คือคนที่ใช่สำหรับ เรอัล มาดริด และ ซีเนอดีน ซีนดาน จริงหรือ ?

FBL-EUR-C1-REAL MADRID-MAN CITY
FBL-EUR-C1-REAL MADRID-MAN CITY | OSCAR DEL POZO/Getty Images

เมื่อไม่กี่วันก่อนมีข่าวที่อาจจะทำให้แฟนบอล แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แชมป์ พรีเมียร์ลีก 2 ครั้งหลังสุดต้องใจหายแวบ เมื่อมีรายงานจาก อินดิเพนเด้นท์ สื่อใหญ่ในอังกฤษระบุว่า ราฮีม สเตอร์ลิง ปีกของ เรือใบสีฟ้า ตกเป็นข่าวกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพื่อนคู่แค้นร่วมเมือง

สาเหตุของข่าวนี้เดาไม่ยาก เพราะมีแนวโน้มว่า ซิตี้ จะโดนแบนการจากลงเล่นในฟุตบอลยุโรปเป็นเวลา 2 ซีซัน หลังจากที่พวกเขาโดนจับได้ว่าไปทำการปลอมแปลงเอกสารการเงินเพื่อให้เข้าเงื่อนไขของกฎฟีฟ่าแฟร์เพลย์

เรื่องรายละเอียดคงมีหลายสื่อกล่าวไว้มากมายพอสมควร แต่เรื่องการย้ายทีมของ สเตอร์ลิง นั้นกลายเป็นกระเด็นขึ้นมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

อย่างไรก็ตามไม่ได้มีแค่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เท่านั้นที่มีข่าวให้ความสนใจในตัวปีกวัย 25 ปี หนึ่งยักษ์ใหญ่ของยุโรปที่พร้อมพัวพันกับสตาร์ดังทุกเมื่ออย่าง เรอัล มาดริด ก็โผล่ขึ้นมามีชื่อด้วย

อันที่จริงแล้ว สเตอร์ลิง กับ มาดริด ก็เคยมีข่าวเฉียดกันไปมาหลายครั้งเหมือนกัน แต่ครั้งนี้น่าจะเป็นอะไรที่น่ารักน่าลุ้นเป็นอย่างมาก เพราะปัจจัยหลาย ๆ อย่างที่มัน ‘เอื้อ’ ให้เกิดดีลทะลุโลกนี้ขึ้นมาได้

จะว่าไป ราชันชุดขาว ก็มีข่าวกับสตาร์ดังมาตั้งแต่ ซาดิโอ มาเน, คิลิยัน เอ็มบัปเป้ รวมไปถึง เนย์มาร์ จูเนียร์ แต่ทั้ง 3 รายข้างต้นนั้นดูจะต้องออกแรงกันหนักหน่วงพอสมควรหากต้องการทำให้ฝันเป็นจริง ไม่ใช่แค่เรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ แต่เรื่องของสโมสรต้นสังกัดก็มีส่วนอยู่มากเช่นกัน

แต่กับ สเตอร์ลิง นั้นด้วยสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับ แมนฯ ซิตี้ จึงไม่น่าแปลกใจที่จะโดนจับมาเชื่อมโยงกับทีมนั้นทีมนี้ แถมยังมีบทสัมภาษณ์ของนักเตะเมื่อหลายเดือนก่อนที่เคยบอกว่า ‘ผมอยากลองไปเล่นในต่างแดนซักครั้ง’ มันยิ่งทำให้ฝันของ ฟลอรนติโน เปเรซ และ ซีเนดีน ซีดาน มีสิทธิเป็นจริงขึ้นมาได้

พออะไร ๆ มันดูจะเป็นใจขึ้นมา สื่อก็พากันคาดเดากันยกใหญ่ว่า ถ้าปีกทีมชาติอังกฤษย้ายไปเล่นใน ซานติอาโก้ เบอร์นาเบว แล้วมันจะเป็นอย่างไร?

เป็นที่ทราบกันดีว่านักเตะริมเส้นรายนี้เป็นผู้เล่นที่ฝีเท้าจัดจ้าน มีความเร็ว เทคนิคเยี่ยม และความเข้าใจเกมสูงมาก ซึ่งก่อนหน้านี้เจ้าตัวอาจจะดูเหมือนเป็นดาวรุ่งทั่ว ๆ ไปมากกว่าก่อนจะมาพัฒนาอย่างก้าวกระโดดภายใต้การดูแลของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา ที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม ซึ่งทำให้เขากลายเป็นหนึ่งผู้เล่นระดับท็อปยุโรปไปแล้ว ณ เวลานี้

กุนซือชาวคาตาลันปั้น สเตอร์ลิง ให้เป็นนักเตะที่สามารถเล่นได้หลากหลายตำแหน่งในเกมรุก เจ้าตัวเริ่มจากริมเส้นฝั่งขวาเป็นอันดับแรก แต่พอฝีเท้ากล้าแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ ก็สามารถโยกมาเล่นด้านซ้ายได้อย่างไม่มีปัญหา พร้อมยังถูกจับไปรับบท ‘False 9’ ในช่วงหลัง ด้วยการยืนเป็นกองหน้าตัวเป้าและลงมาล้วงมาเอาบอลขึ้นไปทำเกมเองก็ไม่เคอะเขิน

ตอนที่แจ้งเกิดกับ ลิเวอร์พูล นั้น ราฮีม เป็นนักเตะริมเส้นที่มักเอาชนะกองหลังด้วยความเร็วและการเร่งสปีด ส่วนใหญ่เขาจะใช้วิธีตัดเข้าด้านในแล้วเลี้ยงผ่านกองหลังที่คอยตามประกบ แต่สไตล์แบบนี้นาน ๆ เข้าก็เริ่มโดนจับทางได้ ก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลงวิธีเล่นเล็กน้อยด้วยการเลี้ยงตัดเข้าในแล้วยิงประตูเลย ซึ่งมันช่วยให้เขาเป็นปีกที่ยิงประตูได้มากมายในช่วงหลัง

59 ประตูจากการลงเล่นให้กับ แมนฯ ซิตี้ 155 นัด เป็นครื่องพิสูจน์ได้อย่างดี และทำให้เขาได้ออกสตาร์ทเป็น 11 ตัวจริงของทีมในช่วง 5 ปีหลังอย่างสม่ำเสมอ

นอกจากพัฒนาการเรื่องของการยิงประตูแล้ว เขายังกลายเป็นนักเตะที่เลี้ยงบอลได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยสถิติเลี้ยงบอล 1.8 ครั้งต่อเกม พร้อมกับมีโอกาสสับไก 3 ครั้งต่อเกม แต่ด้วยการเล่นในตำแหน่งริมเส้นซึ่งแน่นอนว่าในอังกฤษนั้นแฟนบอลมักจะคาดหวังให้ผู้เล่นครอสบอลสวย ๆ เข้าไปหน้าโกล ซึ่งเรื่องนี้อาจจะดูว่า สเตอรืลิง ไม่ได้โดดเด่นนักแต่ก็มีพัฒนาการที่น่าสนใจด้วยการสถิติการครอสบอล 0.3 ครั้งต่อเกม

เมื่อมองภาพรวมทั้งหมด จึงไม่ต้องแปลกใจว่าหากเขาย้ายไปเล่นให้กับ เรอัล มาดริด ก็น่าจะได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงของทีมได้ไม่ยาก

และเมื่อพูดถึงคุณสมบัติส่วนตัวไปแล้ว มาดูกันว่าหากเติม สเตอร์ลิง เข้าไปในแท็คติกของ ซีเนดีน ซีดาน แล้วจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง?

ในทีม ลอส บลังโกส นายใหญ่ชาวฝรั่งเศสมักจับเอา เอเด็น อาซาร์ เล่นริมเส้นฝั่งซ้าย ซึ่งเมื่อดูจากความถนัดแล้วอดีตผู้เล่นของ ลิเวอร์พูล ที่มีเกมฝั่งขวาที่ยอดเยี่ยมก็สามารถกลายเป็นคู่หูริมเส้นกับสตาร์เบลเยียมได้ หากเป็นเช่นนั้นทั้งคู่ก็พร้อมกับนำความหายนะมาสู่คู่แข่งใน ลาลีก้า ได้ทุกเมื่อ

สไตล์ของ อาซาร์ นั้นคือนักเตะที่ชอบเก็บบอลไว้กับตัวแล้วค่อย ๆ เลี้ยงผ่านกองหลังขึ้นหน้าอย่างช้า ๆ เพื่อสร้างสรรค์เกม ส่วน สเตอร์ลิง นั้นมีสไตล์ตรงกันข้าม เขามีความเร็ว สปีดต้นที่ดุจดั่งสายฟ้าฟาด และความแข็งแกร่งตามแบบฉบับของนักเตะเมืองผู้ดี ซึ่งสิ่งนี้จะทำให้ ซีดาน ได้ปีก 2 ข้างที่มีสไตล์การเล่นที่แตกต่างกัน ช่วยทำให้แท็คติกในเกมรุกของทีมมีความหลากหลายขึ้น และปั่นป่วนคู่แข่งได้เป็นอย่างดี

ในด้านเกมรับ แม้ว่า สเตอร์ลิง ไม่ใช่นักเตะเกมรุกที่ชอบลงไปช่วยป้องกันการบุกของฝ่ายตรงข้ามซักเท่าไหร่ ดูจากสถิติกการแย่งบอลที่เจ้าตัวทำได้เพียง 0.5 ครั้งต่อเกม หรือทำได้ 1 ครั้งต่อ 2 เกม ซึ่งน้อยมาก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก อีกทั้งเรื่องนี้ก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับทีมของ ซิซู แต่อย่างใด เพราะพวกเขามี ลูก้า โมดริช และ โทนี โครส ที่ยืนจับคู่กันกลางสนามช่วยเบรคเกมของคู่ต่อสู้มาหลายปีดีดัก ดังนั้นดาวเตะวัย 25 ปีจึงไม่ต้องสนใจเรื่องพวกนี้มากนัก

ประโยชน์ของ ราฮีม อีกอย่างก็คือ เขาอาจจะเป็นคนเรียกศักยภาพของ ลูก้า โยวิช ดาวยิงของทีม ราชันชุดขาว ที่ตอนนี้ยังไม่สามารถระเบิดฟอร์มเหมือนตอนที่อยู่ใน บุนเดสลีกา ได้

เชื่อกันว่าเกมริมเส้นของ สเตอร์ลิง สามารถเข้ามาประสานงานกับดาวเตะวัย 22 ปีและอาจจะทำให้เขากลับมายิงระเบิดระเบ้อได้อีกครั้ง โดยที่ ฟลอเรนติโน เปเรซ อาจไม่ต้องควักเงินซื้อกองหน้าตัวใหม่เข้ามาเสริมทัพเลยก็ได้

ถ้าไม่เชื่อลองเช็คผลงานการถล่มประตูของ เซร์คิโอ อเกวโร หรือ กาเบรียล เชซุส ที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ดูก็น่าจะได้คำตอบเป็นอย่างดี

อย่างไรก็ตามนี่เป็นเพียงการคาดเดาเท่านั้น เพราะกว่าตลาดซื้อขายรอบต่อไปจะเปิดก็คงเป็นช่วงหลังเดือนกรกฎาคมเป็นต้นไป แถมคำร้องอุทธรณ์ที่ แมนฯ ซิตี้ ยื่นไปยัง อนุญาโตตุลาการด้านกีฬานั้นก็ยังไม่มีผลการพิจารณาออกมา

ดังนั้นจากนี้จนถึงช่วงตลาดซัมเมอร์เปิดทำการ เราอาจจะได้เห็นอะไรที่พลิกไปพลิกมาอีกหลายตลบก็เป็นได้