การแข่งขัน | ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ 2019/20 |
วันแข่งขัน | คืนวันจันทร์ที่ 19 สิงหาคม 2019 |
เวลาแข่งขัน | 2.00 น. ตามเวลาประเทศไทย |
ผลการแข่งขัน | วูล์ฟแฮมป์ตัน 1-1 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด |
สนาม | โมลีนิวส์ |
ประเด็นร้อนหลังเกม
1. สปีดและความคล่องตัวของพลังหนุ่ม
เกมนี้เป็นอีกเกมที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำลายสถิติผู้เล่น 11 ตัวจริงอายุเฉลี่ยน้อยที่สุดในฤดูกาล เฉลี่ยเพียง 24 ปีเศษเท่านั้น ซึ่งแม้หลายคนจะมองว่าเป็นทีมที่ขาดประสบการณ์ แต่ก็ถูกแทนที่ด้วยความเร็วและความคล่องตัวของผู้เล่นพลังหนุ่มทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น แดเนียล เจมส์ ที่มีความเร็วเป็นจุดขายอยู่แล้ว เกมนี้ถือว่าใช้จุดเด่นนั้น ป่วนเกมรับของ วูล์ฟ ได้ดีพอสมควร อารอน วาน-บิสซาก้า ก็เป็นอีกรายที่ถือว่าความเร็วจัดจ้าน แถมยังมีความแข็งเกร่งอีกต่างหาก ซึ่งวันนี้เขาทำได้ดีทั่งรุกและรับ ถ้าจะยกให้ใครเป็น MVP ของทีมซักคนละก็ คงเป็นเขาคนนี้นี่แหละ รวมถึง แรชฟอร์ด มาร์กซิยาล ที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าสองคนนี้เรื่องความเร็วไม่เป็นสองรองใคร ซึ่งสิ่งเหล่านี้จึงกลายมาเป็นจุดเด่นของทัพ ปีศาจแดง ในยุคของกุนซือ โอเล กุนนาร์ โซลชา ที่แทบจะหาไม่ได้เลยในช่วง 4-5 ปีก่อน
2. การแก้เกมที่ถูกตั้งคำถาม
หากใครได้ดูเกมนัดนี้จะเห็นว่า แมนฯ ยูไนเต็ด แทบไม่มีการปรับเทคติกการเล่นเลย แม้ว่าจะถูกเจ้าบ้านแก้เกมเปิดเกมบุกเข้าใส่อย่างหนักก็ตาม และกว่าจะขยับเปลี่ยนตัวคนแรกก็ปาเข้าไปนาทีที่ 81 แถมเป็นการเปลี่ยนตัวตามตำแหน่งอีกต่างหาก แตกต่างจากเจ้าบ้านที่ขยับตั้งแต่ 45 นาทีแรกถอด โดเฮอร์ตี้ วิงแบ็คจอมถล่มประตูออกเอาปีกความคล่องตัวสูงอย่าง ตราโอเร ลงมาแทนและก็ได้ผล เกมริมเส้นของพวกเขาดูวูบวาบขึ้นมาทันที่ สิ่งนี้พิสูจน์ให้เห็นว่าพลพรรค เร้ดเดวิลส์ ชุดนี้ไม่มีความยืดหยุ่นหลากหลายมากนัก อีกทั้งตัวสำรองที่มีก็ไม่สามารถลงมาเปลี่ยนเกมอะไรได้ ซึ่งตอนนี้อาจยังไม่ส่งผลมากนัก แต่ในระยะยาวที่จำเป็นต้องมีการหมุนเวียนนักเตะ เมื่อนั้นจะได้รู้กันว่า น้าลูกอม จะมีกึ๋นในการทำทีมมากหรือน้อยขนาดไหนกัน
3. เกมแดนกลางที่เป็นรองอย่างเห็นได้ชัด
ในเกมที่แล้วแดนกลางของ ปีศาจแดง ก็ไม่ได้ดูเหนือกว่า เชลซี มากมายอะไรนัก แม้จะชนะขาดลอยถึง 4-0 ซึ่งอาจจะพอเข้าใจได้ว่านั่นคือ เชลซี ทีมชั้นนำในลีก แต่พอมาดูในเกมนี้ยิ่งหนักกว่าเก่า เกมแดนกลางของเจ้าบ้านเหนือกว่าชัดเจนทั้ง เนเวส ทั้ง มูตินโญ ที่สลับกันทำเกมให้กับทีมได้อย่างไหลลื่น แต่ทางฝั่ง ผีแดง แม็คโทมิเนย์ ที่ได้แค่เกมรับ เกมรุกไม่ได้เรื่อง ลินการ์ด ที่ถูกส่งลงมาหวังให้เป็นตัวเชื่อมเกม ก็ดันหายไปจากเกมซะอย่างนั้น หรือแม้แต่ ป็อกบา ที่เป็นความหวังสูงสุดของ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็กลับฟอร์มออกทะเลในวันที่ทีมต้องการเขามากที่สุด รวมถึงบนม้านั่งสำรองที่มองไปแล้วแทบจะไม่ช่วยให้หายใจคล่องขึ้นเลยแม้แต่น้อย ทั้ง มาติช ที่เป็นผู้เล่นเกมรับเต็มตัว แต่ด้วยอายุที่มาขึ้นความเร็วก็ช้าลงไปเยอะ เปเรย์รา ดาวรุ่งที่แฟนๆ ควาดหวังว่าสักวันเขาจะฉายแวว ก็ไม่มีวี่แววว่าจะถึงวันนั้นเสียที คนที่พอจะพึ่งได้ ก็น่าจะเป็น มาต้า แต่ น้าโอเล ก็ดันไม่ชอบใช้งานซะนี่ ถ้าเป็นอย่างนั้นคงต้องฝากความหวังไว้กับ กองกลางดีกรีแชมป์โลกอย่าง ป็อกบา ให้ช่วยงัดฟอร์มเก่งออกมาทุกนัดให้ได้ แม้ว่าดูจากที่ผ่านมา มันจะเป็นไปได้ยากก็ตาม
4. อเล็กซิส ซานเชซ ไม่ดีพอจะลงสนามเลยหรือ ?
สองเกมแล้วที่กองหน้าชาว ชิลี ไม่มีชื่อแม้แต่ตัวสำรอง ทั้งที่ โซลชา ก็ออกมาประกาศแล้วว่า ซานเชซ ยังเป็นคนสำคัญของทีม แม้จะมีข่าวลือหนาหูเกี่ยวกับการย้ายทีมก็ตาม แล้วไหนล่ะ ? คนสำคัญคนนี้หายไปไหน เชื่อว่าแฟนๆปีศาจแดงหลายคนก็คงสงสัย และคิดเหมือนกันว่า อเล็กซิส อาจมีประโยชน์กับทีมในยามที่ทีมต้องการจุดเปลี่ยนอย่างเกมเมื่อคืนนี้
หรืออาจเป็นไปได้ว่าความสัมพันธ์ของอดีตดาวซัลโว ปืนใหญ่ กับ สโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถึงจุดแตกหักเป็นที่เรียบร้อย ? เรื่องนี้คงต้องติดตามดูกันต่อไปอย่างน้อยก็จนกว่าตลาดซื้อขายนักเตะจะปิดตัวลงอย่างสมบูรณ์ในวันที่ 2 กันยายน นี้