เก็บตกประเด็นร้อนหลังเกม ยูฟ่า เนชั่นลีก สิงโตคำราม คืนฟอร์มถล่มยับเมื่อคืนวาน

Jadon Sancho, Declan Rice, Bukayo Saka, Tyrone Mings, Phil Foden
England v Iceland – UEFA Nations League | Pool/Getty Images

การแข่งขัน : ยูฟ่า เนชันส์ลีก ลีกเอ
วันแข่งขัน : คืนวันพุธที่ 18 พฤศจิกายน 2020
เวลาแข่งขัน : 02.45 น.
คู่แข่งขัน : ทีมชาติอังกฤษ 4-0 ทีมชาติไอซ์แลนด์
สนาม : เวมบลีย์

ทีมชาติอังกฤษ เปิดบ้านถล่ม ทีมชาติไอซ์แลนด์ ขาดลอย 4-0 โดยได้สองประตูในครึ่งแรกจาก ดีแคลน ไรซ์ นาทีที่ 20 และ เมสัน เมานท์ นาทีที่ 24 โดยบวดได้อีกสองประตูในครึ่งหลังจากการเหมาสองประตูของ ฟิล โฟเด้น นาทีที่ 80, 84 ทำให้จบเกม สิงโตคำราม คว้าชัยในเกมสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม ยูฟ่า เนชั่นลีก 2020 ไปได้สำเร็จแม้จะไม่ได้เข้าสู่รอบต่อไปก็ตาม

เริ่มเกมในครึ่งเวลาแรก เจ้าบ้านเป็นฝ่ายเปิดเกมบุกเข้าใส่ได้มากกว่าชัดเจน ส่วนทีมเยือนถอยลงมาตั้งรับและรอโอกาสในการสวนกลับ

กระทั่งนาทีที่ 20 เจ้าถิ่นออกนำก่อน 1-0 ได้สำเร็จ จากจังหวะฟรีคิก โฟเด้น โยนเข้ากรอบเขตโทษให้ ไรซ์ โฉบมาโหม่งเข้าไป

ไม่กี่นาทีต่อจากนั้นพวกเขาเกือบได้ประตูที่สองจากจังหวะได้ยิงจ่อ ๆ ของ ซาก้า แต่ยังไปติดเซฟของผู้รักษาประตู

นาทีที่ 24 สิงโตคำราม มาได้ประตูที่สองจากจังหวะที่ ซาก้า โยนเข้ามาลุ้นในกรอบเขตโทษ แต่กองหลังทีมเยือนสะกัดไปเข้าทาง เมานท์ ได้ยิงโล่ง ๆ เข้าไป

หลังผ่านครึ่งชั่วโมงเจ้าบ้านมีโอกาสบวกประตูเพิ่มจากจังหวะหลุดของ โฟเด้น แต่ยังคงยิงไปติดผู้รักษาประตูอีกครั้ง

ช่วงท้ายครึ่งแรกเจ้าถิ่นยังคงมีลุ้นอย่างต่อเนื่องทั้งจาก แฮร์รี เคน และลูกยิงไกลของ โฟเด้น แต่ยังไม่ดีพอจะเปลี่ยนเป็นประตูได้

ทำให้จบ 45 นาทีแรก อังกฤษ ออกนำ 2-0

เริ่มเกมในครึ่งเวลาหลัง ยังคงเป็นเจ้าบ้านที่บุกใส่อยู่แทบจะฝ่ายเดียวเหมือนในช่วง 45 นาทีแรก

แถมผู้มาเยือนต้องเหลือผู้เล่น 10 คนในนาทีที่ 54 จากจังหวะที่ เซวาร์สสัน ไปทำฟาวล์ ซาก้า ได้รับใบเหลืองที่สองเป็นใบแดงไล่ออกจากสนามไป

นาทีที่ 60 ทีมเยือนได้โอกาสลุ้นประตูเป็นครั้งแรกในเกมนี้จากลูกโหม่งของ อาร์นาสัน แต่บอลหลุดเสาออกไปนิดเดียวเท่านั้น

เล่นจนมาถึงช่วง 20 นาทีสุดท้ายแม้เจ้าถิ่นจะครองบอลได้มากกว่าชัดเจนก็ยังแทบหาจังหวะจบที่มีลุ้นประตูเพิ่มไม่ได้

นาทีที่ 76 พลพรรคทรีไลออน ได้ลุ้นจากลูกโหม่งของ มิ้งส์ แต่บอลหลุดกรอบออกไป

กระทั่งนาทีที่ 80 สิงโตคำราม นำห่าง 3-0 จากจังหวะต่อบอลเข้าเขตโทษและเป็น ซานโช ที่จ่ายต่อให้กับ โฟเด้น ยิงโล่ง ๆ เข้าไป

นาทีที่ 84 เจ้าบ้านมาได้ประตูที่ 4 จากจังหวะยิงไกลของ โฟเด้น คนเดิม บอลพุ่งเสียบโคนเสาเข้าไปอย่างงดงาม

ช่วงเวลาที่เหลือไม่มีฝ่ายใดทำประตูกันเพิ่มได้ จบ 90 นาที ทีมชาติอังกฤษ ถล่ม ไอซ์แลนด์ ยับเยิน 4-0

คะแนนนักเตะทีมชาติอังกฤษ

อังกฤษ : พิคฟอร์ด(6.5), วอล์เกอร์(6.5), ทริปเปียร์(7), ดายเอร์(7), แม็คไกวร์(7.5), ซาก้า(7), ไรซ์(7.5), เมานท์(7.5), กรีลิช(7), โฟเด้น(8), เคน(7)

ตัวสำรอง : ซานโช(6.5), แมดแลนด์-ไนล์ส(5.5), วิงค์ส(6.5), มิ้งส์(6), อับราฮัม(5.5)

คียแมน – ฟิล โฟเด้น

วันนี้เพลย์เมกเกอร์จาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้รับมอบหมายให้ลงมาประจำการบริเวณกราบซ้าย แม้ช่วงต้นเกมอาจจะดูเงียบ ๆ ไปบ้าง แต่หลังจากปรับตัวได้ฟอร์มของเขาก็เริ่มโดดเด่นขึ้นมาเรื่อย ๆ จนในที่สุดก็ยิงประตูแรกในนามทีมชาติได้สำเร็จแถมยังบวกเพิ่มได้อีก 1 ประตูในช่วงท้ายเกม

ซึ่งต้องบอกเลยว่าไม่เพียงแค่การจบสกอร์อันเฉียบขาด แต่ทักษะและความมั่นใจของเขาในวันนี้ ดูจะสร้างประโยชน์ให้กับทีมได้มากเลยทีเดียว แน่นอนว่าหากยังสามารถคงฟอร์มการเล่นแบบนี้เอาไว้ได้ ศึกฟุตบอล ยูโร 2020 กลางปีหน้า เจ้าตัวอาจได้รับโอกาสยืนเป็นตัวหลักให้กับ ทัพสิงโตน้ำเงินคราม เลยก็เป็นได้

ประเด็นหลังเกม

อังกฤษ กินหมู

เกมนี้หากใครได้ติดตามดูถ่ายทอดสดจะเห็นได้เลยว่า พลพรรคทรีไลออน เป็นฝ่ายพับสนามบุกแทบจะฝ่ายเดียว ถึงขนาดที่ทีมเยือนกว่าจะได้โอกาสลุ้นประตูครั้งแรกต้องรอถึงนาทีที่ 60 ไม่เพียงแค่นั้น โอกาสจบสกอร์ที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว (24 ต่อ 2 ครั้ง) ยิ่งพิสูจน์ให้เห็นถึงความแตกต่างของทั้งสองทีมในวันนี้ น่าเสียดายที่ เหล่าบรรดาแข้งสิงโตคำราม ไม่สามารถเรียกฟอร์มเก่งแบบนี้ออกมาได้ในเกมที่พวกเข้าพ่าย เดนมาร์ก คาบ้าน รวมถึงนัดก่อนที่บุกไปแพ้ เบลเยียม ทำให้สุดท้ายจบในอันดับ 3 ของตารางพลาดโอกาสเข้าสู่รอบน็อคเอาท์ในปีนี้ ส่วน ไอซ์แลนด์ จมอยู่อันดับบ๊วยไม่มีสักคะแนนเดียวจากการลงเล่น 6 นัดและต้องตกลงไปเล่นในลีกบีซีซั่นหน้าตามระเบียบ

Ari Skulason