หากย้อนกลับไปในช่วงซัมเมอร์ปี 2019 เชื่อได้เลยว่า ชื่อของ พอล ป็อกบา ยังคงเป็นความหวังสูงสุดของแฟน ๆ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลายคน ณ เวลานั้น ว่าเขาจะสามารถพาทีมบินสูงสู่จุดที่ควรจะเป็นได้ แม้ว่าตลอด 3 ฤดูกาลก่อนหน้านั้น นับตั้งแต่ย้ายมาด้วยค่าตัวสูงลิบในปี 2016 กองกลางดีกรีแชมป์โลกรายนี้จะยังก็ไม่สามารถตอบสนองความคาดหวังของทีมและแฟนบอลได้เลย…
ฤดูกาล 2019/20 อันน่าผิดหวัง กับการถูกอาการบาดเจ็บเล่นงาน
ตลอดฤดูกาลที่ผ่านมา ป็อกบา ลงเล่นในลีกไปเพียง 16 นัดเท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่มาจากช่วงท้ายฤดูกาลที่บอลลีกเลื่อนมาเตะกันในช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เพราะตั้งแต่ช่วงต้นซีซั่นเจ้าตัวก็มีอาการบาดเจ็บเรื้องรังที่ข้อเท้ายาวมาถึงต้นปี นั่นทำให้เขาพลาดการลงเล่นไปถึง 22 เกมด้วยกัน
อย่างไรก็ตามหลังจากที่กลับมาลงเล่นในช่วงโค้งสุดท้าย คอมโบที่ทุกคนคาดหวังว่าจะได้เห็น บรูโน และ ป็อกบา ประสานงานกันอย่างเข้าขาและงดงามเหมือนกับ อิเนียสต้า กับ ชาบี ก็แทบไม่มีให้เห็นเลยตลอด 10 นัดหลัง อีกทั้งบทบาทกับเกมก็ไม่มีอะไรโดดเด่น แถมยังมักจะมีจังหวะผิดพลาดเสียบอลกลางสนามให้เห็นค่อนข้างบ่อย ดูไปดูมาเผลอ ๆ มาติช จะทำได้ดีกว่าเสียด้วยซ้ำ !
การมาถึงของความหวังใหม่ บรูโน เฟอร์นันเดส !
ช่วงปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ทำการปิดดีลที่คาดว่าจะเป็นการซื้อขายที่ดีที่สุดในฤดูกาลนี้ นั่นคือการคว้าตัว บรูโน เฟอร์นันเดส กองกลางชาวโปรตุเกสมาร่วมทีม จากที่เคยเป็นข่าวพัวพันกันมาอย่างยาวนาน ซึ่งไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าการมาของเขา สามารถนั้นเปลี่ยนโฉมหน้าของ ปีศาจแดง ชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ ด้วยบทบาท “เดอะแบก” ในทีม ที่พี่แกทำได้หมดทุกอย่าง แถมยังลงตัวเข้ากับทีมได้อย่างไม่น่าเชื่อ จนกระทั้งในที่สุดก็สามารถพาทีมจบอันดับที่ 3 โดยไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่า ปีศาจแดง จะทำได้ในฤดูกาลนี้ และด้วยเหตุนั้นเองที่ทำให้นับจากวันนั้น นักเตะที่หลายคนคาดหวังอันดับ 1 ของทีม จึงไม่ใช่ชายที่ชื่อ พอล ป็อกบา อีกต่อไป..
เพราะเพื่อนเซนส์บอลไม่ทันกับ ป็อกบา จริงหรือ ?
ปีก่อน ๆ หลายคนอาจจะบอกว่าที่ ป็อกบา ไม่สามารถระเบิดฟอร์มเก่งจนพลิกสถานการณ์ให้กับทีมได้ เป็นเพราะเพื่อนร่วมทีมมีเซนส์บอลที่ต่างกับเขามากเกินไป จึงส่งผลให้ผลงานของเจ้าตัวไม่ดีตามไปด้วย
จนกระทั่งการมาของ บรูโน ข้อกังขาเหล่านี้ก็ได้รับการพิสูจน์ชัดเจน เพราะทันที บรูโน เฟอร์นันเดส ย้ายเข้ามาเขากลับสามารถทำสิ่งที่ตลอด 4 ฤดูกาลที่ผ่านมา ป็อกบา ไม่เคยทำสำเร็จ ให้กลายเป็นเรื่องง่ายได้อย่างรวดเร็ว ทั้งที่นักเตะก็แทบจะเป็นชุดเดียวกันกับปีก่อนโดยเฉพาะในแผงเกมรุกแต่เพลยเมกเกอร์ชาวโปรตุเกสรายนี้กลับสามารถเล่นร่วมกับเพื่อนได้อย่างเข้าขา แถมยังปรับตัวเข้าหาคนอื่นได้ดีจนสามารถยกระดับทั้งฝีเท้าและผลงานให้กับเพื่อนร่วมทีมได้ทันตาเห็น นี่จึงเป็นสิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นว่าตัวจริงเขาต้องรู้วิธีการเล่นร่วมกับทีม ไม่ใช่จะมานั่งรอให้เพื่อนทั้งทีมปรับตัวเข้าหาตัวเอง !
คำถามที่คาใจมาตลอด 4 ฤดูกาล..
เขาจะทำได้ดีกว่านี้อีกหรือไม่ ? หรือว่านี่คือสิ่งที่ดีที่สุดที่เขามอบให้กับทีมแล้ว ? แม้ว่าฤดูกาลก่อน ป็อกบา จะเป็นถึงดาวซัลโวสูงสุดของทีมที่ 16 ประตูรวมทุกรายการ (ซึ่งก็มาจากลูกจุดโทษถึง 7 ประตู) แถมยังทำแอสซิสต์ไปได้ถึง 11 ครั้ง แต่นั่นกลับไม่ทำให้ผลงานโดยรวมของทีมดูดีขึ้นมาได้ ซึ่งตลอด 4 ปีที่ผ่านมา มันก็ยังคงเป็นเช่นนี้มาโดยตลอด ไม่ว่าเขาจะเล่นดีหรือแย่ ไม่ว่าเขาจะทำผลงานได้มากน้อยขนาดไหน หรือแม้แต่ปีที่เขาบาดเจ็บจนหายหน้าไปทั้งฤดูกาล นี่จึงเป็นคำถามคาใจมาตลอดว่าเขานั้นเก่งสมคำร่ำลือถึงขนาดจะช่วงยกระดับทีมได้จริงหรือ ? เพราะตลอด 4 ปีที่ผ่านมามันก็เห็นชัดเจนแล้วว่า “ได้แค่นี้” มาตลอด..
ไม่สามารถคาดหวังกับฟอร์มที่ไม่คงเส้นคงวา
แน่นอนการมี ป็อกบา อยู่ในสนามการสร้างสรรค์เกมบุกอาจจะดูมีมิติมากกว่าการใช้ เฟร็ด หรือ แม็คโทมิเนย์ แต่แน่นอนมันก็ย่อมต้องแลกกับความขยันไล่บอลและเกมรับอันแน่นหนาเพราะทั้งสองอย่างนี้ไม่ใช่จุดเด่นของกองกลางเลือดน้ำหอมรายนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาปีแล้วปีเล่ามันก็เริ่มแสดงให้เห็นชัดขึ้น ๆ แล้วว่า ฟอร์มที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ของเจ้าตัวนั้น ยังไม่สามารถสร้างความแตกต่างที่ชัดเจนให้เกิดขึ้นกับทีมได้ ไม่สามารถพลิกเกม ไม่สามารถแบกทีมเอาไว้บนบ่าและก้าวไปถึงความคาดหวังได้ บางวันทรงดีแต่หลายครั้งที่เขามักจะถูกกลืนหายไปกับเกมและไม่สามารถสร้างอิมแพ็คใด ๆ ให้กับทีม จนผลสุดท้ายมันก็ไม่ได้แตกต่างอะไรมากมายกับการใช้ เฟร็ด หรือ แม็คโทมิเนย์ เลยเสียด้วยซ้ำ
ทางเลือกของ แมนฯ ยูไนเต็ด
แม้ว่าช่วงหลังจะเริ่มมีข่าวลือว่าเจ้าตัวเตรียมจะต่อสัญญากับทีมออกไปอีก 5 ปีก็ตาม แต่หากมันไม่เป็นความจริงเท่ากับว่าเขาจะค้าแข้งในถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด ปีนี้เป็นปีสุดท้ายและจะย้ายออกจากทีมไปแบบฟรี ๆ ทันทีในช่วงซัมเมอร์ปี 2021 ที่จะถึง เพราะฉนั้นทางเลือกในตอนนี้ก็คงมีไม่มาก นั่นคือคือ จะเก็บไว้ หรือจะปล่อยตัวไป สองทางนี้เท่านั้น !
แน่นอนว่าการเก็บเขาเอาไว้ใช้งาน ย่อมจำเป็นต้องต่อสัญญาออกไป ซึ่ง ปีศาจแดง อาจต้องแบกรับค่าเหนื่อยที่เพิ่มขึ้นแถมยังต้องไปฟาดฟันกับเอเยนต์ตัวแสบอย่าง มิโน ไรโอลา เพื่อกราบกรานให้เขาต่อสัญญากับทีมแต่ก็แลกมากับผลงานที่คงเดิม
ส่วนอีกหนึ่งทางเลือก.. หากทีมเลือกที่จะเปลี่ยนแปลงและขายเขาออกจากทีมในช่วงซัมเมอร์นี้อาจจะยังพอได้ราคาดีอยู่บ้าง ยอมกัดฟันลดค่าตัวจาก 180 ล้านเหลือสัก 100-120 รับรองว่า เรอัล มาดริด หรือแม้แต่ ยูเวนตุส ก็แทบจะตาลุกวาวกันแล้วอย่างแน่นอน จากนั้นก็นำเงินไปลงทุนกับนักเตะใหม่ เปิดทางให้ทีมมองหาคนที่เหมาะสมกับแนวทางการเล่นมากกว่า เข้ามาสานต่อภารกิจหลักที่ตั้งเป้าไว้ นั่นคือการพาทีมกับสู่จุดที่ควรจะเป็นอีกครั้ง อาจจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าก็เป็นได้
จากเหตุผลที่ได้กล่าวไปทั้งหมด ไม่ใช่จะต้องสื่อว่า ป็อกบา ไม่เก่ง แต่ทุกอย่างก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขายังไม่ดีพอที่จะสามารถยกระดับทีมตามที่ทุกคนคาดหวังเอาไว้ได้ เพราะงั้นมันจึงย้อนกลับไปที่คำถามแรกเริ่มว่า “ปีศาจแดง ยังจำเป็นต้องมี ป็อกบา อยู่ในทีมจริงหรือ ? จนถึงตรงนี้คงต้องอยู่ที่วิจารณญาณของแต่ละคนแล้วล่ะ ว่าจะให้น้ำหนักกับจุดไหนมากกว่ากัน จะมี หรือไม่มี จะอยู่ หรือจะไป และถ้าคุณเป็น โอเล กุนนาร์ โซลชา ล่ะ คุณจะตอบคำถามนี้อย่างไร…