ข้อมูลการแข่งขัน
การแข่งขัน : ฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 2019/20 รอบ 4 ทีมสุดท้าย
วันแข่งขัน : คืนวันพุธ 19 สิงหาคม
เวลาแข่งขัน : 02:00 น. ตามเวลาประเทศไทย
ผลการแข่งขัน : บาเยิร์น มิวนิค 3-0 โอลิมปิก ลียง
สนาม : เอสตาดิโอน โจเซ อัลวาเลด
บาเยิร์น มิวนิค เอาชนะ โอลิมปิก ลียง ไปได้สบาย ๆ 3-0 โดยได้ประตูจาก แซร์จ กนาบรี้ ในนาทีที่ 8, 33 และ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ มาโขกปิดท้ายในนาทีที่ 88 ทำให้จบเกม เสือใต้ ทะลุเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศไปพบกับ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง คืนวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้
เริ่มเกมในครึ่งเวลาแรก ทั้งสองทีมพยายามตั้งเกมบุกของตัวเองเข้าใส่คู่แข่ง แต่เป็น ลียง ที่ได้ลุ้นก่อนจากจังหวะหลุดเดี่ยวของ เดปาย แต่เจ้าตัวยิงหลุดกรอบออกไป
จากนั้น บาเยิร์น เป็นฝ่ายครองเกมบุกได้มากกว่า ส่วน โอลิมปิก ลียง ถอยมาตั้งรับและรอจังหวะสวนกลับ ซึ่งพวกเขาก็มีโอกาสใกล้เคียงอีกครั้งจาก อีคัมบี แต่เจ้าตัวยิงไปชนเสาอย่างน่าเสียดาย
แต่แล้วนาทีที่ 18 เสือใต้ ขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะลากเดี่ยวหน้ากรอบเขตโทษของ กนาบรี้ ก่อนจะซัดด้วยซ้ายเต็มแรงบอลพุ่งผ่านมือ โลเปส เข้าไป
จากนั้นนาทีที่ 33 บาเยิร์น มาได้ประตูที่ 2 จากจังหวะที่ เปริซิช หลุดขึ้นมาทางกราบซ้าย ก่อนตบเข้ากลางให้ เลวานดอฟสกี้ ยิงไปติดผู้รักษาประตูและเป็น กนาบรี้ ที่ตามมาซ้ำเข้าไป
ช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีมทำประตูกันเพิ่มไม่ได้ ทำให้จบ 45 นาทีแรก เสือใต้ ออกนำ 2-0
เริ่มเกมในครึ่งหลัง ลียง ดูจะพยายามเปิดเกมบุกมากขึ้น แต่โอกาสที่ใกล้เคียงแรกใน 45 หลังเป็นของ บาเยิร์น จากจังหวะหลุดเดี่ยวของ เปริซิช แต่ยังยิงไปติดเซฟของ โลเปส
ด้าน ลียง มีโอกาสลุ้นประตูตีไข่แตกจากจังหวะยิงจ่อ ๆ ของ อีคัมบี แต่ยังคงไม่ผ่านมือ นอยเออร์ เช่นกัน
ต่อมาทั้งสองทีมต่างผลัดกันรุก-รับแต่ยังหาจังหวะจบสกอร์กันได้ไม่ชัดเจนนัก
ช่วง 10 นาทีสุดท้าย เสือใต้ มีจังหวะส่งบอลเข้าประตูไปได้ จากลูกยิงของ คูตินโญ แต่ถูกจับล้ำหน้าไปเสียก่อน
แต่แล้วนาทีที่ 88 บาเยิร์น ขึ้นนำ 3-0 จากลูกฟรีคิก คิมมิช เปิดเข้ามาและเป็น เลวานดอฟสกี้ โหม่งเหน่ง ๆ เข้าไป
ทำให้จบ 90 นาที บาเยิร์น มิวนิค ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศไปพบกับ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง คืนวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้
คะแนนนักเตะทั้งสองทีม
บาเยิร์น มิวนิค : นอยเออร์(7), คิมมิช(8), บัวเต็ง(6.5), อลาบา(7), เดวีส์(7), โกเร็ทซ์ก้า(6.5), ติอาโก้(7.5), กนาบรี(8.5), มึลเลอร์(6.5), เปริซิช(6.5), เลวานดอฟสกี้(8)
ตัวสำรอง : ซูเล(6.5), คูตินโญ(6.5), โตลิสโซ(5.5), โกม็อง(6), ปาวาร์ด(5.5)
ลียง : โลเปส(7), มาร์เซโล(6.5), เดนาเยร์(6), มาร์แซล(6), ดูบอย์ส(6), อาอูอาร์(7), คาเกเรต์(6.5), บรูโน(5.5), คอร์เนต์(6.5), เดปาย(5.5), อีคัมบี(6)
ตัวสำรอง : เมนเดส(5.5), เตเต้(5.5), เดมเบเล(6), อเดเลด(6), เชอร์กี้(5.5)
แมน ออฟ เดอะแมทช์ – แซร์จ กนาบรี้
เกมนี้ต้องยอมรับจริง ๆ ว่า บาเยิร์น มิวนิค เป็นฝ่ายเหนือกว่าชัดเจนแทบจะทุกด้าน น่าเสียดายที่ โอลิมปิก ลียง มีโอกาสในช่วงต้นเกมหลายครั้งแต่กลับทำไม่ได้ จนมาเจอกับทีเด็ดของปีกความเร็วสูงอย่าง แซร์จ กนาบรี้ ที่กด 2 ประตูในช่วงครึ่งแรกช่วยให้ บาเยิร์น เล่นง่ายกว่าเดิมมากในช่วงเวลาทีเหลือ ซึ่งประตูแรกนั้นต้องยกเครดิตให้กับเจ้าตัวไปเต็ม ๆ กับการลากเดี่ยวจนถึงระยะทำการหน้ากรอบเขตโทษก่อนซัดด้วยซ้ายอย่างเฉียบขาด บอลพุ่งแรงผ่านมือ โลเปส เข้าไปอย่าสวยสดงดงามเลยทีเดียว
สถิติหลังเกม
บาเยิร์น มิวนิค เป็นทีมที่เข้าชิงในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ได้ถึง 11 ครั้งรวมปีนี้ ซึ่งเป็นสถิติที่เทียบเท่ากับ เอซี มิลาน โดยเป็นรองเพียง เรอัล มาดริด ทีมเดียวเท่านั้น (16 ครั้ง)
โอลิมปิก ลียง ตกรอบ 4 ทีมสุดท้ายทั้ง 2 ครั้งที่เคยเข้ามาถึงรอบนี้ ซึ่งเป็นการแพ้ให้กับ บาเยิร์น มิวนิค ทั้งหมด (ปี 2009/10 ประตูรวมสองนัด 0-4)
บาเยิร์น เอาชนะคู่แข่งในรายการนี้มาได้ 10 เกมติดต่อกันแล้ว ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดเทียบเท่ากับที่พวกเขาเคยทำได้ในปี 2013 และ เรอัล มาดริด ที่ทำเอาไว้ในปี 2015
ทีมเสือใต้ ยิงประตูได้ถึง 42 ลูกแล้วใน แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาลนี้ มีเพียง บาร์เซโลนา ในปี 1999/00 ที่เคยทำสถิติยิงประตูได้มากกว่า (45 ประตู)
ประตูของ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ในเกมนี้ส่งผลให้เจ้าตัวเป็นนักเตะคนที่สองที่สามารถทำประตูได้ถึง 15 ลูกในรายการนี้เพียงซีซั่นเดียว ต่อจาก คริสเตียโน โรนัลโด้ ที่เคยทำได้ถึง 3 ครั้งในปี 2013/14 2015/16 และ 2017/18
อีกทั้งหัวหอกชาวโปแลนด์รายนี้ ยังยิงประตูได้ติดต่อกันในรายการนี้ถึง 9 เกม เทียบเท่ากับสถิติที่ รุด ฟาน นิสเตอรอย เคยทำเอาไว้ และเป็นรองเพียง คริสเตียโน โรนัลโด้ ที่ทำได้ถึง 11 นัดติดต่อกันในปี 2018
แซร์จ กนาบรี้ มีส่วนกับการทำประตูไปแล้วถึง 11 ครั้งใน แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาลนี้ (ยิง 9 แอสซิสต์ 2) เป็นรองเพียง เลวานดอฟสกี้ (20 ครั้ง) เพียงรายเดียวเท่านั้น
ดาวรุ่งของ โอลิมปิก ลียง รายาน เชอร์กี้ ทำสถิติกลายเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดที่ลงสนามในรอบน็อคเอาท์รายการนี้ (17 ปี 2 วัน)