แมนเชสเตอร์ ซิตี้ บุกมาเอาชนะ เลสเตอร์ ซิตี้ ไปได้แบบหืดจับ 0-1 โดยมาได้ประตูชัยจากตัวสำรองอย่าง กาเบรียล เชซุส ในนาทีที่ 80 และจบ 90 นาที เรือใบสีฟ้า บุกมาคว้า 3 คะแนนกลับบ้านไปได้สำเร็จ
เริ่มเกมในครึ่งเวลาแรกเป็นทีมเยือนที่ครองบอลบุกได้มากกว่าเล็กน้อย ซึ่งทางด้านเจ้าถิ่นก็ดูจะพยายามหาจังหวะเซ็ตบอลทำเกมบุกตอบโต้ขึ้นมาบ้างเช่นกัน
ช่วงต้นเกมเป็น เลสเตอร์ ที่มีโอกาสได้ลุ้นก่อนจากจังหวะหลุดเดี่ยวของ เจมี วาร์ดี้ แต่เจ้าตัวยิงไปชนเสาอย่างน่าเสียดาย
ไม่กี่นาทีต่อจากนั้น ทางฝั่งผู้มาเยือนเองก็มีโอกาสได้ลุ้นเช่นกัน จากลูกยิงของ ริยาด มาห์เรซ แต่ ชไมเคิล ยังเซฟเอาไว้ได้
ตลอดครึ่งเวลาแรกทั้งสองทีมต่างหาโอกาสลุ้นประตูกันได้หลายครั้งแต่ยังไม่สามารถเบิกสกอร์แรกได้ ทั้งจังหวะที่ กุนโดกัน ได้ซัดจ่อ ๆ แต่ยังยิงไปติดผู้รักษาประตู หรือในจังหวะฟรีคิกที่ เจมส์ แมดดิสัน ปั่นบอลเกือบจะเสียบเข้ามุมอยู่แล้วแต่ เอแดร์ซอน ยังบินมาปัดออกไปได้
กระทั่งจบ 45 นาทีแรก ยังทำอะไรกันไม่ได้ เสมอกันอยู่ 0-0
เริ่มเกมในครึ่งเวลาหลัง ทั้งสองทีมยังคงพยายามเดินหน้าเปิดเกมบุกเข้าใส่กัน แต่ดูจะเป็นทางด้าน เรือใบสีฟ้า ที่ทำได้ชัดเจนกว่า และเกือบได้ประตูขึ้นนำจากจังหวะได้กดของ เควิน เดอ บรอยน์ ซึ่ง ชไมเคิล ก็ยังคงเซฟเอาไว้ได้
นาทีที่ 60 แมนฯ ซิตี้ มาได้ลูกจุดโทษ จากการทำแฮนด์บอลในกรอบเขตโทษของ เดนิส ปราท และเป็น กุน อเกวโร รับหน้าที่สังหาร แต่ยังคงยิงไปติดเซฟของ ชไมเคิล อีกเช่นเคย
จากนั้นไม่นาน อเกวโร ได้โอกาสส่องอีกครั้ง และก็ยังเป็น ชไมเคิล ที่ปฏิเสธลูกยิงเอาไว้ได้
กระทั่งนาทีที่ 80 ทีมเยือนมาได้ประตูออกนำ 0-1 จากจังหวะที่ มาห์เรซ ลากเดี่ยวขึ้นมา ก่อนจ่ายทะลุมาให้ กาเบรียล เชซุส ตัวสำรอง ยิงสวนตัว ชไมเคิล เข้าไป
จากนั้นทั้งคู่ไม่สามารถบวกประตูกันเพิ่มได้ จบเกม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ บุกมาเฉือนชนะ เลสเตอร์ ซิตี้ ไปได้ 0-1
คะแนนนักเตะ แมนฯ ซิตี้
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ : เอแดร์ซอน(7.5), วอล์คเกอร์(7), แฟร์นันดินโญ(7), ลาปอร์ต(7), เมนดี้(7), โรดริโก้(7), เดอ บรอยน์(7), กุนโดกัน(6.5), แบร์นาโด้(6.5), มาห์เรซ(7.5)*, อเกวโร(6)
ตัวสำรอง : โอตาเมนดี(6), เชซุส(7)
คีย์แมนในวันนี้ – แคสเปอร์ ชไมเคิล
ไม่ต้องบรรยายสรรพคุณกันมากมายสำหรับนายด่านชาวเดนมาร์ก ที่วันนี้โชว์การเซฟสวย ๆ ช่วยทีมไปได้ถึง 6 ครั้งตลอดทั้งเกม นั่นรวมถึงการเซฟลูกจุดโทษของ กุน อเกวโร ในช่วงครึ่งหลัง แต่น่าเสียดายที่มาโดนยิงช่วงท้ายเกมจากทีเด็ดซุเปอร์ซับอย่าง กาเบรียล เชซุส ไม่ฉนั้นเจ้าตัวคงจะหล่อมากกว่านี้อีกหลายเท่าในฐานะการเดอะแบกของทัพจิ้งจอกสยามในเกมวันนี้
ประเด็นหลังเกม
ตัวชี้วัดผลการแข่งขัน
เกมนี้ต้องบอกว่าเป็นเกมระดับคุณภาพอีกหนึ่งนัดในซีซั่นนี้ ที่ทั้งสองทีมต่างเปิดเกมบุกในสไตล์ของตัวเองเข้าใส่กันแทบจะตลอด 90 นาที แม้ว่าโอกาสของ แมนฯ ซิตี้ จะมากกว่าเล็กน้อยโดยเฉพาะในครึ่งเวลาหลัง แต่ว่าเกมรุกของเจ้าบ้านเลสเตอร์ ก็สามารถสร้างความกดดันให้กับแนวหลัง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้อยู่เรื่อย ๆ ตลอดเกมเช่นเดียวกัน
แต่สิ่งที่แตกต่างกันในวันนี้คือความเฉียบขาดในการจบสกอร์ ทั้งที่โอกาสของทีม จิ้งจอกสยาม ก็เกือบจะชัดเจนพอ ๆ กับของผู้มาเยือนเรือใบสีฟ้า แต่พวกเขากลับปล่อยโอกาสทั้ง 10 ครั้งในเกมนี้หลุดลอยไปทั้งหมดอย่างน่าเสียดาย ในทางกลับกัน พลพรรคเรือใบ ก็ไม่ได้เฉียบขาดมากไปกว่ากันมากนัก แต่ยังดีที่ได้ตัวทีเด็ดที่ถูกเปลี่ยนเข้ามาเป็นซุเปอร์ซับอย่าง กาเบรียล เชซุส เจาะตะข่ายในช่วงท้ายเกม ชนิดที่ แคสเปอร์ ชไมเคิล คงจะเป็นคนที่เสียดายมากที่สุดเพราะอุตส่าปัดป้องเอาไว้ได้เป็นเวลาเกือบ 80 นาทีด้วยกัน !
แต่อย่างที่กล่าวไป เกมระดับท็อปแบบนี้ ความแตกต่างเพียงเล็กน้อยสามารถนำมาชี้วัดผลการแข่งขันได้ ซึ่ง เลสเตอร์ ซิตี้ คงต้องกลับไปทำการบ้านในเรื่องของคว่าเฉียบขาดในการจบสกอร์ให้มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระยะหลังที่ทีมเริ่มฟอร์มแผ่วลงมาค่อนข้างเยอะพอสมควร แม้จะมีแต้มห่างจากอันดับที่ 5 ถึง 10 คะแนน แต่ก็ยังเหลือเกมที่ต้องเล่นอีก 11 นัด ดังนั้นจะยังประมาทไม่ได้ หากไม่ต้องการมาลุ้นให้เหนื่อยในช่วงท้ายซีซั่นที่เหลือนับจากนี้
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ : เอแดร์ซอน, วอล์คเกอร์, แฟร์นันดินโญ, ลาปอร์ต, เมนดี้, โรดริโก้, เดอ บรอยน์, กุนโดกัน, แบร์นาโด้, มาห์เรซ, อเกวโร
ตัวสำรอง : บราโบ, สโตนส์, ซิลบา, โอตาเมนดี้, เชซุส, คันเซโล, โฟเด้น
เลสเตอร์ ซิตี้ : ชไมเคิล, ริคาร์โด้, อีแวนส์, โซยุนชู, ฟุคส์, ชิลเวลล์, ปราท, ติเลอมองส์, แมดดิสัน, อิเฮียนาโช, วาร์ดี้
ตัวสำรอง : วอร์ด, จัสติน, มอร์แกน, เจมส์, อัลไบรท์ตัน, เปเรซ, บาร์นส