ข้อมูลการแข่งขัน
การแข่งขัน : ฟุตบอลยูฟ่า ยูโรปาลีก 2019/20 รอบ 4 ทีมสุดท้าย
วันแข่งขัน : คืนวันจันทร์ที่ 17 สิงหาคม
เวลาแข่งขัน : 02:00 น. ตามเวลาประเทศไทย
ผลการแข่งขัน : อินเตอร์ มิลาน 5-0 ชัคตาร์ โดเน็ตสก์
สนาม : เมอร์กูร์ สเปียล์ อารีนา
อินเตอร์ มิลาน ฟอร์มดุ ไล่ถล่ม ชัคตาร์ โดเน็ตสก์ ขาดลอย 5-0 โดยได้ประตูจาก เลาตาโร มาร์ติเนซ 2 ลูกในนาทีที่ 19, 74 ดานิโล ดิ อัมโบรซิโอ นาทีที่ 64 และ โรเมลู ลูกากู สองประตูในนาทีที่ 78, 84 จบเกม งูใหญ่ ทะลุเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศไปพบกับ เซบีญา ในคืนวันศุกร์นี้เวลา 2.00 น
เริ่มเกมในครึ่งแรก ทั้งสองทีมต่างพยายามเปิดเกมบุกเข้าใส่กันแต่ดูจะเป็น อินเตอร์ ที่ทำได้ดีกว่าเล็กน้อย
นาทีที่ 19 งูใหญ่ ออกนำ 1-0 จากจังหวะกระชากขึ้นทางขวาของ นิโก บาเรลลา ก่อนจะเปิดเข้ากลางให้ เลาตูโร มาร์ติเนซ โหม้งจ่อ ๆ เข้าไป
หลังจากนั้น ชัคตาร์ พยายามเปิดเกมบุกเขาใส่อย่างหนักแต่ยังไม่สามารถเจาะแนวรับของ อินเตอร์ ได้
ส่วนด้าน ทีมงูใหญ่ ก็รอจังหวะผิดพลาดในแดนกลางของคู่แข่งและหาโอกาสในการโต้กลับแต่ก็ยังหาโอกาสลุ้นประตูเพิ่มไม่ได้
ทำให้จบ 45 นาทีแรก ยักษ์ใหญ่จาก เซเรีย อา นำอยู่ 1-0
เริ่มเกมในครึ่งหลัง อินเตอร์ ดูจะเปิดเกมบุกมากขึ้นและเกือบได้ประตูที่สองจากลูกยิงใกลของ มาร์ติเนซ แต่ยังไปติดเซฟของผู้รักษาประตู
ด้าน ชัคตาร์ โดเน็ตสก์ ก็เกือบตีเสมอได้จากลูกโหม่งจ่อ ๆ ของ จูเนียร์ โมราเอส แต่ ฮันดาโนวิช เซฟเอาไว้ได้อย่างเหลือเชื่อ
กระทั่งนาทีที่ 64 งูใหญ่ ได้ประตูนำห่าง 2-0 จากจังหวะเตะมุม โบรโซวิช เปิดโค้งมาให้ อัมโบรซิโอ ขึ้นโหม่งย้อนศรเข้าไป
10 นาทีต่อมา อินเตอร์ ได้ประตูที่ 3 จากจังหวะยิงหน้ากรอบเขตโทษของ มาร์ติเนซ คนเดิม บอลพุ่งเบียดเสาชนิดที่ เปียตอฟ หมดสิทธิเซฟ
จากนั้นนาทีที่ 78 ประตูที่ 4 ก็ตามมาจากจังหวะหลุดเดี่ยวเข้าเขตโทษของ ลูกากู ก่อนเจ้าตัวจะยิงเสียบเสาไกลลเข้าไป
ยังไม่จบเพียงแค่นั้น ลูกากู มาบวกประตูที่สองให้กับตัวเองให้ทีมนำห่าง 5-0 จากจังหวะกระชากเข้ากรอบเขตโทษก่อนจะซัดด้วยซ้ายเข้าไปในนาทีที่ 84
ทำให้จบเกม อินเตอร์ มิลาน เอาชนะไปได้อย่างถล่มทลาย 5-0 ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศไปพบกับ เซบีญา คืนวันศุกร์ 21 สิงหาคมนี้
คะแนนนักเตะทั้งสองทีม
อินเตอร์ : ฮันดาโนวิช(7), โกดิน(7.5), เดอ ไฟรจ์(7.5), บัสโตนี(7), ยัง(6.5), อัมโบรซิโอ(7.5), โบรโซวิช(7), บาเรลลา(7.5), กากลิอาร์ดินี(7), มาร์ติเนซ(9), ลูกากู(8.5)
ตัวสำรอง : บิราชี(6), โมเซส(5.5), อีริคเซน(5.5), เอสโพซิโต้(5.5), เซนซี(5.5)
ชัคตาร์ : เปียตอฟ(5), โดโด้(5.5), คริว์ตซอฟ(5), โคโชลาวา(5.5), มัตวิเยนโก้(6), สเตพาเนนโก้(5), แพทริค(5.5), อันโตนิโอ(5.5), มาร์ลอส(6), ไทสัน(6), โมราเอส(6)
ตัวสำรอง : โซโลมอน(5.5), โคโนปลิอันก้า(5)
แมน ออฟ เดอะแมทช์ – เลาตาโร มาร์ติเนซ
วันนี้ต้องยอมรับจริง ๆ หัวหอกเนื้อหอมชาวอาร์เจนไตน์โชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นสุด ๆ เรียกได้ว่าเป็นผู้แบกเกมรุกของ อินเตอร์ มิลาน เอาไว้บนบ่าเลยก็คงจะไม่ผิดนัก แถมทักษะในการเข้าทำ จบสกอร์ หรือแม้แต่การหาพื้นที่ดึงตัวประกบ ยังทำได้อย่างไร้ที่ติจนเป็นที่มาของ 2 ประตูกับอีก 1 แอสซิสต์ในเกมนี้ และด้วยฟอร์มที่ร้อนแรงดุดัน ณ ปัจจุบัน บอกได้คำเดียวว่า 100 ล้านก็คุ้ม !
สถิติหลังเกม
ชัยชนะ 5-0 ของ อินเตอร์ มิลาน ในเกมนี้ จัดว่าเป็นสกอร์ที่ขาดลอยที่สุดในประวัติศาสตร์รอบ 4 ทีมสุดท้านฟุตบอลรายการนี้
ความพ้ายแพ้ของ ชัคตาร์ โดเน็ตสก์ ในเกมนี้ จัดว่าเป็นการปราชัยที่ขาดลอยที่สุดนับตั้งแต่พวกเขาพ่ายให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 6-0 เมื่อปี 2018
อินเตอร์ ชนะคู่แข่งในรายการนี้มาแล้ว 5 นัดติดต่อกัน โดยครั้งล่าสุดที่พวกเขาชนะในฟุตบอลยุโรป 5 เกมติด ต้องย้อนกลับไปในปี 2010 ที่ฤดูกาลนั้นพวกเขาคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก มาครองได้สำเร็จ
เลาตาโร มาร์ติเนซ และ โรเมลู ลูกากู เป็นสองกองหน้าที่ยิงให้กับทีมได้เกิน 20 ประตูในหนึ่งฤดูกาล ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่มีหัวหอกที่สามารถยิงได้มากกว่า 20 ประตูถึง 2 คน นับจากที่ อาเดรียโน และ โอบาเฟมี มาร์ตินส์ ทำเอาไว้ล่าสุดในปี 2004/05
ดานิโล ดิ อัมโบรซิโอ ทำประตูให้กับทีมได้ถึง 3 ประตูใน 5 เกมหลังที่เขาได้ลงเล่นให้ อินเตอร์ มิลาน ซึ่งมากกว่า 58 เกมก่อนหน้านั้นที่เจ้าตัวทำได้เพียงแค่ 2 ประตูเท่านั้น
โรเมลู ลูกากู ทำสถิติเป็นนักเตะคนแรกในประวัติศาสตร์ฟุตบอลรายการนี้ ที่ยิงประตูได้ติดต่อกันถึง 10 เกมนับตั้งแต่สมัยที่ยังค้าแข้งอยู่กับ เอฟเวอร์ตัน ในปี 2014 เลยทีเดียว
นอกจากนั้น อดีตหัวหอกจาก แมนฯ ยูไนเต็ด รายนี้ ยังมีส่วนกับการทำประตูใน 10 เกมดังกล่าวไปถึง 18 ครั้งด้วยกัน (ยิง 14 จ่าย 4)