ
เปโดร, บาร์คลีย์, พูลิซิช
กองหน้า ชิรูด์

 


ผลงาน 5 นัดหลังสุด


ลิเวอร์พูล (ชนะ 2 เสมอ 1 แพ้ 2)

10 สิงหาคม พรีเมียร์ลีก ลิเวอร์พูล 4 : 1 นอริช ชนะ
4 สิงหาคม คอมมูนิตี้ ชิลด์ ลิเวอร์พูล 1 : 2 (1 : 1) แมนฯ ซิตี้ แพ้
1 สิงหาคม กระชับมิตร ลิเวอร์พูล 3 : 1 ลียง ชนะ
29 กรกฎาคม กระชับมิตร ลิเวอร์พูล 0 : 3 นาโปลี แพ้
25 กรกฎาคม กระชับมิตร สปอร์ติง 2 : 2 ลิเวอร์พูล เสมอ

เชลซี (ชนะ 3 เสมอ 1 แพ้ 1)

11 สิงหาคม พรีเมียร์ลีก แมนฯ ยูไนเต็ด 4 : 0 เชลซี แพ้
3 สิงหาคม กระชับมิตร โบ. มึนเชนกลัดบัค 2 : 2 เชลซี เสมอ
1 สิงหาคม กระชับมิตร ซัลซ์บวร์ก 3 : 5 เชลซี ชนะ
28 กรกฎาคม กระชับมิตร เรดดิ้ง 3 : 4 เชลซี ชนะ
23 กรกฎาคม กระชับมิตร บาร์เซโลนา 1 : 2 เชลซี ชนะ

เฮดทูเฮด (ลิเวอร์พูล ชนะ 1 เสมอ 2 เชลซี ชนะ 2)

14 เมษายน 2019 พรีเมียร์ลีก ลิเวอร์พูล 2 : 0 เชลซี
30 กันยายน 2018 พรีเมียร์ลีก เชลซี 1 : 1 ลิเวอร์พูล
27 กันยายน 2018 ลีกคัพ ลิเวอร์พูล 1 : 2 เชลซี
6 พฤษภาคม 2018 พรีเมียร์ลีก เชลซี 1 : 0 ลิเวอร์พูล
26 พฤศจิกายน 2017 พรีเมียร์ลีก ลิเวอร์พูล 1 : 1 เชลซี

สถิติจาก OPTA ที่น่าสนใจ


  • เกม ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ 2019 จะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่สโมสรจาก อังกฤษ โคจรมาพบกันเอง

  • แชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก สามารถคว้าถ้วย ซูเปอร์คัพ มาครองได้สำเร็จ 5 จาก 6 ฤดูกาลหลังสุด (เรอัล มาดริด 2014, 2016, 2017 และ บาเยิร์น มิวนิค 2013 กับ บาร์เซโลนา 2015) โดยครั้งเดียวที่ แชมป์ ยูโรป้าลีก สามารถซิวถ้วยนี้ได้เกิดขึ้นไปปี 2018 กับ แอตเลติโอ มาดริด ที่เบีดยเอาชนะ เรอัล มาดริด ได้ด้วยสกอร์ 4-2 เมื่อปี 2018 ที่ผ่านมา

  • แมตช์นี้ยังจะเป็นการพบกันครั้งแรกระหว่าง ลิเวอร์พูล กับ เชลซี ในเวทียุโรปเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2009 ในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบควอเตอร์ไฟนอล โดยผลของเกมดังกล่าวที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ จบลงด้วยการเสมอกัน 4-4 (สกอร์รวม เดอะบลูส์ เป็นฝ่ายเอาชนะไปด้วยสกอร์ 7-5)

  • เร้ดแมชีน สามารถเก็บชัยเหนือ สิงห์บลู ได้เพียง 1 นัดจาก 6 เกมหลังสุดเท่านั้นเมื่อรวมทุกรายการ (เสมอ 3 แพ้ 2) โดยเกมดังกล่าวเป็นการพบกันใน พรีเมียร์ลีก เมื่อเดือนเมษายนซึ่ง หงส์แดง ได้ประตูจาก ซาดิโอ มาเน และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ กับเกมที่พวกเขาเอาชนะได้ 2-0

  • สิงโตน้ำเงินคราม สามารถพังประตูใส่ เร้ดแมชีน 18 ประตูจากการพบกันทั้งหมด 19 เกมหลังสุดเมื่อรวมทุกรายการ  มีเพียงเกมล่าสุดเกมเดียวที่พวกเขาพบกันเท่านั้นที่ เดอะบลูส์ ไม่สามารถเจาะตาข่ายทีมดังจาก เมอร์ซีย์ไซด์ ได้ (ผลในเกมดังกล่าวจบลงด้วยชัยชนะของ หงส์แดง 0-2)

  • ลิเวอร์พูล กำลังจะทำสถิติเก็บชัยชนะติดต่อกันกับ เชลซี ได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2011 ภายใต้การคุมทีมของ เคนนี ดัลกลิช (หงส์แดง ยังเคยทำสถิติสูงสุดคว่ำ สิงห์บลู ได้สูงสุด 4 นัดติดต่อกันเมื่อรวมทุกรายการ โดย 3 ใน 4 เกมดังกล่าวเกิดขึ้นในยุคของ เคนนี ดัลกลิช เป็นกุนซือ)

  • เยอร์เก้น คล็อปป์ สามารถพา เร้ดแมชีน เก็บชัยชนะในการดวลกับ เดอะบลูส์ 3 จากทั้งหมด 9 เกมที่พบกัน (เสมอ 4 แพ้ 2) นับตั้งแต่กุมบังเหียน หงส์แดง ตั้งแต่เมื่อเดือนตุลาคม 2015 อย่างไรก็ตามชัยชนะดังกล่าวเกิดขึ้นเพียง 1 เกมจาก 6 นัดหลังสุด (เสมอ 3  แพ้ 2)

  • แฟรงค์ แลมพาร์ด มีชื่อลงเล่นใน ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ กับ เชลซี 2 จาก 3 ครั้งหลังสุด โดยเป็นการปราชัยต่อ แอตเลติโก มาดริด 1-4 เมื่อปี 2012 และการพ่ายแพ้ในการดวลลูกจุดโทษต่อ บาเยิร์น มิวนิค 4-5 หลังเสมอกันในการต่อเวลาพิเศษ 2-2  เมื่อปี 2013

  • โมฮาเหม็ด ซาลาห์ พัง 5 ประตูจากการลงเล่น 8 เกมหลังสุดที่พบกับ เชลซี เมื่อรวมทุกรายการ โดย 3 ลูกในนั้นเป็นการยิงใส่ สิงห์บลู ตั้งแต่ที่เขายังเล่นให้กับ บาเซิล

  • โอลิวิเยร์ ชิรูด์ เป็นดาวซัลโวสูงสุดของ สิงโตน้ำเงินคราม ในศึก ยูฟ่า ยูโรป้าลีก ฤดูกาลที่ผ่านมาด้วยจำนวน 11 ประตู นอกจากนี้เขายังซัลโวใส่ หงส์แดง ไปแล้ว 6 ประตูนับตั้งแต่ย้ายมาเล่นที่ อังกฤษ โดยมีเพียง ซันเดอร์แลนด์ (7 ประตู), เซาแธมป์ตัน, นิวคาสเซิล และ แอสตัน วิลลา (8 ประตู) ที่เขายิงใส่ได้มากกว่า ลิเวอร์พูล เท่านั้น

  • โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน ได้เผชิญหน้ากับ เชลซี มาแล้ว 7 ครั้งนับตั้งแต่ย้ายมาร่วมทัพ ลิเวอร์พูล เมื่อรวมทุกรายการแต่ไม่สามารถทำประตูใส่พวกเขาได้เลย มีเพียง เอฟเวอร์ตัน (8 นัด) เท่านั้นที่เขาเท้าบอดเมื่อดวลกันมากกว่า สิงห์บลู