ก่อนจะมาคุมทีม ลิเวอร์พูล แฟนฟุตบอลทุกคนล้วนรู้จัก เยอร์เก้น คล็อปป์ เป็นอย่างดีในฐานะผู้เข็น โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ขึ้นมาทาบรัศมีทีมฟุตบอลอันดับหนึ่งของเยอรมนีอย่าง บาเยิร์น มิวนิค
คล็อปป์ พา เสือเหลือง คว้าแชมป์บุนเดสลีกา สองสมัย พร้อมยังพาทีมเอาชนะ เสือใต้ ระหว่างที่อยู่ที่นั่นถึง 10 ครั้งจากทุกๆ รายการ แต่แน่นอนว่าทุกอย่างย่อมมีครั้งแรกเสมอ
ย้อนกลับไปปี 2011 โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ต้องโคจรมาพบกับ บาเยิร์น มิวนิค ที่พวกเขาไม่สามารถเอาชนะมาได้เลยกว่า 20 ปีแต่ในครั้งนี้มันจะเปลี่ยนไป
คล็อปป์ ได้เรียกลูกทีมเข้ามาปลุกใจพร้อมใช้หนึ่งในหนังโปรดที่เป็นแรงบันดาลใจของตัวเองอย่าง ร็อคกี้ ภาค 4 เข้ามามีส่วนร่วม
ร็อคกี้ เป็นภาพยนตร์ชุดที่กล่าวถึงชีวิตของนักมวยชื่อดังนามว่า ร็อคกี้ บัลบัว ซึ่งรับบทโดย ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน ภาค 4 เขาต้องเดินทางไปแก้แค้นให้กับเพื่อนรักด้วยการชกกับสุดยอดนักชกรัสเซียที่ชื่อว่า อิวาน ดราโก
ดราโก เป็นนักมวยที่ฝึกซ้อมภายใต้วิทยาการและเทคโนโลยีที่ยอดเยี่ยมที่สุด ตัดมาที่ ร็อคกี้ เขาต้องฝึกในกระท่อมเล็กๆ ในไซบีเรียอันหนาวเหน็บและต้องใช้ชีวิตอย่างแร้นแค้น
“ครั้งสุดท้ายที่ ดอร์ทมุนด์ มาเอาชนะที่ มิวนิค พวกเอ็งทุกคนยังใส่แพมเพิร์สอยู่เลย” คล็อปป์ เผยคำพูดที่เขาเริมใช้ปลุกใจ
“บาเยิร์น มิวนิค คือ อิวาน ดราโก ที่เพอร์เฟ็คในทุกด้าน, มีเทคโนโลยี, มีเครื่องมือที่เจ๋งสุดและก็ไม่มีใครสามารถหยุดเขาได้เลย”
“ส่วนเราคือ ร็อคกี้ เราตัวเล็กกว่าแต่เราก็มีพาสชันไม่แพ้ใคร, เรามีจิตใจของแชมป์, เราสามารถทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เกิดขึ้นได้”
สิ่งที่ คล็อปป์ หวังว่าจะได้เห็นคือนักเตะของตัวเองฮึกเหิม, ลุกขึ้นมาโห่ร้อง, พร้อมที่จะคลั่งอย่าง ร็อคกี้ ที่ทำได้แม้กระทั่งวิ่งขึ้นภูเขาที่ไซบีเรียอันหนาวเหน็บ
แต่ผิดคาดเพราะนักเตะแทบทุกคนของเขากลับมองมาด้วยสายตาที่ว่างเปล่า…และแล้ว คล็อปป์ ก็รู้ตัวว่านักเตะส่วนใหญ่แล้วเกิดหลัง ร็อคกี้ ฉายเสียอีก
“เดี๋ยวนะ ไอ้หนูยกมือขึ้นถ้าหากรู้จัก ร็อคกี้” คล็อปป์ ถามก่อนจะได้เห็นแข้งเพียง 2 คนเท่านั้นชูมือสลอน
สุดท้ายแล้วนี่จึงเป็นการพูดปลุกใจที่แทบไร้ความหมายของ คล็อปป์ เลย แต่สิ่งที่น่าประหลาดคือ ดอร์ทมุนด์ สามารถเอาชนะ บาเยิร์น มิวนิค ในเกมนั้นไปได้ 3-1
นี่อาจจะเป็นเรื่องตลกๆ อีกหนึ่งเรื่องจากชายที่มากด้วยอารมณ์ขันของ คล็อปป์ แม้เขาจะนับว่าเป็นความผิดพลาด แต่มันก็เป็นแค่เสมือนอีกหนึ่งขั้นบันไดที่ทำให้เจ้าตัวขัดเกลาตัวเองกลายเป็นหนึ่งในกุนซือที่ปลุกใจได้เก่งที่สุดจนลูกทีมพร้อมเล่นถวายหัวให้ทุกนัดอย่างที่เราเห็นกันตอนนี้