เก็บตกทุกประเด็นร้อนหลังเกม แชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 4 ทีมสุดท้าย ปารีส ทะลุเข้าชิง

Neymar, Kevin Kampl
RB Leipzig v Paris Saint-Germain F.C – UEFA Champions League Semi Final | David Ramos/Getty Images

ข้อมูลการแข่งขัน

การแข่งขัน : ฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 2019/20 รอบ 4 ทีมสุดท้าย
วันแข่งขัน : คืนวันอังคาร 19 สิงหาคม
เวลาแข่งขัน : 02:00 น. ตามเวลาประเทศไทย
ผลการแข่งขัน : ปารีส แซงต์ แชร์กแมง 3-0 แอร์เบ ไลป์ซิก
สนาม : เอสตาดิโอน ดา ลุซ

ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ทำได้ ! เอาชนะ แอร์เบ ไลป์ซิก ไปอย่างขาดลอย 3-0 โดยได้ประตูจาก มาควินญอส นาทีที่ 12 อังเคล ดิ มาเรีย นาทีที่ 42 และ ฆวน แบร์นาท นาทีที่ 56 ทำให้จบเกม แปเอสเช ทะลุเข้ารอบชิงชนะเลิศเป็นครั้งแรก ไปรอพบกับผู้ชนะระหว่าง ลียง กับ บาเยิร์น มิวนิค วันพรุ่งนี้

เริ่มเกมในครึ่งเวลาแรก ทั้งสองทีมพยายามเปิดเกมบุกเข้าใส่กัน โดยเป็น ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ที่มีโอกาสใกล้เคียงจะได้ประตูถึงสองครั้งจากลูกหลุดเดี่ยวของ เนย์มาร์ ที่ยิงไปชนเสา และ ลูกยิงโล่ง ๆ ของ เอ็มบัปเป้ ที่เข้าประตูไปแล้ว แต่ถูกจับแฮนด์บอลไปก่อน

กระทั่งนาทีที่ 12 ยักษ์ใหญ่จากลีกเอิง ขึ้นนำ 1-0 ได้สำเร็จจากลูกตั้งเตะ ดิ มาเรีย เปิดมาให้ มาควินญอส โขกเต็ม ๆ เข้าไป

ด้าน ไลป์ซิก มีโอกาสใกล้เคียงจะได้ประตูตีเสมอจากการวิ่งเข้ามาชาร์จจ่อ ๆ ของ โพลเซน แต่บอลหลุดเสาออกไปนิดเดียวเท่านั้น

หลังผ่านครึ่งชั่วโมงแรก ปารีส เกือบได้ประตูที่สองจากจังหวะฟรีคิกที่ เนย์มาร์ ลักไก่หลอกยิงไกล แต่บอลพุ่งไปชนเสากระเด้งออกไปอย่างน่าเสียดาย

แต่แล้วก่อนหมดเวลาเพียง 3 นาที แปเอสเช มาได้ประตูออกนำ 2-0 จากจังหวะออกบอลพลาดของผูรักษาประตู เอร์เรรา ตัดบอลได้และจ่ายต่อให้ เนย์มาร์ สะกิดต่อให้ ดิ มาเรีย ยิงโล่ง ๆ เข้าไป

ทำให้จบ 45 นาทีแรก ปารีส ออกนำ 2-0

เริ่มเกมในครึ่งหลัง ไลป์ซิก พยายามเปิดเกมบุกมากขึ้นกว่าเดิมแต่ยังหาจังหวะลุ้นประตูที่ไกล้เคียงไม่ได้

จนนาทีที่ 56 ปารีส แซงต์ แชร์กแมง มาได้ประตูที่ 3 จากจังหวะตัดบอลได้ในแดนหลัง ก่อนที่ ดิ มาเรีย จะโยนเข้ามาลุ้นในกรอบเขตโทษและเป็น เบอร์นาท มีโหม่งโล่ง ๆ เข้าประตูไป

จากนั้น แปเอสเช พยายามเน้นครองบอลมากขึ้นและเกือบได้ประตูเพิ่มจาก เอ็มบัปเป้ ถึงสองครั้งแต่ยังไม่เฉียบขาดมากพอ

เช่นเดียวกับ ไลป์ซิก ที่ช่วงท้ายเกมพยายามเปิดเกมบุกเข้าใส่อย่างหนักแต่ก็แทบจะไม่มีจังหวะหวาดเสียวให้เห็นเลย

ทำให้จบ 90 นาที ปารีส แซงต์ แชร์กแมง เป็นทีมแรกที่เข้าไปรอในรอบชิงชนะเลิศ รอพบผู้ชนะระหว่าง โอลิมปิก ลียง และ บาเยิร์น มิวนิค คืนวันพรุ่งนี้

คะแนนผู้เล่นของทั้งสองทีม

แอร์เบ ไลป์ซิก : กูลาสชี(5.5), อังเจลิโน(6), มูคิเอเล(6), อูปาเมกาโน(6.5), คลอสเตอร์มันน์(6), ไลเมอร์(6), ซาบิตเซอร์(6.5), คัมเพิล(5.5), เอ็นคุนคู(5.5), โอลโม(5.5), โพลเซน(6.5)

ตัวสำรอง :  อดัมส์(6), ฟอร์สเบิร์ก(6.5), ฮาลส์เทนเบิร์ก(6), ออบัน(6), ชิค(6)

ปารีส : ริโก้(7), เคห์เรอร์(7.5), ซิลวา(7), คิมเพมเบ้(7.5), แบร์นาท(8), มาร์ควินญอส(8), ปาราเดส(7.5), เอร์เรรา(7.5), เนย์มาร์(8), ติ มาเรีย(8), เอ็มบัปเป้(7.5)

ตัวสำรอง :  แดรกซ์เลอร์(6), ชูโพ-โมเต็ง(5.5), ซาราเบีย(5.5), แวร์รัตติ(6)

แมน ออฟ เดอะแมทช์ – เนย์มาร์
แม้ในเกมนี้ อังเคล ดิ มาเรีย จะโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นทั้งยิงทั้งจ่ายช่วยให้ทีมเอาชนะไปได้ แต่หากใครได้ดูการถ่ายทอดสดจะเห็นได้เลยว่า คนที่เป็นผู้ขับเคลื่อนเกมให้กับ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ก็คือ เนย์มาร์ ซุเปอร์สตาร์ชาวบราซิล ที่วันนี้วิ่งพล่านไปทั่วสนาม แม้แต่เกมรับยังต้องลงไปช่วยล้วงบอล แถมยังเจอเกมหนักล้มลุกคลุกคลานมากเป็นพิเศษ น่าเสียดายที่วันนี้เจ้าตัวไม่สามารถเปลี่ยนโอกาสที่มีให้เป็นประตูได้ จะมีก็แต่เพียง 1 แอสซิสต์กับยิงชนเสาไป 2 ครั้ง ซึ่งนั่นก็เพียงพอจะส่งให้ต้นสังกัดเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศรายการนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสรได้สำเร็จ

สถิติหลังเกม

ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ทะลุเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศในรายการนี้เป็นครั้งแรก ซึ่งก่อนหน้านี้พวกเขาลงเล่นไปทั้งสิ้นกว่า 110 ทำลายสถิติจำนวนนัดที่ลงเล่นก่อนเข้าชิงที่ อาร์เซนอล เคยทำเอาไว้ 90 นัด (1971-2006) ลงไปได้

ปารีส จะเป็นทีมที่ 5 จากฝรั่งเศสที่เคยเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก โดยทีมล่าสุดที่ทำได้คือ โมนาโก (ปี 2003/04) ที่ในปีนั้นพวกเขาอกหักพ่ายให้กับ ปอร์โต้ ไปในที่สุด

แปเอสเช ยิงประตูติดต่อกันได้ในฟุตบอลยุโรปมาแล้ว 34 ประตูด้วยกัน ทำสถิติสูงสุดเทียบเท่ากับที่ เรอัล มาดริด ทำเอาไว้ในปี 2011-2014 ซึ่งเกมล่าสุดที่พวกเขายิงประตูไม่ได้ต้องย้อนกลับไปในปี 2016 ที่พ่ายให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 0-1

มาควินญอส ยิงประตูในรายการนี้ได้ 2 เกมติดต่อกันเป็นครั้งแรกนับจากปี 2013 ที่เจ้าตัวเคยทำได้ในการประเดิม 2 นัดแรกในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก

หากนับตั้งแต่วันที่ อังเคล ดิ มาเรีย ประเดิมสนามในรายการนี้ (กันยายน ปี 2007) เจ้าตัวทำแอสซิตส์ไปแล้วกว่า 27 ครั้ง มีเพียง คริสเตียโน โรนัลโด้ (32) และ ลิโอเนล เมสซี (32) ที่ทำได้มากกว่าเขาใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก

อีกทั้งปีกชาวอาเจนไตน์รายนี้ ยังทำสถิติไม่แพ้ใครติดต่อกันในทุกเกมที่เขายิงประตูได้ (17 เกม – ชนะ 15 เสมอ 2 แพ้ 0 ยิงได้ 21 ประตู) มากที่สุดเป็นอันดับ 4 รองจากจาก โม ซาลาห์ (18 เกม) กอนซาโล ฮิกวาอิน (21) และ แพทริค ไคลเวิร์ต (25)

เนย์มาร์ มีส่วนกับการทำประตูไปแล้วถึง 59 ครั้ง จากทั้งหมด 59 เกมที่เจ้าตัวลงเล่นใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก (35 ประตู 24 แอสซิตส์) โดยการลงเล่นให้กับ ปารัส แซงต์ แชร์กแมง เจ้าตัวทำไปได้ 23 ครั้ง จากการลงเล่นทั้งหมด 19 นัด (14 ประตู 9 แอสซิสต์)