[OPINION] ศึกตัดสิน ! 5 เกมชี้ชะตาทีมใหญ่ใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม ฤดูกาลนี้

ศึก ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก นัดสุดท้ายรอบแบ่งกลุ่มในซีซันนี้ถือว่าได้ลุ้นกันหลายทีม โดยเฉพาะทีมระดับบิ๊กที่ดูเหมือนว่าหลังการจับฉลากแบ่งกลุ่ม พวกเขาจะเข้ารอบต่อไปแบบแบเบอร์ แต่ท้ายที่สุดเมื่อลงสนามจริงก็ต้องมาลุ้นกันชนิดที่จะพลาดไม่ได้

และนี่คือ 5 เกมที่จะตัดสินชะตาในการเข้าสู่รอบน็อคเอ้าท์ของบรรดายักษ์ใหญ่เหล่านั้น

1. เร้ดบูล ซัลซ์บวร์ก – แอตเลติโก้ มาดริด (กลุ่ม เอ)

กลุ่มนี้ บาเยิร์น มิวนิค ลอยลำเข้ารอบไปก่อนเพื่อน ๆ ด้วยการลงเล่น 5 นัดมี 13 คะแนนทิ้งให้ แอตเลติโก้ มาดริด ที่มี 6 คะแนนต้องมาลุ้นในเกมสุดท้ายกับ เร้ดบูล ซัลซ์บวร์ก ซึ่งก็พอจะมีหวังจากการมี 4 แต้มและได้เล่นในบ้าน แต่ก็ใช่ว่าจะได้เปรียบเสียทีเดียวเพราะสถิติในถิ่นของพวกเขานั้นหนักไปทางย่ำแย่ ยังไม่ชนะใครเลยในรอบแบ่งกลุ่ม โดน โลโคโมทิฟ มอสโก บุกมายิง 1-3 และพ่าย เสือใต้ แบบหมดรูป 2-6

ดังนั้นเกมนี้จึงน่าจะเข้าทาง ตราหมี พอสมควรเพราะ ดิเอโก้ ซิมิโอเน เก่งในเรื่องของการเล่นเกมโต้กลับและพวกเขามีประสบการณ์ในการเจอความกดดันแบบนี้มากกว่า

2. อินเตอร์ มิลาน – ชัคตาร์ โดเน็ตส์ (กลุ่ม บี)

อินเตอร์ ของ อันโตนิโอ คอนเต้ ต้องดิ้นรนอย่างหนักในการเข้ารอบน็อคเอ้าท์จากการมีแค่ 5 คะแนนจาก 5 นัด อมบ๊วยอยู่ท้ายตาราง แม้ว่าจะประเดิมด้วยการเอาชนะ โบรุสเซีย มึนเชนกลัดบัค ในเกมเยือน แต่หลังจากนั้นอีก 4 เกมก็ไม่ชนะใครเลยเก็บเพิ่มได้เพียง 2 คะแนนเท่านั้น ทำให้พวกเขาต้องมาลุ้นเข้ารอบในนัดสุดท้าย ซึ่งต้องเจอกับ ชัคตาร์ โดเน็ตส์ ที่หักปากกาเซีียนด้วยการก้าวขึ้นมามีลุ้นเข้ารอบด้วยการมี 7 คะแนนรั้งอันดับ 2 ของตารางอยู่ในตอนนี้

งูใหญ่ ต้องการชัยชนะและต้องไปลุ้นให้ กลัดบัค เอาชนะ เรอัล มาดริด ให้ได้ พวกเขาจึงจะได้เขารอบ 16 ทีมสุดท้าย ในขณะที่ทีมจากยูเครนขอเพียงเสมอก็จะตีตั๋วสูงรอบน็อคเอ้าท์ ซึ่งก็มีโอกาสสูงที่จะทำได้สำเร็จเพราะฟอร์มของขุนพล เนรัซซูรี ในรายการนี้ถือว่าล้มลุกคลุกคลานพอสมควร โดยเฉพาะเกมในบ้านที่ยังไม่ชนะใครเลย

3. เรอัล มาดริด – โบรุสเซีย มึนเชนกลัดบัค (กลุ่ม บี)

อีกคู่ในกลุ่ม บี ที่ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่แค่เกมชี้ชะตาของ เรอัล มาดริด ซึ่งมี 7 คะแนนจาก 5 นัดเท่านั้น แต่รวมถึงยังเป็นการตัดสินอนาคตของ ซีเนดีน ซีดาน ด้วย เพราะสถานการณ์ในตอนนี้ทีมของ ซิซู ต้องการ 3 แต้มเน้น ๆ เพื่อการันตีการเข้าสู่รอบต่อไป แต่ถ้าหลุดเสมอก็ต้องลุ้นให้ ชัคต้าร์ โดเน็ตส์ พ่าย อินเตอร์  ด้วย

ส่วน โบรุสเซีย มึนเชนกลัดบัค สถานการณ์ดูง่ายกว่าเพราะพวกเขาขอเพียงแต้มเดียวในเกมนี้ก็จะเข้าสู่รอบน็อคเอ้าท์ได้สำเร็จ โดยที่ไม่ต้องไปลุ้นอะไรกับใครให้วุ่นวาย แต่หากแพ้ขึ้นมาก็ไม่ต้องลุ้นเหมือนกัน เพราะยังไงก็ตกรอบอยู่ดี

4. อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม- อตาลันต้า (กลุ่ม ดี)

จากความพ่ายแพ้ต่อ ลิเวอร์พูล ในเกมล่าสุดทำให้ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม มีเพียง 7 คะแนนจาก 5 นัด แต่พวกเขาก็ยังพอได้หายใจหายคอจากผลอีกคู่ที่ มิดทิลแลนด์ ทำเซอร์ไพรส์บุกไปเสมอ อตาลันต้า ได้ถึงแบร์กาโมส่งผลให้ทั้งสองทีมต้องมาลุ้นเข้ารอบในเกมสุดท้าย

เกมนี้ไม่ต้องคิดอะไรให้ซับซ้อนเหมือนเกมของกลุ่มอื่น ทีมจากฮอลแลนด์ต้องการ 3 คะแนน ส่วน อตาลันต้า ขอแค่ไม่แพ้ก็จะการันตีการเข้ารอบน็อคเอ้าท์ ซึ่งเมื่อดูจากผลเสมอ 2-2 ในแม็ตช์ที่เคยเจอกันที่อิตาลีก็ยากจะคาดเดาว่าเกมนี้จะออกมาในรูปแบบไหน

5. อาร์เบ ไลป์ซิก – แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (กลุ่ม เอช)

เป็นกลุ่มที่สูสีที่สุดในรอบแบ่งกลุ่มเพราะทั้ง ปารีส แซง-แชร์กแมง, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ ไลป์ซิก ต่างมี 9 คะแนนเท่ากันจากการลงสนาม 5 นัด ซึ่งงานหนักตกมาอยู่ที่ทีมจากเยอรมนีที่ต้องลุ้นหลายต่อหากไม่สามารถเก็บ 3 คะแนนได้ ถ้าพวกเขาเสมอก็ต้องลุ้นให้ เปแอชเช รถผ้าป่าคว่ำหน้าวัดพ่ายทีมจากตุรกีคาบ้านตัวเองจึงจะได้ไปเล่นรอบต่อไป

ส่วนทีม ปีศาจแดง นั้นไม่ต้องลุ้นอะไรมากขอแค่ไม่แพ้ในเกมนี้พวกเขาก็จะเข้ารอบน็อคเอ้าท์โดยทันทีเนื่องจากเฮดทูเฮดดีกว่ารองจ่าฝูง บุนเดสลีกา จากการที่เคยเอาชนะมาได้ 5-0 ในเกมที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด เมื่อปลายเดือนตุลาคม