ทีมชาติไทย 0-0 ทีมชาติเวียดนาม : เก็บตก 5 ประเด็นร้อนหลังศึก ฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก

การแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบที่ 2

วันพฤหัสบดีที่ 5 กันยายน 2019

เวลาแข่งขัน19:00 น.
ผลการแข่งขัน ​ทีมชาติไทย 0-0 ทีมชาติเวียดนาม

สนามกีฬาธรรมศาสตร์ รังสิต


5. ความเป็นไปของเกม

เกมออกสตาร์ทด้วยจังหวะได้ลุ้นตั้งแต่นาทีแรกของ เวียดนาม เมื่อบอลยาวทิ้งไปแดนหน้าข้ามหัวกองหลัง ไทย และได้จบสกอร์โชคดีที่บอลหลุดกรอบออกไป หลังจากนั้นเกมในครึ่งแรกตกเป็นของทัพ ช้างศึก อย่างเห็นได้ชัดเมื่อเป็นฝ่ายครองบอลหาโอกาสเจาะเข้าทำได้มากกว่าแต่เคลื่อนบอลสู่เขตอันตรายได้น้อยครั้งจากการที่ทีมเยือนแพ็คเกมรับอย่างแน่นหนา

ขณะที่เกมในครึ่งหลังต่างฝ่ายต่างพยายามเร่งเครื่องกันมากกว่าเดิม ส่วนการปล่อยให้เกมไหลโดยไม่เป่าฟาวล์ของผู้ตัดสินยิ่งทำให้มีการเข้าปะทะแบบถึงลูกถึงคนเกิดขึ้นบ่อยครั้ง และลูกทีมของ อากิระ นิชิโนะ ได้โอกาสแบบถนัดถนี่เพียงลูกหลุดเข้าไปยิงในกรอบเขตโทษของ ฐิติพันธ์ กับ โอกาสในนาทีสุดท้ายของ สุภโชค สารชาติ เท่านั้น

4. ความแน่นอนในแดนกลาง

จากการจัดแผนผังรูปแบบการยืนตำแหน่ง 4-3-1-2 โดยมี สารัช อยู่เย็น, ธนบูรณ์ เกษารัตน์ และ พิธิวัต สุขจิตธรรมกุล คอยบัญชาเกมในแดนกลางทำให้ทัพ ช้างศึก คุมเกมได้เหนือกว่าอย่างชัดเจน

ทั้ง สารัช และ พิธิวัต ยังมีส่วนกับการดันขึ้นไปช่วยเติมเป็นทางเลือกในการผ่านบอลที่แดนหน้ารวมทั้งยังหายห่วงในเกมสวนกลับของ เวียดนาม

ข้อด้อยของรูปแบบการเล่นดังกล่าวดูจะมีเพียงอย่างเดียวเมื่อมีเพียง สารัช เท่านั้นที่สามารถช่วยพลิกบอลยามเซ็ตเกมจากแดนหลังได้เมื่อ ชนาธิป สรงกระสินธ์ ลอยสูงอยู่ที่แดนบนจนหลายครั้งที่เราจบด้วยการทิ้งบอลยาวไปที่แดนหน้าและตามเก็บในจังหวะที่สองแทน

3. เกมรุกริมเส้นจากฟูลแบ็คบอดสนิท

นิชิโนะ พยายามให้ลูกทีมเล่นอย่างเพลย์เซฟเมื่อใช้ผู้เล่นในแดนกลางสลับกันคอยโฉบเติมขึ้นไปจู่โจมโดยมี สุภโชค กับ ฐิติพันธ์ ถ่างออกไปเล่นที่ด้านกว้าง แต่ทีมไทยได้ลุ้นเหน่งๆ จากรูปแบบการขึ้นเกมดังกล่าวอย่างชัดเจนนับครั้งได้เมื่อ พิธิวัต ได้หลุดไปเปิดที่สุดเส้นหลังฝั่งซ้ายในช่วงต้นเกมและจังหวะวูบวาบของ สุภโชค ที่ฝั่งเดียวกัน

แม้ทีมจะดูตื้อๆ เมื่อไม่สามารถเคลื่อนบอลสู่กรอบเขตโทษได้ถนัดถนี่นักแต่เราแทบไม่เห็นการดันขึ้นสูงเพื่อมีส่วนกับเกมรุกของทั้ง ทริสตอง โด กับ ธีราทร บุญมาทัน เลยกระทั่งในช่วงราว 15 นาทีสุดท้ายของเกม

2. ความหวังในตัว ชนาธิป

เพลย์เมคเกอร์ตัวความหวังจาก คอนซาโดเล ซัปโปโร เริ่มต้นในครึ่งแรกแบบที่ไม่ค่อยมีบทบาทในเกมรุกมากนักเมื่อถูกจับให้ไปยืนประจำการที่ด้านหลังของกองหน้าอย่าง สุภโชค และ ฐิติพันธ์ ซึ่งบอลเซ็ตจากแดนกลางไปไม่ถึงเจ้าตัวเมื่อพลพรรค ดาวทอง ยืนบีบพื้นที่ปิดเส้นทางลำเลียงบอลสู่ ชนาธิป รวมทั้งคอยทำลายจังหวะเมื่อบอลไปถึงเจ้าตัว

อย่างไรก็ตาม เกมในครึ่งหลังเจ้าตัวดูจะมีส่วนร่วมกับเกมมากขึ้นเมื่อได้รับอิสระในการเคลื่อนที่ถ่างออกเพื่อรับบอลที่ริมเส้นทั้ง 2 ฝั่งรวมทั้งยังมีช็อตช่วยทีมปั้นเกมรอบกรอบเขตโทษ แต่ท้ายที่สุดต้องให้เครดิตกับลูกทีมของ ปาร์ค ฮัง ซอ ที่มีวินัยในเกมรับอย่างยิ่งยวดจนสามารถลดอันตรายของ ชนาธิป ไปได้มากในเกมนี้

1. สุภโชค วูบวาบ

กลายเป็นตัวความหวังของ ทีมชาติไทย เมื่อเวลาของเกมผ่านไป กองหน้าจาก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด สร้างปัญหาให้กับแนวรับของ เวียดนาม อย่างเห็นได้ชัดเมื่อทำได้อย่างยอดเยี่ยมกับจังหวะดวลหนึ่งต่อหนึ่ง รวมไปถึงวินัยในการไล่บีบพื้นที่และการวิ่งเพื่อหาช่องเข้าทำ

สุภโชค ยังได้รับความไว้วางใจจาก นิชิโนะ ให้อยู่ในสนามจนจบเกมและยังได้โอกาสทองในวินาทีสุดท้ายจากช็อตหลุดเดี่ยวก่อนที่จะยิงไปติดบล็อกกองหลังที่ยืนคุมเส้นประตู

ด้วยเครดิตที่เจ้าตัววูบวาบมาตลอดทั้งเกมทำให้เราไม่อาจตำหนิแข้งวัย 21 ปีที่ไม่เฉียบขาดพอในจังหวะช่วงทดเวลาบาดเจ็บของครึ่งหลังได้ ไม่มีใครรู้ได้ว่าหาก สุภโชค ตัดสินใจไหลต่อให้กับ ชนาธิป ที่ยืนรออยู่ในพื้นที่เปิดมากกว่าใกล้เคียงจะเกิดอะไรขึ้นแต่อย่างน้อยเจ้าหนูรายนี้ก็ทำได้เราเห็นว่าเขาสามารถก้าวขึ้นมาเป็นตัวความหวังของ ทีมชาติไทย ได้อีกราย