ข้อมูลการแข่งขัน
ความพร้อมของทั้งสองทีม
เชลซี
ฟอร์มยังค่อนข้างไม่แน่นอนสำหรับทีมของ แฟรงค์ แลมพาร์ด ล่าสุดพวกเขาไม่ชนะใครในลีกมาแล้ว 3 เกมติดต่อกัน โดยสัปดาห์นี้ ทัพสิงโตน้ำเงินคราม ต้องพบกกับงานหนักอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เกมแรก สิงห์ไฮโซ บุกไปพ่ายมายับเยินถึง 4-0 คาดว่าเกมนี้กุนซือ ซูเปอร์แฟรงค์ จะเล่นอย่างรัดกุมมากกว่าเดิมอย่างแน่นอน เพื่อไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยแบบเดียวกันกับเกมนัดเปิดสนามที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด เมื่อเดือน สิงหาคม ที่ผ่านมา
สภาพความพร้อมก่อนลงเล่น จะยังไม่สามารถใช้งาน รูเบน ลอฟตัส-ชีค และ คริสเตียน พูลิซิช ที่ยังมีอาการบาดเจ็บอยู่ได้ แถมยังต้องรอลุ้นความฟิตของ แทมมี อับราฮัม และ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ว่าจะพร้องลงเล่นในเกมวันจันทร์นี้หรือไม่
ผู้รักษาประตู | อาร์ริซาบาลากา |
กองหลัง | อัซปิลิกวยต้า, คริสเตนเซน, รือดิเกอร์, อลอนโซ |
กองกลาง | ก็องเต้, จอร์จินโญ, เมานท์ |
กองหน้า | วิลเลียน, อับราฮัม, ฮัดสัน-โอดอย |
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ด้านทีมของ โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ เองก็ไม่ชนะใครในลีกมาแล้ว 3 เกมติดเช่นกัน โดยเกมนัดหลังสุดทำได้เพียงเสมอกับ วูล์ฟแฮมป์ตัน ในบ้านแบบไร้สกอร์ 0-0 เมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยวันจันทร์นี้ พวกเขามีคิวต้องบุกไปเยือนถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ รังเหย้าของ เชลซี ที่ล่าสุดพึ่งจะบุกมาเอาชนะได้ 1-2 ในเกม คาราบาว คัพ เมือเดือนตุลาคมปีก่อน
สภาพทีมก่อนลงทำการแข่งขัน ยังคงมีผู้เล่นตัวหลักบาดเจ็บอยู่หลายรายด้วยกัน ทั้ง พอล ป็อกบา มาร์คัส แรชฟอร์ด และ สกอตต์ แมคโทมิเนย์ ส่วนแข้งใหม่อย่าง โอเดียน อิกาโล ยังต้องรอดูความฟิตก่อนเกมจะเริ่มอีกครั้ง
คาดการณ์ 11 ตัวจริง : 4-2-3-1
ผู้รักษาประตู | เด เคอา |
กองหลัง | วาน-บิสซาก้า, ลินเดเลิฟ, แม็คไกวร์, ชอว์ |
กองกลาง | อันเดรียส, เฟร็ด เจมส์, บรูโน, กรีนวูด |
กองหน้า | มาร์กซิยาล |
ผลงาน 5 นัดหลังสุด
เชลซี (ชนะ 2 เสมอ 2 แพ้ 1)
1 ก.พ. | PL | เลสเตอร์ | 2-2 | เชลซี |
26 ม.ค. | FA | ฮัลล์ | 1-2 | เชลซี |
22 ม.ค. | PL | เชลซี | 2-2 | อาร์เซนอล |
19 ม.ค. | PL | นิวคาสเซิล | 1-0 | เชลซี |
11 ม.ค. | PL | เชลซี | 3-0 | เบิร์นลีย์ |
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (ชนะ 2 เสมอ 1 แพ้ 2)
2 ก.พ. | PL | แมนฯ ยูไนเต็ด | 0-0 | วูล์ฟส์ |
30 ม.ค. | EFL | แมนฯ ซิตี้ | 0-1 | แมนฯ ยูไนเต็ด |
26 ม.ค. | FA | ทรานเมียร์ | 1-6 | แมนฯ ยูไนเต็ด |
23 ม.ค. | PL | แมนฯ ยูไนเต็ด | 0-2 | เบิร์นลีย์ |
19 ม.ค. | PL | ลิเวอร์พูล | 2-0 | แมนฯ ยูไนเต็ด |
เฮดทูเฮด : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชนะ 3 เสมอ 2 เชลซี ชนะ 0
31/10/19 | EFL | เชลซี | 1-2 | แมนฯ ยูไนเต็ด |
11/08/19 | PL | แมนฯ ยูไนเต็ด | 4-0 | เชลซี |
28/04/19 | PL | แมนฯ ยูไนเต็ด | 1-1 | เชลซี |
19/02/19 | FA | เชลซี | 0-2 | แมนฯ ยูไนเต็ด |
20/10/18 | PL | เชลซี | 2-2 | แมนฯ ยูไนเต็ด |
*PL = พรีเมียร์ลีก / EFL = คาราบาว คัพ / FA = เอฟเอ คัพ
สถิติจาก OPTA ที่น่าสนใจ
- 17 นัดหลังสุดใน พรีเมียร์ลีก ที่ทั้งสองทีมเจอกันในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ เชลซี แพ้ไปเพียงแค่เกมเดียวเท่านั้น (ชนะ 10 เสมอ 6 แพ้ 1)
- หากนัดนี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เอาชนะได้ จะเป็นการเอาชนะ เชลซี ในเกมลีกทั้งไปและกลับได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ฤดูกาล 1987-88
- ซีซั่นนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด บุกมาเอาชนะที่ เดอะบริดจ์ มาแล้ว 1 ครัั้งในเกม คาราบาว คัพ เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ทีมล่าสุดที่สามารถบุกเอาชนะ เชลซี ที่สนามแห่งนี้ได้ 2 เกมในฤดูกาลเดียว คือ ลิเวอร์พูล ในปี 2011-12
- เกมนี่จะเป็นครั้งที่ 11 ในลีกที่ทั้งคู่พบกันในคืนวันจันทร์ ซึ่ง 10 นัดที่ผ่านมา ปีศาจแดง ไม่เคยจบด้วยความพ่ายแพ้เลยแม้แต่ครั้งเดียว (ชนะ 6 เสมอ 4 แพ้ 0)
- สิงโตน้ำเงินคราม ไม่ชนะใน พรีเมียร์ลีก มาแล้ว 3 นัดติดต่อกัน โดยครั้งล่าสุดที่พวกเขาไม่ชนะในลีก 4 เกมติดกัน ต้องย้อนกลับไปในปี 2016
- พลพรรคเร้ดเดวิลส์ เก็บได้เพียง 4 จากทั้งหมด 15 คะแนน ตั้งแต่เริ่มต้นปี 2020 ซึ่งมีเพียง คริสตัล พาเลซ ทีมเดียวเท่านั้นที่ทำได้น้อยกว่าพวกเขา (3 คะแนน)
- ทีมของ โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ ทำประตูในเกมลีกไม่ได้มาแล้ว 3 นัดติดต่อกัน ซึ่งครั้งหลังสุดที่ทีมทำประตูไม่ได้ใน พรีเมียร์ลีก ติดต่อกัน 4 นัด ต้องย้อนกลับไปในปี 1989
- 8 จาก 13 ประตูในลีกของ แทมมี อับราฮัม เป็นการยิงให้ เชลซี ขึ้นนำคู่แข่ง ซึ่งถือว่ามากที่สุดในบรรดานักเตะ พรีเมียร์ลีก ทุกคนซีซั่นนี้