ข้อมูลการแข่งขัน
การแข่งขัน : ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ 2019/20
วันแข่งขัน : วันอาทิตย์ที่ 26 กรกฎาคม 2020
เวลาแข่งขัน : 22.00 น. ตามเวลาประเทศไทย
ผลการแข่งขัน : เชลซี 2-0 วูล์ฟแฮมป์ตัน
สนาม : สแตมฟอร์ด บริดจ์
เชลซี เปิดบ้านอัด วูล์ฟแฮมป์ตัน 2-0 โดยได้สองประตูในครึ่งเวลาแรกจากฟรีคิกของ เมสัน เมานท์ ในนาทีที่ 45+1 และ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ นาทีที่ 45+4 ทำให้จบเกม สิงห์บลูคว้า 3 คะแนนรั้งท็อป 4 เอาไว้ได้สำเร็จ ส่วน วูล์ฟส์ หล่นมาอยู่อันดับที่ 7 แต่ก็ยังพอมีลุ้นโควต้า ยูโรปาลีก หาก สิงโตน้ำเงินคราม สามารถเอาชนะ อาร์เซนอล ในรอบชิง เอฟเอ คัพ ได้
เริ่มเกมในครึ่งเวลาแรก ทั้งสองทีมต่างเปิดเกมบุกแลกกันอย่างสนุก ซึ่งผู้มาเยือนทำได้ค่อนข้างดีในช่วง 10 นาทีแรก
แต่แล้วก็เป็นเจ้าบ้านที่ได้ลุ้นก่อนจากลูกโหม่งของ รีซ เจมส์ แต่บอลหลุดกรอบออกไป
หลังผ่านครึ่งชั่วโมงแรกเจ้าถถิ่นมีลุ้นอีกครั้งจากลูกโหม่งของ ชิรูด์ แต่ก็ข้ามคานไปอย่างน่าเสียดาย
ด้านทีมเยือนก็มีโอกาสใกล้เคียงจากลูกเปิดของ เปโดร เนโต้ ที่ไปแฉลบผู้เล่นของ เชลซี เปลี่ยนทาง แต่ กาบาเยโร ยังบินมาปัดออกไปได้
ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ เจ้าบ้านมาได้ประตูออกนำ 1-0 จากจังหวะฟรีคิก และเป็น เมสัน เมานท์ ที่ปั้นโค้งเข้าไปอย่างงดงาม
เกมทำท่าจะจบ 45 นาทีแรกด้วยสกอร์นี้ แต่ว่า 3 นาทีถัดมา สิงห์บลู มาได้ประตูที่สองจากการโต้กลับ เมานท์ จ่ายทะลุช่องให้ ชิรูด์ หลุดเดี่ยวก่อนจะแตะหลบผู้รักษาประตูและตามไปซัดไม่เหลือ
ทำให้จบครึ่งแรก สิงโตน้ำเงินคราม ออกนำไปก่อน 2-0
เริ่มเกมในครึ่งเวลาหลัง ทีมเยือนดูจะเปิดเกมบุกมาขึ้นกว่าในช่วงครึ่งแรก
ซึ่งพวกเขาก็ได้โอกาสลุ้นจากจังหวะลากเดี่ยวของ ดีเอโก โจต้า ก่อนจากยิงจากนอกกรอบ แต่ กาเบเยโร ยังคงเซฟเอาไว้ได้อีกครั้ง
ด้านเจ้าบ้านก็พอจะได้ลุ้นบ้างจากลูกยิงของ อลอนโซ และ พูลิซิช แต่ก็ยังไม่สามารถเปลี่ยนเป็นประตูที่สามได้
ช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีมต่างพยายามหาจังหวะเข้าทำเพื่อลุ้นประตูเพิ่มแต่ยังทำไม่ได้
ทำให้จบ 90 นาที เชลซี เปิดบ้านเอาชนะ วูล์ฟส์ ไปได้ 2-0 รั้งอันดับ 4 ของตารางเอาไว้ได้ในฤดูกาลนี้
คะแนนนักเตะของทั้งสองทีม
เชลซี : กาบาเยโร(6.5), อัซปิลิกวยต้า(7), ซูมา(7), รือดิเกอร์(7), อลอนโซ(7), เจมส์(7), จอร์จินโญ(6.5), โควาชิช(7.5), เมานท์(8.5), ชิรูด์(8), พูลิซิช(6.5)
ตัวสำรอง : ลอฟตัส ชีค(5.5), บาร์คลีย์(5..5), ฮัดสัน-โอดอย(5.5), เปโดร(5.5), อับราฮัม(6)
วูล์ฟส: ปาทริซิโอ(5.5), โบลี(7), โคอาดี้(6), ไซอิสส์(6), โดเฮอร์ตี้(6.5), จอนนี(6), เด็นดองเคอร์(6.5), เนเวส(6), เนโต้(5.5), โจต้า(6), ราอูล(6)
ตัวสำรอง: ตราโอเร(5.5), จอร์เดา(5.5), มูตินโญ(6), โพเดนซ์(5.5), วินาเกร(6)
แมน ออฟ เดอะแมทช์ – เมาสัน เมานท์
เกมนี้ แฟรงค์ แลมพาร์ด ไม่ใส่ชื่อของ วิลเลียน เป็นหนึ่งใน 20 ขุนพลลงเล่นในเกมนัดสุดท้ายสุดสัปดาห์นี้ และเลือกที่จะใช้งาน เมสัน เมานท์ ในตำแหน่งปีกขวาแทนที่ของสตาร์ชาวบราซิลเลียน ซึ่งต้องบอกว่าเจ้าหนูวัย 21 ปีรายนี้ เล่นได้อย่างโดดเด่นในเกมรุก สามารถสร้างปัญหาให้กับแนวรับด้านซ้ายโดยเฉพาะ จอนนี อ็อตโต้ ที่ดูจะไม่สามารถจับ เมานท์ ให้อยู่ในการควบคุมได้เลย แถมลูกรัก แลมพาร์ด ยังตอบแทนความไว้ใจจากนายใหญ่ด้วยการทำ 1 ประตูจากลูกฟรีคิกสุดสวยช่วงท้ายครึ่งแรก และอีก 1 แอสซิสต์ในอีก 3 นาทีต่อมาด้วยการจ่ายคิลเลอร์พาสถวายพานให้ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ หลุดเข้าไปดวลเดี่ยวกับผู้รักษาประตูและเป็นที่มาของชัยชนะ 2-0 ในเกมนี้
ประเด็นร้อนหลังเกม – ภาระกิจยังไม่เสร็จสิ้น !
จบไปแล้วสำหรับภารกิจอันยาวนานในศึก พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้ ที่ก็เป็นไปตามเป้า สิงห์บลู ของ แฟรงค์ แลมพาร์ด สามารถคว้าอันดับ 4 ตีตั๋วไปเล่นในรายการ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ได้สำเร็จอย่างงดงาม
แต่ก่อนจะมองไปถึงจุดนั้น ภาระในซีซั่นนี้ของ เหล่านักเตะและบรรดาทีมงานของ ทีมสิงโตน้ำเงินคราม ยังไม่ลุล่วง เพราะพวกเขายังมีศึกสำคัญอีกอย่างน้อย 2 นัดให้ลงเล่น นั่นคือ เอฟเอ คัพ รอบชิงชนะเลิศกับ อาร์เซนอล ที่จะฟาดแข้งกันในคืนวันเสาร์หน้า และเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้ายนัดตกค้างกับ บาเยิร์น มิวนิค ในวันที่ 9 สิงหาคม ที่แม้พวกเขาจะโดยถล่มยับคาบ้านมาในเกมแรกถึง 0-3 แต่การไปเยือน อลิอันซ์ อารีนา ในนัดนี้พวกเขาจะไปในฐานะที่ไม่มีอะไรจะเสีย แถมในอดีตพวกเขาเคยบุกมาคว้าแชมป์ “บิ๊กเอียร์” เป็นแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสรได้ที่สนามแห่งนี้ เพราะฉนั้น ทัพสิงห์บลู จะสามารถลงเล่นเกมของตัวเองได้โดยโยนความกดดันไปที่เจ้าบ้าน ซึ่งก็ต้องมาดูกันว่าพวกเขาจะสามารถสร้างปาฏิหาริย์ได้สำเร็จอีกครั้งที่สนามแห่งนี้ได้หรือไม่ !